CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    คณะกรรมการใต่สวนลงมติเห็นชอบว่ามีมูลด้วยคะแนนเสียง 4 ต่อ 3... แล้วคุณคิดว่าคดี "ปปช. ขึ้นเงินเดือนตัวเอง" มีมูลหรือไม่?

      มี (4 คน)
      ไม่มี (0 คน)

    จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 4 คน

     100.00%
     0.00%


    ที่ประชุมคณะกรรมการไต่สวนศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงมติเห็นชอบ 4 ต่อ 3 เสียง ชี้คดี ป.ป.ช.ขึ้นเงินเดือนตอบแทนตัวเองไม่ชอบด้วยกฏหมายมีมูล แต่เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 จึงถือว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนส่งเรื่องให้คณะองค์พิพากษาฯ ทั้ง 9 คนพิจารณาต่อพรุ่งนี้

           วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายสุภัทร์ สุทธิมนัส เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แถลงว่า ตามที่องค์คณะผู้พิพากษาในคดีหมายเลขดำ ที่ อม.1/2547 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนคำร้องของพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญปราบปรามการทุจริตของวุฒิสภา กล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน กระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ให้พิจารณาพิพากษาตามมาตรา 300 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540

    นายสุภัทร์ สุทธิมนัส เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแถลงผลประชุมคณะกรรมการไต่สวนมีมติชี้ขาดคดีป.ป.ช.ขึ้นค่าตอบแทนตัวเอง

          โดยในเวลา 13.30 น. นายสมศักดิ์ เนตรมัย ประธานคณะกรรมการไต่สวนพร้อมคณะได้ประชุมหารือกัน และมีมติ ดังนี้ 1.การลงมติในการวินิจฉัยว่าข้อกล่าวหานี้มีมูลตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ มติที่ประชุมต้องกันต้องใช้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 23 ประกอบด้วย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 37 วรรค 2
           
           ในประการที่ 2 ตามคำร้องของ พล.ต.อ.ประทิน ผู้ร้องกับพวกกล่าวหาว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน กระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 157 โดยมิได้ขอให้ระระวางโทษ 2 เท่าของโทษตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 125 คณะกรรมการไต่สวนจึงมีมติว่า หากข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูลความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา 157 แล้วก็จะต้องระวางโทษหนักขึ้นสองเท่าตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 125 ด้วย มิฉะนั้น อัยการสูงสุดจะไม่สามารถขอให้ลงโทษตาม ม. 125 ได้ เพราะอัยการสูงสุด มีหน้าที่ต้องฟ้องคดีตามความเห็นของคณะกรรมการไต่สวนเท่านั้น
           
           ในประการสุดท้าย ผลการลงมติว่าคดีนี้มีมูลหรือไม่ นายสุภัทร์ กล่าวว่า คณะกรรมการไต่สวนเห็นว่าข้อกล่าวหามีมูล 4 คน และเห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล 3 คน แต่คะแนนเสียงที่เห็นว่าข้อกล่าวหามีมูลนั้นมีไม่ถึง 2 ใน 3 จึงต้องถือว่ามติของที่ประชุมคณะกรรมการไต่สวน เห็นว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นไม่มีมูล ซึ่งในขั้นตอนต่อจากนี้ไปจะส่งรายงานพร้อมเอกสารที่มีอยู่ไปให้องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีของผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 43 โดยองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน อาจเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการไต่สวน หรืออาจสั่งให้สอบเพิ่มเติมก็ได้
           
           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการไต่สวน 3 คน ที่ลงมติว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ได้ให้ความเห็นแตกต่างกันไป ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย เรื่องการขาดเจตนาเกี่ยวกับการออกระเบียบขึ้นค่าตอบแทนพิเศษ และการออกระเบียบโดยไม่มีอำนาจ แต่อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยของกรรมการไต่สวนทั้ง 7 คน ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ เพราะต้องส่งให้คณะองค์พิพากษาทั้ง 9 คน เป็นผู้พิจารณาต่อไป
           
           สำหรับคดีนี้ องค์คณะผู้พิพากษาในศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน ทั้ง 7 คน เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2547 และดำเนินการนัดไต่สวนนัดแรกเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2547 จนถึงวันสุดท้ายวันที่ 24 ธ.ค. 2547 รวมการพิจารณาไต่สวน 10 นัด มีการสอบพยานบุคคล 15 ปากโดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินการตามกระบวนการพิจารณา 69 วัน

    จากคุณ : ridkun - [ 7 ม.ค. 48 08:55:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป