ความคิดเห็นที่ 1 “ไม่ต้องมีซองรูปแบบนี้ผมก็รู้ว่ามันทำให้ตายได้ แต่จะให้ทำยังไง เพราะคนที่ต้องสูบส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเลิกไม่ได้จริงๆ ทางแก้ไขที่ดีที่สุดผมว่าน่าจะขึ้นภาษี ขึ้นราคาบุหรี่นี่แหละ ซองหนึ่งขาย 50-60 ไปเลย ผมยินดีจ่าย แล้วรัฐก็นำเงินที่ได้จากการขึ้นค่าภาษีพวกนี้มาสร้างหรือปรับปรุงสถานที่รักษาอาการติดบุหรี่ให้มันมากขึ้น ถ้าทำได้ถึงจะพูดได้ว่ารัฐอยากแก้ปัญหานี้ และอยากช่วยผู้ที่ติดบุหรี่จริงๆ” นายปรีชา กล่าวทิ้งท้าย จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 23 ม.ค. 47 12:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ด้านนายฉลอง ช้างทอง อายุ 50 ปี อาชีพค้าขายบริเวณตลาดท่าช้าง แสดงความเห็นว่าถึงจะมีการเปลี่ยนรูปแบบซองให้ดูแล้วน่ากลัวอย่างไร สำหรับตนนั้นคงจะสูบต่อไปอยูดี เพราะสูบจนติดเป็นนิสัยแล้ว แต่ถ้าหากเป็นในส่วนของเยาวชนน่าจะได้ผลบ้าง เพราะเด็กเหล่านี้เพิ่งคิดจะสูบ อาจจะห่วงหล่อห่วงสวย ไม่อยากฟันเหลือง มีกลิ่นปาก หรือ แก่เร็ว อย่างชนิดตัวอย่างซองที่ออกมา สำหรับเรื่องรูปที่ใช้ประกอบอาจจะยังดูน่ากลัวน้อยไปหรืออยากให้เพิ่มเติมอะไรลงไปนั้น ตนเห็นว่าถ้าจะมีการใช้กฎหมายนี้จริงๆ แค่นี้ก็เหมาะสมแล้ว แต่ก็ยังดูเป็นการแก้ที่ปลายเหตุอยู่ดี เพราะปัญหาสำคัญคือยังคงมีการผลิตอยู่เรื่อยๆ บางคนอยากเลิก พอเห็นบุหรี่วางขายหรือเห็นคนอื่นสูบก็ตัดใจเลิกไม่ได้สักที ถ้าหากยกเลิกโรงงานยาสูบ ไม่ต้องมีผลิตหรือมีขาย คนสูบก็จะเลิกได้ไปเอง จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 23 ม.ค. 47 12:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทางด้าน นายวรวรรธน์ ธีรภัทรธำรง นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรกล่าวว่า ปกติแล้วจะสูบหนักเวลาไปเที่ยว เรียกได้ว่าเสียค่าบุหรี่พอๆ กับค่าเหล้า ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่เด็กวัยรุ่นหันมาสูบบุหรี่ปัจจุบันนี้น่าจะเป็นเพราะเป็นส่วนประกอบเสริมความมั่นใจให้ตัวเองมากกว่า อย่างเวลานั่งรอเพื่อนอยู่คนเดียวแล้วก็หยิบมาสูบแก้เขิน เหมือนกับคนติดโทรศัพท์ ติดแว่นดำ แต่พวกที่ติดบุหรี่นี่คือถ้าหาอะไรทำอย่างอื่นไม่ได้ก็หยิบบุหรี่มาสูบแก้เขินไป ส่วนการจะเปลี่ยนรูปแบบซองนั้น ตนเห็นว่ามันเป็นการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ เหมือนกับพวกคำเตือนห้ามสูบคือเปลี่ยนมาเน้นให้ตัวใหญ่ เช่นตัวดำพื้นขาวหรือตัวขาวพื้นดำให้เห็นชัดขึ้นก็จริง แต่ถามว่าพวกที่สูบอ่านหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่เคยสนใจอ่านหรืออาจเคยดูๆ บ้างแต่ถ้าเดินถามกันจริงๆ น้อยคนที่จะจำได้ การเพิ่มรูปภาพนี้เข้ามาก็เหมือนกัน คนสูบก็หลีกเลี่ยงไม่ดูอยู่ดี หรืออาจแก้ปัญหาโดยการซื้อแล้วใส่กล่องไว้ หรือเลี่ยงไปซื้อพวกบุหรี่หนีภาษีที่ผลิตเพื่อขายในต่างประเทศโดยเฉพาะก็ได้ ซึ่งของพวกนี้ก็ไม่ใช่ว่าหากยากอะไร แถวๆ สยาม หรือเยาวราชก็มีขายเยอะเหมือนกัน นอกจากนี้นายวรรวรรธน์ยังกล่าวเสริมอีกว่า “การแก้ปัญหาหลักๆ น่าจะอยู่ที่การเปลี่ยนทัศนคติของผู้ที่คิดจะเริ่มมากกว่า เพราะถ้าจะมาแก้ที่คนติดแล้วมันเป็นการยาก อีกอย่างคือต้องเอาจริงในการตรวจตรามากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมารัฐเอาแต่ออกมาตรการอย่างนั้นอย่างนี้ รณรงค์มากมาย แต่ไม่เคยตามงาน ไม่เคยทำโทษผู้ทำผิด บางทียังเห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนเข้าไปซื้อในร้านเซเว่น อิเลฟเว่น พนักงานยังขายให้เลย” จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 23 ม.ค. 47 12:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ด้านความเห็นของผู้ไม่สูบบุหรี่และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่นั้น นางอี้ด ภาคภูมิจิต อายุ 64 ปี ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับสามีผู้ที่สูบบุหรี่มานาน กล่าวว่าเคยเตือนสามีเหมือนกันว่ามันเป็นอันตรายแต่เขาบอกว่ามันเลิกไม่ได้ ทุกวันนี้เลยเกิดความเคยชิน โดยส่วนหนึ่งตนเข้าใจว่ามันเหมือนกันกับคนสมัยเมื่อก่อนที่ติดหมาก คือถ้าวันไหนไม่ได้กินจะรู้สึกเปรี้ยวปาก และกระสับกระส่ายจนไม่เป็นอันทำงาน เข้าใจว่าอาการของผู้ติดคงจะรู้สึกอย่างนี้เหมือนกัน นางอี้ด ยังแสดงความเห็นเช่นเดียวกับนายฉลอง ว่าปัญหานี้แก้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด เพราะยังมีโรงงานยาสูบที่ผลิตออกมาอยู่ ดังนั้นการยุบโรงงานยาสูบและยกเลิกการนำเข้าจึงเป็นปัญหาที่ถูกต้องที่สุด จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 23 ม.ค. 47 12:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ด้าน นส. พัชรินทร์ พรสุขสม นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะการจัดการ สถาบันราชภัฏสวนดุสิต กล่าวว่า ตนมีพ่อที่สูบบุหรี่ ซึ่งสูบมาตั้งแต่ตนยังเด็ก และปัจจุบันก็ยังสูบอยู่แม้ว่าสุขภาพจะไม่ค่อยดีแล้วก็ตาม ส่วนตัวนั้นตนไม่ชอบเรื่องการสูบบุหรี่ เพราะมันมีกลิ่นเหม็น บางทีเรายืนอยู่ติดกับคนสูบกลิ่นยังติดตัวเหมือนกับเราสูบไปด้วย “เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ออกมาตรการนี้ อย่างน้อยก็เป็นการพยายามแก้ปัญหาทางหนึ่งของภาครัฐ แต่คิดว่าคงได้ผลไม่มากอยู่ดี เพราะนึกดูแล้วอยู่ดีๆ จะให้คนที่เคยสูบวันบุหรี่วันละเป็นซองมาเลิกสูบเพราะเห็นรูปพวกนี้ มันเป็นไปไม่ได้ ที่สำคัญเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร คนเขารู้กันอยู่แล้ว แต่ถ้ามีการค้นพบว่าคนสูบจะป่วยและตายใน 1 เดือนอย่างนี้สิถึงจะน่าให้เลิกสูบ แต่ถามว่าภาพพวกนี้ดีไหม ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะสำหรับเราเองที่ไม่สูบก็รู้สึกกลัวๆ อยู่เหมือนกัน” นส.พัชรินทร์ กล่าว จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 23 ม.ค. 47 12:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นั่นก็เป็นความคิดเห็นของบรรดาผู้สูบบุหรี่และผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ซึ่งแม้ว่าส่วนใหญ่ความเห็นจะออกมาในทำนองว่าจะไม่ได้ผลมากนักก็ตาม แต่นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมหน่วยงานร่วมก็ได้ออกมาประกาศยืนยันชัดเจนแล้วว่าจะเริ่มใช้มาตรการซองบุหรี่แบบใหม่ ในปี 48 นี้แน่นอน ดังนั้นเราคงต้องรอดูกันอีกทีว่ารูปแบบซองโฉมใหม่ดังกล่าว จะได้ผลต่อสิงห์อมควันมากน้อยเพียงใด ---------------------------------------------------- ดีฮ่ะเจ๊หน่อย...ค่อยๆทำไปทีละนิดทีละหน่อย ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ยังไงก็ต้องรณรงค์กันต่อไป เพราะเรื่องอาการติดบุหรี่เนี่ย เป็นเรื่องของความเข้มแข็ง-และกำลังใจของคนสูบ ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องนำปัญหาความอ่อนแอของตัวเองมาโป๊ะให้รัฐบาลแก้ไขเลย หน้าที่ๆรัฐบาลต้องแก้ คือการรณรงค์กระตุ้นจิตสำนึกให้พวกสิงห์อมควันทั้งหลาย หันกลับมาห่วงใยในชีวิตตัวเอง จากคุณ : เลดี้..จริงๆนะ - [ 23 ม.ค. 47 12:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เปลี่ยนไปเถอะ ซองเก่ามันหลายปีแล้วมีซองใหม่ให้ดูเหมือนน่ากลัวที่มาโชว์ ก็ดี (อย่างไงก็ไม่เลิกสูบหรอก) จากคุณ : อย่างไงก็ไม่เลิกสูบ - [ 23 ม.ค. 47 12:51:55 A:203.149.16.202 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 8 สิ่งที่กำลังทำ คงได้ผลยากสำหรับคนที่ติดบุหรี่งอมแงมอยู่แล้ว สิ่งที่หวังก็คือ การลดจำนวนของ "ลูกค้าใหม่" คือเด็กวัยรุ่นที่กำลังเริ่มที่จะสูบบุหรี่ ให้ตระหนักถึงพิษภัยและโทษของบุหรี่ ซึ่งถ้าพูดถึงโรคภัย เด็กก็ไม่กลัว (เพราะมันอีกไกลนัก) แต่เขาพยายามที่จะให้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ (กลิ่นปาก กลิ่นเหม็นติดเสื้อผ้า ฟันเหลือง และ แก่เร็ว ผิวหน้าเหี่ยวย่นตั้งแต่ยังสาว) การเลิกโรงงานยาสูบ และการห้ามนำเข้าบุหรี่นอก คงทำไม่ได้ (ตามที่เคยให้ความเห็นไว้ในกระทู้ก่อน) เพราะจะทำให้เกิดตลาดมืดเพื่อสนอง demand ในคนที่ติดงอมแงมจำนวนหลายล้านคนในประเทศไทย ขึ้นภาษีอาจจะเป็นทางหนึ่ง แต่คงทำได้ยากขึ้นในโลกการค้าเสรีในอนาคต การลิกบุหรี่ ทำได้โดยอาศัยกำลังใจ และ ความ "อยากเลิก อย่างจริงจัง" หลวงพ่อคูณสูบมาตั้งแต่อายุ 15 จน 60 พอจะเลิกก็เลิกได้เลย หลังจากเกิดอาการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน คงไม่เกี่ยวกับศูนย์ฯ ที่อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล การสร้างกำลังใจให้อยากเลิก และคงไว้ซึ่งกำลังใจอันนั้นไปสองสามเดือน เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่ไม่ใช่ทำไม่ได้เลย มีคำแนะนำมากมายสำหรับคนที่ต้องการเลิกจริงๆ แต่ส่วนมากจะใจอ่อนกับความเย้ายวนของสิ่งแวดล้อมเดิมๆ ในเหตุการณ์ที่เคยหยิบบุหรี่มาสูบ (เช่น หลังอาหาร ตื่นนอน ดื่มเหล้า ฯลฯ) ถ้าไ่ม่มีบุหรี่แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร แต่พูดไปพูดมา มันก็จริงที่ว่า การพิมพ์รูปภาพอาจจะได้ผลน้อย แต่คงดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ในความพยายามที่จะมุ่งไปในด้านการให้เยาวชนเข้าไปเป็นสมาชิกสิงห์อมควันให้น้อยลง และคงต้องประกอบกับมาตรการทางสังคมอื่นๆด้วย เช่น อย่าทำให้เป็นค่านิยมของสังคม อย่าทำให้เป็น macho ด้วยบุหรี่ และอย่าให้มี role model ในเรื่องของบุหรี่ที่เด็กจะนิยมการลอกเลียนแบบ ฯลฯ จากคุณ : *Cookies* - [ 23 ม.ค. 47 19:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขี้ยาเฮเรื่องอะไรครับ เรื่องซองบุหรื่หรือเรื่องขี้นราคา? ผมว่าขึ้ยาเฮได้เรื่องเดียวคือลดราคา นอกนั้นตูไม่สนใจ จะทำอะไรตูไม่เฮ จากคุณ : นิรนาม - [ 23 ม.ค. 47 20:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กว่าเขาจะบังคับใช้ก็อีกตั้งปีนึงไม่ใช่เหรอ หมอหน่อย ผิดคอนเซปต์ คิดไว ทำไว ของรัฐบาลนะเนี่ย จากคุณ : หมอนิด - [ 24 ม.ค. 47 23:47:48 A:203.155.61.33 X:203.155.183.36 ]