ข่าวจาก www.Manager.co.th เผื่อคนที่ยังไม่ได้อ่าน


'ถั่วเหลือง'สหรัฐฯโวยลั่น ไทยขู่งดซื้อถ้าโขกภาษีกุ้ง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤศจิกายน 2547 14:17 น.

เอเอฟพี-เผยสมาคมผู้ปลูกถั่วเหลืองสหรัฐฯ ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีพาณิชย์ของประเทศตน เตือนอย่าใช้ภาษีทุ่มตลาดเล่นงานกุ้งนำเข้าจาก 4 ชาติเอเชีย เพราะประเทศเหล่านี้โดยเฉพาะไทย เตรียมตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรไม่ซื้อถั่วเหลืองอเมริกัน ด้านกลุ่มผู้จับกุ้งแดนอินทรีโวยแหลก ประณามความเคลื่อนไหวของไทย เป็น "ลัทธิก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ"
     
       สมาคมถั่วเหลืองอเมริกัน (เอเอสเอ) ได้ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีพาณิชย์อเมริกัน โดนัลด์ อีแวนส์ บอกว่า ผลตัดสินคำฟ้องเรื่องที่ไทยและอีก 3 ชาติในเอเชีย คือ จีน, เวียดนาม, และอินเดีย ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ทุ่มตลาดสินค้ากุ้งนั้น อาจจะ "มีผลกระทบโดยตรงและร้ายแรง" ต่ออุตสาหกรรมถั่วเหลืองของอเมริกาเอง
     
       เอเอสเอระบุว่า มีความวิตกเป็นพิเศษต่อคำขู่ของกลุ่มการค้าภาคเอกชน 9 กลุ่มในประเทศไทย ซึ่งรวมกันแล้วก็เป็นตัวแทนของลูกค้าภาคธุรกิจทั้งหมดในไทย ที่สั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ โดยกลุ่มการค้าภาคเอกชนของไทยเหล่านี้ "ได้ตกลงกันแล้วว่าจะคว่ำบาตรการนำเข้าถั่วเหลืองและถั่วเหลืองป่น" จากอเมริกา ถ้าหากกระทรวงพาณิชย์ประกาศลงโทษ ด้วยการเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดเอากับสินค้ากุ้งไทยซึ่งส่งไปขายในสหรัฐฯ
     
       "การจำกัดเล่นงานสินค้ากุ้งแช่แข็ง อันเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของประเทศที่เกี่ยวข้องหลายๆ ประเทศนั้น มีศักยภาพสูงยิ่งที่จะเป็นการสร้างความแปลกแยกให้แก่บรรดาลูกค้า ซึ่งมีคุณค่าเหลือเกินต่อบริษัทส่งออกถั่วเหลืองสหรัฐฯ" นี่เป็นข้อความตอนหนึ่งในจดหมายของเอเอสเอ ซึ่งลงนามโดยนายกสมาคม นีล เบรเดโฮฟต์ และทางองค์การ ชิมป์ อินดัสตรี แทสก์ ฟอร์ซ (องค์การเฉพาะกิจอุตสาหกรรมกุ้ง) นำมาเปิดเผย
     
       ทั้งนี้ องค์การเฉพาะกิจแห่งนี้เป็นพันธมิตรของบรรดาผู้นำเข้าอาหารทะเล ตลอดจนภัตตาคารร้านอาหารในสหรัฐฯ ซึ่งร้องเรียนว่า ถ้ารัฐบาลเล่นงานขึ้นภาษีเอากับสินค้ากุ้งนำเข้าแล้ว ก็รังแต่จะทำให้กุ้งในอเมริกามีราคาสูงขึ้น และผู้บริโภคจะเป็นผู้รับเคราะห์
     
       ในจดหมายส่งถึงรัฐมนตรีพาณิชย์ฉบับนี้ เอเอสเอเตือนด้วยว่า การเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด ยังจะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองและบริษัทผู้ส่งออกถั่วเหลืองของอเมริกาสู่เอเชีย ต้องได้รับความเสียหาย สูญเสียธุรกิจไปอีกด้วย
     
       "ถั่วเหลืองป่นจำนวนมากมาย ถูกใช้เป็นอาหารสำหรับกุ้งเลี้ยงในประเทศเหล่านี้ และถั่วเหลืองป่นดังกล่าวจำนวนมหาศาลทีเดียว ผลิตจากถั่วเหลืองซึ่งส่งออกจากสหรัฐฯ" นายกสมาคมเอเอสเอบอก
     
       ปัจจุบันกุ้งกลายเป็นอาหารทะเลซึ่งบริโภคกันมากที่สุดในอเมริกา และปรากฏว่าเกือบ 90% เป็นกุ้งที่นำเข้าจากต่างประเทศ
     
       อุตสาหกรรมผู้ผลิตกุ้งในสหรัฐฯกล่าวโทษว่า การที่กุ้งนำเข้ามีราคาลดลงถึง 32% ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา เป็นตัวการทำให้กำไรของพวกเขาหายเหี้ยน และทำให้การผลิตกุ้งภายในอเมริกาเองลดฮวบฮาบ พวกเขาจึงได้รวมตัวกันฟ้องร้องในนามของ เซาเทิร์น ชริมป์ อะไลแอนซ์ (พันธมิตรกุ้งแห่งภาคใต้)
     
       ทว่าบรรดาผู้นำเข้ากุ้งตอบโต้ว่า อุตสาหกรรมกุ้งของสหรัฐฯนั้น พึ่งพาการจับกุ้งธรรมชาติ จึงเป็นธรรมดาที่ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเอเชียทั้ง 4 ตลอดจนบราซิล และเอกวาดอร์ ซึ่งทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งและมีต้นทุนถูกกว่ามาก
     
       อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ตัดสินไปก่อนหน้านี้แล้วว่า กุ้งจากต่างประเทศเหล่านี้เข้าสู่อเมริกาด้วยราคาต่ำอย่างไม่เป็นธรรมจริงตามคำฟ้อง อีกทั้งประกาศจัดเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดในขั้นต้นจาก 6 ชาติเหล่านี้แล้ว
     
       ขั้นตอนต่อไป คือ คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ(ไอทีซี) ของสหรัฐฯ จะเป็นผู้ตัดสินประมาณเดือนมกราคมปีหน้า ว่า จะเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดในขั้นสุดท้าย ด้วยอัตราเท่าใด
     
       หลังจากข่าวเรื่องเอเอสเอทำจดหมายถึงรัฐมนตรีพาณิชย์ เซาเทิร์น ชริมป์ อะไลแอนซ์ ได้ออกมาตอบโต้ว่า การที่ไทยประกาศจะแก้เผ็ดเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ "ไม่เหมาะสม"
     
       "การคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองสหรัฐฯ โดยเป็นปฏิกิริยาต่อการบังคับใช้กฎเกณฑ์ทางการค้าของสหรัฐฯและของนานาชาติเช่นนี้ โดยสาระสำคัญแล้วคือลัทธิก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ" เอดดี กอร์ดอน ประธานกลุ่มพันธมิตรนี้ระบุไว้ในจดหมายที่ส่งถึงรัฐมนตรีพาณิชย์อีแวนส์ ลงวันที่วันพฤหัสบดี(4)
     
       กอร์ดอนยังกล่าวหาไทยว่า กำลังขู่จะเปิดสงครามการค้า "จากความพยายามอย่างโจ่งแจ้งที่จะขัดขวางความยุติธรรม"
     
       เขากล่าวหาด้วยว่า ไทยได้ใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดในระดับสองเท่าครึ่งของที่สหรัฐฯใช้อยู่ โดยมิได้ถูกตอบโต้แก้เผ็ดเลย
     
       "สหรัฐฯจักต้องไม่ยอมให้คู่ค้าของตัวเองละเมิดกฎหมายการค้าของเราเช่นนี้" เขาบอก
*************************************
อ่านแล้วก็นะ.. รักประเทศไทยจังเลยครับ อย่าได้ไปยอมมันเชียว