การตอบโต้การก่อการร้ายในภาคใต้

    ท่านชาวกระทู้ที่เคารพ ผม ผบ.พัน ผู้ที่เคยวิเคราะห์ว่า รัฐบาลทักษิณ จะส่งทหารไปร่วมปฏิบัติการในอิรักเมื่อประมาณ ๑ ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา จนมีหลายท่านวิจารณ์ว่า ผมเป็น ผบ. พันไดนาโม ก็ว่ากันไป แต่แนววิเคราะห์ของผมก็เป็นจริงจนได้ หลังจากนั้น ผมก็จากลา pantip.com ไปปฏิบัติหน้าที่ดังเดิม แต่ว่าปัจจุบันนี้ เหตุการณ์บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤต ยิ่งกว่าสมัยในทศวรรษที่ ๑๙๖๐-๑๙๘๐ ที่กองทัพไทยเข้าโรมรันพันตูกับกองทัพปลดแอกแห่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในสมัยนั้น ประชาชนทั่วไป และพระสงฆ์ ไม่ตกเป็นเหยื่อของ พคท. สถานการณ์ปัจจุบันที่ลามปามไปถึงพระสงฆ์ จึงเป็นสิ่งที่ต้องรอบคอบในการหาแนวทางแก้ปัญหา การที่กลุ่มมุสลิมใน กทม. เรียกร้องต่อรัฐบาลว่า ปัญหาจะหยุดยั้งหากรัฐบาลทำความเข้าใจกับชาวมุสลิม ผม ผบ.พัน มองว่านั่นเป็นการถ่วงเวลาการปราบปรามอย่างเด็ดขาด และไร้สาระ พวกที่ก่อการร้ายไม่มีวันที่จะทำความเข้าใจได้อีกต่อไป เมื่อมันฆ่าได้แม้กระทั่งพระสงฆ์ตัวแทนศาสนาแห่งชาติไทย เราต้องเร่งมือในการจับตัวการมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ข้อเสนอของผมจึงมี ดังต่อไปนี้

    การตอบโต้การก่อการร้ายในภาคใต้

    นับตั้งแต่ต้นปีนี้มา การก่อการร้ายของขบวนการก่อการร้ายของไทยทางภาคใต้เริ่มรุนแรงขึ้น มีทั้งฆ่าทหาร เผาโรงเรียน ติดตามด้วยเอามีดพร้าเฉือนคอพระ และชาวบ้านที่เป็นคนไทยและคนไทยเชื้อสายจีน
    นี่คือปรากฏการณ์หนึ่งของสงครามกองโจรหรือสงครามจรยุทธ์ (guerrilla warfare) ที่เอาประชาชนเป็นเป้าน่วมของการดำเนินการสงคราม ในทางวิชาสงครามกองโจรแล้ว นี่เป็นยุทธวิธีหนึ่งในการดำเนินงานสงครามกองโจร ในการวิชาการต่อต้านสงครามกองโจร มองว่าเป็นวิธีการที่ขี้ขลาด เอาประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อ
    อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่รัฐบาลมีหน้าที่ในการปราบการก่อการร้าย รัฐบาลจะอ้างไม่ได้ว่า พวกนี้เป็น “โจรกระจอก” พวกนี้กำลังมี “การจัดตั้ง” อย่างดี มีหลักวิธีการเข้าตีและการถอยล่า มีการวางกับดักและสร้างอุปสรรคในการตามล่าของฝ่ายรัฐบาล
    รัฐบาลไทยกำลังเผชิญหน้ากับสงครามกองโจรของมุสลิมหัวรุนแรงอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ขบวนการดังกล่าวได้เพลามือลงไป ตอนนี้หลายคนกำลังบอกว่า “เกลือต้องจิ้มเกลือ” หรือ “ตาต่อตาฟันต่อฟัน” ใครกระทำการดังกล่าวก็ยอมเรียกได้ว่า “รบร้อยครั้งแพ้รอยครั้ง”
    แต่สงครามมีหลักว่า การตอบโต้ต้องสมดุล เหมือนกับ action = reaction รัฐบาลไทยจำต้องศึกษา ผลของการสงครามที่เวียดนามที่สหรัฐฯ พ่ายแพ้ต่อสงครามกองโจรของเวียดกง เพราะสหรัฐฯ ใช้สงครามในแบบ (conventional warfare) ไปตอบโต้สงครามกองโจร หรือก็ดูสงครามที่อิรัก ที่ในช่วงวันที่ ๒๐ มีนาคม ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันนี้ ทหารสหรัฐฯ ถูกลอบสังหารทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศไปกว่า ๕๐๐ ศพ เพราะอะไร เพราะสหรัฐฯ ไม่ศึกษาจากบทเรียนของสงครามเวียดนาม ที่เอาสงครามในแบบไปต่อสู้กับสงครามกองโจรหรือสงครามจรยุทธ์
    สงครามจรยุทธ์ คือ สงครามที่ใช้ประชาชนเป็นเหยื่อ สงครามจรยุทธ์ คือ สงครามเคลื่อนที่ของหน่วยทหารขนาดเล็ก เข้าทำนอง “เอ้งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ข้าตี เอ็งหนีข้าไล่” สงครามในแบบอุ้ยอ้ายเกินไปที่จะต่อกรกับหน่วยรบขนาดเล็กที่แฝงตัวอยู่ในมวลชน
    หากรัฐบาลต้องการอย่างจริงจังที่จะนำผู้ก่อการร้ายมุสลิมมาขึ้นศาลสถิตยุติธรรม รัฐบาลต้องใช้สงครามจรยุทธ์เป็นเครื่องมือ มิเพียงเข้าตอบโต้ขบวนการก่อการร้าย หากมุ่งหมายนำตัวการมาดำเนินคดี ทหารต้องนิยาม “การซุ่มโจมตี” ให้ชัดเจนว่า การซุ่มโจมตีของสงครามในแบบ ย่อมแตกต่างจากการซุ่มโจมตีของสงครามจรยุทธ์ การซุ่มโจมตีของพวกจรยุทธ์เป็นหน่วยรบขนาดเล็ก เราต้องจัดตั้งหน่วยซุ่มโจมตีขนาดเล็กเช่นกัน รวมทั้งต้องยกเลิกฐานที่มั่นในเขตเคลื่อนไหวของพวกก่อการร้าย หรือการล้อมปราบด้วยกำลังขนาดใหญ่ ทั้งยานพาหนะและอากาศยาน นั่นเป็น “การแหวกหญ้าให้งูตื่น” แต่ใช้หน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าไปทั้งฝังตัว และแทรกตัวในเขตมวลชน และซุ่มตัวในเขตที่ปราศจากมวลชนหรือเขตเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้าย ปัญหาของหน่วยเคลื่อนที่เร็ว คือ ทำอย่างไรจะให้มวลชนไหวตัวน้อยที่สุด หน่วยเคลื่อนที่เร็วจะต้องอยู่ในชุดมวลชน พร้อมจะตอบโต้การก่อการร้ายทุกรูปแบบ การสื่อสารด้วยวิทยุสื่อสารควรจะทำน้อยที่สุด เพื่อปิดลับ และที่สำคัญมากๆ คือ อย่าปล่อยให้หน่วยเคลื่อนที่เร็วฝังตัวอยู่นานเกินกว่า ๓ เดือน เพราะความเครียดจะทำให้ทำงานผิดพลาดจนเสียแนวร่วมได้
    ความจริงแล้ว แนวคิดนี้มิใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แม่ทัพหาญ ลีนานนท์ แม่ทัพภาค ๔ เคยใช้แนวคิดจรยุทธ์มาปราบพวกโจรปล้นรถทัวร์ จนราบคาบไปเมื่อร่วม ๒๐ ปีก่อน ตอนนั้น ก็ไม่ต้องทำความเข้าใจกับชาวมุสลิมแต่อย่างใด เพราะโจรก็คือโจร




    จากคุณ : ผบ.พัน - [ 27 ม.ค. 47 21:11:21 A:203.26.24.212 X:unknown ]