และแล้วโลกาภิวัฒน์ก็ย้อนกลับ
โลกแห่งความเจริญแนวเร่งด่วนกินด่วน ใช้ด่วน ผลิตด่วน ทั้งหลายก็สำแดงเดช
.อาการฝืนกฎธรรมชาติที่มนุษย์พัฒนาสมองขึ้นมาเพื่อเอาชนะสุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อกฎของธรรมชาติ
.สังคมตะวันตกคือต้นแบบพัฒนาคุณภาพชีวิตแนวเร่ง ทุกอย่างถูกทำให้กลายเป็นซุปเปอร์ ซุปเปอร์พืช ซุปเปอร์สัตว์ ซุปเปอร์ GMO ซุปเปอร์ GDP
ดูเหมือนว่าประดิษฐ์กรรมของธรรมชาติที่สร้างสมไว้นับหมื่นนับแสนปี ชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็ถูกมนุษย์ผู้ปราญเปรื่องเข้าบุกรุกนำมาบริโภคกันอย่างไม่บันยะบันยัง
.อินทรีธาตุที่สะสมไว้นับแสนปีถูกมนุษย์ดูดขึ้นมาแยกย่อยเผาผลาญเพื่อสร้างพลังงานส่วนเกินให้มนุษย์ได้เสพกิน กลายเป็นธาตุอากาศพิษลอยเคว้งคว้างอยู่บนชั้นบรรยากาศ ทำลายดุลยภาพของโลกแห่งความสมดุลของธรรมชาติไปเสียสิ้น
โลกร้อนขึ้น สิ่งมีชีวิตเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเอง
.การดำเนินไปของธรรมชาติเริ่มดูเบี่ยงเบนไปจากความต้องการของมนุษย์
เอลนิโน ลานินญ่า ปฏิกิริยาเรือนกระจก เป็นความพิศดารใหม่ของการเคลื่อนตัวของกระแสโลกตามความด่วนได้ไม่พอเพียงของมนุษย์
วัฒนธรรมกระแสทุนวันนี้มาแรงมาก แรงจนการกระตุ้นกลายเป็นสิ่งธรรมดาในสังคมของมนุษย์ในยุคนี้ไปเสียแล้ว
.กระตุ้นการบริโภค, กระตุ้นการผลิต โดย ทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายเชิงปริมาณของลัทธิการสะสมทรัพย์
..ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน ไม่ต้องดูถึงผลกระทบที่จะติดตามมา
ขออย่างเดียวให้ข้าพเจ้าบรรลุเป้าหมายสู้ เจ้าแห่งความรวย เท่านั้นเป็นเพียงพอแล้ว
สารพิษตกค้าง การทำลายช่วงโซ่ของธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างสะสมอยู่ทุกวัน
.ดูแล้วโลกยุคใหม่ไม่มีแล้วกับคำว่าจิตสำนึกสาธารณะ
เส้นแบ่งความเป็น ฅน กับสัตว์เดรัชฉานเริ่มเข้าใกล้กันทุกที
.เผากันเข้าไป บุกรุกกันเข้าไป เสพกันเข้าไป จนเริ่มสำลักกับคำว่าพัฒนาที่จอมปลอม
ธรรมชาติเริ่มสะบัดตัว..บ่งบอกให้ผู้บุกรุกเกิดจิตสำนึกสาธารณะ
.เริ่มมีปรากฎการณ์แปลกๆให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ
ไข้หวัดนก
เอดส์
ซาร์ เป็นมหัตภัยทางชีวภาพตัวใหม่ๆที่ออกมาส่งสัญญาณว่ามนุษย์ไม่ได้อยู่เหนือธรรมชาติ
ธรรมชาติต่างหากคือผู้ที่จัดระเบียบความสมดุลตัวจริงของโลกใบนี้
และแล้ว..ความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ
เจ้าของโลกตัวจริงก็สำแดงเดชออกมา
ธรรมชาติไง? คือตัวปรับสมดุลที่แท้จริงของโลกใบนี้
เอลนิโน
ลานินญ่า
หรือคลื่นมฤตยูสึนามิ คือความเคลื่อนไหวที่เจ้าชีวิตของโลกตัวจริงกำหนดมา
..รุกรานกันดีนักก็เลยสร้างปรากฏสั่งสอนให้ผู้อวดฉลาดอย่างมนุษย์ได้รู้สำนึกกันเสียบ้าง
ยุทธศาสตร์แนวเย็นที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติกลับไม่มีใครสนใจ
ความพอเพียงพอประมาณ
คือแนวทางวัฒนธรรมกระแสธรรม ที่แปลความแล้วก็คือความเป็นไปอย่างธรรมดาของธรรมชาติ
เป็นอีกศาสตร์ทางเลือกที่ไร้ความใยดีจากผู้คลั่งไคล้วัฒนธรรมกระแสทุนนิยมเสรีใหม่
เคยเขียนไว้หลายกระทู้แล้วว่า"ความพอเพียง"ไม่ใช่ทางสุดโต่งที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์ถ้ำ..แต่ขอมีดีกรีเพียงการดำเนินชีวิตที่คำนึงถึงความสมดุลโดยมีจิตใจผูกติดกับความสำนึกสาธารณะ..ไม่สุดโต่งไปทางวัตถุนิยมหรือคลั่งไคร้ในอุดมคติจนเกินไป..แค่รู้จักรับ รู้จักให้ รู้จักแชร์ชีวิตกับสังคมรอบข้างและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเองก็เพียงพอแล้ว
วันนี้ผมได้เห็นทุนที่ก่อตัวนับหมื่นล้านหายวับไปกับตา
วันนี้ได้เห็นคนที่ลงทุนไปนับพันล้านออกมาสำนึกสัจธรรม ของความจริงที่เกิดขึ้น
เงินนับพันล้านที่หายไปเทียบไม่ได้กับหนึ่งลมหายใจของลูกสาวแสนรัก
ชีวิต / เงินตรา..ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกันไปมาได้ !
วันนี้ได้เห็นกฎของธรรมชาติที่แท้จริง
สิ่งปลูกสร้างที่แสนสวยกลับคืนสู่ความเป็นสามัญ !!
ธรรมชาติกำลังบอกสิ่งที่เป็นจริงกับมวลมนุษย์กระนั้นหรือ ?
จากคุณ :
ไทยพันธุ์แท้
- [
29 ธ.ค. 47 20:48:55
]