CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    รุมสวดวาทะนายกฯ ทำอาเซียนแตก

    ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ

    รุมสวดวาทะนายกฯ ทำอาเซียนแตก

    ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย ชี้ คำขู่วอล์กเอาท์ของ 'ทักษิณ' หากที่ประชุมอาเซียน หยิบตากใบขึ้นอภิปราย เป็นคำพูดที่ไม่น่าออกจากปาก ของคนระดับผู้นำ ขณะเจ้าหน้าที่ต่างประเทศในลาว เผยรู้สึก 'ช็อก' กับคำพูดผู้นำไทย ด้าน “ทักษิณ” ยันแค่แสดงจุดยืน การประชุมพหุภาคี ซึ่งจะไม่เอาปัญหาภายในประเทศมาพูด ขณะเดียวกัน เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อน บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ด้านนอกกรุงเวียงจันทน์

    สำนักข่าวเอพี รายงานวานนี้ (26) ว่า ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย เกี่ยวกับคำขู่ที่ว่าจะเดินออกจากการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ในสัปดาห์หน้า หากประเทศสมาชิกอภิปรายถึงเหตุการณ์รุนแรงทางภาคใต้ของไทย

    นายลิม กิต เสียง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย กล่าวว่า 'คำขู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะเป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีไทย หรือผู้นำอาเซียน' พร้อมเสริมว่า ท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ ตรงข้ามกับจุดยืนของประเทศไทย ที่ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญที่สุดในอาเซียน

    ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีกำหนดการจะเดินทางไปร่วมประชุมอาเซียน และได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่กรุงเทพฯ เมื่อวันพฤหัสบดี 25 พ.ย.ว่า จะบินกลับไทยทันที หากประเทศสมาชิกนำประเด็นความไม่สงบทางภาคใต้ของไทยขึ้นมาพูดถึง เพราะเห็นว่าประเด็นดังกล่าวเป็นกิจการภายในประเทศ ซึ่งไม่ควรนำมาอภิปรายในการประชุมอาเซียน

    ขณะเดียวกันบรรดาเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศในลาว กล่าวหลังรับทราบรายงานข่าวว่า รู้สึกตกใจกับคำพูดของนายกรัฐมนตรีไทย

    'เรารู้สึก 'ช็อก' ที่ผู้นำไทยตัดสินใจเช่นนั้น' เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในลาว กล่าวและว่า ในอดีตประเทศไทยเคยไต่ถาม เกี่ยวกับการพัฒนาในพม่า ทำให้เราคิดว่าไทยจะเปิดกว้างมากกว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประเทศ เมื่อเกิดขึ้นกับตนบ้าง'

    นอกจากนี้ยังเสริมด้วยว่า 'ไทยดูเหมือนจะแยกตัวจากอาเซียนไปแล้ว'

    ขณะที่เจ้าหน้าอีกคนกล่าวว่า 'อาจเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นหากไม่มีการจัดการที่ดี ซึ่งเราไม่ต้องการเห็นใครเดินออกจากห้องประชุม'

    นายกฯชี้วอล์กเอาท์แค่จุดยืน

    ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่เขาพูด ไม่ใช่เขาจะอะไร แต่เป็นเพราะหลักปฏิบัติ มารยาทในการประชุมพหุภาคี จะไม่เอาเรื่องภายในของใครมาพูด แต่ถ้าประชุมทวิภาคี สองต่อสอง แล้วมีความห่วงใยกัน ก็จะพูดกัน อย่างเขากับนายกฯ มาเลเซีย พบกัน ห่วงใยกัน จะพูดกันเมื่อไหร่ก็ได้ หรือในกรณีที่ประเทศมุสลิม เกิดความไม่เข้าใจ และมาถามเขาตัวต่อตัว ก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในที่ประชุมพหุภาคี จะไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน ถือเป็นมารยาท และเป็นกฎ หากประธานในที่ประชุมปล่อยให้มีการพูดเช่นนี้ ก็คงไม่มีใครอยู่ประชุม

    ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณไปยังการประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งนี้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จุดยืนก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ไทยเคยเสนอแผนโรดแมพในประเทศพม่านั้น ถือเป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ประเทศเต็มใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่ถ้าเรื่องใดที่เป็นปัญหาในประเทศ และเรากำลังแก้ไขปัญหากันอยู่ ก็ต้องให้เราทำงานก่อน จะเข้าไปยุ่งไม่ได้

    'บัญญัติ'ชี้ผิดมารยาทการเมือง

    ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การพูดก่อนว่าหากที่ประชุมอาเซียนซัมมิต หยิบยกปัญหาชายแดนภาคใต้มาหารือจะวอล์กเอาท์ เป็นสิ่งไม่ดี การออกมาพูดเปิดเผยล่วงหน้าเช่นนี้ไม่ทราบว่ามารยาททางการเมือง ระหว่างประเทศ จะเป็นอย่างไร แต่ในความรู้สึกธรรมดา ถือว่าเป็นการกดดัน และสร้างบรรยากาศที่กดดัน เท่ากับป้องกันไม่ประสงค์ให้ที่ประชุมหยิบยกเรื่องนี้มาพูดเป็นการสร้างบรรยากาศการประชุมที่ไม่ดี

    ส่วนนายนริศ ขำนุรักษ์ รองโฆษกพรรคปชป. กล่าวว่า จริงๆ แล้วปัญหาความมั่นคงและสันติภาพเป็นปัญหาร่วมกันของประชาคมโลก ไม่ใช่เป็นปัญหาของใครหรือประเทศใดโดยเฉพาะ และเห็นว่ารัฐบาลไทยไม่ควรหวาดหวั่นต่อการชี้แจง รัฐบาลต้องกล้าที่จะตอบทุกคำถาม ทุกเวที กล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่กระทำและในสิ่งเกิดขึ้น เพราะถ้ายิ่งปิด ก็จะยิ่งสร้างความคลางแคลงใจต่อไปไม่รู้จบ

    รองเลขา กก.อิสลามชี้นายกฯใจเสาะ

    นายไพศาล พรหมยงค์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ท่าทีของนายกฯเป็นการแสดงถึงความอ่อนแอของนายกฯเอง ที่ทุกคนต่างก็รู้กันอยู่ เพราะมักไม่รับฟังสิ่งที่เป็นปัญหาของตัวเอง ทั้งที่จริงๆ แล้วถ้าปัญหานั้นเราสามารถชี้แจงได้ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติต่อกลุ่มก่อความไม่สงบ ไม่ได้เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ เราก็น่าจะชี้แจง

    ขณะเดียวกัน ผู้นำอาเซียนล้วนเป็นคนกันเอง เป็นเพื่อนบ้านกัน ย่อมมีสิทธิที่จะแสดงความเห็น หากนายกฯคิดว่าตัวเองเคลียร์ ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ใช่มาหนีปัญหาอย่างนี้

    นักวิชาการติงทำอาเซียนซัมมิตตึงเครียด

    ด้านความเห็นของฝ่ายต่างๆ ในประเทศไทย ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาหากที่ประชุมผู้นำอาเซียนจะหยิบยกกรณีตากใบขึ้นมาหารือ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของภูมิภาค และเกี่ยวพันกับการก่อการร้ายด้วย

    "จริงๆ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะปล่อยให้มีการหารือกันได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าถึงขั้นที่กลุ่มอาเซียนจะลงมติประณามรัฐบาลไทยเมื่อไหร่ นายกฯ ต้องใช้มาตรการตอบโต้กลับไปอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี ท่าทีของนายกฯ ที่ขู่ว่าจะวอล์กเอาท์ ยิ่งทำให้เพิ่มความตึงเครียดให้กับการประชุมมากขึ้น" ดร.ปณิธาน ระบุ

    นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ผู้นี้ ยังมองว่าทิศทางของอาเซียนในช่วงหลัง คือ ต้องการให้ทุกประเทศหันหน้าเข้าหากัน เพื่อแก้ปัญหาของแต่ละประเทศ และไทยเองก็เคยเสนอให้ที่ประชุมอาเซียนหารือถึงเหตุการณ์ในพม่าหรืออินโดนีเซียมาแล้ว ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีไทยไปตีกันเหมือนห้ามไม่ให้พูดเรื่องตากใบ กลับจะเป็นท่าทีที่ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอาเซียนด้วยซ้ำไป

    "หากนายกฯ วอล์กเอาท์ขึ้นมาจริงๆ จะเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดีในสายตาของสากล โดยเขาจะมองว่าอาเซียนแตกแยกกัน เพราะมาเลเซียกับอินโดนีเซียก็ต้องการแสดงจุดยืนและบารมีของตัวเองเช่นกัน เมื่อชาวมุสลิมเสียชีวิตมากมาย ทั้งสองประเทศต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่เขาไม่เสีย มีแต่ได้กับได้” ดร.ปณิธาน กล่าว

    ครป.แนะนายกฯหยิบตากใบถกอาเซียน

    นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า นายกฯต้องกล้าใช้เวทีผู้นำอาเซียนครั้งนี้ ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ เพราะถ้ารัฐบาลมั่นใจและสุจริตในการแก้ปัญหาดีแล้วก็ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าวอล์กเอาท์อาจจะถูกประณามได้ว่าหนีปัญหา และจะทำให้เวทีอาเซียนไม่สามารถเป็นเอกภาพและเกิดความร่วมมือกันได้ในระยะยาว

    'ผมคิดว่านายกฯควรถามผู้นำอาเซียนในที่ประชุมด้วยว่า กล้าจัดความสัมพันธ์กันแบบใหม่ไหม โดยให้สามารถแทรกแซงหรือวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของประเทศเพื่อนบ้านได้ หรือที่เรียกว่า ความสัมพันธ์เชิงยืดหยุ่น (Flexible Engagement) ซึ่งผมอยากให้นายกฯ นำปัญหาเรื่องภาคใต้ขึ้นมาพูดในที่ประชุมด้วยตัวเอง แล้วรณรงค์ผลักดันให้จัดความสัมพันธ์ในประเทศอาเซียนกันใหม่ ซึ่งถ้ามาเลเซียสุจริตใจจริงก็ต้องกล้าร่วมมือผลักดันกับรัฐบาลไทย ไม่เช่นนั้นก็ถือว่ามาเลเซียเองเอาปัญหาภาคใต้มาตีกันหรือสร้างภาพให้ตัวเอง'

    ส.ว.ตอกยับสภามาเลย์ก้าวล่วงไทย

    นายวิทยา มะเสนา ส.ว.มหาสารคาม กล่าวถึงกรณีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย มีมติเป็นเอกฉันท์ประณามรัฐบาลไทยกรณีตากใบ ว่า ขอประท้วงมติของสภามาเลเซีย เพราะเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ทั้งที่มาเลเซียและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมานาน ไม่ควรเข้ามาจุ้นจ้านกิจการภายใน แต่ต้องให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน เพราะไทยก็ไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายกิจการภายในของมาเลเซีย ไม่ว่าเรื่องใดๆ แม้ว่ามีหลายเรื่องที่เราไม่เห็นด้วยก็ตาม

    'ที่รับไม่ได้คืออดีตผู้นำมาเลเซียบางคนไม่รักษามารยาท กลับเสนอให้ไทยดำเนินการให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ และบางคนก็ไปเสนอแนวคิดให้ยูเอ็นเข้ามาดูแล แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว เรายอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาเป็นแนวร่วมในการแบ่งแยกดินแดน'

    จากคุณ : Haa - [ 27 พ.ย. 47 13:04:59 A:24.214.196.239 X: TicketID:066742 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป