ความคิดเห็นที่ 3
- ถ้าใช้เป็นช่องทางพิเศษแยกออกมาต่างหาก ทำไมไม่ทำในส่วนของรถเมล์ธรรมดาไปเลย จะได้มีช่องทาง ให้รถประจำทางใช้ การเดินทางด้วยรถเมล์จะรวดเร็วขึ้น ถ้าเพิ่มช่องให้รถเมล์ด่วนพิเศษอย่างเดียวมันก็ ไม่คุ้มหรอกครับกับงบประมาณที่จะต้องเสียเพิ่มขึ้น
ผมมีข้อเสนอเรื่องระบบการจราจรโดยขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถเมล์ครับ
1. ปัจจุบัน การใช้พื้นที่บนถนนของรถเมล์ใช้พื้นที่ค่อนข้างมากเกินไป โดยเฉพาะบริเวณที่รถติดจะเห็นว่ามี รถเมล์มาออกันจำนวนมากเหลือเกิน แต่ว่ายังมีคนรอรถที่ป้ายรถเมล์อีกจำนวนมากเช่นกัน ทำไมถึงเป็น เช่นนั้น เพราะคนไม่ได้ต้องการขึ้นรถทุกสายที่ผ่าน
2. คนที่ตัดสินใจไม่ใช้รถเมล์ส่วนหนึ่งเพราะ ต้องรอรถนาน การประมาณเวลาการเดินทางทำได้ยาก เรื่องรอ รถนาน บางสายต้องรอนาน มาก ๆๆ แล้วก็มากจริง ๆ ถนนบางสายจะมีช่วงเวลาที่รถติด การเดินทางไป ทำงานในตอนเช้าจะต้องคำนวณเวลาเพื่อมารอรถให้แม่นมาก ๆ เพราะถ้ามาเช้าเกินไป เราก็จะมาถึงที่ทำงาน เช้าเกินไป ต้องตื่นเช้าเกินไป ทั้ง ๆ ที่กว่าจะได้นอนก็หลังเที่ยงคืนแล้ว แต่ถ้าคำนวนผิดช้าไปนิดหน่อยแค่ เห็นท้ายรถคันหน้าไวไว มีโอกาศสายเป็นชั่วโมงได้เลย ทำไมหรือครับ เพราะรถเมล์บางสายจะมาห่างกันกว่า ครึ่งชั่วโมงในเวลาเร่งด่วน ช่วงเวลาที่ห่างไปนี้จะต้องเอาไปรวมกับรถที่ติดอีกด้วย ทำให้มันไม่ได้หมาย ความว่าเราออกบ้านช้าไป 1 นาที จะไปทำงานช้าลง 1 นาที มันมีโอกาศช้าได้เป็นชั่วโมงดังนั้น การจะขึ้นรถ เมล์ บางคน จะมีข้อจำกัดว่า ต้องขึ้นรถเฉพาะเส้นนี้และเวลานี้เท่านั้น ทุกคนมีข้อจำกัดเหมือน ๆ กัน ทำให้ รถเมล์บางสายบางเวลามีคนแออัดจนแทบจะขี่คอกันเลย
3. ถ้าเราจะทำให้ถนน 1 เส้นมีรถเมล์เพียง 1-2 สายจะทำได้หรือไม่ ยกเลิกสัมปทานของเอกชนซะโดยเฉพาะ เส้นภายในตัวเมือง จัดเส้นทางเดินรถใหม่ (ผมไม่แน่ใจว่าเหมือนนโยบายของผู้สมัครผู้ว่า กทม. คนใด แต่ แน่ใจว่าผมคิดมาโดยไม่ได้นำแนวทางมาจากท่าน) การที่มีรถเมล์เพียงสายเดียวจะทำให้คนไม่ต้องคอยดูว่า จะต้องขึ้นรถสายอะไร เมื่อไหร่รถจะมา แต่การลดสายรถเมล์ลงเพียงเท่านั้นไม่พอจะต้องเพิ่มจำนวนรถ เข้าไป รถออกทุก 3 นาที 5 นาที หรือ 10 นาที อย่างให้เกินนี้เพราะนานเกินไป
4. การจัดการเรื่องเวลาปล่อยรถควรจะเป็นเวลาที่แน่นอน เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีคนขึ้นทั้งวัน จะช่วยให้คน ใช้สามารถบริหารเวลาในการเดินทางได้ แต่บางครั้งจะพบว่าไม่มีคนขึ้น หรือขึ้นน้อย ถ้าจะเปลี่ยนขนาดรถ ได้หรือไม่ ช่วงเวลาที่มีคนใช้มาก ให้ใช้รถใหญ่ แบบรถพ่วง 2 ตอนแต่ถ้ามีไม่มากก็เปลี่ยนมาใช้ขนาด กลาง(รถเมล์ปัจจุบัน) รถขนาดเล็กแทน ปขนาดรถ ปอพ. น่าจะพอดี ) เพราะรถเล็กก็น่าจะประหยัดค่า เชื้อเพลิงลงไปได้บ้าง ก็ยังดีกว่าปัจจุบันที่รถบางคัน บางเวลา วิ่งรถเปล่าอยู่แหละ
5. เรื่องค่าใช้จ่าย คนที่ใช้รถเมล์จะมีตั้งแต่พวกรายได้น้อยจนถึงปานกลาง ดังนั้นการคิดค่ารถค่ารถจะต้อง ไม่ไปทำร้ายคนเหล่านี้ การทำให้รถมีถนนเส้นละสาย แน่นอนว่าจะต้องมีการต่อรถแล้ว ต่อรถอีกแน่นอน การบังคับให้คนต้องต่อรถบ่อย ๆ ย่อมจะทำให้ค่าเดินทางสูงขึ้น ถ้าให้รถร้อย 2 บาท รถแอร์ 5 บาท ตลอดสาย ตั่ววันรถร้อน 10 บาท รถแอร์ 25 บาท น่าจะสมเหตุสมผล ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าทำไม รถเมล์ รถแอร์ จะต้องเกิบค่าเดินทางตามระยะทาง เพราะอย่างไรเสียรถก็ต้องวิ่งจากต้นทางไปปลายทางอยู่แล้ว นี่นา
6. เมื่อรถเมล์มีจำนวนคันที่วิ่งในช่วงเวลาเดียวกันน้อยลงแต่วิ่งตลอด การทำทางวิ่งสำหรับรถเมล์โดยเฉพาะ น่าจะทำได้ เพราะรถก็จะวิ่งตลอดเวลา 1เวลา1 คัน 1 ช่องทาง ถ้ามัวแต่เกรงใจรถยนต์อยู่ก็จะไม่มีทาง แก้ไขได้ จะเห็นว่าทางวิ่งเฉพาะรถเมล์ที่ใช้ไม่ได้ผลก็เนื่องมาจาก มีถนน 1 ช่องทาง แต่รถใน 1 เวลานั้น มันมีหลายคัน มันก็เลยกลายเป็นรถเมล์ติดอีกไม่ได้ช่วยให้รถไปได้เร็วขึ้นเลย
7. เรื่องจุดต่อรถ ถ้าให้ถนน 1 เส้น มีรถ 1 สาย เมื่อถึงทางแยกจะต้องมีการต่อรถคันใหม่ ช่วงถนนที่มีการ ตัดเป็นทางแยกมักจะมีป้ายรถเมล์อยู่ห่างจากทางแยก มากเหลือเกินเหมือนกับแยกรัชดาตัดกับถนน พระราม 9 จะมีคนบ่นมาก เพราะจุดนั้นจะมีสถานีรถไฟใต้ดินด้วยเพราะถ้าออกจากสถานีรถไฟใต้ดินสถานี พระราม 9 แล้ว ถ้าจะต้องต่อรถไปทางถนนพระราม 9 จะต้องเดินมาต่อรถอีกป้ายรถเมล์หนึ่งซึ่งไกลพอ สมควร ถ้ามีช่องทางสำหรับรถเมล์แล้วก็น่าจะเลื่อนป้ายรถเมล์ให้มาใกล้กับทางแยกได้ อย่าลืมว่าเมืองไทย โดยเฉพาะกรุงเทพเป็นเมืองร้อน จะให้ทำเป็นถนนคนเดินเหมือนประเทศในเมืองหนาวไม่ได้ แค่เดินข้าม ถนนบางครั้งก็แทบละลายแล้ว ถ้าจะให้เดิน 1 ป้ายรถเมล์มีหวังว่าจะต้องทำห้องอาบน้ำไว้ด้วย
ความคิดเห็นของผมทั้ง 7 ข้อนี้ ดูแล้วสามารถจะปรับเอาของเก่ามาใช้ได้ รถเพียงแต่ปรับเปลี่ยน ยกเลิกรถ เก่าส่วนหนึ่งแล้วก็หารถใหม่ตามขนาดอีกส่วนหนึ่ง (รถยังเช่าอยู่หรือเปล่าไม่แน่ใจครับ) พนักงานถึงแม้จะลด สายรถเมล์ลงแต่ก็เพิ่มจำนวนวิ่งขึ้น พนักงานก็ไม่น่าจะลดลงมาก สักเท่าไหร่ รายได้ขององค์กรเอง ถึงแม้ จะลดค่าโดยสารลง แต่น่าจะมีคนใช้บริการมากขึ้น รายได้ก็ไม่น่าจะตกลงไม่แน่อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป
การบริหารจัดการของ ขสมก ผมไม่อยากจะไปวิจารย์ว่าคิดไม่เป็น หรือคิดสั้น ๆ ว่าเมื่อคนใช้น้อยลง รายได้ ลดลง ก็ต้องเพิ่มค่าโดยสาร เพราะคนที่เลิกใช้บริการรถเมล์นั้นเป็นคนในระดับที่สามารถเลือกทางที่ดีกว่าได้ ไม่ขึ้นรถเมล์ ก็ขึ้นรถไฟฟ้า ไม่อยากขึ้นรถไฟฟ้า ก็ซื้อรถส่วนตัว คนพวกนี้ค่ารถเมล์ขึ้น 50 สตางค์ หรือ 1บาท 2 บาท ก็ไม่มีปัญหา แต่คนที่ต้องขึ้นรถเมล์เพราะเลือไม่ได้จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน คนพวกนี้ ขึ้นค่ารถ แค่ 50 สตางค์ เขาก็มีปัญหากันแล้วครับ การอ้าง ว่าขาดทุนอยู่เรื่อย ๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้ที่เอกชนได้ สัมปทางไปไม่เห็นเขาจะขาดทุนบ้างเลย
ไม่ต้องไปขอร้อง อ้อนวอน บังคับ ขอความเห็นใจ ให้คนมาใช้บริการหรอกครับ ถ้ารถเมล์ รวดเร็ว บริการดี มีตลอดเวลา ราคาถูก คนก็จะหันมาใช้กันมากขึ้น รายได้ก็สูงขึ้น ขาดทุนก็จะลดลง โดยไม่ต้องไปขึ้นค่าโดยสาร
จากคุณ :
nataokung
- [
17 ก.ย. 47 16:47:34
]
|
|
|