ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณครับสำหรับความรู้และข้อเท็จจริง เป็นปกติของการสร้างภาพ และยิ่งตอนใกล้เลือกตั้งด้วยแล้ว เสียดายที่ผมรู้ตัวช้าไปหน่อย เรื่องความจริงใจ จากคุณ : RealWorld - [ 12 ก.ค. 47 08:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การรักษาเอดส์ไม่ได้ขึ้นกับยาอย่างเดียว มียามาให้หมออย่างเดียว หมอก็รักษาเอดส์ไม่ได้หรอก ต้องให้อุปกรณ์การรักษาด้วย เครื่องตรวจ CD4 เครื่องตรวจViral Load เครื่องตรวจการดื้อยา ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ไม่น้อยไปกว่าค่ายา จะให้ทำต้มยำกุ้งให้กิน ให้แต่กุ้งมา ไม่มีพริก ตะไคร้ มะนาว และเครื่องปรุงมาด้วย จะทำให้กินได้อย่างไร ยาเม็ดเดียวมีตัวยาสามตัวก็ดีอยู่ร็อก(ขององการเภสัชกรรม) แต่ถ้าเกิดเชื้อดื้อยาสักตัวในสามตัวนั่น ยานั้นก็ใช้ไม่ได้แหล่ว ... หุ หุ จากคุณ : หยองแหยง - [ 12 ก.ค. 47 12:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตามแบบงานของรัฐไง ให้แค่เพียงเพื่อสามารถบอกได้ว่า ..ให้แล้ว..(เห็นบอกว่า จะให้เฉพาะคนที่มี CD4 ต่ำกว่า 200) แต่ให้แล้วจะได้ผลหรือไม่ ผู้ป่วยจะเป็นอย่างไร จะแพ้ยาหรือไม่ จะได้ผลหรือไม่ มีใครสนใจดูแลเพื่อปรับปรุงยา?? เพราะเขาก็อาจจะคิดกันอยู่แค่ว่า มันเป็นยาที่ available best ในขณะนี้ (จะเอาอย่างไรอีก??..ประมาณนั้น) ยาสูตรนี้คงใช้ต่อไปนับสิบปี และก็หวังว่า มันจะได้ผล แต่มันก็คงได้ผลอยู่บ้างหรอก (ในผู้ป่วยที่ไม่ดื้อยา) ส่วนถ้าดื้อยาไปแล้ว ก็แล้วกันไปกระมัง?? จากคุณ : *Cookies* - [ 12 ก.ค. 47 15:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนที่เป็นโรคเอดส์และคนที่ทำงานด้านเอดส์เขารู้ดี ว่ารัฐไม่เคยเหลียวเเลหรือจริงใจในการเเก้ไขปัญหานี้หรอก อย่างดีก็จัดประชุมฉาบฉวย สร้างภาพว่าไทยคือประเทศที่มีการจัดการสาธารณะสุขที่ดี มั่วตัวเลขว่ามีอัตราติดเชื้อลดลงจากการเอาใจใส่ของรัฐบาล เพื่อเอาหน้าเอาตากันเท่านั้น ในความเป็นจริงคนไทยเรารู้ดี อัตราติดเชื้อมันเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ เพราะพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของคนไทยเปลี่ยนเเปลงเป็นในลักษณะเละเทะมากในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องยาต้านนั่นไม่ใช่จะใช้ได้ผลกับทุกคน ถึงจะตรวจCD4 และกินยาถูกต้องตามวิธีทุกอย่าง แต่เชื้อมันก็ยังมีสิทธิ์จะดื้อยาได้ทุกเมื่อ เพราะยามันเเค่ต้านไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ฆ่าไวรัสให้หมดไป ก็เเน่นอนที่ไวรัสมันต้องหาทางดิ้นรนต่อสู้ อยากให้ส่งเสริมความเข้าใจตรงนี้ให้เเพร่หลายด้วย เดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคเอดส์ไม่เป็นไร เพราะมียาต้าน แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 47 02:11:28 จากคุณ : เหลือม - [ 12 ก.ค. 47 15:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พูดเพื่อจะได้เอาไปอ้างเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ไง จริงๆ แล้วทำแค่ไหนพวกที่อยู่ในวงการเขารู้ดี จากคุณ : โม้ไว้ก่อนพ่อสอนมา - [ 12 ก.ค. 47 21:37:46 A:192.168.9.147 X:203.151.38.3, 203.151.38.5 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่านแล้วไม่สะบายใจเลย ตกลงประเทศไทยไม่ใช่ประเทศต้นๆที่ สามารถลดการแพร่ระบาดของโรคนี้ตาม ที่โฆษณาชวนเชื่อใช่ไม่คร้บ ตกลงไอ้ยาที่ว่ารักษา เอ๊ยไม่ใช่ป้องกันเอ็ดส์นี้ จริงๆแล้วมันใช่ไม่ได้100% ก็เพิ่งรู้นี้เหละ ตกลงการประชุมเที่ยวนี้ที่มีในไทย เป็นการหาเสียงแท้ๆ ????????????? แล้ว คุณสุดารัตน คุณทักษิณ ไม่มีความจริงใจเรื่องป้องกันโรคเอ็ดส์ใช่ไหม แล้วเอนจีโอที่ชูป้ายในวันแรกของการประชุม ขณะที่นายกกล่าวเปิดงาน มันจริงนะสิ โอ้ จ๊อด คุณมันช่างยอดเยี่ยมวิเศษจริงๆ จากคุณ : คนทำงานส่วนหน้า - [ 15 ก.ค. 47 03:36:22 A:202.28.9.80 X:202.28.9.131 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คูณ #6 (จะเข้ามาอ่านอีกไหมเนี่ยะ?) ประเทศไทยเป็นประเทศที่สามารถลดการแพร่ระบาดของโรคได้ดีกว่าประเทศอื่น --> อันนี้เป็นความจริงค่ะ ถ้าเทียบกับประเทศแถบๆนี้ เช่น จีน อินเดีย กัมพูชา อัตราการติดเชื้อใหม่ในประเทศไทยลดลงมาก ซึ่งเป็นผลจากความพยายามร่วมกันหลายๆฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ปัญหาที่เรากำลังพูดถึง คือเรื่องยาต้านไวรัส ที่จะให้กับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว เพื่อประวิงเวลาให้มีชีวิตอยู่อย่างปรกติให้ได้นานที่สุด ประเทศไทยสามารถผลิตยาต้านไวรัส ที่เรียกว่า cocktail คือ มีตัวยาสามตัวรวมกันอยู่ในเม็ดเดียว และสามารถผลิตได้ในราคาถูก เนื่องจากไม่ติดปัญหาเรื่องสิทธิบัตรยา ทำให้ลดค่ายาจากเดือนละ 2-3 หมื่นบาท เหลือแค่ 2-3 พันบาทต่อคน รัฐบาลกำลังจะใส่ยานี้เข้าไปในบัญชียาที่สามารถใช้ได้ในโครงการ 30 บาท แต่จะจำกัดการให้เฉพาะผู้ป่วยที่มี CD4 ต่ำกว่า 200 (แปลว่า เริ่มอยู่ในขั้นที่ร่างกายอ่อนแอลง) ปัญหาอยู่ที่ตัวเชื้อเอดส์ ซึ่งมีสายพันธุ์ที่หลากหลาย และสามารถเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ได้เร็ว ทำให้ยาอาจจะไม่ได้ผลในผู้ป่วยบางราย ซึ่งจะเรียกว่า มีการดื้อยา ทำให้การรักษาไม่ได้ผล (การรักษานี้ ไม่ได้แปลว่า หาย แต่แปลว่า ไม่มีอาการของโรค) สิ่งที่ผู้ต่อต้านพูดอยู่ปัจจุบัน คือ ไม่มีการพัฒนายาใหม่ และการแจกจ่ายยาที่มีอยู่ก็ยังไม่ทั่วถึง บาง ร.พ. ยังมีข้อจำกัดในการจ่ายยาต้านไวรัสอยู่ ทำให้คนไข้ไม่ได้รับยา คนไข้หากกินยาไม่สม่ำเสมอ (เพราะยาจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นผิวหนัง) และไม่มีคนให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดการดื้อยาได้ สิ่งที่ทักษิณพูดนั้น มันก็มีความจริงอยู่บ้าง แต่เป็นการพูดที่เว่อร์เกินไป เพราะจริงๆแล้ว ประเทศไทยก็ยังไม่สามารถดูแลผู้ป่วยได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น ยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ขาดการดูแลและเอาใจใส่ ไม่มีโอกาสได้รับยา แต่ทักษิณเอาไปพูดจนเหมือนว่า มีการรักษาที่ดีและเพียงพอสำหรับทุกคน นั่นแหละเป็นที่มาของป้าย Thaksin Lies!! สิ่งที่พูดเป็นนโยบายที่ดูสวยหรู แต่มีปัญหาเยอะที่แก้ยังไม่ได้ในทางปฏิบ้ติ จากคุณ : *Cookies* - [ 15 ก.ค. 47 15:46:20 ]