ความคิดเห็นที่ 20
คุณ Isvasu คคห 12 ครับ ขออนุญาตตอบเป็นภาษาไทยนะครับ เพราะเห็นคุณพิมพ์ทั้งไทย และอังกฤษ ได้
นักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ตลาดทุน ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ ที่ผมได้อ่าน และได้รับฟังความคิดเห็นมา ส่วนใหญ่ จะคาดการณ์ว่า ดอกเบี้ยโลกจะเริ่มขยับตัวขึ้น ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง ของปี 2004 กันทั้งนั้น (เร็วกว่าที่ผมพูดไว้ข้างบน เสียอีก)
ศ. Joseph E Stiglitz *เจ้าของรางวัลโนเบล ทางเศรษฐศาสตร์ *เป็น ศ.วิชาเศรษฐศาตร์ ม.โคลัมเบีย *อดีต ประธานที่ปรึกษา ปธน. คลินตัน *อดีต รองประธาน ธนาคารโลก ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ทำนายเช่นนี้
ต่อไปนี้คือข้อความบางตอนของข้อเขียนของท่าน ลงตี พิมพ์ใน เดอะ เนชั่น ฉบับ 1 ม.ค. 2004 หน้า 5 ผมได้ถอดความออกมา ตามข้อความข้างล่างด้วยครับ
....."The counterpart of America's immense fiscal deficit is its yawning trade gap. This twin deficit has taken a severe toll on foreigners' confidence in the fundamental health of the US economy -- and hence on the external value of the dollar. As the euro remains strong relative to the dollar in 2004, America's trade deficit will moderate, but at the cost of making a robust European recovery all the more difficult. Meanwhile, once recovery has set in, the huge borrowing demands of the US and Europe will almost certainly drive up real interest rates globally, posting new problems for the world's emerging makets. For them it will be just another instance of having to bear the costs of policy mistakes made in the advanced industrial countries, another instance of globalisation gone awry......
.....ปัญหาใหญ่โตของอเมริกา ที่ควบคู่ไปกับการขาดดุลงบประมาณ ก็คือการขาดดุลการค้าที่มากมายมโหฬาร การขาดดุลที่ควบคู่เป็นฝาแฝดกันเช่นนี้ ได้ทำลายพลังแห่งความเชื่อมั่น ของชาวต่างชาติ เป็นอย่างมาก ในสุขภาพพื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐ -- และต่อเนื่องไปถึงค่าของเงินดอลลาร์ ในตลาดนอกบ้านอีกด้วย และเมื่อค่าของเงินยูโรยังคงแข็งแรงเช่นเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์ในปี 2004 นี้แล้ว การขาดดุลการค้าของอเมริกาก็จะเบาบางลงบ้าง แต่ก็ต้องแลกไปกับการจะทำให้เศรษฐกิจของยุโรป ฟื้นขึ้นมาแข็งแรงดั่งเดิม ยากขึ้นไปด้วย เช่นกัน ในขณะเดียวกัน เมื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจปรากฏแล้ว ความต้องการเงินกู้ของทั้งสหรัฐ และยุโรป ก็เกือบจะเป็นที่แน่นอนว่า จะต้องผลักดันให้ดอกเบี้ยแท้จริงของโลก สูงขึ้นไปด้วย สร้างปัญหาใหม่ให้กับตลาดใหม่ ของโลก(เศรษฐกิจในโลกที่ 3) สำหรับประเทศเหล่านี้ จะเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผลกระทบของนโยบายที่ผิด พลาด ที่ทำกันในประเทศอุตสาหกรรมที่เจริญแล้วทั้งหลาย เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของโลกาภิวัฒน์ ที่ไม่ได้เป็นไป ตามที่ได้วางแผนไว้..... ------------------------------------------- คงหมดข้อกล่าวหา ที่ว่าผมอ้างมั่วซั่วจากที่ไหนมา นะครับ
55555
จากคุณ :
Me (คนเมืองคิ่น)
- [
3 ม.ค. 47 23:46:21
]
|
|
|