CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    การตลาด....ศาสตร์ของนักการเมือง+นักการโม้ ในโลกยุคใหม่

    เคยได้ยินคำที่แซวกันสนุกๆว่า “คนไทยไปรถก็เหลือ ไปเรือก็ล่ม..เพราะพกความโม้เอาไว้เยอะ”…ฟังดูแล้วทำให้คิดว่าคนไทยเราท่าจะเป็นคนชอบโม้มากจริงๆ  

    คนไทยเป็นคนชอบความโอ่อ่าและขี้อวดจึงเต็มไปด้วยคนที่เรียกกันว่านักโม้ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก

    พฤติกรรมขี้โม้เดี๋ยวนี้ได้รับการตอบสนองดีมากจากสื่อพาณิชย์ที่มีอยู่อย่างดาดดื่นในบ้านเรา  เอเจนซี่โฆษณามีงานพร้อมให้กระโดดงับอยู่อย่างมากมาย…ใครๆก็อยากให้งานของตัวเองออกมาดูดีกันทั้งนั้น  จึงต้องพึ่งพาธุรกิจตอกไข่ใส่สีเพื่อ preferment ตัวเองให้ดูโดดเด่นขึ้น  

    ยุคไหลข่าวไหลคนไหลทุนเก็งกำไร…ทัศนคติหรือค่านิยมนั้นกลายเป็นสิ่งที่ปลูกถ่ายได้ง่ายด้วยกลยุทธทางการตลาดและสื่อโฆษณา   เพื่อหลอกล่อให้เหยื่อเข้ามาในกับดักความอยากรู้อยากลองหรือให้เกิดความคล้อยตามตามเป้าหมายทางการตลาด…ก็มีแต่รากหญ้ารากฝอยเท่านั้นที่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาเหล่านี้

    สังคมนักล่าที่เป็นพวกบูชาวัตถุจะขยันที่จะตบแต่งภาพที่เป็นเปลือกนอกเพื่อให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา..“เล็กก็ทำให้ดูใหญ่”  “ผิดก็ทำให้เป็นถูก”  “ชั่วก็ทำให้เป็นดี”..ได้…เดี๋ยวนี้การตลาดสามารถเข้ามาตบแต่งได้ในทุกเรื่อง…คนมันถึงได้ขยันออกแคมเปญใหม่ๆกันมากเหลือเกิน…ทั้งการมุ้งการเมืองขยันที่จะทำการโม้เพื่อเพิ่มยอดขาย  แม้นแต่การศาสนาก็เอากับเขาด้วยกำลังฮือฮากันมากกับแคมเปญยักษ์..”พลังแห่งชีวิต”..ออกมาอ้อล้อรูหูคนไทยให้หันมาหาที่พึ่งทางใจแนวใหม่  

    เช้าขึ้นมาเมื่อฟังวิทยุหรือเปิดดูทีวีก็มีแต่เสียงเรียกร้องของนักการตลาดตระโกนกรอกรูหูอยู่ทุกวัน   ออกมา“ชี้ ชม แช่ง เชียร์” เพื่อเพิ่มยอดขายแก่สินค้าที่ตัวเองโปรโมท...วันนี้คนขี้โม้ทั้งหลายกำลังมีตัวช่วยสำคัญคือนักการตลาด…ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์นี้กำลังกลายเป็นคนสำคัญของสังคมไทย…”ความเกินจริง” กำลังเป็นกระแสสังคมในเมืองไทย !

    ยุคแต่ก่อนเคยได้ยินแต่ “มาลานำไทย” วันนี้เปลี่ยนมาเป็นยุค”การตลาดนำไทย” บ้าง…สื่อที่เคยรับใช้ประชาชนเพราะมีที่มาจากเงินภาษีของประชาชน  บัดนี้กลับกลายเป็นอะไหล่เครื่องมือแก่กลุ่มการเมืองที่มีอำนาจ   สงสัยอยู่เหมือนกันว่าการไหลข่าวไหลค่านิยมให้ประชาชนหลงยึดติดกับความสำเร็จที่ต้องปรุงแต่งขึ้นมาตามศาสตร์ต้นแบบทางการตลาด…แท้จริงมันคือกลยุทธของพลพรรคเถ้าแก่ที่เขานิยมกัน...พวกเขากำลังนำหลักการนี้มาใช้กับงานประมูลอำนาจรัฐ  ที่ใกล้จะหมดสัมปทานในไม่อีกกี่วันข้างหน้านี้

    วันนี้การตลาดกำลังซึมลึกลงสู่การเมืองแบบเต็มตัว…กำลังสร้างสีสรรในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อที่เน้นการแต่งเต้มส่วนที่เป็นเปลือกนอกด้วยการทุ่มทุนอย่างมหาศาล   ประชาชนอย่างเราๆคงได้แต่นั่งมองตาปริบๆ  เซ็งกับเทคนิคของทายาทศรีธนชัยที่ออกมาวาดลวดลาย…เครื่องมือก็มาจากภาษีเรา  งบประมาณก็มาจากภาษีเรา   คนทำงานก็เป็นเหล่าข้าราชการของเรา  มิหน่ำซ้ำยังมากะเกณฑ์ประชาชนอย่างพวกเรามาร่วมประดับฉากแห่งความสำเร็จที่เขาบรรจงตบแต่งขึ้นจากฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ…มีการลดแลกแจกแถมกันอย่างครบครันตามกระบวนการของมือชั้นเซียนทางการตลาด…จึงทำให้มองเห็นไปว่า..นี่คงจะเข้ายุค “การตลาดนำการเมือง” แล้วหรืออย่างไร!

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 27 พ.ย. 47 20:22:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป