CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ด้านมืดอันน่ากลัวของ….ทุนนิยมเสรีใหม่ในไทย

    ความร้อนแรงของกระแสโลกยุคนี้ยอมรับว่าไร้แนวต้านจริงๆ   โลกเปลี่ยนผ่านจากยุคไร้พรมแดนเข้าสู่ยุคบูรณาการข้ามพ้นสมัย   ทุกชาติกลัวหลงยุคจึงต้องเร่งรีบที่จะแปลงโฉมสลัดความดิบของตัวเอง   เพื่อกระโจนลงมาในสนามแข่งขัน  ที่เรียกกันว่าการค้าเสรี

    ไทยเราได้ผู้นำที่มองทะลุ  เพราะมีประสบการณ์ด้านธุรกิจมาอย่างโชกโชนจึงอ่านแผนที่ยุทธศาสตร์ของโลกยุคใหม่ขาด  จึงไม่รอช้าที่จะนำพาประเทศลงสู่เกมของการแข่งขัน

    แบบฝึกหัดแรกที่ให้แก่คนไทยก็คือ  ฝึกประชาชนให้คุ้นเคยกับเกมเงินต่อเงิน  โดยการนำทุนจากแหล่งต่างๆ มาโขลกกองวางไว้  ให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น  หนีไม่พ้นที่จะใช้วิธีขอหยิบขอยืมเงินในอนาคตมาก่อนด้วยการออกพันธบัตร  ตั๋วเงินคลัง  ตราสารหนี้  รวมไปถึงสร้างนโยบายกึ่งการคลังขึ้นมาโดยให้สถาบันการเงินในสังกัดเป็นต้นหนออกนำร่องนโยบายเอื้ออาทร….เมื่อเชื้อเพลิงที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจเริ่มล่อยหรอ  ก็เริ่มมองถึงแหล่งเงินทุนที่คนอื่นมองไม่เห็น  คือค้นหาความมีค่าจากหลักทรัพย์  ให้แปรเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์หรือเปลี่ยนเป็นทุน….แม้นแต่คลื่นในอากาศก็ไม่รอดพ้นสายตาอันแหลมคมของผู้นำไทยได้  สามารถจัดสรรให้กลายเป็นแหล่งทรัพยากรสร้างมูลค่าตลาดได้อย่างมหาศาล

    แบบฝึกหัดต่อมาก็คือ  เปิดเกมนักล่า  เมื่อกล้าไม้ที่หว่านโปรยไปเริ่มเติบใหญ่เป็นไม้เศรษฐกิจอันอุดม   ก็ปล่อยให้เศรษฐกิจแนวร้อนของการแข่งขันดำเนินไป  ใครใคร่ค้าค้า  ใครใคร่ขายขาย   เป็นไปตามทฤษฎีมือที่มองไม่เห็นของ อดัมสมิท  ซึ่งหนีไม่พ้นที่จะต้องมีผู้ล่าและผู้ถูกล่า…ก้อนทรัพยากรถูกนำมาวางหมายถึงเหยื่อล่อ  กฎกติกาเปรียบได้กับกรงขังสัตว์นักล่า  เมื่อรัฐให้สัญญาณเปิดประตูกรงออกมา….ส่วนแบ่งทรัพยากรก็จะถูกแบ่งทอนตามความสามารถของนักล่าเหล่านั้น

    เมื่อแอบแง้มด้านมืดของระบบนี้ดู..รู้สึกกลัวครับ  เห็นเงาสีดำทาบทับบ้านเมืองอยู่ …ปัญหาการคอรัปชั่นขยายวงไปเรื่อยๆตั้งแต่ระดับชาติ  ระดับท้องถิ่น  แม้นแต่ในสถาบันการศึกษาระดับอนุบาล-มหาวิทยาลัย…ปัญหาเด็กไทยกับค่านิยมทางเพศ – การขายบริการในหมู่ปัญญาชน…คนยุคใหม่กล้าที่แสดงความดิบในตัวเพื่อแลกกับการมีชีวิตในโลกแห่งสีสรร…ธุรกิจสีดำถูกฟอกล้างให้กลายเป็นสีขาว อย่างเช่นการพนันหวย  

    วันนี้ได้ยินแต่คำว่าซุปเปอร์  มีซุปเปอร์พืช(หรือ GMOs)  ซุปเปอร์สัตว์  ซุปเปอร์ CEOs  ซุปเปอร์ GDP …คำเหล่านี้มันคล้ายกับถูกกระตุ้นด้วยสารเร่งปฏิกิริยา  ให้คนไทยฝันเฟื่องที่จะผงาดสู่สังคมโลกในฐานะผู้นำทางเศรษฐกิจกับเขาบ้าง…ต่อมความอยากรวยอยากมีชีวิตแบบอินเทรนถูกกระตุ้นหนักขึ้น..ผลข้างเคียงของปัญหาสังคมจึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น

    ผมเสียดายที่ท่านผู้นำมองผ่านกระบวนท่าง่ายๆอย่างเศรษฐกิจพอเพียง  คิดจะเอาไทยไปสู้กับมหาอำนาจอย่างสหรัฐ  จีน  ออสเตรเลีย  ถึงกับไปท้าแข่งเปิด FTA กับเขา   ความจริงน่าจะดูถึง  ความพร้อม ความสามารถ ทรัพยากรมนุษย์ ของเราเสียก่อน  เช่น ต่อให้ไทยเราขยันขนาดไหนเตรียมตัวขนาดไหนก็ไม่มีวันชนะคู่แข่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่อย่างนักบาส NBA ของสหรัฐ  หรือชนะนักวอลเลย์บอลอาชีพของจีนเขาได้   แต่ถ้าเป็นกีฬาตะกร้อหรือกีฬาชกมวยที่กำหนดรุ่นให้เราสู้..นั่นไม่แน่…ทุนที่ธรรมชาติมอบให้กับเราจึงน่าจะให้ความสนใจกันให้มากกว่านี้  เช่น เมืองไทยเป็นธนาคารอาหารแหล่งใหญ่ของโลก  เรามีทุนทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม  มีความละเอียดอ่อนในประดิษฐ์กรรมที่ใช้ทักษะฝีมือ…แต่สิ่งเหล่านี้ดูจะไม่ได้รับความใส่ใจจากภาครัฐ เพราะมันแตกทอนออกมาเป็นเงินได้ในอัตราต่ำและช้ากว่า


    …“โบราณเขาบอกไว้  เวลาจะเก็บหน่อไม้มากินก็ให้เหลือติดกอเอาไว้บ้าง สำหรับให้มันเจริญเติบโตสร้างหน่อในปีต่อๆไป  จะได้เก็บกินไม่รู้จักหมด”…..คือความรู้จักตัวเรา  ทรัพยากรที่เราอาศัย  และดุลภาพของการพึ่งพากันระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์  หรือทางสายกลางของการบริโภคแบบพอเพียงนั่นเอง !

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 21 ก.ย. 47 22:48:54 ]