ความคิดเห็นที่ 1 ถึงขนาด " ชอบ " เลยหรือ เรื่องแค่นำไปพิจารณาในครม. ยังต้องผ่านอีกหลายด่านกว่าจะออกมาเป็นกม. อย่างนี้ต้องเรียกว่าคิดไปไกลเกินความเป็นจริง จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 17 ม.ค. 48 15:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณCAN พูดจาเฟอะฟะไม่รู้เรื่องจับความไม่ได้ว่าใครหน้าเหลี่ยม...หมายถึงกี่เหลี่ยมครับ คงจะเป็นสี่เหลี่ยมใช่ไหมครับ...แล้วคุณละครับกี่เหลี่ยมสงสัยจะสามเหลี่ยม(ผมว่าสวยดีนา) จากคุณ : bigroot (bigroot) - [ 17 ม.ค. 48 15:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อิ อิ คุณ bigroot (bigroot) ถ้าสามเหลี่ยมสวยก็...แปะหน้าคุณก่อนนะครับ ผมจะขอดู อิ อิ ส่วนของผมเค้าเรียกหน้ามน หนุ่มน้อยหน้ามนคนรูปหล่อครับ หน้าเหลี่ยมคือฉายา หน้าสี่เหลี่ยม...สงสัยคุณเพิ่งเข้ามาราชดำเนิน ฉายานี้เป็นที่รู้ แต่สี่เหลี่ยมยังพอทน แต่ถ้าแปดเหลี่ยม สิบสองคมเนี่ยไว้ใจได้ยาก ถ้าเคยเข้าราชดำเนินคงเคยเห็นสัญญลักษณ์ หน้าสี่เหลี่ยมโพกผ้า โดนสมาชิกฝั่ง ทรท.ขอให้เปลี่ยน อิ อิ คิดดูสิมันกระเทือนใจตั้งแต่เห็นโลโก้ ฮ่า ฮ่า ว่าแต่ว่าพอกฎหมายนี้ออก นายกก็ชี้ที่ดินหรือสถานที่ให้เช่าได้เลย จัดรูปที่ดินได้อีก...ฮ่า ฮ่า...กฎหมายที่ดิน กฎหมายป่าไม้ ป่าสงวน บีบไปกระทั่งมหาเถรสมาคม โอ้ จอร์จ..มันจังเลย....ไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายอื่น แบบนี้ถึงขั้นอันตรายแล้วครับ....ยังจะไว้ใจหน้าเหลี่ยมอีกเหรอครับ คราวที่แล้ว พวกเราต้านกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก็มาใช้กฎหมายขายชาติชุดนี้แหละทำขึ้นมา...เข้าใจ๋ ถ้าเช่าได้ 99 ปี สงสัยรุ่นลูกรุ่นหลานคงได้ฉลองชัยเหมือนเกาะฮ่องกง ......................... คุณกระป่องนมข้นหวาน เห็นชอบ...แปลว่าอนุมัติครับให้ดำเนินการต่อ...ไม่ใช่ชอบ หรือไม่ชอบ "ชอบ" ในภาษาราชการแปลว่าดีแล้ว แทนคำว่า..เห็นชอบ บางกรณีใช้แทนคำว่า อนุมัติ ครับ คราวที่แล้วต้านกฎหมาย 11 ฉบับ ของ ปชป. หรือเปล่าครับ อิ อิ แต่เท่าที่เห็นรัฐบาลนี้หยิบมาใช้เฉยเลย ไม่ว่ากฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ (แปรรูปรัฐวิสาหกิจ) แถมมาเรื่องกฎหมายที่ดินเรื่องการเช่าที่ดินอีก แบบนี้ต้านกฎหมายขายชาติ หรือเอามาใช้เป็นกฎหมายซื้อชาติครับ จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 15:39:22 A:202.5.88.159 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยังไงก็ใกล้เลือกตั้งแล้วอย่าลืมไปเลือกตั้งกันด้วยนะครับ ส่วนกองเชียร์ฝ่ายใด ก็ทำหน้าที่ให้เต็มที่นะครับ คุณ can จุดยืนเด่นชัดมาก ปล.เห็นบางกระทู้เรียกว่าลุง can แต่พึ่งจะทราบว่าคุณ can เป็นหนุ่มน้อยหน้ามนคนรูปหล่อ ^ ^ จากคุณ : Quick beam - [ 17 ม.ค. 48 15:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คห.3 ไม่ได้ตีรวนอะไร แต่อยากให้คิดอะไรที่มันเป็นวิทยาศาสตร์หน่อย อย่าอิงจินตนาการมากนัก เรื่องผ่านครม.นับไม่ถ้วนที่มายกเลิกภายหลัง หรือ มีการแก้ไขปรับปรุง สำหรับเรื่องเศรษฐกิจพิเศษนี้ ถ้าอ่านตามข่าว จะเห็นว่ายังมีหลายหน่วยงานที่มีข้อสังเกตต่างๆนาๆยังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย อีกทั้งความเห็นทางกฎหมายยังต้องรอความเห็นชอบของคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนส่งไปยังรัฐสภา เรื่องนี้ยังอีกยาว ยิ่งต้องออกกฎหมายเพื่อไป over rule กฎหมายอื่นด้วยแล้ว ยังต้องเถียงกันอีกนาน ถกกันบนข้อเท็จจริงจะดีกว่า ประเทืองปัญญา และไม่ต้องอายเด็ก... จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 17 ม.ค. 48 15:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมมีความเห็นว่า  การที่เราให้ต่างชาติเช่าที่  เขาก็เอากลับไปประเทศไม่ได้   ผืนดินแห่งนั้นก็ยังคงอยู่บนประเทศไทยอยู่ดี   แต่ผืนดินนั้นจะมีคุณดังนี้ -สร้างงานให้ประชาชน -จูงใจให้มีการก่อสร้างอาคารและโรงงานเป็นการมัดใจให้เขาลงทุนและสร้างงานให้คนไทยสืบไป -ได้ค่าเช่าดีกว่าปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า -ตัดกำลังประเทศคู่แข่ง -สามารถวางระบบผังเมืองได้ส่วนหนึ่งถ้าเห็นว่าไม่ดีก็ยกเลิกได้เพราะประเทศไทยไม่ใช่เมืองขึ้นใคร แต่อยากติว่า  ควรจะทำประชาพิจารณ์ก่อนให้เป็นไปตามขั้นตอน   แล้วกฏหมายฉบับนี้ส่งผลต่อกฏหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ  ไว้เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยพิจารณาก็ไม่เสียหาย จากคุณ : Narak-Man - [ 17 ม.ค. 48 15:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่แปลกใจว่าเหตุไฉน อ.วิจิตร ศรีสะอ้านท่านจึงไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ปชป. อ.วิจิตรท่านคงเบื่อกับคำกระแหนะกระแหนเรื่องหน้าเหลี่ยมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง จะล้อหน้านายกฯว่าเหลี่ยมๆ ก็กรุณาเกรงใจผู้ใหญ่ในพรรค ปชป.เขาด้วย ท่านน้อยใจแล้วนะ ไม่ลงไม่เล่นการเมืองในนามพรรค ปชปงเที่ยวนี้แล้วละ ฮึ ฮึ ฮึ เรื่องเศรษฐกิจพิเศษ คงไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่มีคนวาดภาพไปล่วงหน้านี้ ขอให้ดูตัวอย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลปักกิ่งเขาจัดให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนเป็นตัวอย่าง ไม่มีเรื่องอะไรที่น่ากลัวหรอก ขอให้รอความชัดเจนต่อไป ไม่เหมือนกับการออกกฏหมายในยุครัฐบาล ปชป.ที่ให้ชาวต่างชาติมาเช่าที่ดินในไทยได้นาน 50+50 นั้นหรอกที่เปิดให้ต่างชาติเข้ามาจับจองเช่ากับเอกชนต่อเอกชนได้ ซึ่งเป็นลักษณะของการแยงให้ต่างชาติเข้ามาครอบครองโดยอิสระมากกว่ากรณีของรัฐบาลนี้ อย่างไรก็ตาม ติดตามรอดูต่อไปครับ อย่าเพิ่งทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมมากเดี๋ยวจะหัวโกร๋นจ๊ะ จากคุณ : เฮ้อ... - [ 17 ม.ค. 48 15:56:52 A:203.150.105.64 X: TicketID:075991 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นายกเขาทำอะไรรวดเร็ว เรื่องพวกนี้ผมว่านายกเขามองออกว่ามันจะต้องมีผลดีต่อชาติ ตัวอย่างในประเทศจีนเขาก็มี  ถ้าทำได้มันจะเป็นประโยชน์มากกับประเทศ ยังไงก็ต้องคอยดูกันไปก่อน อย่าพึ่งตีโพยตีพายไปก่อน จากคุณ : อาชาทร - [ 17 ม.ค. 48 16:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อิ อิ...อ.วิจิตรท่านงานเยอะครับ เป็นกรรมการโน่นนี่มากมาย ที่ท่านมาทำหน้าที่ สส. ก็นับว่าเป็นคุณ ที่มีคนอย่างท่านมาประดับสภา ให้ข้อคิดเห็นให้ข้อติติง ท่านเหนื่อยท่านก้ถอย ผมมองแค่นั้นนะ เพราะไม่ได้อยู่ฝ่าย ปชป.ที่พอจะรู้ลึกไปกว่านี้ ผมแอบไปดูงานของอ.วิจิตร..เยอะจริงๆครับ แต่ก็อย่างว่าครับ คนดีมีฝีมือ อยู่ตรงใหนก็ทำงานได้ คนผมน้อย ใช่จะใจน้อยนะครับ ผมล้อเพื่อนบ่อยๆ ทุกทีที่เจอหน้าก็เห็นยิ้มทุกที อดทนสูงมาก แต่หน้าเหลี่ยมนี่ ใครค้านไม่ได้นะครับ ว๊าก..เสียผู้เสียคนเลย ขนาดในที่ประชุม ครม. เคยเห็นใครค้านหน้าเหลี่ยมบ้าง...ไม่มีหรอกเก่งคนเดียวทั้งนั้นเลย สรุปฉับๆๆๆๆๆ เห็นเด็กปากมูล ลบเหลี่ยมไปทีเดียวเอง อิ อิ เอาเถอะ เมื่อรู้ว่าต้องผ่านกระบวนการมากมาย ก็ไม่น่าจะนำเข้า ครม. อนุมัติในหลักการอะไร ที่จริงหากจะนำเข้า ก็น่าจะพ่วงติ่งเล็กๆ ไปด้วยว่า ขอให้มีการทำประชาพิจารณ์ก่อนนำเข้าสู่สภา แบบนี้จะได้ใจ ได้ความถูกต้องชอบธรรม ได้เสียงอีกมากมายนะครับ ไม่ก็รออีกซักนิด ตั้งรัฐบาลแล้ว ทำเป็นวาระเร่งด่วนก็ไม่เห็นจะเป็นไร มีเวลาอีกตั้ง 4 ปี...เช่าอีก 99 ปี มีเวลาถมเถ อิ อิ ( ตกรุ่นหลานจะหมดสัญญาเช่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ ) จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 16:11:11 A:202.5.88.157 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ อาชาทรครับ ผมอ่านข่าวสองสามวันนี้ มีผลงานของรัฐบาลจีน รายงานว่า ยิ่งพัฒนาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนยิ่งห่างขึ้น ( ข่าวช่อง 9 -สำนักข่าวไทย ลองค้นดูนะครับ ) แล้วยังงี้จีนเดินทางถูกแน่หรือครับ จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 16:14:05 A:202.5.88.155 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเราเฉือนที่ดินประเภท ทุ่งกุลาร้องไห้ ไปพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวหรือธุรกิจ อย่างอเมริกาเอาทะเลทรายไปพัฒนาเป็นบ่อนลาสเวกัสได้ ก็ยังดีกว่าปล่อยที่ดินให้แล้งไว้เฉยๆนะครับ เพียงแต่ถ้าไม่อยากให้เป็นบ่อนการพนัน แต่เป็นดิสนีย์แลนด์อะไรก็ได้ แต่ที่ผมอยากได้คือ ให้พวกผู้ก่อการร้าย โจรใต้มาเช่าที่ดิน 3 จังหวัดภาคใต้ ให้มันพัฒนาไปซัก 20 ปี แล้วเราไปวางระเบิดทำลายมันอย่างไม่มีเหตุผลบ้าง ดูซิมันจะรู้สึกยังไง จากคุณ : เซียวฟง - [ 17 ม.ค. 48 16:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เค้ามาอ่าน ครับ ไม่ทราบข้อมูล ได้มาจากไหนเหรอครับ 99 ปี ผมคงตายแล้วหละครับ จากคุณ : TumOhyes - [ 17 ม.ค. 48 17:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มีทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี.....เพียงแต่แง่ไม่ดีสามารถนำมาประยุกต์หรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ สภาพภูมิศาสตร์หรือความมั่นคงภายในชาติได้ไม่ยาก...... การวิเคราะห์หรือมองกฎหมายอย่ามองเพียงตัวบทอย่างเดียว........เพราะเนื่องจากกฎหมายบางฉบับค่อนข้างกว้างจึงจำเป็นต้องเขียนให้ครอบคลุมทั้งหมด.......ทั้งนี้การตีความในแต่ละประเด็นอาจทำให้เกิดความสับสน.....เอาไว้ให้เนื้อหาเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้ค่อยมาถกเถียงกัน จากคุณ : ดาราเดช - [ 17 ม.ค. 48 17:16:44 A:189.2.255.60 X:203.144.240.245 TicketID:058357 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 2 เจอคุณCAN แหย่รังตวย ซวยไปเลย... เจ็บ ๆ คัน ๆ มัน ๆ ปวด ๆ จากคุณ : เจ็บนี้...อีกนาน - [ 17 ม.ค. 48 17:22:12 A:203.113.37.8 X:203.150.217.116 TicketID:083941 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สงสัยว่าเตรียมการเช่าแผ่นดินไว้ 99 ปี เกิดทางนี้โดนประชาชนไล่...ไม่มีแผ่นดินอยู่น่ะ..อย่าคิดมาก เลยรีบๆทำไว้ก่อน...กลั;ลูกหลานลำบาก อิ อิ จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 17:29:46 A:202.5.88.151 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000006609 “มีชัย”แจงสี่เบี้ยกม.เขตศก. โดย ผู้จัดการรายวัน 14 มกราคม 2548 20:25 น.       ผู้จัดการรายวัน - "มีชัย” ปธ.ยกร่างกฏหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ แจงร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่จะถูกนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฏรฯ มีประโยชน์รัฐหวังอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการค้า ระบุข้อวิพากษ์เช่าที่ดินยาวนานถึง 99 ปีเป็นการให้เขตพิเศษเช่า ใช้กฎหมายเศรษฐกิจ 11ฉบับเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่             วานนี้ (14 ม.ค.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ในฐานะประธานยกร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษให้สัมภาษณ์ชี้แจง ถึงร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนายกฯ ประกาศเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในสมัยหน้าว่า แนวคิดของกฎหมายเศรษฐกิจพิเศษ จะไม่ใช่เรื่องของอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียวแต่เป็นทั้งเรื่องการค้า การเงิน การคลัง การท่องเที่ยวและงานไอที ฯลฯ ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)ก็ต้องการทำเขตเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนโดยรัฐบาลต้องการให้การดำเนินชีวิตและประกอบธุรกิจของผู้คน เป็นไปได้โดยสะดวกและรวดเร็วสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ ซึ่งต้องถกเถียงกันว่าสิ่งที่คิดนี้ควรเกิดทั้งประเทศหรือเกิดเฉพาะที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น เมื่อได้พบความจริงว่า ถ้าเราทำทั้งประเทศจะเป็นเรื่องใหญ่มากซึ่งจะไม่มีวันสำเร็จ จึงต้องหันมาทำเป็นจุดเพื่อให้เป็นตัวอย่างให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น             โครงสร้างของกฎหมายจึงร่างบนพื้นฐานว่าไม่กระทบกระเทือนต่อองค์กรปกครองอบจ. อบต. หรือเทศบาลมีอำนาจอยู่อย่างไร ก็คงมีต่อไปเพียงแต่ว่าราษฎรจะมีโอกาสเลือกว่าเวลาจะไปขออนุญาตต่างๆ จะไปขอที่อบต.หรือจะขอที่เขตเศรษฐกิจพิเศษก็ได้โดยเขตจะอนุญาตบนพื้นฐานกฎเกณฑ์ของอบต.บนกฎเกณฑ์ของกฎหมายของกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ             นายมีชัย ยังกล่าวถึงความกังวลเรื่องของการจัดการที่ดินของกฎหมายฉบับนี้ว่าในส่วนของที่ดินนั้นมีอยู่สองส่วน ส่วนหนึ่งเขตจะไปหาที่ดินใช้ได้ทั้งวิธีซื้อถ้าเป็นเขตอุตสาหกรรม ก็อาจจะเวนคืนมาทำนิคมฯได้และอาจเป็นการเช่าบางคนเขาอาจจะไม่อยากขายแต่จะให้เช่าซึ่งเขายังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่แต่ต้องให้เช่าระยะยาว เพราะทางเขตเศรษฐกิจฯต้องเอาไปทำมาหากินของเขา โดยเขาจะให้เช่าอีกต่อหนึ่ง             นายมีชัย ยังกล่าวอีกว่าการให้เช่าที่ดินยาวนานถึง 99 ปีจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักว่าเป็นการให้เขตพิเศษไปเช่ามาเพื่อให้คนมาอยู่อาศัยหรือทำโรงงานจะเช่ามาสั้น ๆ ได้อย่างไร เดี๋ยวเขากินกำไรกันเยอะกฎหมายเดิมเช่าได้อยู่แล้ว ซึ่งนายมีชัยยอมรับว่า กฎหมายเศรษฐกิจ 11ฉบับเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เขตเศรษฐกิจเป็นคนไปเช่าไม่ใช่คนอื่นเช่าแล้วเมื่อเช่าแล้วพัฒนาแล้วก็เอาไปให้คนอื่นเช่าต่อกฎหมายตรงนั้นก็ยังอยู่ แต่ตรงนี้รัฐเป็นคนเช่าไม่ใช่คนต่างด้าวเช่า คนต่างด้าวจะมาเช่าได้เท่าไหร่อีกเรื่อง กฎหมายที่มีอยู่ให้เช่าได้30 ปีอยู่แล้ว แต่ถ้ารัฐเองไปเช่าคนอื่นแค่ 30 ปี ก็ไม่คุ้มที่ทำอย่างนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ซูเอี๋ย ถ้าจะเช่าต้องให้คุ้มกับการเอาไปลงทุนไม่ใช่ตนบอกให้คุณมาเช่าที่ผมหน่อยสัก 15 ปีมาพัฒนาที่ให้ผมที แล้ว 15 ปี ที่ดินก็กลายเป็นของตนก็เสียหายเพราะฉะนั้นถ้าผมจะให้คุณไปพัฒนาแสดงว่าผมจะต้องขาดสิทธิตรงนี้ไป 90 ปี       . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 17 ม.ค. 48 17:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กฏหมายขายชาติที่โดนต่อต้าน...มาถึงรัฐบาลนี้กลายเป็นกฎหมายซื้อชาติไปแล้ว ..................................................................... นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ที่ปรึกษากรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า เท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนทำให้รู้สึกเป็นห่วงใน 2 เรื่องใหญ่ ที่เห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจะส่งผลกระทบ คือ 1.การผ่อนผันการใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมบางกรณี ซึ่งจะเป็นการใช้เรื่องเศรษฐกิจนำโดยไม่คำนึงถึงสภาพสิ่งแวดล้อม ไม่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทุกฉบับตั้งแต่ฉบับที่ 1-7 ที่จะเน้นเรื่องเศรษฐกิจและความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม ข้อเป็นห่วงที่ 2 คือเรื่องการเชื่อมโยงการเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ซึ่งขณะที่ยังไม่บรรลุข้อตกลง แม้กระทั่งสัญญาว่าจะแก้กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ สมัยรัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แต่กลับจะเปิดโอกาส เอื้อประโยชน์ให้มีการลงทุนของต่างชาติได้อีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง นายสรรเสริญ สมะลาภา เลขานุการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องดูว่าประโยชน์ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติหรือไม่ และสิทธิพิเศษที่ให้ไปนั้นเหมาะสมกับพื้นที่หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ การผ่อนผันให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้ถึง 99 ปี ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลชุดนี้เคยโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยที่เป็นรัฐบาลโดยกล่าวหาว่าขายชาติ แต่ขณะนี้กลับมาทำเสียเองจะให้เหตุผลอย่างไร เพราะจะเป็นการกลับคำกับสิ่งที่รัฐบาลเคยพูดไว้ ถึงแม้ว่าจะต้องการระดมทุนให้เกิดการลงทุนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เหมือนเอาสิทธิประโยชน์ของเราไปแลกกับต่างชาติ ดังนั้นต้องหาจุดพอดี ทั้งนี้ คณะทำงานของพรรคกำลังติดตามดูรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 ที่ผ่านมา มีการประชุมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ทำเนียบรัฐบาล มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นประธาน ส่วนผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาล น.ส.สุภัทรา เชื้อรอด จากสำนักงานกฎหมายมีชัย ตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สภาพัฒน์ และเจ้าหน้าที่หลายระดับจากนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร เป็นต้น บันทึกการประชุมเริ่มต้นที่นายวิษณุสรุปความเป็นมาว่า ครม.เคยปรารภว่าจะให้มีกฎหมายกำหนดให้บางพื้นที่เป็นเขตพิเศษครอบคลุมกิจการที่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรม การเกษตรกรรม พาณิชยกรรม การท่องเที่ยว ซึ่งเดิม ครม.เคยมีมติให้ดำเนิน คือ 1.เรื่องจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงราย 2.เรื่องการจัดตั้งเมืองใหม่ที่จังหวัดนครนายก 3.โครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบกับการนิคมอุตสาหกรรมได้เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไข กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีกฎหมายหลายฉบับขึ้นมารองรับ ซึ่งจะก่อให้เกิดความยุ่งยากและล่าช้า ดังนั้นหากจะมีกฎหมายเพียงฉบับเดียว ก็น่าจะทำให้การดำเนินการเป็นไปโดยรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งคณะทำงานของนายมีชัยศึกษาแล้วเห็นควรกำหนดให้มีกฎหมายขึ้นมารองรับฉบับเดียว มีลักษณะเป็นกฎหมายกลาง สามารถใช้ได้กับวัตถุประสงค์ทั้ง 4 ประการข้างต้น และได้ยกร่างกฎหมายขึ้นโดยใช้ชื่อว่า "ร่างพระราชบัญญัติเขตพิเศษ" ให้มีคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายเขตพิเศษ และการตั้งเขตพิเศษแต่ละแห่งต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำกับดูแลการดำเนินการของเขตพิเศษให้เป็นไปตามนโยบาย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษ ซึ่งมีสถานะเป็นองค์กรมหาชน ทำหน้าที่ศึกษาถึงรายละเอียดที่จะตั้งเขตพิเศษ รวมทั้งเป็นฝ่ายวิชาการและธุรการให้คณะกรรมการนโยบายฯ คำชี้แจงของนายวิษณุยังระบุว่าเขตพิเศษอาจได้มาซึ่งที่ดิน/อสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ในการดำเนินงานโดยจัดหาเอง เช่น เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน เช่าระยะยาว เวนคืน ให้เอกชนนำที่ดินมาร่วมลงทุน เป็นต้น หรือได้มาโดยผลของกฎหมาย เช่นให้ พ.ร.ฎ.จัดตั้งเขตพิเศษมีผลเป็นการถอนสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และให้ตกเป็นของเขตพิเศษ โดยไม่ต้องดำเนินตามกฎหมายที่ดิน กรณีที่กฎหมายกำหนดให้การดำเนินการในเรื่องใดเป็นอำนาจของหน่วยงานของรัฐ หรือคณะกรรมการตามกฎหมาย ให้เขตพิเศษมีอำนาจดำเนินการได้เช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐนั้น และให้ถือว่าผู้ว่าการเขตพิเศษเป็นและมีอำนาจเช่นเดียวกับเจ้าพนักงานตามกฎหมายนั้น โดยเขตพิเศษมีอำนาจให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจ/อยู่อาศัย เช่น อนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต แทนหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายภายในพื้นที่เขตพิเศษ และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งค่าธรรมเนียมหลังจากหักค่าใช้จ่ายไว้ไม่เกินร้อยละ 10 ให้ส่งเป็นรายได้ของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการ/ผู้อยู่อาศัยในเขตพิเศษ 1.จะได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน 2.การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล 3.หักค่าใช้จ่ายก่อนการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานอกจากที่กำหนดในประมวลรัษฎากร 4.นำคนต่างด้าวเข้ามาอยู่และทำงานในราชอาณาจักร 5.สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าว 6.สิทธิในการถือครองหรือเปิดบัญชีเงินฝากเป็นเงินตราต่างประเทศ และ 7.สิทธิในการนำหรือส่งเงินออกไปนอกราชอาณาจักร นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการชี้แจงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.ดังนี้ กฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมการจัดตั้งเมืองใหม่ โดยกฎหมายจะกำหนดให้เขตพิเศษมีการจัดวางผังเมืองและจัดหาสาธารณูปโภคที่จำเป็น โครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย ระบบขนส่ง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เขตพิเศษจะไม่ตัดทอนอำนาจของท้องถิ่นแต่อย่างใด โดยการดำเนินการของเขตพิเศษจะเป็นลักษณะคู่ขนานกันไปกับท้องถิ่น ซึ่งกฎหมายนี้จะกำหนดให้เขตพิเศษมีอำนาจเช่นเดียวกับท้องถิ่น เช่น กรณีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ผู้ขออนุญาตจะไปดำเนินการต่อท้องถิ่น หรือต่อเขตพิเศษก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของผู้ขออนุญาต ซึ่งหากขอต่อเขตพิเศษก็จะมีค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการ โดยค่าธรรมเนียมหลังจากหักค่าใช้จ่ายไว้ไม่เกินร้อยละ 10 ให้ส่งเป็นรายได้ของท้องถิ่น หากเขตพิเศษครอบคลุมทั้งจังหวัด ความเป็นจังหวัดก็ยังคงมีอำนาจเดิม ซึ่งความสัมพันธ์กับจังหวัดนั้น หากจังหวัดใดกำหนดเป็นเขตพิเศษ กฎหมายนี้จะกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารเขตพิเศษด้วย นอกจากนี้ อาจมีการจัดตั้งเป็นเขตพิเศษเพื่อ ICT โดยเฉพาะ หรือจัดตั้งเป็นส่วนบริการ ICT ในเขตพิเศษ โดยการดำเนินการเป็นของเขตพิเศษ ยกเว้นกิจการที่อยู่ภายใต้อำนาจ กทช.และ กสช. ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีข้อสังเกตให้แก้ไขชื่อร่าง พ.ร.บ.จากเดิม ร่าง พ.ร.บ.เขตพิเศษ ซึ่งมีความหมายที่กว้างขวาง เป็นร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษแทน แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ... ถือว่าเป็นร่างกฎหมายฉบับที่ใหญ่ที่สุดอีกหนึ่งฉบับโดยมีทั้งสิ้น 110 มาตรา ทั้งนี้มาตรา 3 ให้ยกเลิกกฎหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจำนวน 3 ฉบับด้วยกัน คือ กม.การนิคมฯ พ.ศ. 2522, กฎหมายการนิคมฯ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2534 และกฎหมายการนิคมฯ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2539 สำหรับสาระสำคัญ มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รองนายกฯ ที่นายกฯ มอบหมายคนหนึ่งเป็นรองประธาน รมว.คลัง รมว.พาณิชย์ รมว.มหาดไทย รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการสภาพัฒน์ และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่ง ครม.แต่งตั้งอีกไม่น้อยกว่า 7 คน แต่ไม่เกิน 10 คนเป็นกรรมการ ให้เลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ มาตรา 11 ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ มีฐานะเป็นองค์การมหาชน ( เก็บมาฝาก ) จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 17:51:04 A:202.5.88.145 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แถมอีกนิด ........................... ในเรื่องการจัดตั้งนั้น ระบุไว้ในมาตรา 16 ว่า ให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีฐานะเป็นนิติบุคคล ไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติใดๆ ที่ใช้บังคับแก่รัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน เว้นแต่ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ให้ถือว่าพนักงานและลูกจ้างของเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ "ประเด็นที่น่าสนใจ คือ การได้มาซึ่งที่ดิน ตามมาตรา 23 ระบุว่า ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ถ้ามีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ให้ดำเนินการโดยวิธีจัดซื้อ เช่าซื้อ เช่าระยะยาว แลกเปลี่ยน ถมทะเล หรือโดยวิธีเวนคืน ที่สำคัญ การจัดซื้อ เช่าซื้อ เช่าระยะยาว หรือแลกเปลี่ยน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นที่ได้มาโดยการจัดซื้อ เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน เวนคืน หรือที่ได้มาตามมาตรา 29 หรือมาตรา 31 ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเมื่อได้พัฒนาแล้ว ให้เขตเศรษฐกิจแต่ละเขตมีอำนาจขาย ให้เช่าซื้อ ให้เช่า หรือแลกเปลี่ยนได้" แหล่งข่าวกล่าว นอกจากนี้ ตามมาตรา 26 กำหนดว่า การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือใช้ประโยชน์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้เช่าเป็นระยะเวลาคราวหนึ่งไม่น้อยกว่าห้าสิบปี แต่ไม่เกินเก้าสิบเก้าปี โดยมิให้นำมาตรา 540 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับกับการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว มาตรา 27 ให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมมาใช้บังคับการเช่าตามมาตรา 26 โดยอนุโลม เว้นแต่ 1.ระยะเวลาการเช่าหรือให้เช่าช่วงอาจเกินห้าสิบปีได้แต่ต้องไม่เกินเก้าสิบเก้าปี 2.ที่ดินที่เช่าหรือให้เช่าช่วงอาจนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมได้ ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละเขต 3.การเช่า ให้เช่าช่วงหรือการเช่าช่วงที่ดินเนื้อที่เกินหนึ่งร้อยไร่ ให้กระทำได้โดยไม่ต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมที่ดิน และ 4.การเช่าที่ดินโดยมีเงื่อนไขห้ามให้เช่าช่วงจะกระทำมิได้ แหล่งข่าวกล่าวว่า กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษยังมีอำนาจเข้าไปจัดระเบียบพื้นที่เขตป่าสงวนด้วย โดยระบุไว้ในมาตรา 30 ในกรณีที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และพื้นที่ของเขตเศรษฐกิจพิเศษครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตคุ้มครองและรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายดังกล่าว ต้องสอดคล้องกับแผนและแนวทางในการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขณะเดียวกันตามมาตรา 31 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละเขตตาม พ.ร.บ.นี้แล้ว ให้มีผลต่อสาธารณสมบัติของแผ่นดินและที่ธรณีสงฆ์ ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย เช่น ที่ดินอันเป็นที่ธรณีสงฆ์ เมื่อเขตเศรษฐกิจพิเศษได้รับความยินยอมจากวัดและจ่ายค่าผาติกรรมให้แก่วัดตามที่มหาเถรสมาคมกำหนดแล้ว ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวตกเป็นของเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยไม่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.โอนที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ หรือในกรณีที่วัดประสงค์จะให้เช่าแทนการโอน ก็ให้ดำเนินการเช่าระยะยาวตามระยะเวลาที่กำหนดในมาตรา 26 ได้ ทั้งนี้ ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในมาตรา 31 นอกจากธรณีสงฆ์แล้ว ยังครอบคลุมไปถึงที่ดินสาธารณะที่พลเมืองยังใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นอยู่ โดยกฎหมายฉบับนี้บังคับให้ถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวให้ตกเป็นของเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยไม่ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ส่วนที่ดินที่ได้สงวนหรือหวงห้ามไว้ตามความต้องการของทางราชการ ก็สามารถดำเนินการได้ตามหลักการดังกล่าวเช่นกัน โดยไม่ต้องดำเนินการถอนสภาพตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ แหล่งข่าวกล่าวว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละเขต ให้มีผู้ว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษคนหนึ่งซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้ง มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารกิจการของเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ การแต่งตั้งผู้ว่าการฯ ให้ทำเป็นสัญญาจ้างตามแบบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด โดยประธานกรรมการบริหารเป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้าง "อำนาจของเขตเศรษฐกิจพิเศษระบุชัดเจนว่า จัดให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อจัดตั้งหรือขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือเพื่อประโยชน์ในการผังเมือง ถมทะเลเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินและพัฒนาที่ดิน จัดทำผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยผังเมือง จัดรูปที่ดินภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการจัดสรรที่ดิน จัดทำหรือจัดให้มีไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดทำหรือจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก ประกอบการขนส่งหรือจัดให้มีผู้ประกอบการการขนส่งภายในเขต จัดระบบชลประทาน ควบคุมการใช้ประโยชน์ในที่ดินภายในเขตเศรษฐกิจฯ เรียกเก็บค่าบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก ร่วมทุนกับเจ้าของที่ดินหรือทรัพย์สินอื่นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีความจำเป็นต้องได้มาเพื่อใช้ในการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์" สำหรับสิทธิพิเศษของผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบการ หรืออยู่อาศัยในที่ดินของเขตเศรษฐกิจพิเศษ นอกจากสิทธิในด้านภาษีแล้ว มาตรา 71 ยังระบุว่าการนำของเข้ามาในราชอาณาจักร หรือวัตถุดิบภายในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตเศรษฐกิจ เพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการอื่นใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้ของนั้นได้รับการยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพ หรือมาตรฐาน การขอหรือมีใบอนุญาตนำเข้า การประทับตรา หรือเครื่องหมายใดๆ แก่ของนั้น. ................................... มาจากกระทู้ข้างล่างครับ เก็บรวมๆกันจะได้อ่านทีเดียว จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 17:53:40 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้อสรุป สั้นๆ ง่ายๆ ของการจัดตั้งเศรษฐกิจพิเศษ ให้อ่านข่าวนี้ดู 'พงษ์ศักดิ์” เผย เขตเศรษฐกิจพิเศษ ต้องใช้เวลาจัดตั้งกว่า 1 ปี (ข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์) นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงการที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การจัดทำ พระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ ว่า ปัจจุบันการดำเนินการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังเป็นเพียงการเห็นชอบในหลักการ ซึ่งในขั้นตอนต่อไปยังต้องรอความเห็นชอบจากคณะรัฐบาลชุดใหม่ ผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร และมติของสมาชิกวุฒิสภา ที่อาจเห็นชอบในหลักการจัดตั้ง หรือต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของแนวทางการดำเนินการตามความเหมาะสม ซึ่งหากจะให้เป็นรูปเป็นร่างได้ คงต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะเป็นการยกฐานะของการนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ให้สามารถบริหาร และให้บริการแก่นักลงทุน ได้อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมา แม้จะมีการรณรงค์จัดทำ เรื่อง ONE STOP SERVICE ในพื้นที่ต่างๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า โครงการดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ เพราะยังไม่มีการประสานงานกันอย่างจริงจัง แต่รูปแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ จะช่วยให้นิคมฯต่างๆ สามารถ ให้บริการได้ครอบคลุม และเป็นระบบ มากขึ้น ผ่านการบริหารของผู้ว่าการฯและคณะกรรมการเป็นผู้กำหนดแนวทางแต่อำนาจหลักยังอยู่ที่กระทรวงที่ดูแลรับผิดชอบเช่นเดิม เช่น อำนาจการบริหารประชาชนจะยังอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย หรือการจัดเก็บภาษี จะมีกระทรวงการคลังดูแล จากคุณ : เฮ้อ... - [ 17 ม.ค. 48 18:16:15 A:203.150.105.64 X: TicketID:075991 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอเสริม พรบ. ฉบับเดิมที่ใช้อยู่นะครับ.. พระราชบัญญัติ การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการเช่าอสังหา ริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542" มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ "การเช่า" หมายความว่า การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรมที่กำหนดเวลาเช่าไว้เกินสามสิบปีแต่ไม่เกินห้าสิบปี "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมที่ดิน มาตรา 4 การเช่าตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องทำเป็นหนังสือและจด ทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็นโมฆะ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการเช่าแล้ว ผู้เช่าและผู้ให้เช่าอาจตกลงกัน ต่อระยะเวลาการเช่าออกไปอีกได้มีกำหนดไม่เกินห้าสิบปีนับแต่วันที่ตกลงกัน และต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นเป็น โมฆะ มาตรา 5 ผู้ให้เช่าต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น การเช่าที่ดินที่มีเนื้อที่เกินกว่าหนึ่งร้อยไร่จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง การจดทะเบียนการเช่าตามพระราชบัญญัตินี้ การกำหนดประเภทของ พาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่ให้ทำการเช่า และการใช้หรือการเปลี่ยน แปลงประเภทการใช้อสังหาริมทรัพย์ตามที่เช่า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้อธิบดีมีอำนาจเพิกถอนการจดทะเบียนการเช่าที่ฝ่าฝืนหรือมิได้ ปฏิบัติตามความในวรรคสองและวรรคสาม   มาตรา 6 สิทธิการเช่าตามพระราชบัญญัตินี้ให้สามารถนำไปใช้เป็น หลักประกันการชำระหนี้โดยการจำนองได้และให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการ จำนองอสังหาริมทรัพย์มาใช้บังคับโดยอนุโลม มาตรา 7 สิทธิและหน้าที่ตามการเช่าให้ตกทอดแก่ทายาทได้ และผู้เช่า จะให้เช่าช่วง หรือโอนสิทธิการเช่าไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคล ภายนอกก็ได้ เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาเช่า มาตรา 8 การแก้ไขรายการที่จดทะเบียนการเช่า การให้เช่าช่วง การ นำสิทธิการเช่าเป็นหลักประกันการชำระหนี้ การโอนสิทธิการเช่าหรือการ ตกทอดทางมรดกต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิฉะนั้นจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกมิได้ มาตรา 9 ให้นำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วย เช่าทรัพย์มาใช้บังคับโดยอนุโลมเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 10 ให้นำบทบัญญัติในประมวลกฎหมายที่ดินในหมวด 4 การ ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน และหมวด 6 การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม มาใช้บังคับแก่การสอบสวน การจดทะเบียนและการเพิกถอนการจดทะเบียน การเช่าตามพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม ให้ผู้ยื่นคำขอชำระค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมาย ที่ดินโดยอนุโลม มาตรา 11 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราช บัญญัตินี้และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ :: ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี *หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่บทบัญญัติ ว่าด้วยการเช่าทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ยังไม่สอดคล้องกับ สภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนเพื่อพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมบางประการ ที่ต้องมีการลงทุนในระยะยาวและต้องการความมั่นคงของสิทธิตามสัญญาเช่า ดังนั้นจึงต้องมีการตรากฎหมายรองรับการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมในระยะยาว โดยให้สิทธิการเช่ามีความมั่นคงมากขึ้น โดย ให้สิทธิการเช่าสามารถโอนสิทธิตกทอดทางมรดกให้เช่าช่วงและใช้เป็นหลัก ประกันการชำระหนี้โดยการจำนองได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการเช่าอสังหา ริมทรัพย์เพื่อนำไปประกอบพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมในระยะยาว ซึ่ง เป็นมาตรการหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม จึงจำเป็นต้อง ตราพระราชบัญญัตินี้ . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 17 ม.ค. 48 18:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นี่แหละครับที่เรียกกันว่า 1 ใน กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่จริงมีอีกฉบับ เกี่ยวกับ อาคารชุด นะครับ ออกในสมัยนายชวน...รัฐบาลนี้ตอนหาเสียงก็รับปากดิบดี ว่าจะยกเลิกแก้ไข แต่ผลเป็นยังไง ..นอกจากไม่ยอกเลิกหรือแก้ไข แต่กลับนำมาใช้หน้าตาเฉย ผู้อ่านคงคิดได้นะครับ...สัจจะของนักการเมือง จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 18:26:28 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตาม คห. 24 พรบ. ฉบับเดิม ปี 2542 - การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรม หรืออุตสาหกรรมที่กำหนดเวลาเช่าไว้เกินสามสิบปีแต่ไม่เกินห้าสิบปี - เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการเช่าแล้ว ผู้เช่าและผู้ให้เช่าอาจตกลงกัน ต่อระยะเวลาการเช่าออกไปอีกได้มีกำหนดไม่เกินห้าสิบปีนับแต่วันที่ตกลงกัน ซึ่งรวมแล้วก็คือ ไม่เกิน 100 ปี . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 17 ม.ค. 48 18:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ่าน ๆ แล้วรู้สึก อึดอัด พิกล จากคุณ : TumOhyes - [ 17 ม.ค. 48 19:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคุยกับพรรคพวกนิคมอุตสาหกรรม เค้าบอกมี มติ ครม.ให้ยกเลิก พรบ.นิคมอุตสาหกรรม ด้วยสิ สงสัยต่อไปให้การนิคมฯขึ้นกับเขตเศรษฐกิจพิเศษแหงๆ ขอหาข้อมูลก่อนนะครับ เผื่อมีมติครม. จากคุณ : Can - [ 17 ม.ค. 48 20:46:36 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อิอิ.....ลุงแคนใช้จินตนาการมากไปครับ อ้างภูกงภูเก็ตไปโน่น คณะรัฐมนตรีอนุมัติแค่นี้เองครับ คณะรัฐมนตรีเคยปรารภว่าจะให้มีกฎหมายกำหนดให้บางพื้นที่เป็น “เขตพิเศษ” ครอบคลุมกิจการที่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม การท่องเที่ยว ที่เคยมีมติให้ดำเนินการแล้ว คือ.... 1. เขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงราย 2. การจัดตั้งเมืองใหม่ที่จังหวัดนครนายก 3. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบกับการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน จากคุณ : Athit - [ 17 ม.ค. 48 22:06:15 A:203.113.35.7 X:203.150.217.120 TicketID:001723 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คืนนี้และคืนต่อๆไป ลุง canนอนไม่หลับแน่ๆ เพราะต้องหาข้อมูลเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อเอามากัดพรรค ทรท. แม้จะต้องถึงกับแต่งแต้มใส่สีตีไข่เข้าไปบ้าง หรือให้ข้อมูลครึ่งๆกลางๆ กับคนอ่านเข้าใจคลาดเคลื่อน ก็ยอมละน่า ไม่งั้นนอนไม่หลับใช่ไหมครับลุง can ฮิฮิ จากคุณ : เฮ้อ... - [ 17 ม.ค. 48 22:39:57 A:203.150.104.210 X: TicketID:075991 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมอ่านข่าวสองสามวันนี้ มีผลงานของรัฐบาลจีน รายงานว่า ยิ่งพัฒนาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนยิ่งห่างขึ้น ( ข่าวช่อง 9 -สำนักข่าวไทย ลองค้นดูนะครับ ) แล้วยังงี้จีนเดินทางถูกแน่หรือครับ จากคุณ : Can =============================== ผมว่า คุณ Can ไปหาอ่านเรื่อง "จีน" ให้มากกว่านี้ดีกว่า จีนเขาเคยอธิบายเรื่องนี้แล้วครับ จีนเขาเรียกระบบการค้าเสรีว่า "การค้าแบบการตลาด" นั่นคือ ถ้ารัฐบาลเห็นว่าธุรกิจไหนดี เขาก็จะรักษาเอาไว้ ถ้าเป็นของเอกชน เขาก็จะเข้าไปซื้อหุ้นให้มากที่สุด เมื่อเอกชนร่ำรวย รัฐบาลก็มีเงิน จะได้นำเงินเหล่านั้นไปให้แก่คนจน....รัฐบาลเขายอมให้คนบางส่วนรวยล่วงหน้า แล้วคนที่เหลือก็จะรวยตาม อ่านดูแล้ว บางคนว่า ก็เหมือนกับระบบของเราเอง เป็นการตีสำนวนมากกว่า แต่จริงๆแล้ว ถ้าความคิดต่างกัน แนวทางการทำงานก็จะต่างกัน...ลองสังเกตดูนะครับว่า จีนจะทำหลายๆอย่างขัดกับระบบการค้าเสรี จากคุณ : จู่โจมเหนือ - [ 17 ม.ค. 48 23:03:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยครับ กับ คุณ จู่โจมเหนือ ผมว่า คุณ CAN แกคง มีอะไรที่คับแค้น พ่อหน้าเหลี่ยม มาก แน่ๆ เห็นแกไปหาข้อมูลอะไรที่แล้วแต่ จะโจมตี พ่อหน้าเหลี่ยม มีเหตุผลยาวเยียด จะเป็นจะตาย น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหลงเหลง มีจินตนาการทำกระต่ายตื่นตูม งัยคุณ CAN ก็คงต้องเห็น พ่อหน้าเหลี่ยม ไปอีก 4 ปีแหละ อย่าลืมหาข้อมูล อย่างว่ามา ให้ อ่านอีกนะครับ จากคุณ : มดง่าม - [ 18 ม.ค. 48 01:16:19 A:203.113.34.11 X:203.150.217.111 TicketID:009640 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อิ อิ จินตนาการอะไรครับของจริงในครม. ถ้าหากคิดว่าจะใช้เวลา ทำไมไม่รอจนได้เป็นรัฐบาลจริงๆ ค่อยออกมาทำให้มันดังระเบิดเถิดเทิง พวกนิคมอุตสาหกรรม มีมติให้ยกเลิก พรบ.การนิคมแล้วครับ แถมแปรรูปเสร็จสรรพ อยากได้ข้อมูลเพื่อนผมมีเป็นปึ๊ง...เจ้าหน้าที่ก็ร้อนๆหนาวๆ กับสถานภาพของตัวเอง คุณจู่โจมเหนือครับ ผมไม่ได้ลงรายละเอียด ข่าวช่อง 9 ลงแบบนี้ก็นำมาบอกกัน เขาสรุปว่ายิ่งพัฒนา ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนยิ่งห่างขึ้น ...เหมือนๆกับคนไทยนั่นแหละครับ...ผมขี้เกียจไปเรียนใหม่หมด...ที่พูดถึงจีนคงหมายถึงเขตเซินเจิ้น ที่พูดนี่เขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยมันจะแปรนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออกหรือที่ใหนก็ได้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหมดครับ ขึ้นกับผู้ว่าการทั้งหมดครับ ไม่เห็นจินตนาการตรงใหน เค้าเตรียมการมาจนหมดแล้ว กฎหมายก็ร่างจนเราเอามาอ้างอิงนี่ไงครับ ตกลงไทยรักไทยไม่เคยด่ากฎหมายขายชาติใช่มั๊ยครับ หรือด่าไปใช้กฎหมายของเค้าไป...ใช้มาตรฐานใหนกันครับ อีกกระทู้ก็ถามหาผลงาน ปชป. ก็กฎหมายขายชาติ ที่ไทยรักไทยใช้แปรรูป ใช้ทำกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษนี่ไง ชัดๆเลยของ ปชป. เค้า แน่จริงทำไมไม่ปรับปรุง ไปต่อยอดเขาทำไมครับ...ไม่ต้องลอง ใช้ได้เลยหวานหมู ซื้อชาติไปเลยใช่มั๊ยครับ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 01:55:51 A:202.5.88.157 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นี่ว่าจะตั้งกระทู้ด่า NGO อยู่พอดี...เรื่องมองประเด็นในการ เคลื่อนไหวผิดพลาด... ทุกวันนี้ต่างชาติเป็นห่วงเรื่องลิขสิทธ์ิ สิทธิบัตรอะไรต่างๆจะเป็นจะตาย.... แต่ NGO ไทยกลับจมปลักกลัวจะมีใครมาขโมย ทรัพยากร ขโมยแผ่นดิน คิดเหมือนเด็กๆ ตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน จากคุณ : Killer - [ 18 ม.ค. 48 09:43:39 A:202.133.139.164 X: TicketID:066056 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถูกต้อง เราห่วงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การคิดแต่ เงิน เงิน เงิน มันก็ไม่พ้นทาสทางวัตถุ ถ้าการแสวงหาความสุขจะต้องพึ่งแต่ เงิน เงิน เงิน พวกคนทุกข์คนยากจะอยู่ยังไง เค้าไม่มีทรัพย์สินทางปัญญาจะมาขายใครนี่ครับ หาเงินก็ไม่เก่ง กว่าจะได้ 150 บาท ทำงานทั้งวัน ขอให้พวกที่สนใจทรัพย์สินทางปัญญาไปสู้เรื่อง GMO ที่เค้าจะเอาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญามาขายคนไทยดีกว่า ช่วยๆกันต้านหน่อยซี ถ้ารักชาติ รักประชาชนอย่าไปลากเอาต่างชาติ มากอบโกยเงินจากคนไทยตาดำๆ อย่าเป้นคนไทยขายวิญญาณ ขายเอกราชให้ต่างชาติล่ะ แผ่นดินนี้บรรพบุรุษรักษาไว้ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ แต่คนรุ่นนี้พร้อมจะขายแผ่นดิน เพียงเพื่อได้เงิน ตกลงมันรักชาติจนน้ำลายไหลกันไปหมดแล้วหรือไง ให้เช่าไปเถอะ ขายไปเถอะ เพราะแผ่นดินนี้ได้มาง่ายๆ ปู่ย่าตายายก็มาจากลุ่มน้ำฮวงโห...มาสร้างเนื้อสร้างตัวกันในแผ่ยดินนี้ทั้งนั้น ดูหน้าก็รู้...หางคิ้วชี้ๆแบบนั้น จะมาห่วงลุ่มเจ้าพระยา คงเป็นไปไม่ได้ พวกหวงแผ่นดินคงเป็นพวกไม่รักชาติ เฮอะ การพัฒนาที่ดี มันไม่ใช่ก้าวหน้าไปด้วยคนกลุ่มเดียว แต่ทิ้งคนกลุ่มใหญ่ไว้ข้างหลัง โปรดอย่าหลอกล่อเอาความสุขจอมปลอมจาก เงิน ไปล่อลวงกันให้มากนัก....ความสุขจากเศรษฐกิจพอเพียงต่างหาก ที่ประชาชนผู้ทุกข์ยากต้องการ อย่าเอาสินค้าหรือสร้างความต้องการโดยวิชามารการตลาดเข้าไปบุกกันนัก เรียนกันมาเพื่อเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ มันคงไม่ถูกต้องนัก แต้ถ้าอยากมุ่งไปข้างหน้า มุ่งหาเงินก็หาไปเถอะ ถึงเวลาสู้ใครไม่ได้อย่ามาเอาเงินของคนส่วนใหญ่ไปใช้หนี้เหมือนที่ผ่านๆมาละกัน...มันสมเพช จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 13:00:14 A:202.5.88.137 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ที่คุณCanเขียนมาทั้งหมด  บางอันก็มีเหตุมีผลน่ารับฟัง ยกเว้น คห.ที่ 35 ที่มีแต่อคติล้วนๆ แบ่บไม่มีสติเลย เอาละ มันอยู่ที่การตั้งโจทย์ด้วย สรุปสั้นๆ   ต้องย้อนไปดูนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมและการกระจายความเจริญไปต่างจังหวัดของประเทศไทยที่ผ่านมาด้วย ตีโจทย์ตรงนี้ให้จบก่อน แล้วค่อยไปวิพากษ์เขา อย่าตัดตอน แล้วประเด็นขายชาติอะไรเนี่ย ยกไว้ให้พวกสหภาพกับพวกขาประจำตามเวทีสัมนาเขาเล่นไม่ดีกว่าหรือ sensatinal แบบนี้  ได้แค่สะใจ แต่ไม่ได้สาระ ถกกันแบบประเทืองปัญญา  จะไม่ดีกว่าหรือ จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 18 ม.ค. 48 13:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณกระป๋องนมข้นหวานครับ ความเห็นที่ 35 คือสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในสังคมไทย คุณพัฒนายังไง คนจนก็ยังจน คนมีโอกาสก็รวยเอารวยเอา การเรียนแสวงหาความรู้ แทนที่จะเอาวิชาความรู้มาช่วยคนจน แต่ทุกคนก็ห่วงแต่เศรษฐกิจของตัวเอง มีซักกี่คนที่มำนึกรักบ้านเกิด เรียนจบแล้วไปทำงานที่บ้าน เพราะอะไร ปัญหามันอยู่ตรงใหน ค่อยๆคิดนะครับ ถ้ายังตกผลึกไม่พอ...คุณไม่สามารถมองความเห็นที่ 35 เป็นจริงได้หรอก เพราะมันต้องอาศัยการเรียนรู้ทั้งภาควิชาการ การปฏิบัติและสังเกตโลกที่มันเป็นไป แม้ความรู้จากการอ่านมันก็เป็นความรู้อีกทางหนึ่ง...ต้องขบและคิดครับ ถึงจะคิดออก พัฒนายังไง 30 ปี คจนก็ยังจน คนรวยก็ยังรวยเอารวยเอา การกระจายรายได้มันทำไมไม่ไปในทิศทางที่ควรเป็นหรือควรยุติธรรมกว่านี้ ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ตรงใหนครับ...ถ้าเป็นคุณพอกินมั๊ยครับ พออยู่มั๊ยครับ 150 บาทต่อวันน่ะ คุณ Killer ยกเอาเรื่องต่อสู้ทรัพย์สินทางปัญญามาพูด ไทยเรามีอะไรไปขายเค้าครับ นอกจากรับเอาค่าลิขสิทธิ์ ค่าทรัพย์สินทางปัญญาของต่างชาติ มาต่อยอดความคิด ซื้อมาทั้งนั้น คนไทยผลิตอะไรที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาออกไปขายต่างชาติล้วน ๆ บ้าง คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของสินค้าส่งออก หรือแม้แต่สินค้าที่ทำในไทยขายคนไทยนี่แหละ มีกี่อย่าง ที่ไทยไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์เค้ามาผลิต..ลองไล่ให้ผมดูหน่อย เห็นมีแต่ค่าแรงเป็นส่วนใหญ่...หรือมิใช่ครับ...ที่เห็นเงินไหลเข้าประเทศ มองหรือเปล่าว่าภาคอุตสาหกรรม ต่างชาติถือครองหุ้นอยู่เท่าไหร่ แล้วกลุ่มนี้มีกี่เปอร์เซ็นต์ของคนไทย การพัฒนาที่มุ่งแสวงหาความสุขสบายของคนเรียนหนังสือ มีงานดีๆ เบาๆ เงินดีๆ มีรถ มีบ้าน แต่จะทอดทิ้งประชาชนกลุ่มใหญ่ของประเทศให้อยู่ข้างหลังแบบนั้นเหรอครับ การโฆษณาประชาสัมพันธืที่มุ่งไปในทีวีและสื่อต่างๆ คิดว่าเขาต้องการลูกค้าจากใหน ถ้าไม่ใช่ชาวรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ สร้างความโก้เก๋ มีสาวรุมตอม หากใช้สินค้านั้นๆ...มันวิชามารครับ เพราะมันปลูกฝังคุณค่าของการบริโภคนิยม ซื้อทุกอย่างที่จะกินจะใช้ แต่กลับทอดทิ้งของกินของใช้แบบชาวบ้าน เพราะมันไม่โก้ ไม่เก๋ สาวไม่มอง ขณะที่เศรษฐกิจพอเพียงกลับไม่ได้รับความสนใจ ไม่ส่งเสริม ถ้าเรื่องใหนมองไม่ลึกหรือสติปัญญาไม่ถึง ก็อย่าวิจารณ์เลยครับ หรือคุณจะเถียงว่าเศรษฐกิจล้มครั้งที่แล้ว รัฐบาลไม่ได้เอาเงินของชาติลงไปโอบอุ้ม โอบอุ้มใครครับ โอบอุ้มพวกล้มบนฟูกใช่มั๊ยครับ แล้วถามว่าเงินใคร...ของคนไทยทั้งชาติหรือไม่ ใครที่มีสิทธิ์ล้มบนฟูก...ถามทีครับ ชาวนา ชาวไร่ล้มบนฟูกได้มั๊ยครับ.... ที่เตือนๆเอาไว้เพราะไม่อยากให้ประเทศชาติกลับไปอยู่ในสภาพนั้น ความรู้เรียนทันกันหมด แต่นายทุนไทยเรียนไม่ทันกลุ่มนายทุนต่างชาติหรอกครับ...ยังอีกนาน...ยกเว้นจะเกาะขานักลงทุนต่างชาติ เสวยสุขไปวันๆ ในกลุ่มพวกตน และร่ำรวยกันอยู่ในกลุ่มไม่กี่ตระกูล ผมอยากถามคุณกระป๋องนมข้นหวานเหมือนกัน เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแค่ใหน ช่วยทำให้ประเทืองปัญญาหน่อยซีครับ...รัฐบาลนี้ทำอะไรไปบ้าง กับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง หรือเกษตรอินทรีย์ คุณมองเห็นผลงานรัฐบาลนี้ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอันเป็นแนวพระราชดำริมากน้อยแค่ใหน ขอคำตอบด้วยครับ ลีลาโวหารเก็บไปใช้กับเด็ก ๆ เถอะ เราประชาชนควรรู้ใช่มั๊ยว่า รัฐบาลนี้จะนำพาเราไปทางใหน เข้ารกเข้าพง หรือลงหุบลงเหว กฎหมายที่เกี่ยวพันกับประชาชน 60 ล้านคน เจ้าของที่ดิน วัด ป่าไม่ อุทยานแห่งชาติ มารวมอยู่ฉบับเดียวแบบนี้ ควรหรือไม่ที่ต้องให้ประชาชนวิพากษืวิจารณ์ หรือจะก้มหน้ารับชะตากรรมที่พวกซื้อเสียงเข้าไปครองอำนาจสั่งการแต่เพียงอย่างเดียว อำนาจตรวจสอบรัฐบาลไม่ได้จำกัดแค่คนกลุ่มใหนกลุ่มใหน 1 คน ก็ 1 เสียงย่อมมีสิทธิ์ตรวจสอบ และถามหาคำตอบ ไม่จำเป็นว่าต้องขาประจำ ขาจร เพราะทุกคนก็มีสองขา หนึ่งสมอง สองมือเหมือนๆกัน อย่าเอาหน้าที่พลเมืองไทย ไปผูกติดหรือมอบให้ใครง่ายๆนะครับ ถ้ามุมมองคุณมีแค่เรื่องนั้นให้คนนั้นทำคนนี้ทำ ก็คนละความคิดกับผมครับ ถ้าผมรอให้พวกขาประจำ-ขาจร มาพูดแทน ผมก็ไม่เข้าราชดำเนินครับ อ้อ...ประเทืองปัญญากับประเทืองอารมณ์ ไม่เหมือนกันนะครับ แยกๆหน่อย ผมเข้าใจว่าคุณต้องการแค่ประเทืองอารมณ์มากกว่า...ฮ่า ฮ่า เพราะคนที่ไม่เห็นด้วยกับผมก็ย่อมไม่ประเทืองอารมณ์ ผมรู้อยู่แล้วครับ อย่ามาจับมือผมเขียนเลยครับ อิ อิ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 15:35:52 A:202.5.88.141 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กฎหมายที่เกี่ยวพันกับประชาชน 60 ล้านคน เจ้าของที่ดิน วัด ป่าไม่ อุทยานแห่งชาติ มารวมอยู่ฉบับเดียวแบบนี้ ควรหรือไม่ที่ต้องให้ประชาชนวิพากษืวิจารณ์ ******* “วิษณุ” คาด 1 ปี ตรวจร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่เสร็จ วันที่ 18 มกราคม 2548 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติสัปดาห์ก่อนว่าถ้าพิจารณาจากร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ คาดว่าใน 1 ปี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาคงจะตรวจไม่เสร็จ เพราะ ครม. สั่งให้ต้องฟังความเห็นจากประชาชนด้วย การเสนอ พ.ร.บ. ให้ ครม. พิจารณาดำเนินการตามปกติ เพราะกฎหมายทุกฉบับต้องผ่านการพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกา ระหว่างเลือกตั้ง 1-2 เดือน สำนักงานกฤษฎีกาจะตรวจไปก่อน ถ้ารอรัฐบาลใหม่ทั้งหมดจะมีคำถามมาว่าวันนี้รัฐบาลทำอะไร กว่าจะเลือกและแถลงนโยบายเสร็จ ถ้าเสนอรัฐบาลสมัยหน้าก็ต้องส่งให้กฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ. ที่เสนอมายอมรับว่าไม่พอใจทุกมาตรา แม้ 18 กระทรวงจะเห็นชอบ ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตไว้และบอกให้ผู้เกี่ยวข้องนำข้อสังเกตไปร่วมกับสำนักงานกฤษฎีกาแก้ไขข้อบกพร่อง เช่น เรื่องที่ดินคนต่างด้าว ข้อระวังการขัดกฎองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ดินของวัด สิ่งแวดล้อม บางมาตราที่ขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ คำว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นคำกลาง เมื่อถึงเวลาใช้หรือกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใด ต้องประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา ซึ่งทั้งหมดที่เสนอไปขึ้นกับว่าสภาจะรับหรือไม่ ส่วนที่ร่าง พ.ร.บ. กำหนดให้เช่าที่ดินในเขตเศรษฐกิจไม่เกิน 99 ปี ความจริงรัฐบาลมีแนวคิดจะแก้กฎหมายเช่าที่ดินอยู่แล้ว การให้เช่าที่ดินมี 2 ระบบ คือ เช่าไม่เกิน 99 ปี กับมากกว่า 30 ปี หรือตลอดชีวิตของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่า กฎหมายกำหนดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 และ พ.ร.บ. ฉบับนี้นำแนวคิดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในหลายประเทศมาพิจารณาร่วม เช่น ดูไบ เสิ่นเจิ้น และเซี่ยงไฮ้ . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 18 ม.ค. 48 15:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เขตเศรษฐกิจพิเศษ – เมืองใหม่ โดย คำนูณ สิทธิสมาน 17 มกราคม 2548 18:27 น. คณะรัฐมนตรีประชุมครั้งที่แล้วที่จังหวัดเชียงราย ถ่ายทอดสดไป 5 ชั่วโมง เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายประเด็น ผมจะไม่พูดประเด็นหาเสียง และจะไม่พูดว่าการอนุมัติหลักการเชิงนโยบายบางประการนั้นเหมาะสมหรือไม่ ขอพูดเรื่องร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการแผ้วถางทางการจัดตั้ง “เมืองใหม่” ให้เป็นไปอย่างสะดวก ! คณะรัฐมนตรีเคยปรารภว่าจะให้มีกฎหมายกำหนดให้บางพื้นที่เป็น “เขตพิเศษ” ครอบคลุมกิจการที่หลากหลาย เช่น อุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม การท่องเที่ยว ที่เคยมีมติให้ดำเนินการแล้ว คือ.... 1. เขตเศรษฐกิจชายแดนจังหวัดเชียงราย 2. การจัดตั้งเมืองใหม่ที่จังหวัดนครนายก 3. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประกอบกับการนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.) เสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ตามปกติแล้ว การดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีกฎหมายหลายฉบับขึ้นมารองรับ ก่อให้เกิดความยุ่งยากและล่าช้า หากจะมีกฎหมายเพียงฉบับเดียว น่าจะทำให้การดำเนินการเป็นไปโดยรวดเร็วยิ่งขึ้น คณะพัฒนากฎหมายชุดท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ศึกษาแล้วเห็นควรกำหนดให้มีกฎหมายขึ้นมารองรับเพียงฉบับเดียว เป็นกฎหมายกลาง ที่สามารถใช้ได้กับวัตถุประสงค์ทั้ง 3 ประการข้างต้น จึงได้ยกร่างกฎหมายขึ้นโดยใช้ชื่อว่า "ร่างพระราชบัญญัติเขตพิเศษ พ.ศ. ....." และมาแก้ไขในการประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 เป็น “ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ....” สาระสำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละแห่งต่อคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำกับดูแลการดำเนินการของเขตพิเศษให้เป็นไปตามนโยบาย โดยมีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษ ซึ่งมีสถานะเป็นองค์การมหาชน ทำหน้าที่ศึกษาถึงรายละเอียดที่จะตั้งเขตพิเศษ รวมทั้งเป็นฝ่ายวิชาการและธุรการให้คณะกรรมการนโยบายฯ เขตเศรษฐกิจพิเศษอาจได้มาซึ่งที่ดิน/อสังหาริมทรัพย์เพื่อใช้ในการดำเนินงานโดยจัดหาเอง เช่น เช่าซื้อ แลกเปลี่ยน เช่าระยะยาว เวนคืน ให้เอกชนนำที่ดินมาร่วมลงทุน หรือได้มาโดยผลของกฎหมาย เช่น ให้พ.ร.ฎ.จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษมีผลเป็นการถอนสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และให้ตกเป็นของเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยไม่ต้องดำเนินตามกฎหมายที่ดิน กรณีที่กฎหมายกำหนดให้การดำเนินการในเรื่องใดเป็นอำนาจของหน่วยงานของรัฐ หรือคณะกรรมการตามกฎหมาย ให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจดำเนินการได้เช่นเดียวกับหน่วยงานของรัฐนั้น และให้ถือว่าผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นและมีอำนาจเช่นเดียวกับเจ้าพนักงานตามกฎหมายนั้น โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษมีอำนาจให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจ/อยู่อาศัย เช่น อนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต แทนหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าธรรมเนียมหลังจากหักค่าใช้จ่ายไว้ไม่เกินร้อยละ 10 ให้ส่งเป็นรายได้ของหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย สิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการ/ผู้อยู่อาศัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1. จะได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน 2. การลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล 3. หักค่าใช้จ่ายก่อนการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานอกจากที่กำหนดในประมวลรัษฎากร 4. นำคนต่างด้าวเข้ามาอยู่และทำงานในราชอาณาจักร 5. สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าว 6. สิทธิในการถือครองหรือเปิดบัญชีเงินฝากเป็นเงินตราต่างประเทศ 7. สิทธิในการนำหรือส่งเงินออกไปนอกราชอาณาจักร ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ครอบคลุมการจัดตั้งเมืองใหม่ โดยจะกำหนดให้เขตเศรษฐกิจพิเศษมีการจัดวางผังเมืองและจัดหาสาธารณูปโภคที่จำเป็น โครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย ระบบขนส่ง ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ เขตเศรษฐกิจพิเศษจะไม่ตัดทอนอำนาจของท้องถิ่น การดำเนินการจะเป็นลักษณะคู่ขนานกันไปกับท้องถิ่น กฎหมายจะกำหนดให้เขตพิเศษมีอำนาจเช่นเดียวกับท้องถิ่น เช่น กรณีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ผู้ขออนุญาตจะไปดำเนินการต่อท้องถิ่น หรือต่อเขตพิเศษก็ได้ แล้วแต่ความสะดวกของผู้ขออนุญาต ซึ่งหากขอต่อเขตพิเศษก็จะมีค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการ โดยค่าธรรมเนียมหลังจากหักค่าใช้จ่ายไว้ไม่เกินร้อยละ 10 ให้ส่งเป็นรายได้ของท้องถิ่น หากเขตพิเศษครอบคลุมทั้งจังหวัด ความเป็นจังหวัดก็ยังคงมีอำนาจเดิม ความสัมพันธ์กับจังหวัดนั้น หากจังหวัดใดกำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ กฎหมายจะกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารเขตพิเศษด้วย อาจมีการจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยเฉพาะ หรือจัดตั้งเป็นส่วนบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยการดำเนินการเป็นของเขตพิเศษ ยกเว้นกิจการที่อยู่ภายใต้อำนาจกทช. และกสช. เขตเศรษฐกิจพิเศษมีฐานะเป็นนิติบุคคล ไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติใด ๆ ที่ใช้บังคับแก่รัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชน เว้นแต่ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ให้ถือว่าพนักงานและลูกจ้างของเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคือการได้มาซึ่งที่ดิน ! เพราะมีผลยกเลิกขั้นตอนตามกฎหมายที่ดินเดิม และกฎหมายฉบับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกมากมายนหลายฉบับด้วยกัน ตั้งแต่ที่ป่าสงวนไปจนถึงที่ธรณีสงฆ์ !! ร่างพ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ..... มองในมุมหนึ่งก็ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างยิ่ง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็จะเป็นประเด็นใหญ่ที่ปรปักษ์ทางการเมืองของท่านนายกฯทักษิณ ชินวัตรนำไปเป็นหัวข้อโจมตี เพราะเป็นร่างกฎหมายที่ยังไม่ได้ “ทำงานความคิด” กับประชาชน ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เร่งให้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีออกมา – คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ ? """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ประชาชนได้รับผลกระทบ...ต้องมีประชาพิจารณ์หรือไม่ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 16:24:43 A:202.5.88.140 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ Can เรื่องพวกนี้รัฐบาลเขาต้องรับผิดชอบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน... ผู้คนที่ล้นงานอยู่นี่จะทำยังไง...? แล้วไหนจะคนที่กำลัง จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต...จะเอาคนพวกนี้ไปไว้ที่ไหน... ถ้าไม่ใช่ระบบอุตสาหกรรม..จะให้เขาไปปลูกผักเลี้ยงควาย งั้นหรือ..?.?จะต้องใช้ที่ดินทำกินซักเท่าไหร่ถึงจะพอ... หาทางออกให้ชมหน่อย... อย่ามองว่านักอุตสาหรรมทั้งหลายคือพวกเสือหิวหวังกอบ โกยหน้ามืดตามัว เอารัดเอาเปรียบอย่างเดียว... มีหลายประเทศที่น่าลงทุนในโลกใบนี้...อย่าไปนึกว่า เขาต้องแห่ตรงดิ่งกันมาบ้านเรา... จากคุณ : Killer - [ 18 ม.ค. 48 16:25:56 A:202.133.135.108 X: TicketID:066056 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 18 กฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายสร้างระบบ หนึ่งประเทศ สองระบบ ชัดเจน หากเลือกพรรคไทยรักไทย เป็นรัฐบาลชุดต่อไป เท่ากับเป็นการยอมรับการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ประชาชนผู้เลือกพรรคไทยรักไทยต้องรับผิดชอบนโยบายการจัดสร้างระบบ หนึ่งประเทศ สองระบบ ดังกล่าว ประชาชนต้องรับผิดและต่อต่อการออกเสียงเลือกพรรค หนึ่งในความเห็นของเว็บผู้จัดการ...ว่างๆ ไปเสริมความเห็นนะครับ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 16:28:14 A:202.5.88.136 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมติดตามอ่านเรื่องของคุณ can มาหลายกระทู้แล้วนะครับ การที่จะด่าว่ารัฐบาล หรือนายกก็ด่าว่าไปเถอครับ ผมไม่ได้ว่าอะไร ดีซะอีกมีคนช่วยตรวจสอบประชาชนจะได้หูตาสว่างขึ้น แต่การที่พูดว่า "แผ่นดินนี้บรรพบุรุษรักษาไว้ด้วยเลือด ด้วยเนื้อ แต่คนรุ่นนี้พร้อมจะขายแผ่นดิน เพียงเพื่อได้เงิน ตกลงมันรักชาติจนน้ำลายไหลกันไปหมดแล้วหรือไง ให้เช่าไปเถอะ ขายไปเถอะ เพราะแผ่นดินนี้ได้มาง่ายๆ ปู่ย่าตายายก็มาจากลุ่มน้ำฮวงโห...มาสร้างเนื้อสร้างตัวกันในแผ่ยดินนี้ทั้งนั้น ดูหน้าก็รู้...หางคิ้วชี้ๆแบบนั้น จะมาห่วงลุ่มเจ้าพระยา คงเป็นไปไม่ได้" เป็นการดูถูกคนไทยเชื้อสายจีนอย่างมาก ผมก็เป็นคนไทยซึ่งมีปูย่าตายายมาจากแม่น้ำฮวงโห ตั้งแต่รุ่นพ่อผมก็เกิดและทำมาหากินในไทยแล้ว ผมไม่เคยทำร้ายประเทศไทยและมีความรักชาติไม่น้อยกว่าคนไทยแท้ๆ แต่คนเราเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เลือกเป็นคนดีได้ คุณcan ชักด่าเลยเถิดไปแล้วนะครับ ขอให้ปรับปรุงด้วย จากคุณ : Quick beam (Quick beam) - [ 18 ม.ค. 48 16:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นท่าน รมต. บอกว่า ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ด้วยครับ ลุงแคน.. ********* นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นโดยหลักการได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 ซึ่งเป็นเพียงหลักการเบื้องต้นเท่านั้น การดำเนินการจริงยังต้องผ่านการกลั่นกรองจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะการร่างกฏหมายขึ้นมาใหม่จะต้องผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งหากมีประเด็นหรือข้อคิดเห็นที่ขัดแย้งกันอย่างไรก็สามารถแก้ไขได้       " หลายคนที่กังวลก็เข้าใจแต่รายละเอียดมันแก้ไข ปรับปรุงกันได้ ทุกอย่างยังไม่จบเพราะขั้นตอนจากนี้ยังมีอีกมาก โดยการเลือกพื้นที่ก็จะต้องผ่านความเห็นชอบจากหลายๆ ฝ่ายโดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องผ่านการประชาพิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่ที่จะมีการจัดตั้งอีกด้วย ขณะที่กฏหมายก็ไม่ได้จะผ่านง่ายๆ เช่นกันต้องผ่านการตีความจากกฤษฎีกา ผ่านสภาฯต่างๆ ทั้งหมดใช้เวลาเป็นปีก็ต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาดูแล"นายพงษ์ศักดิ์กล่าว . จากคุณ : เพดาน ช่างฝัน - [ 18 ม.ค. 48 16:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ค่อย ๆ แก้ไปทีละเปลาะ อิ อิ ท่านวิษณุ ทำไมไม่พูดในที่ประชุมครม.ให้ชัดเจนว่าจะให้ประชาพิจารณ์ การอ้างว่าต้องผ่านสภา จะรับหรือไม่ มีหรือที่กฎหมายที่รัฐบาลต้องการแล้วไม่ผ่าน ยกเว้นกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลทำผิดพลาดบกพร่องเอง หรือ สส. อยู่ไม่ครบองค์ประชุม อิ อิ ท่าวิษณุก็ง้างๆ เงื้อ ๆ จะแก้ จะแก้ นี่มัน 4 ปีแล้วครับท่าน อย่าพูดเลยครับ...พูดก็เหมือนไม่พูด เพราะผลงานมันไม่ออก กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ มันไปค้างเติ่งหรือดำเนินการยังไงบ้าง ไม่ลองบอกให้ประชาชนทราบบ้างเหรอครับ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 16:41:04 A:202.5.88.150 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ครับขอบคุณQuick beam (Quick beam) ขอบคุณที่ติติง ผมขออภัยคนดีๆที่ไม่เกี่ยวข้อง และขอถอนคำพูดที่ทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ผมขออภัยในประโยคนั้น เอาเป็นว่าผมถอนนะครับ จริงๆ ผมก็มีเชื้อสายมาจากลุ่มน้ำฮวงโหบางส่วนเหมือนกันครับ แต่มากระจายเป็นลาวไทยซะเกือบหมดแล้วครับ ขออภัยท่านที่สืบเชื้อสายมาจากลุ่มน้ำฮวงโหทุกท่านด้วยครับ มือมันพาไปไม่ได้เขียนเตรียมการไว้ก่อนก็ย่อมผิดพลาดไปได้ครับ ขออภัยจริงๆ การแสดงความเห็นเป็นไปด้วยความสุจริตใจเป็นที่ตั้งครับ...อาจไปดดนใครบ้างโดยไม่ตั้งใจก็ขออภัย แต่เนื้อหาและเหตุผลอื่น ๆ ขอคงไว้ตามเดิมครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านทุกถ้อยคำครับ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 16:51:56 A:202.5.88.158 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถึงคุณ Can ขอบคุณอย่างมากที่กรุณาชี้แจงมายาว และต้องขอโทษอย่างจริงใจอีกด้วยว่า ยังจับประเด็นของคุณได้ไม่ชัดนัก ดูเหมือนว่า คุณCan จะไม่พอใจกับผลการพัฒนาประเทศที่ผ่านมา ซึ่งก็มีหลายเรื่องด้วยกัน และ ยกความดีความชอบของการพัฒนาประเทศอบ่างนี้ ไปให้ทักษิณ ไม่ทราบว่าใช่หรือไม่ ถ้าใช่ หรือ ใกล้เคียง ก็ขออนุโลมไปตามนี้ ความจริงแล้ว การที่ประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะดีหรือเลว เป็นผลมาจากอะไรหลายอย่าง ทั้งต่อเนื่องและที่เกิดใหม่ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก เป็นทั้งปัญหาของโลกและปัญหาเฉพาะของไทย ซึ่งคุณCan ก็น่าจะคงเข้าใจดีอยู่แล้ว หากจะว่าไป ทรท.ดูจะมีนโยบายที่จะแก้ปัญหานี้จากโครงสร้างค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเทียบกับพรรคที่เคยบริหารประเทศอย่างปชป.หรือชท. หรือ พรรคใหม่อย่างมหาชนก็ตาม ถ้าไปดูในนโยบายของปชป.ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ไม่ได้มองการแก้ปัญหาที่โครงสร้าง เหตุผลเพราะ ตีโจทย์ไม่ออก ได้แต่ดำเนินนโยบายตามข้าราชการ  จึงมองนอกกรอบไม่เป็น   ทำได้แต่แค่ตัดกิ่ง ตัดใบ  ไม่เคยปลูกต้นไม้เอง นโยบายเกือบทั้งหมด  จึงเป็นพิมพ์เขียวมาจากสภาพัฒน์ ซึ่งก็มีกรอบความคิดตามโมเดลธนาคารโลก  ละละเลยความสำคัญของท้องถิ่นมาโดยตลอด ความจริงเรื่องนี้ถกกันแล้วจะยาว ไว้คุยกันโอกาสหน้าจะดีกว่า สำหรับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ว่ามานั้น ไม่อยากกล่าวอ้างว่าพอมีความเข้าใจอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ขอรบกวนคุณCanช่วยกรุณาอธิบายมาด้วยก็จะดี ว่า เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร และจะนำมาใช้ได้อย่างไร และสำหรับเรื่องการตรวจสอบทางการเมืองนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะไม่หวังพึ่งผู้ที่มาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม  ต้องคำนึงถึงการรับผิดชอบด้วย เพราะบางคนก็เสนออะไรที่ไม่ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อผู้คนในสังคมมากมาย แต่ไม่เคยรับผิดชอบ แถมพวกเราก็ไม่รู้จะไปขอให้รับผิดรับชอบอย่างไรอีกต่างหาก ขอบคุณที่ให้ร่วมแสดงความคิดเห็น จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 18 ม.ค. 48 17:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ยินดีเสวนากับทุกท่านครับ เพียงแต่ถ้าเล่นเรื่องส่วนตัวผมก็โต้กลับแค่นั้นเองครับ ในโลกอินเตอร์เน็ตมีแต่ตัวสมมุติ ผมไม่ยึดติดอะไรมากมาย กล่าวผิดขอโทษ เป็นปรติครับ ผมศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาพอสมควรครับ หากจะหา text หรือแหล่งข้อมูลมีเยอะเช่น http://www.sufficiencyeconomy.org/ ที่ผมมองนั้นเป็นภาพรวมของทั้งสังคมไทยครับ พวกผู้หลักผู้ใหญ่ได้มองปัญหาเมืองไทยมานานนานก่อนผมเกิดอีก ( ผมเกิด 2492 ) จนตกผลึกมาเป็นแนวทฤษฎีใหม่ เพื่อให้คนไทยได้ใช้ความพอเพียงนั้น มาสร้างความสุข และสันติในประชาคมคนไทย ทำพอเพียง ใช้พอเพียง เก็บออมบ้างตามควร ไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ไปกับแนวทางของต่างประเทศมากเกินไป เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้ปฏิเสธทุนนิยม หรือ เสรีนิยม หากแต่เสนอแนวทางสายกลาง จะอยู่ในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างไร จึงจะมีความสุขจริงแท้ ทำอย่างไรจะให้ทั้งสังคม ไม่เบียดเบียนกัน สำหรับเมืองไทย ถ้าจะมองกันจริง ๆ มันก็มีเพียงสองกลุ่ม คือกลุ่มบนกับกลุ่มล่าง ส่วนกลุ่มตรงกลาง ก็จะหันหัวไปทางกลุ่มบน มีการศึกษา มีการงานที่ดี ได้รับค่าแรงค่าสมอง ที่ดีกว่ากลุ่มล่าง เป็นเช่นนี้มานาน นานจนเราลืมไปว่ายังมีประชาชนอีกกลุ่มใหญ่ของประเทศ ไม่มีโอกาสแบบนั้น ไม่มีโอกาสเรียนดีๆ ไม่มีโอกาสสร้างตัวในโลกเสรีนิยม ต่างคนต่างแก่งแย่ง...เพื่อนำไปสู่การเอารัดเอาเปรียบในสังคม มุ่งแสวงหากำไรส่วนเกินที่ไม่เป็นธรรมเพียงเพราะใช้คำว่าเสรีนิยม แล้วก็พยายามโยนความผิดให้คนเหล่านั้นว่า โง่ ขี้เกียจ ไม่มีความรู้ เซ่อ ตามโลกไม่ทัน สารพันที่จะโยนบาปลงไปตรงนั้น โดยลืมไปว่าพวกเขาคือ "คนไทย" มีสิทธิมีเสียงที่จะได้ใช้ทรัพยากรของส่วนกลาง ของประเทศเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่โดยระบบ ก็ทำให้ทรัพยากรของประเทศตกไปอยู่ในมือของคนฉลาดเพียงไม่กี่กลุ่ม....การเรียนการสอนนิยมสอนให้ชนะ ใครคิดหาเงินเก่งจะได้รับการยอมรับ ใครทำตลาดเก่งถูกเชิดชูเป็นอัศวิน แต่ไม่ได้มองว่า สินค้าและบริการนั้น มันจำเป็นแก่การครองชีพ การครองชีวิตหรือไม่ เราให้ความบันเทิง มีค่ากว่าอาหาร ผมถามว่าขาดบันเทิงกับขาดอาหาร อะไรเดือดร้อนกว่ากัน เมื่อค่านิยมมันออกมาแบบนี้ ฝ่ายผลิตอาหารซึ่งใช้แรงงานมากกว่าก็กลับกลายเป็นกลุ่มด้อยในสังคมทันที สิ่งเหล่านี้ สังคมไทยได้ทำมานาน ทำจนกระทั่งเป็นประเพณี เป็นสิ่งถูกต้อง จะขึ้นราคาข้าว กิโลละบาท ร้องแทบเป็นแทบตาย จะขึ้นราคาน้ำตาล กิโลละ 50 สตางค์ ร้องสามวันเจ็ดวัน ทั้ง ๆที่เมื่อคิดลงไปจริงๆแล้ว คนเราบริโภคข้าวหรือน้ำตาลกันคนละกี่กิโลต่อเดือน ในขณะที่สินค้าฟุ่มเฟือยแพงเท่าไหร่ กี่เท่าของสินค้าจำเป็นที่สามารถเลี้ยงชีวิต กลับยิ้มรื่น ซื้อมากินมาใช้ ขนมจั๊งฟู้ด ถุง ละ 20 บาท เทียบเป็นแป้งได้กี่มิลลิกรัม พ่อของเด็กบ้านนอก ออกไปทำงาน ได้ค่าแรงงาน วันละ 150 บาท ให้เงินค่าขนมลูกได้วันละเท่าไหร่ ถ้าลูกอยากกินขนมบ้า ๆนั่น พ่อต้องใช้แรงงานเท่าไหร่ ผมถึงบอกว่านี่คือการใช้การตลาด พาดผ่านไปตามคลื่นโทรทัศน์ ไปกระแทกชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ( ผมชอบเรียกมันว่าวิชามาร ) แต่หากเป็นเศรษฐกิจพอเพียง พวกเค้าจะหาขนมหวาน อร่อยๆจากมือแม่ครัวในหมู่บ้าน ใช้มันเทศ แตงไทย มาต้มใส่น้ำตาล...พอปิดปากลูกที่ร้องได้ หากซื้อหาตามหมู่บ้าน ก็ไม่เกิน 1 บาท ลองเทียบขนมจั๊งฟู้ด กับ ของหวานหน้าโรงเรียนซีครับ ราคาแตกต่างกันกี่เท่า การหามา หาได้ของชาวบ้านซึ่งเงินค่าแรงงาน ก็ถูกสูบกลับเข้าสู่ส่วนกลางอยู่นั่นเอง เมื่อความต้องการมากกว่าการหาได้ การเป็นหนี้ก็เกิดขึ้น แล้ววังวนของการกู้หนี้ยืมสินก็เกิดขึ้น ปัญหาดอกเบี้ย อะไรต่อมิอะไรมะรุมมะตุ้ม การทำการเกษตรเชิงเดี่ยวเพื่อขายเอาเงินแต่เพียงด้านเดียว ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ แต่ผลผลิตออกมา คิดค่าใช้จ่ายแล้ว กลับขาดทุนเป็นเช่นนั้นมาชั่วนาตาปี แทนที่จะลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ แต่การพัฒนาตลอดมากลับเพิ่มรายจ่าย ลดรายได้ เพราะสินค้าเกษตรอยู่ในมือพ่อค้าไม่กี่คน พอมาถึงรัฐบาลนี้ กลับไปเพิ่มหนี้ให้หนักขึ้นอีก โดยมุ่งหวังเพียงเพื่อคะแนนเสียง นโยบายแต่ละพรรคแทนที่จะให้เกษตรกร สร้างเงินสร้างงาน กลับไปส่งเสริมการมีหนี้ แล้วก็ส่งนโยบายลดหนี้ ปลดหนี้ ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น...ผมถึงบอกว่าทิศทางที่บอก"นอกกรอบ"นั้น จริงๆผมอยากใช้คำว่า.."นอกคอก" นโยบายนอกกรอบที่ใครต่อใครชื่นชม แต่มองในมุมผม มันคือ นโยบายนอกคอก เพิ่มหนี้ ปลดหนี้ วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่ไปใหน...มันผิดทิศผิดทาง คลำหาทางออกไม่เจอ ถึงที่สุดก็เอาเงินงบประมาณลงไปเจือจานด้วยบุญด้วยคุณ มันทำลายศักดิศรีความเป็นมนุษย์ ทำให้มนุษย์ด้วยกันต้องแบมือขอตลอดไป ผมถึงถามหานโยบาย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ของทุกพรรคการเมือง แม้ว่านโยบายสำเร็จ แต่ยิ่งเพิ่มรายได้ มันกลับไปเพิ่มรายจ่ายด้วยการโฆษณาสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่สนับสนุนการออม ผลงาน OTOP ผมสนับสนุน แต่สิ่งที่ผมเห็นจุดบอดคือ มันไม่มีการจัดการให้เป็นธรรมกับผู้ผลิต ศูนย์รวมสินค้าพวกนี้มันต้องทำเป็นสหกรณ์ ให้ผู้ผลิตมีหุ้นส่วน ไม่ใช่ปล่อยให้พ่อค้าต่างถิ่น ไปกว๊านซื้อ คัดเลือก กำหนดราคา รัฐต้องลงไปโอบอุ้ม ส่งเสริมการตลาด โดยใช้สหกรณ์เป็นหลัก ไม่ใช่ให้พ่อค้าคนกลางเป็นผู้ไปกำหนด ( ผมเขียนให้อ่านจากกระทู้ OTOP ในกระทู้ล่างๆครับ ) จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 18:08:55 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง ::: ประมวลคำในพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๙๓ - ๒๕๔๕ ที่เกี่ยวข้องกับ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การทำงาน การทำลายและการสร้างสรรค์ การประกอบอาชีพ การผลิต การขาย การบริโภค การลงทุน การศึกษา กู้เงิน เกษตรกรรม ความเจริญของประเทศ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเพียร ความตั้งใจ ความเป็นตัวของตัวเอง ความพอใจ ความไม่พอใจ ความรับผิดชอบ ความรู้ สติ ความสามัคคี ความสุข คิดดี ทำดี คุณธรรม โครงการ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ใช้ของไทย ทฤษฎีใหม่ เทคโนโลยีและประหยัด นักวิชาการ บารมี แบบคนจน ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ส่วนตน พอเพียง พึ่งตนเอง ภาษา ประเพณี เมตตา ยั้งคิด อดทน ร่วมมือ ปรองดอง รอบคอบ ระมัดระวัง วิกฤต วิกฤตการณ์ สถานการณ์ วิชาการ ปฏิบัติ เศรษฐกิจพอเพียง สัมมาอาชีวะ หน้าที่ หลักวิชา หิริโอตตัปปะ เหตุผล เหตุและผล อยู่ดี กินดี อุดมคติ http://www.sufficiencyeconomy.org/ จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 18:22:31 A:202.5.88.159 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 49 นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดดังกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ซึ่งมีอยู่ถึง 110 มาตราดังกล่าวถือเป็นเรื่อง "นโยบาย" ที่ใหญ่โต และส่งผลกระทบต่อคนไทยทั้งประเทศและสมบัติของชาติทั้งแผ่นดิน ดังนั้นจึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรีซึ่งพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เมื่อวันที่ 2 มกราคม เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรครบอายุตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 215 วรรคหนึ่ง จะดำเนินการใดๆ ได้เหตุผลประการแรกคือ ร่าง พ.ร.บ.ใดๆ ถ้า ครม.อนุมัติแล้ว ต้องเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ถามว่า สภาผู้แทนฯ ในขณะนี้มีหรือไม่ สอง เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหาราชการแผ่นดิน ซึ่งจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อ ครม.ชุดใหม่หลังการเลือกตั้งได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามาตรา 211 และได้นำเอาเรื่องการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวระบุไว้ในคำแถลงนโยบายเสียก่อน ต่อจากนั้น ครม.จึงจะสามารถพิจารณาอนุมัติร่าง พ.ร.บ.นี้ได้ อดีต ส.ส.ร.ชี้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีเนื้อหาบางมาตราขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน อาทิ มาตรา 23 ที่ระบุว่าที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยการเวนคืนหรือการถมทะเล ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีอำนาจที่จะนำไปขายให้ใครก็ได้นั้น นอกจากจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ของการเวนคืน แล้วยังส่อว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 อีกด้วย เพราะเป็นการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยให้เป็นเขตต่างๆ ซึ่งมีสถานภาพและสิทธิพิเศษแตกต่างกัน เช่นเดียวกับมาตรา 33 ที่ระบุว่า "ทรัพย์สินของเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลที่ใช้ในกิจการของรัฐบาล และได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือน และที่ดินและภาษีทรัพย์สิน" นั้น ไม่ผิดอะไรกับการยกดินแดนที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษให้แก่กลุ่มบุคคลซึ่งเป็นรัฐบาลนั้นเอง "ไม่ทราบว่าแผ่นดินและทรัพย์สินซึ่งเป็นสมบัติของชาติถูกแปลงไปเป็นทรัพย์สินของรัฐบาล ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มนักการเมืองได้อย่างไร" อดีต ส.ส.ร.ผู้นี้กล่าว นายคณินกล่าวอีกว่า มาตรา 31 ของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวได้วางกลไกการล่าหรือฮุบเอาสาธารณสมบัติของแผ่นดินและที่ธรณีสงฆ์ อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลโดยไม่สนใจว่าจะผ่านขั้นตอนตาม พ.ร.บ.ที่ดิน หรือ พ.ร.บ.สงฆ์หรือไม่ ในมาตรา 35 ได้กำหนดให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นปกครองพิเศษ ซึ่งอยู่ในอำนาจการจัดการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหนึ่งในกรรมการโดยตำแหน่งเท่านั้น ทั้งๆ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ในขณะที่ผู้ว่าการเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการบริหารแทนที่จะรับผิดชอบต่อรัฐบาลกลางและรัฐสภา มาตรานี้ถือเป็นการแยกตัวเป็น "รัฐอิสระ" มาตรา 36 ที่ระบุว่า "การจัดตั้งเปลี่ยนแปลงเขต และการยุบเลิกเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกานั้น เท่ากับเป็นการให้อำนาจฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นการลบล้างรัฐธรรมนูญมาตรา 92 ที่บัญญัติว่า "ร่าง พ.ร.บ.หรือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจะตราขึ้นเป็นกฎหมายได้ก็แต่โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภาโดยสิ้นเชิง" เพราะตาม พ.ร.บ.มาตราดังกล่าว รัฐบาลเป็นคนออกกฎหมาย แต่รัฐสภาเพียงแต่มีหน้าที่รับทราบเท่านั้น ถือเป็นตลกร้ายที่รัฐสภาแห่งชาติต้องถูกลดฐานะลงมาให้เป็นเพียง "ผู้รับทราบ" ร่าง พ.ร.ฎ.ที่รัฐบาลเป็นผู้ตราขึ้นเท่านั้นเอง "โดยรวมแล้ว อาจกล่าวได้ว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวถ้าออกมาใช้บังคับเหมือนเป็นการต่อยอดและขยายผลจากกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ซึ่งออกในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และได้นำมาใช้อย่างเต็มลูกสูบในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ถ้าเปรียบเทียบว่ากฎหมาย 11 ฉบับเป็นกฎหมายขายชาติ ร่าง พ.ร.บ.จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ จะเป็นยิ่งกว่ากฎหมายขายชาติ แต่เป็นอุปกรณ์และเครื่องมือในการปล้นแผ่นดินเลยทีเดียว" นายคณินกล่าว อดีต ส.ส.ร.ผู้นี้กล่าวว่า การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภายใต้การบริหารจัดการแบบรัฐวิสาหกิจหรือองค์การมหาชนนั้น ส่อเจตนาว่าเมื่อรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ได้รวบรวมกรรมสิทธิ์ในที่ดิน รวมทั้งที่สาธารณประโยชน์ และที่ธรณีสงฆ์ ให้เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์แล้วก็จะทำการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแห่งนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด นอกจากนี้ ถ้าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมีผลบังคับใช้เท่ากับเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยไม่ผ่านกระบวนการทางรัฐสภา เพราะนอกจากจะเป็นการแก้ไขมาตรา 1 ยังเป็นการแก้ไขมาตรา 313 วรรคสอง ที่ห้ามมิให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐอีกด้วย เพราะทันทีที่กฎหมายนี้มีผลใช้บังคับ ประเทศไทยจะมีรูปแบบการปกครองแบบที่เรียกกันว่า "หนึ่งประเทศสองระบบ" ไปทันที จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 21:42:23 A:202.5.88.153 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ด้านพระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย กล่าวว่า เรื่องที่ดินอันเป็นที่ธรณีสงฆ์ ได้เคยหาข้อสรุปร่วมกับรัฐบาลแล้วว่าจะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.โอนที่ดินว่าด้วยคณะสงฆ์ หากใครจะทำอะไรที่มากหรือหนักไปกว่านั้น ต้องพูดคุยกันอีกครั้ง การเข้ามาใช้ที่ธรณีสงฆ์ทำได้ 2 กรณี คือ 1.ออกกฎหมายเวนคืนและดำเนินการเรื่องผาติกรรม โดยต้องได้รับความยินยอมจากวัด 2.ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา แต่ต้องผ่านความยินยอมตามข้อที่ 1 เสียก่อน เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาไทยกล่าวว่า หากที่ธรณีสงฆ์มีความจำเป็นที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของชาติบ้านเมือง อาทิ สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ตัดถนน สร้างทางด่วน ก็ไม่เคยมีปัญหาหรือขั้นตอน ยิ่งทำเรื่องดีก็ยกให้ฟรีด้วยซ้ำ ถ้าทำเพื่อเศรษฐกิจคงต้องหารือกัน เพราะบางครั้งธุรกิจไม่ใช่เรื่องของชาติ แต่เป็นเรื่องของตัวบุคคล ซึ่งวัดมีหน้าที่ดูแลที่ธรณีสงฆ์ไว้เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง หากอยากแสวงหากำไร ควรไปใช้ที่ดินตรงอื่น อย่ามาข้องเกี่ยวกับที่วัด "การที่ประเทศไทยมีที่ธรณีสงฆ์ คงทำให้คนอิจฉา จึงมีความพยายามจะเข้ามายึดครอง แต่อาตมาบอกได้เลยว่า พระวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน ศีลธรรมยังคงรักษา แต่การปกป้องผลประโยชน์ประเทศก็ต้องทำ พระมีหน้าที่ในการรักษาที่ธรณีสงฆ์ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. โอนที่ดินว่าด้วยคณะสงฆ์ และพระธรรมวินัย ต้องว่ากันตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้มุมมองทางกฎหมายเล่นแร่แปรธาตุ มาฮุบกันเฉยๆ เพื่อเอาประโยชน์อย่างเดียว ซึ่งการทำสัญญาให้ครอบครองได้ยาวนานถึง 99 ปี สมควรอย่างนั้นหรือ ในเมื่อราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นทุกปี" พระเทพวิสุทธิกวีระบุ พระเทพวิสุทธิกวีกล่าวด้วยว่า ขณะนี้กระบวนการแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศไทยที่พยายามเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของคนที่ศรัทธาศาสนาพุทธให้เสื่อมลง ให้คล้อยตามเศรษฐกิจทุนนิยม ตั้งองค์กรมาบีบคั้นกดดันให้คล้อยตาม ยึดที่ดิน ทรัพย์สิน เงินทุน รวมถึงรัฐวิสาหกิจ และมีเป้าหมายจะยึดประเทศไทย กำลังรุนแรงและได้ผลขึ้นเรื่อยๆ เป็นภัยอันตรายอย่างมาก หากปล่อยให้ทำสำเร็จ ยึดได้ถึงที่ธรณีสงฆ์ คงไม่มีอะไรเหลือ ซึ่งคนไทยควรจะเข้มแข็ง ไม่ใช่เป็นใจให้ต่างชาติมายึดประเทศ "แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ คนไทยหัวใจยังเป็นทาส ทั้งๆ ที่รัชกาลที่ 5 ทรงเลิกทาสไปแล้ว แต่คนไทยยังอยากเป็นทาส อยู่ดีๆ ก็ไปวิ่งตามให้เขามายึดครองแผ่นดินไทย ความจริงเราอยู่แบบจีนก็ได้ ที่พึ่งพาทรัพยากรของตัวเอง ไม่ต้องง้อใคร" เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยกล่าว จากคุณ : Can - [ 18 ม.ค. 48 21:43:50 A:202.5.88.150 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณครับที่เข้าใจ ผมไม่ได้มีอคติอะไรกับคุณ can นะครับ ติเพื่อก่อนะครับ และผมจะคอยติดตามการตรวจสอบของคุณ can ต่อไปครับ จากคุณ : Quick beam - [ 19 ม.ค. 48 08:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ประเด็นของคุณ Can นั้น เป็นประเด็นใหญ่ ถกบนกระดานนี้คงไม่พอเสียแล้ว ถ้าสรุปคร่าวๆ (ถ้าผิดก้ขออภัย) ประเด็นแรก  ที่น่าจะเชื่อมโยงกับทุกเรื่อง คือความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย  การเอารัดเอาเปรียบในสังคมไทย รวมทั้งค่านิยมที่ฟุ้งเฟ้อ.. ประเด็นที่สอง นโยบายของไทยรักไทย  ชักจูงให้คนไทยหลงผิด ทำมาหากินไม่เป็น  สร้างหนี้สิน ได้แต่แบมือขอ  ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประเด็นที่สาม  เห็นว่าเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยแก้ปัญหาข้างต้นได้ ส่วนเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น น่าจะเป็นตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อสนับสนุนประเด็นทีสอง สำหรับประเด็นแรก  เรื่องสังคมไทยนั้น โดยสภาพก็อาจจะเป็นอย่างที่ว่า  ซึ่งก็คงต้องถามต่อไปว่า  แล้วยังไง.. ถ้ามองอย่างนักประวัติศาสตร์  ก้คงต้องคิดเล่นๆว่า  สังคมคนท้องถิ่นในดินแดนแหลมทอง ก่อนนักวาณิชอินเดียจะเอาศาสนาพุทธมาเผยแพร่นั้นเป็นอย่างไร  เขาเหล่านั้นถูกบังคับให้นับถือศาสนาพุทธตามชนชั้นสูงที่ปกครองอยู่ในขณะนั้นหรือเปล่า สังคมคนที่อาศัยอยู่ในแหลมทอง  ต้องเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน  เมื่อมีพ่อค้าและนักแสวงโชคชาวต่างชาติ อาทิ จีน อินเดีย  พม่า  มอญ  ฯลฯ จำนวนมากอพยพมาแย่งที่ทำมาหากิน สังคมคนที่อาศัยอยู่ในแหลมทอง  ต้องเปลี่ยนไปขนาดไหน เมื่อชนชาติฝรั่งเข้ามาล่าอาณานิคม และแผ่อิทธิพลเข้ามาในราชสำนัก สังคมคนที่อาศัยอยู่ในแหลมทอง  ต้องเจอความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตขนาดไหน  เมื่อมีการเลิกทาส มีการตั้งโรงเรียน โรงพยาบาล  มีการส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ ฯลฯ คำถามง่ายๆ  คิดว่าสภาพสังคมที่คุณว่ามานั้น  คุณว่ามันเริ่มเป็นกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ปีทีแล้ว  ห้าปีที่แล้ว  สิบปีที่แล้ว หรือ ร้อยปีที่แล้ว แล้วศาสนาพุทธที่คนไทยนับถือกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้น  ไม่ได้ช่วยอะไรคนไทยเลยหรือ สวดมนต์กันทุกวัน  ตักบาตรกันทุกวัน  ทำบุญกันทุกวัน  มีพระมีเจ้าเดินกันเต็มเมือง ที่บ้านก็มีพระบูชา ที่คอก็มีพระห้อย ศาสนาพุทธไม่ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจคนไทยเลยหรือ สังคมไทยถึงได้เป็นอย่างนี้ แสดงว่า ศาสนาพุทธไม่มีน้ำยางั้นหรือ ที่ร่ายมายืดยาว  ก็เพื่อชี้ประเด็นให้เห็นว่า  สังคมไทยและอีกหลายๆสังคมในโลก  มีวิวัฒนาการมาโดยตลอด  จะดีจะแย่อย่างไร  คนในสังคมก็ต้องปรับตัวกันไปเพื่อความอยุ่รอด   มันไม่ใช่คำตอบสุดท้าย  แต่เป็นเพิ่มมุมมองอีกด้านหนึ่ง เพราะในที่สุดแล้ว  ไม่ว่ายุคใดสมัยใด  ผู้คนต่างโหยหาวันดีๆ สิ่งดีๆ ในอดีตกันทั้งนั้น ขอแต่ประเด็นแรกก่อน จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 19 ม.ค. 48 11:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ยินดีครับคุณ Quick beam ผมผิดกล้าขออภัยครับ อิ อิ ขอบคุณ คุณ กระป๋องนมข้นหวาน ประเด็นคือ ศาสนาพุทธ ทำหน้าที่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะศาสนาพุทธให้ทำโดยศรัทธา ไม่มีบทลงโทษใด ๆ หลักศาสนาย่อมสอนดีไม่มีที่ติ แต่ผู้รับคำสอนต่างหากที่ควรโดนตำหนิ ปกติคนส่วนใหญ่อาจจะเห็นด้วยกับ ทางสายกลาง แต่เมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคม เห็นคนอื่นได้ดี มีสุข กอบโกย ทั้งๆที่ตนเองก็มีทุน มีวิธีกอบโกย ดังนั้น ฝั่งผู้ที่มีกิเลสมากกว่าก็แย่งชิงความเป็นใหญ่เป็นฝ่ายกอบโกย หากจะพูดไปเมื่อเมืองไทยเป็นนิติรัฐ ปกครองโดยกฎหมาย ต้องถามว่าใครเขียนกฎหมาย ชนฝ่ายใดเขียนกฎหมายก็ย่อมยังประโยชน์ให้แก่ฝ่ายนั้น นั่นคือที่มาของการกดฝ่ายคนจนให้ต่ำกว่าฝ่ายคนรวยเสมอมา ฝ่ายเข้มแข็ง ย่อมอยู่ด้านบนเสมอไป มันเป็นวิวัฒนาการมาอย่างนั้นคงไม่ปฏิเสธ ไม่ว่างานวิจัยเรื่อง สองนคราประชาธิปไตย หรือ นโยบายเศรษฐกิจแบบ Dual Track ของรัฐบาลนี้ ต่างก็เป็นที่ทราบกันดีว่า บริบทของสังคมไทยคืออะไรและควรพัฒนาประเทสไปในแนวทางใหน...รู้แล้ว ทำหรือไม่ หรือแค่เขียนนโยบายสวยหรูเอาไว้หลอกผู้คน เมื่อในสังคมปัจจุบัน ผู้ที่มีอำนาจทางการเงิน เอาเงินเข้าไปล่อให้ประชาชนคล้อยตาม ขณะเดียวกันก็ซุกซ่อนผลประโยชน์แห่งตน มิดชิดบ้างไม่มิดชิดบ้างดังที่ทราบกันอยู่ แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้ มันก็คือทำยังไงที่จะทำให้กฎหมายที่ข้ามไปบังคับเหนือกฎหมายอื่น สร้างอีกระบบมาซ้อนระบบเดิม มันก็คือการทำให้มี 1 ประเทศ 2 ระบบ สำคัญที่ว่าประชาชนคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ การมุ่งหวังให้ได้จำนวน สส.มาก ถึง 400 เสียง ก็เพื่อตัดกำลังฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายคัดค้านไม่ให้มีสิทธิ์มีเสียง ซึ่งก็คือ หาความชอบธรรมในทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ แต่คงลืมไปว่ามันยังมีความชอบธรรมอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ...ประชาชนยอมรับหรือไม่ หากรัฐบาลดึงดันจะหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาทำ ผมว่านี่คือชนวนแห่งสงคราม ที่ถูกจุดขึ้นโดยรัฐบาลนี้ และประเด็นนี้จะเป็นประเด็นใหญ่ ที่สังคมไทยควรจับตา และอาจจะถูกบันทึกไว้ในประวัตอศาสตร์เช่น 14 ตุลา, 6 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬ ในใจจริงๆ...อยากลองใจรัฐบาลนี้เหมือนกัน...เมื่อตั้งรัฐบาลแล้ว รีบเข็นกฎหมายนี้เข้าสภา...ผมจะรอดูว่าอะไรจะเกิดกับสังคมไทย การเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ครม. มันอ่านได้ 2 ประเด็น คือ 1. ประกาศว่านี่คือสิ่งที่พรรคไทยรักไทยประกาศก่อนเลือกตั้ง และจะนำไปสู่... 2. นี่คือความชอบธรรมที่ประชาชนเห็นด้วยในการดำเนินการโดยการลงมติผ่านการเลือกตั้ง.... ผมกลัวว่ารัฐบาลจะมาใช้ลูกเล่นนี้ตีสำนวนครับ เพราะหากคิดว่ายังมีขบวนการอีกมากมายรออยู่ เวลาเพียง เดือนหรือสองเดือน ไม่ใช่เวลาที่ยาวใกล กฎหมายที่ขัดรัฐธรรมนูญ 500 กว่าฉบับ อาจารย์มีชัยและคณะทำไปถึงใหน....ทำไมต้องมาเร่งกฎหมายฉบับนี้ ทั้งๆที่กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ประกาศใช้มาแล้วถึง 7 ปี ขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการนำเสนอร่างพรบ.นี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : Can - [ 19 ม.ค. 48 17:37:04 A:202.5.88.149 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เรื่อง 400 เสียงอะไรนั้น ไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ สำหรับฝ่ายค้านแบบประชาธิปัตย์ พูดจริงๆนะ อย่างไรก็ตาม การเป็นรัฐบาลเที่เข้มแข็งนั้น เป็นแนวคิดของรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน  ที่ร่างกันมา  ด้วยการระดมความเห็นจากผู้รู้ และ จากตัวแทนประชาชนทั่วประเทศ เป็นกติกาที่กำหนดมา ไม่เกี่ยวกับการที่ทรท.จะได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แล้วกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ขอให้ชัดในประเด็นนี้ก่อน ถ้าติดตามความเห็นของอดีตสสร.หลายๆคน(อย่าไปฟังแค่คนที่ชอบพูดตามวงสัมนาคนนั้นเพียงคนเดียว) ยืนยันกันชัดเจนว่า เป็นเจตนารมย์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญเอง ที่ต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็ง ต้องการ strong prime minister เพื่อผลักดันนโยบายและการปรับเปลี่ยนสังคมไทยต่อไป เพราะฉะนั้น  การกล่าวหาว่า ทักษิณต้องการเป็นเผด็จการนั้น เป็นการแกล้งลืมข้อเท็จจริง เอาละมาพูดถึงการตรวจสอบ บอกว่า ถ้าได้เสียงมากไป จะค้านไม่ได้ อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ ถามว่า ในสภาสมัยก่อน ที่รัฐบาลก็มีเสียงเกินครึ่งไม่มาก เกือบปริ่มๆ การทำงานในฐานะฝ่ายค้านของปชป.ที่ผ่านมา และการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา  ได้สร้างคุณูปการอะไรให้ประชาชนประทับใจหรือไม่ ทุกอย่างเป็นอย่างเดิม มีแต่กล่าวร้าย พูดเท็จ ป้ายสี ดิสเครดิต ขอค้านเพื่อขวางทางเขา ค้านเพื่อไม่ให้เขาทำงานได้ ค้านเพราะกลัวเขาจะได้หน้า ค้านเพราะความอิจฉาริษยา การขอเสียง 201 เสียงของปชป. จึงเป็นการหลอกประชาชนที่หน้าด้านที่สุด เอาละ  พอเข้าใจความกังวลของหลายฝ่าย ที่ต้องการให้มีการทักท้วงรัฐบาลได้ เพราะเกรงว่า ทักษิณจะตะลุยเดินหน้าพาประเทศลงเหว   ประเด็นว่าเป็นเหวหรือไม่  พวกเชียร์ทรท.คงไม่คิด แต่ขอข้ามประเด็นนี้ไป เอาเฉพาะ ความกังวลที่มาจากความปรารถนาดีและปราศจากอคติ ถ้าคิดกันแฟร์ๆ โดยหลักแล้ว  กลไกการถ่วงดุลอำนาจของรัฐบาลหรือฝ่ายบริหาร คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ในฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ยังมีวุฒิสภาทำหน้าที่กลั่นกรองและติดตามงานของรัฐบาล ทั้งสองสภามีคณะกรรมาธิการต่างๆ ทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร  ถ้ากรรมาธิการทำงานกันอย่างแข็งขัน รับรองว่าสามารถติดตามและตรวจสอบรัฐบาลได้แน่   ฝ่ายตุลาการ นอกจาก 3 ศาลแล้ว ยังมีศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน  ปปช.เป็นต้น เป็นองค์กรอิสระที่สามารถเข้าไปตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อีก นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนแขนงต่างๆ  แม้จะมีการสร้างภาพว่าโดนแทรกแซงก็ตาม  ถามว่า ทุกวันนี้มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนบ้าง ที่ไม่มีคอลัมน์ด่ารัฐบาล  มีพาดหัวหนังสือพิมพ์วันไหนบ้างที่ชื่นชม สรรเสริญรัฐบาล... และยังมีพวกขาจรขาประจำ  และเอ็นจีโอทั้งหลายคอยจับจ้องโอกาสขย่มรัฐบาลอยู่ทุกลมหายใจ ................................................. กับการขอ 201 เสียงเพื่อเปิดเวทีปาหี่ คิดว่ามันใช่จริงๆหรือ เรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ อะไรนั้น คิดว่าเป็นการปลุกกระแสเพื่อให้คนต่อต้านรัฐบาลก่อนเลือกตั้งเสียมากกว่า แล้วก็คงโหมต่อด้วย การค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การประท้วงเอฟทีเอ ทั้งหมดนี้ ริเริ่มมาตั้งแต่รัฐบาลปชป.ทั้งสิ้น น่าขำไหม แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 48 21:36:15 จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 19 ม.ค. 48 21:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ขำครับ ดีคือดี เลวคือเลว ถ้า ปชป.ทำเลว ทรท.มาทำตามอย่าง ก็เลวพอๆกันครับ กฎหมาย 11 ฉบับ เคยบอกว่าเลว แล้วมาใช้ของเลวๆ ก็เลวพอกัน จากคุณ : Can - [ 20 ม.ค. 48 22:13:53 A:202.5.88.154 X: TicketID:014491 ]