ความคิดเห็นที่ 26
ผมชอบ ข้อเขียนของ คุณ พายัพ วนาสุวรรณ ก็เลยลองก๊อปปี้มาให้อ่าน
ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรก็ตาม แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือท่านมีความต่างจากนายกรัฐมนตรีในอดีตหลายประการด้วยกัน
ความแตกต่างประการสำคัญที่สุดก็คือ เข้ามาเล่นการเมืองโดยไม่จำเป็นต้องหากินกับการเมือง เมื่อจังหวะเวลาไม่เอื้ออำนวยก็เว้นวรรคได้ ปิดเทอมได้
และระหว่างที่อยู่ในตำแหน่งทางการเมืองก็มีท่อส่งน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงให้เต็มถังอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องมาใช้ตำแหน่งตักตวงน้ำใส่ถังที่พร่องลงไปเพราะการเลือกตั้งแต่ละครั้ง
นอกจากนั้นก็มีจุดเด่นพอประมวลได้ดังต่อไปนี้
1. มีความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ หลายด้าน และติดตามแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ทั้งจากการอ่าน การฟัง และสนทนากับผู้รู้ ถือได้ว่าไม่แพ้ผู้นำชาติใดในโลกปัจจุบัน
คนจะมาเป็นผู้นำของประเทศใดประเทศหนึ่งให้มีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน จะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยดังนี้
Macro Economy เข้าใจในเศรษฐศาสตร์มหภาค มองเห็นป่าทั้งป่า
Mobilization of Capital เข้าใจอย่างลึกซึ้งในธรรมชาติแห่งกระบวนการเคลื่อนไหวของเงินทุนในระบบโลกปัจจุบัน
Old & New Economy in Context of Green Movement เข้าใจธรรมชาติของ
อุตสาหกรรมแขนงเดิม ๆ และการเติบโตของอุตสาหกรรมแขนงใหม่ ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเข้าใจแนวคิดของขบวนอนุรักษ์ธรรมชาติสภาพแวดล้อม สามารถถ่วงดุลกันได้
People สันทัดในการบริหารบุคคล
Money มีเงินโดยไม่ต้องอาศัยพึ่งพิงคนอื่น
2. มีความสามารถในการบริหารเหนือกว่าผู้นำหลายประเทศ เพราะมีประสบการณ์ในภาคธุรกิจชนิดต่อสู้ดิ้นรนมาก่อน
3. มีความสำเร็จในหน้าที่การงานและครอบครัวมาก่อน
4. มีความสามารถในเรื่องการดูคน การใช้คน และการรักษาคน ไว้เป็นกำลัง อยู่ในระดับที่พอจะกล่าวได้ว่ายากที่จะหาตัวจับได้คนหนึ่ง
5. มีพลังวิริยะภาพสูงมาก ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่สับสน
6. เข้าใจยุทธศาสตร์โลกและยุทธศาสตร์ของภูมิภาค
ทั้ง 6 ประการ เมื่อประกอบกับสถานการณ์แวดล้อมของประเทศอาเซียนอื่น ๆ เอื้ออำนวย ได้ก่อรูปเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้นายกรัฐมนตรีไทยคนนี้ ยืนอยู่แถวหน้าสุดของภูมิภาค
และอยู่ในจุดเริ่มก้าวแรกที่จะนำอาเชียนเข้าสู่แนวหน้าของประชาคมโลกอย่างโดดเด่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
....ถ้าไม่สะดุด ปัญหาหญ้าปากคอก ไปเสียก่อน !
นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรได้ใช้คุณลักษณะทั้ง 6 ประการนี้บนพื้นฐานข้อมูลที่ทันสมัย และครบถ้วนตามสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีคณะทำงานสำรวจความคิดเห็นประชาชน (Poll) ในเรื่องต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ จึงสามารถเข้าใจเรื่องราวและหนทางแก้ไขได้อย่างไม่พร่ามัว
แต่ที่สำคัญคือความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ และรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น
กลุ่มนักคิด-นักวิชาการไทยจำนวนไม่น้อยบางครั้งก็เป็นนักลอกกากตำราฝรั่ง มองปัญหาแบบฝรั่ง คิดแบบฝรั่ง ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาพของประเทศไทย ขาดข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และทันสมัย จึงมักจะห่างไกลจากความเป็นจริงในหลาย ๆ ปัญหา
นายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่เคยท้าทายประชาชน กลับฟังเสียงประชาชนมากที่สุดในหลาย ๆ ปัญหา
อย่างกรณี หวยหุ้นลิเวอร์พูล ก็ถอยได้
ก็เห็นได้ชัดว่าเมื่อเอาเข้าจริง และได้ข้อมูงจริงแล้ว นายกรัฐมนตรีจะยืนอยู่กับประชาชน
แต่การกล้าเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ จะเรียกว่าเป็น ความองอาจ ก็ได้ หรือจะเรียกว่าเป็น ความก้าวร้าว ก็ได้ -- สุดแต่จะมอง
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีผู้นี้สามารถนำพาประเทศให้ฟื้นจากเศรษฐกิจที่ล่มจมอยู่กับหุบเหวให้ฟื้นคืนเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วและเป็นที่เชื่อถือของทั่วโลก
ปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่ทุกวันนี้มาจากปัญหารากฐานของโลกที่ใครก็ควบคุมไม่ได้
การตรึงราคาน้ำมันอาจจะเป็นการตัดสินใจทางปัจจัยการเมือง
แต่อย่ามองว่าเพราะหวังผลการเลือกตั้งสถานเดียว ต้องมองว่าเพราะไม่ต้องการให้เศรษฐกิจพลิกผันเร็วเกินไปก็เป็นได้
นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรนอกจาก เก่ง แล้วยัง เฮง ด้วยสาเหตุผสมผสานกันหลายประการ
- มีรัฐธรรมนูญ 2540 (ที่ตนไม่ได้มีส่วนร่วมร่าง) เป็นอาวุธ
- ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัดกำลังจะสละอำนาจ เพราะอยู่มานาน แก่แล้ว
- โก๊ะจกตงอยู่ในช่วงกำลังจะถ่ายเทอำนาจ
- อินโดนิเซียประสบปัญหาเศรษฐกิจยากจะเยียวยาง่าย ๆ
- อินโดนิเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ เดินตามอเมริกาสถานเดียว
- เกิดโรค SARS ที่สิงคโปร์อีกต่างหาก
- พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธช่วยได้มากในเรื่องเส้นสายกับผู้นำพม่า, มาเลย์, จีน และ ฯลฯ
- ฯลฯ
ก็ได้แต่หวังว่าจะยังคง เฮง ต่อไป และตลอดไป !
หน้าต่างแห่งโอกาสทางประวัติศาสตร์เปิดโอกาสให้ประเทศไทยภายใต้การนำของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรสามารถยกระดับสถานภาพของประเทศได้ไม่น้อย
ก็ได้แต่หวังว่าทั้งประเทศและผู้นำประเทศจะไม่สะดุดตกหน้าต่างเสียก่อน
เพราะในท่ามกลางความหวังที่จะสร้างดุลยภาพได้ ก็มี จุดน่าเป็นห่วง อยู่ไม่น้อย !
ความจริงในวันข้างหน้าคือบทพิสูจน์ความจริงที่เรากำลังสงสัย ไม่ว่าในวันนี้เราจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม
คนเรานั้นชีวิตหนึ่ง ๆ ย่อมมีทั้งทำถูกและทำผิด ไม่ว่าผู้นั้นจะมีฐานะตำแหน่งเพศวัยประการใดก็ตาม ความสำคัญอยู่ที่เมื่อทำผิดแล้วรู้ตัวหรือไม่ และแก้ไขหรือไม่
ถ้ารู้ตัวและแก้ไขก็ย่อมจัดว่าเป็นคนประเสริฐ
จากคุณ :
Satid (ขาจร...ขอแจม)
- [
2 ก.ย. 47 16:13:53
]
|
|
|