CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ตาดูดาว...เท้าติดดิน ตอน ผิดด้วยหรือที่ผมเคยโกง

    ตาดูดาว…เท้าติดดิน

    ตอน...ผิดด้วยหรือที่ผมเคยโกง


    เค้าโครงเรื่องจาก คำพิพากษา ศาลฎีกา ที่ ๑๔๙/๒๕๓๒

    เรื่องโดย ฅนรักทักษิณ


    ท่ามกลางความฮือฮาของแฟนละคร เมื่อช่อง ๗ สี ประกาศที่นำบทประพันธ์เรื่อง “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ของ “วัลยา” ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน มาสร้างเป็นละครเพื่อเผยแพร่ให้แฟนละครได้รับชมกัน แม้ว่าผมจะไม่เคยได้อ่านบทประพันธ์ของวัลยา แต่ผมก็เชื่อว่าเรื่องราวชีวิตจริงที่สำคัญตอนหนึ่งของนายกรัฐมนตรี คงจะไม่ได้ถูกบันทึกไว้ทั้งแฟนละครก็คงจะไม่มีโอกาสได้ดูทางจอทีวีเป็นแน่ นั่นก็คือเรื่องราวการต่อสู้คดีฉ้อโกงของ พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตร เพราะมันคงจะทำให้คุณผู้ชมเกิดความเสื่อมศรัทธาและตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมเราถึงปล่อยให้คนเคยโกงมาเป็นนายกรัฐมนตรี?”

    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๓ เมื่อนายพันตำรวจตรีทักษิณ คิดอ่านจะซื้อโรงหนังสักโรง ตกลงราคากันเป็นที่เรียบร้อย แล้วได้มีการจ่ายเงินด้วยเช็ค แต่เมื่อผู้ขายนำเช็คไปเข้าบัญชีเพื่อให้เรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็ค กลับปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน พูดง่ายๆ ภาษาชาวบ้านคอละครอย่างเราๆ ก็คือ “เช็คมันเด้ง”

    จริงๆ แล้วเรื่องเช็คเด้ง ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะคนจ่ายเช็คอาจจะลืมเอาเงินเข้าบัญชี ซึ่งเมื่อมีปัญหาก็น่าจะตกลงคุยกันเซนต์เช็คใหม่นัดวันจ่ายกันใหม่ก็ได้ ถ้าไม่ตั้งใจจะโกง แต่ตามคำบรรยายฟ้องซึ่งปรากฏอยู่ในสำนวนคำพิพากษา ศาลฎีกาที่ ๑๔๙/๒๕๓๒ ได้ระบุว่า “โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คหลายครั้ง แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยเสีย” ซึ่งจำเลยทั้งสองที่ว่า ๑ ในนั้นคือจำเลยที่ ๒ มีชื่อว่า พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตร จนในที่สุดจึงนำซึ่งการฟ้องร้องกันถึง ๓ ศาล และในที่สุด พันตำรวจตรีทักษิณ ก็แพ้คดี หลังจากพยายามทุกวิถีทาง แม้จะเป็นวิธีที่เลวสกปรก ที่ลูกหนี้ที่ดีเขาไม่ทำกัน ซึ่งผมจะนำท่านผู้ชมไปแกะรอยดูสันดานของคนๆ หนึ่ง ซึ่งวันนี้กลับได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำประเทศ และกำลังถูกตั้งข้อสังเกตว่า “จริงหรือที่รวยแล้วไม่โกง?”

    จากรายละเอียดในคำพิพากษา ทำให้สามารถวิเคราะห์ลักษณะนิสัยส่วนลึก หรือที่เรียกตามภาษาแฟนละครว่าสันดานได้ ๒-๓ ข้อ ซึ่งส่อว่าเป็นสันดานชั่วที่คงจะติดตัวไปจนถึงวันตาย ซึ่งผมจะแยกแยะให้ผู้ชมผู้ฟังได้นึกคิดตามดังนี้

    โกหกหน้าด้านๆ สันดานชั่วข้อนี้พิจารณาได้จากคำให้การในศาลชั้นต้น ซึ่งเมื่อถูกฟ้องร้อง คนที่ชื่อพันตำรวจตรีทักษิณ กลับให้การต่อศาลว่า “ลายมือชื่อสลักหลังเช็คไม่ใช่ลายมือของตน” นี่เป็นสันดานเสียข้อหนึ่ง นอกจากความขี้ฉ้อ ขี้โกง แล้วยังเป็นคน โกหกหน้าด้านๆ

    แก้ตัวน้ำขุ่นๆ สันดานชั่วข้อนี้พิจารณาได้จากคำให้การในศาลชั้นต้น ที่พันตำรวจตรีทักษิณ เมื่อเห็นว่าตัวเองจะแพ้คดีแน่ ก็กลับร้องต่อศาลว่า “คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่าเช็คที่เด้งนั้น เป็นค่าซื้อโรงหนัง จึงขอให้ศาลยกฟ้อง” ซึ่งที่สุดศาลชั้นต้น ทนเห็นคนสันดานชั่วๆ ไม่ไหว ตัดสินให้พันตำรวจตรีทักษิณ แพ้คดี

    ยอมไม่เป็น สันดานชั่วข้อนี้เป็นวิสัยของคนพาล โดยเฉพาะคนที่รู้อยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ว่าตัวเองทั้งตั้งใจฉ้อโกงและกระทำผิดแท้ๆ แต่ก็ไม่ยอมรับผิด พันตำรวจตรีทักษิณ จึงขออุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยที่ ๒ คือพันตำรวจตรีทักษิณ ยังดันทุรังขอต่อสู้ในชั้นฎีกา และฟ้องแก้เกี้ยวคู่กรณีว่าเบิกความเท็จ เพื่อนำไปอ้างเพื่อทำลายคู่กรณีในชั้นฏีกา

    ป้ายความผิดให้คนอื่น สันดานชั่วข้อนี้แสดงให้เห็นว่าคนๆ นี้ เพียงเพื่อที่จะทำให้ตัวเองชนะคดีและพ้นความรับผิด และไม่ต้องจ่ายหนี้ที่ตั้งใจจะโกงแล้ว จะพยายามที่จะโป้ปดมดเท็จแม้กับศาลฎีกา กล่าวหาลอยๆ ว่า “โจทก์คู่กรณีเบิกความเท็จ พยานของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ” ซึ่งศาลฎีกาพิเคราะห์พฤติการณ์ต่างๆ แล้ว หาได้เป็นไปตามที่พันตำรวจตรีทักษิณ ฎีกา จึงเป็นดารส่อให้เห็นว่าคนๆ นี้ ชอบป้ายความผิดให้คนอื่นโดยไร้ยางอาย

    ใช้เงินเพื่อล้มคดีและเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม สันดานชั่วข้อนี้ ถือว่าเลวทราม สันดานหยาบยิ่ง ซึ่งวิเคราะห์ได้จากการพิจารณาในชั้นศาลฎีกา ซึ่งเมื่อพันตำรวจตรีทักษิณไม่เห็นทางที่จะต่อสู้ให้ชนะได้อย่างตรงไปตรงมาก็เลือกใช้วิธี “ใช้เงินซื้อทนายฝ่ายตรงข้าม” ดังปรากฎว่าในชั้นฎีกา จู่ๆ ทนายของฝ่ายโจทก์กลับมายื่นคำร้องต่อศาลว่า “โจทก์ขอถอนฟ้องโดยอ้างว่าโจทก์และจำเลยตกลงกันแล้ว” แต่เมื่อศาลนำสืบกลับกลายเป็นว่า “โจทก์ไม่เคยตกลงหรือยินยอมให้ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องและยืนยันจะขอดำเนินในชั้นฎีกาต่อไป”

    ในที่สุด เมื่อจำนนต่อหลักฐาน และไม่สามารถจะใช้วิธีสกปรกใดๆ ได้อีก ก็จึงต้องจำก้มหน้าต่อคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่พิพากษาให้ “พันตำรวจตรีทักษิณแพ้คดี”

    บทละคร เรื่อง “ตาดูดาว เท้าติดดิน” ตอน..ผิดด้วยหรือที่ผมเคยโกงนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะได้นำมาคิดใคร่ครวญหลายๆ รอบ ถึงความเหมาะสมที่ว่า เราควรที่จะยอมปล่อยให้คนที่มีสันดานชั่วชนิดที่ไม่มีทางที่จะขุดทิ้งได้เหมือนสันดอน ได้อยู่บริหารประเทศนี้ต่อไปอีกหรือไม่? และเป็นคำถามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะได้ทบทวนตัวเอง หรือแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมไทยหรือไม่ ที่ตัวเองกำลังประกาศสงครามกับคอรัปชั่น และเที่ยวได้ชี้หน้าว่าคนนั้นโกง คนนี้โกง ในขณะที่ตัวเองก็เคยโกง และโกงด้วยสันดานหยาบช้าอย่างยิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าแม้เวลาจะผ่านมากว่า ๒๐ ปี ก็ไม่มีท่าว่า สันดานบาปหยาบช้าที่ว่าจะหายหรือหมดสิ้นไปจากใจของคนที่ชื่อว่า “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” มีแต่นับวันจะพอกพูนทวีขึ้น

    พอเสียทีเถอะครับ หากไม่เห็นแก่ผมก็เห็นแก่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินบ้างจะให้ท่านสาปแช่งคนโกงไปอีกนานสักแค่ไหน!

    จากคุณ : ศรีวรุณะอิสโร - [ 27 ก.ย. 47 12:48:10 ]