ความคิดเห็นที่ 1 คำถามกว้างมากครับ มหาวิทยาลัยต่างชาติก็มีหลายระดับ คำถามน่าจะต้องการถามว่ามหาวิทยาลัยมาตรฐานไทยๆ เทียบได้กับมาตรฐานอเมริกาหรือไม่กระมังครับ ผมไม่เคยเรียนที่เมืองนอกครับ แต่เท่าที่พบตอนเรียนปีหนึ่งมาการใช้ textbook ในการประกอบการเรียนน้อยกว่าบางมหาวิทยาลัยที่เคยได้ยินในต่างประเทศ บทที่เรียนก็มีจำนวนน้อยกว่า นับว่าเป็นความกรุณาของท่านอาจารย์ตอนสอนเพราะคงเกรงว่าพวกเราจะรับไม่ไหว แต่ก็เป็นความรู้สึกเหมือนถูกดูแคลนเหมือนกัน เป็นไปได้ครับหากจะสรุปว่ามาตรฐานของเราอาจยังเทียบพวกเขาไม่ได้ อาจเป็นเพราะรูปแบบการเรียนรู้ของพวกเราต่างกัน ท่านอาจารย์บางท่าน(ซึ่งเพื่อนผมตอนนี้ก็กลายเป็นคนสอนไปแล้ว)เกิดความท้อถอยก็เลยสอนๆไปตามรูปแบบ ระบบโดยรวมก็เลยไม่พัฒนาเท่าไหร่ สรุปแล้วผมค่อนข้างเชื่อว่ามาตรฐานมหาวิทยาลัยของเรายังไม่เทียบเท่ากับมาตรฐานของหลายประเทศที่หลายคนชื่นชมนะครับ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 22 ม.ค. 48 08:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มันอยู่ที่ "เงิน" ปากน่ะอย่าเอาแต่พ่นน้ำลาย   ปากว่างนักก็ไปหาเงินคาบมาให้ด้วย จากคุณ : P166 - [ 22 ม.ค. 48 08:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันต้องเอาตั้งแต่อนุบาลมาเลยครับ ท่องๆๆๆๆๆๆๆ เช้ามาก็ท่อง ก-ฮ ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่รู้ว่าคนที่เป็นครูมันไม่ยอมเปลี่ยนหลักสูตรซักที อย่ามัวแต่รอ รัฐบาลซิครับครูทั้งหลาย ออกมาประท้วงกันหน่อย รัฐมนตรีว่าการฯไม่ขยับ ครูก็ไม่ขยับ ในวันที่16 ม.ค.วันครู มันก็แค่วันหยุดวันนึง จากคุณ : pirates - [ 22 ม.ค. 48 08:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อยากให้ดูผลผลิต คือ คุณภาพของคน เป็นหลักเพราะมันจะเป็นตัวบอกว่า ของใครมีคุณภาพกว่า เช่น เห็นฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย ทั้งๆที่เป็นผู้หญิงแต่เดินแบกของเต็มหลัง เวลาเดินทางก็รู้จักใช้และอ่านแผนที่ขณะที่คนไทยถามลูกเดียว ไม่ค่อยช่วยตัวเอง ขณะเรียนมหา'ลัยส่วนใหญ่พึ่งพาผู้สอนมากกว่า ดังนั้นพวก Handouts เอกสารต่างๆจึงขายดีในบ้านเรา ฯลฯ จากคุณ : วัดโบสถ์ - [ 22 ม.ค. 48 09:09:14 A:203.113.56.75 X:203.150.217.112 TicketID:003373 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช้คำพูดตั้งกระทู้แบบนี้ เพราะ -ต้องการให้คนเข้ามาตอบ ? -เป็นความเคยชินกับการใช้คำพูดไม่เหมาะสม ? ควรใช้คำว่า คุณคิดอย่างไรกับระบบการศึกษาในประเทศไทย ? อะไรประมาณนี้ ตอบ วิชาต่างๆ เรารับมาจากต่างชาติทั้งนั้น อย่างไรเราก็ไม่มีทางขึ้นไปเทียบชั้นเขาได้ เพราะว่า เขาล้ำหน้าเราเป็นร้อยปี คนแถวเขตร้อน ฉลาดน้อยกว่าคนเขตหนาวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เพราะไม่ต้องใช้สมองในการดิ้นรนดำเนินชีวิตมากนัก และยิ่งเจอวัฒนธรรมแบบไทยๆ เกื้อการุณกัน มันยิ่งบั่นทอนความเจริญในหลายๆด้าน คิดอีกแง่ แล้วเราจะดิ้นรนไปทำไม อยู่เรียบๆง่าย ในแบบเราที่เคยเป็นมา ก็ใช่ว่าจะเลวร้าย ปรับนิดๆหน่อยๆก็พอ จากคุณ : แวะมา - [ 22 ม.ค. 48 09:10:12 A:210.86.156.195 X: TicketID:038237 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค.5 สมควรแล้วที่คุณอยู่เขตร้อน ผมว่าน่าจะตั้งกระทู้ว่า อาจารย์ไทย ห่วย กว่าอาจารย์ต่างชาติมากกว่า เพราะมหาลัยมันเป็นสถานที่ มันพูดไม่ได้ ขยับไม่ได้ไม่มีสมอง แต่สิ่งที่ทำให้มหาลัยมันมีชื่อเสียง มีชีวิต ก็คือ เครื่องจักร ที่เรียกว่า อาจารย์ อาจารย์ไทยกับ อาจารย์ต่างชาติ สอนกันอย่างไร ก็น่าจะรู้ดี ใครที่เรียนในมหาลัยที่มีทั้งอาจารย์ต่างชาติสอนอยู่จะมองออก ว่าใครสอนเข้าใจมากกว่ากัน จากคุณ : pirates - [ 22 ม.ค. 48 09:45:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ต้องถึง200หรอกครับ ถ้าผมมีลูกที่เรียนได้ที่ 49 ในห้องที่มีนักเรียนทั้งหมดอยู่ 50 คน ผมก็สามารถพูดได้เต็มปากว่ามันเรียนห่วยครับ แต่ถ้ามองระดับโลกไม่มีมหาลัยในประเทศไทยที่ติดอันดับ ใน200อันดับแรกเลย ผมว่าเป็นวิกฤติการศึกษาไทยแล้วครับ เด็กไทยแข่งขันเรียนกันอย่างหนักเพื่อที่จะเข้าไปเรียนในมหาลัยห่วยๆในประเทศ จากคุณ : Born To Be - [ 22 ม.ค. 48 09:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เว่อร์ไปหน่อย ในฐานะที่ผ่านมาแล้วทั้งสองแบบ ไม่คิดว่าถึงขนาดนั้นหรอก ส่วนเรื่องจัดอันดับมหาลัยนั้น ไม่เคยเชื่อถือเลย จากคุณ : *^-^* - [ 22 ม.ค. 48 10:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปัญหาหนึ่งที่คนมักมองข้ามคือตัวนักศึกษาเอง เด็กนักเรียนในเมืองไทยส่วนใหญ่พากเพียรเรียนหนักตอนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย พอเข้าได้แล้วมักรู้สึกปลดปล่อย บวกกับเพิ่งได้รับอิสรภาพ เลยมักผ่อนคลายและไม่สนใจการเรียน ทำให้ไม่ได้รับความรู้เท่าที่ควร กับอีกอย่างคือ มหาวิทยาลัยกำลังถูกบีบให้ออกนอกระบบ ตำแหน่งถูก freezed เงินใช้ในกิจการต่างๆไม่ค่อยมี บางแห่งติดค่าไฟฟ้าหลายล้าน ต่างก็ดิ้นรนกันเอง(ยกเว้นบางแห่งที่มีทรัพย์สินเยอะเช่น จุฬาฯก็จะสบายหน่อย) ดังนั้นจึงทำให้หลายแห่งทำงานลำบากมาก บางแห่งพยายามที่จะยืนค่าหน่วยกิตไว้ คือไม่ขึ้นค่าเล่าเรียนเพราะเห็นใจผู้ปกครอง ก็ต้องยิ่งลำบากมากขึ้น และไม่สามารถให้ facilities เสริมคุณภาพนักศึกษาได้ตามที่น่าจะเป็นครับ ................ จากคุณ : MONOion - [ 22 ม.ค. 48 10:24:31 A:158.108.196.97 X: TicketID:040891 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ออกความเห็นด้วย ผมว่า...เรียนมาถึงระดับปริญญาแล้วไม่ต้องไปถามว่าสอนดีไม่ดีหรอกครับ ทำยังไงถึงจะผลักดันให้เด็กรุ่นหลังฝึกที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองให้ได้ต่างหากคือสิ่งที่ควรจะทำ (ไม่รู้ระบบฟายเซนเตอร์ที่กำลังเห่อกันช่วยตรงนี้ได้หรือเปล่า 555) ต่างประเทศกับไทยใครสอนดีกว่ากัน ... ไม่ต่างกันครับในเนื้อหาการสอน ก็มันมีอยู่แค่นั้น หนังสือก็เล่มเดียวกัน แต่อาจมีที่ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยเช่น นศ.ฝรั่งรับผิดชอบสูงกว่า เรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่า อ.ผู้สอน100เปอร์เซนต์มีงานวิจัยคุณภาพสูงเกี่ยวข้องกับวิชาที่สอน มีการนำเอาผู้เชี่ยวชาญจากภาคปฏิบัติมาบรรยายเพื่อเปิดหูเปิดตา นศ. บ้าง ฯลฯ ส่วนเรื่องของการจัดอันดับนั้น ผมว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก แต่ถ้าอยากให้ติดอันดับกับเขาคงต้องหันมาทำวิจัยกันเป็นล่ำเป็นสันทั้งมหาลัยและใช้เวลาเป็น10ปีโน่นแหละถึงจะตามเขาทัน ทำไมต้องทำวิจัย...เพราะมันสามารถเป็นกลไกหลักที่ผลักดันทุกอย่างไปสู่ที่สูงขึ้น ถามว่ามหาลัยไทยห่วยไหม...ตอบแบบข้างๆเคียงๆนะ ถ้าจะว่าห่วยมันห่วยกันทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะที่มหาวิทยาลัย เรื่องของทรรศนคติต่อการเรียนรู้และการศึกษามีผลต่อตรงนี้มากพอสมควร จากคุณ : xxx.com - [ 22 ม.ค. 48 10:26:37 A:10.161.40.15 X:202.12.97.118 TicketID:008548 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ของไทยห่วยจริงครับ แต่ห่วยกว่าต่างชาติหรือเปล่าไม่รู้ จากคุณ : ===Wladyslaw Szpilman=== - [ 22 ม.ค. 48 10:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับควาสมคิดเห็นที่ 4 มากๆค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องที่มีส่วนในการกำนหดมาตรฐานการศึกษาบ้านเราเหมือนกัน ตอนนักศึกษาสอบเสร็จ อาจารย์ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งห้องตอบพร้อมกันเสียงเดียว ยากค่ะ/ครับ (ทั้งๆที่มันก็มีในหนังสือนั่นแหละ แต่เสือกไม่อ่านกันเอง ) พออาจารย์ลดระดับความยากลงมา สอบเสร็จ มาถามอีก เป็นไงบ้าง อีกแล้วคำตอบเดิม แล้วมันจะพัฒนาได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อคนเรียนมันไม่เอาถ่านอยู่อย่างนี้ คุณลองถามตัวคุณเองเถอะถ้า คุณและเพื่อนๆไม่เคยเป็นอย่างที่เราว่ามา คือเรียนแบบเช้าชามเย็นชาม เล่นบ้าง เรียนบ้าง ครูเขาสอนแค่ไหน ก็เอามันอยู่แค่นั้น ไม่มีการถกประเด็นกัน มุดหน้าอยู่กับตำราเล่มเดียวมันทั้งเทอม ถ้าคุณเป็นนักศึกษาที่ตรงกันข้ามกับคุณสมบัติเหล่านี้ ก็จงโทษมันไปเถอะ ระบบการศึกษาไทยมันคงห่วยจริงๆ แต่ถ้านักศึกษาไทยยังไม่ปรับตัว เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮอลิเดย์ มัวโทษฟ้าโทษดินอยู่อย่างนี้ ระบบที่ไม่พัฒนาคือระบบการศึกษา แต่พวกที่ด้อยพัฒนาคือคนเรียน จากคุณ : คนไทย - [ 22 ม.ค. 48 11:19:30 A:202.28.78.80 X: TicketID:080530 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คำถามกว้างจนตอบยาก เรามักถูกฟรั่งครอบโดยไม่รู้ตัว มาตรฐานต่างชาติ เรามักนึกถึงมาตรฐานฟรั่ง ทั้งๆ ที่มันมีลาว มีภูฐาน มีซิมบับเว่ในโลกนี้ด้วย ถ้าจะเทียบกับบางประเทศ ถ้าวัดชั้นนำกับชั้นนำด้วยกัน ของอเมริกันของญี่ปุ่นดีกว่าของเรา (เอาความรู้สึกวัดนะครับ) เด็กนิสิตนักศึกษา ถ้าเอาความฉลาดแล้ว เราไม่แพ้เขาครับ อาจารย์ โดยทั่วไปเขาดีกว่าครับ แต่คนเก่งของเราก็มี สาเหตุ ที่เราสู้ไม่ได้มาจากหลายเรื่อง หนึ่งคืองบประมาณครับ ของเขาได้งบมากกว่าเรามาก ดู ม. อย่างฮาร์วาร์ดนะครับ เงินกองทุน(Endowment)ของที่นี่แห่งเดียวน่าจะมีไม่น้อยกว่า10000ล้านดอลล่าหรือ 400000ล้านบาทไทย เทียบกับจุฬาที่มีสยามสแควร์เอาเอง สอง การบริหารจัดการของเรามีปัญหา อาจารย์ส่วนใหญ่ไม่เคยผ่านการบริหารจัดการมา ก็ทำกันไปเองตามระบบราชการ พวกอาจารย์ไม่มีaccountability ทำดีทำเลวได้ผลเหมือนๆกัน แถมคนดีถูกการเมืองภายในกันออกก็มาก ที่สุดวันนี้ คนเก่งไม่มีใครอยากเป็นอาจารย์ บรรยากาศในมหาวิทยาลัยและในสังคมไม่อำนวย คนเป็นอาจารย์ไม่ก้าวหน้าเท่าเทียมอาชีพอื่นๆ จบป.เอกวิศวะโทรคมนาคม เป็นอาจารย์รับหมื่นกว่าๆ สั่งเสมียนก็ไม่ได้ มองไปทางฝั่งเอกชน รับเป็นแสนหลายแสน นิสิตนักศึกษาไม่ค่อยสนใจเรียน เพราะไม่มีการแข่งขันจริง เรียนไปก็อย่างนั้น จบไปใช้เส้นเข้างาน มหาวิทยาลัยคือ party school แทบทั้งหมด พูดแล้วเหนื่อยครับ สงสัยผมคุดผิดห้องก็ไม่รู้ จากคุณ : X-CU (X-CU) - [ 22 ม.ค. 48 11:39:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่เห็นด้วยครับ เพราะอย่างน้อยมหาลัยก็ช่วยสร้างความรู้ ความภูมิใจให้กับคนที่จบไปใช้ในการทำงาน และเงินในการสนับสนุนการศึกษาเทียบต่อหัวระหว่างบ้านเขากะบ้านเราอยู่ในเกณฑ์เดียวกันมั้ย ถ้ามหาลัยเราห่วยก็แสดงว่าคนในชาติทุกคนก็ห่วยกว่าต่างชาติครับ เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นด้วยหรอก จากคุณ : สุดหล่อ - [ 22 ม.ค. 48 11:55:06 A:202.28.21.5 X: TicketID:015436 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มันตอบยากนะครับ ผมไม่อยากจะไปเปรียบเทียบกับ ต่างประเทศครับ เพราะผมไม่เคยไปเรียนเมืองนอก   แต่ผมมีความรู้สึกว่า เด็ก(ส่วนมาก)ทุกวันนี้ให้ความสนใจในการเรียนรู้น้อยกว่า เด็กรุ่นก่อนๆ ครับ จากคุณ : merf1970 - [ 22 ม.ค. 48 12:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราว่าขึ้นอยู่กับตัวคนเรียนเองเป็นหลักนะ บางคนจบนอกมายังสู้คนเรียนจบในประเทศไม่ได้เลยนะคะ อย่างเด็กจบโรงเรียนวัดบางคนยังเก่งกว่าและได้ดีกว่าเด็กที่จบโรงเรียนดังๆก็มีให้เห็นนะคะ จากคุณ : Millie - [ 22 ม.ค. 48 12:47:53 A:203.150.110.80 X: TicketID:086308 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เทียบกันไม่ได้หรอก มหาวิทยาลัยไทยก็เป็นไปตามมาตรฐานไทยคือเน้นสอนแบบป้อนเข้าปาก ในขณะที่มาตรฐานที่ใช้วัดสากลคือต้องมีทั้งสอนและวิจัยแถมออกจะเน้นวิจัยมากกว่าอี ทีนี้จะให้มหาลัยไทยไปแข่งยังไงละครับแค่งานสอนก็หมดเวลาแล้วแถมต้องเตรียมแสนละเอียดเพราะเด็กไม่ทำอะไรมาเลย จะเอาเวลาที่ไหนเหลือไปวิจัย บางสถาบันก็บอกเลยด้วยว่าเน้นสอน จะเอาวิจัยที่ไหนไปแข่งได้ จึงจะเห็นว่าอาจารย์ที่วิจัยมีน้อยมาก สัดส่วนก็เลยไม่ดี นอกจากสัดส่วนวิจัยกับสอนก็มีเรื่องสัดส่วนครูต่อนักเรียนอีก เรานักเรียนเยอะ ครูน้อยเพราะเราตัดสินกันที่ปริญญา ทุกคนเลยต้องเรียนทั้งที่บางคนอาจจะมีความสามารถด้านอื่นเด่นกว่า พอสัดส่วนไม่สมดุลย์คะแนนก็ต่ำไปอีก บอกแล้วว่าวัดกันไม่ได้นอกจากจะเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้านการศึกษาเสียใหม่ จากคุณ : free radical - [ 22 ม.ค. 48 12:51:37 A:61.19.56.35 X:202.44.72.3, 202.44.72.5 TicketID:074654 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมรู้แต่เหตุผลที่การเรียนทาง Science ของเราอ่อน ก็เพราะว่าการมีตำแหน่ง ศ ผศ รศ  ต่างๆ............ เพราะการที่จะเข้าสู่ตำแหน่งแหล่านั้นได้ จำเป็นต้องมีผลงานทางวิชาการ(ซึ่งส่วนใหญ่จะหมายถึงการแต่งตำรา)  พอแต่งเสร็จก็มาบังคับให้นักเรียนซื้อ ...เท่าที่ผมเจอมามีตั้งแต่ บรรยายตกหล่น บรรยายไม่เป็นระบบ รูปภาพไม่ดีพอ พิมพ์ผิด คอนเซ็บไม่แน่น ซึ่งต่างจาก(เช่น)อเมริกา ผู้ที่สอนจะไม่มีการใช้หนังสือเล่มที่ตัวเองแต่งเอง แต่จะเลือกเอาจาก TextBook เล่มที่ดีที่สุดของประเทศมาประกาศเป็น Text มาตราฐาน (อาจารย์จุฬาคงทำใจได้ยากที่จะนำ TextBook ที่แต่งโดยอาจารย์จากมหาลัยเชียงใหม่ หรือเกษตรมาสอน) เมืองไทยนักเรียนที่เรียนดีคือพวกที่มีสมาธิดีเท่านั้น แต่เมืองนอกไม่จำเป็น. เรามีระบบการศึกษาที่แม้แต่ Einstien ถ้ากลับมาเป็นเด็กใหม่คงจะสอบตก เพราะเขาไม่เคยเข้าห้องเรียน อีกเหตุผลหนึ่งก็คือมีส่วนตามที่ คห 5  ได้บอกเราเป็นมนุษย์เขตร้อน  ที่จริงมนุษย์เขตร้อนมีความฉลาดมากกว่าพวกเขตหนาวด้วยซำ แต่ต้องยอมรับว่าการเรียนรู้ของเราทำได้ช้ากว่า เป็นความผิดพลาดที่เรานำระบบการเรียนที่มีความยาว 16 สับดาห์ต่อ 1 คาบเรียนมาใช้ เพราะนั่นคือสำหรับฝรั่งหรือคนจีน(พวกเขตหนาว)  ที่จริง 1 เทอมควรเป็น 6 เดือน และใช้เวลาศึกษาปริญญาตรี 6 ปีขึ้นไป จะเห็นว่าถ้าลดเวลาน้อยก็จะมีแต่นักเรียนหน้าตี๋เท่านั้นที่สอบผ่านไปได้ ข้อสุดท้ายคงเป็นวัฒนธรรมที่เราไม่สามารถวิพากวิจารย์ครูบาอาจารย์ได้  ในต่างประเทศนักเรียนจะให้เกรดครูด้วย ถ้าตกก็จะไม่ได้รับการต่อสัญญาจากทางมหาลัย และอนาคตก็คือทอดแฮมเบอร์เก้อลูกเดียว จากคุณ : พุ่งแรง - [ 22 ม.ค. 48 12:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่านะ มีปัญญาห้ามไม่ให้ นศ.หญิงสวมเสื้อรัดนมให้ได้ซะก่อน ... เรื่องอื่นค่อยมาว่ากัน   ตอนนี้รัดตั้งแต่อกตึงยันไปถึงตับอ่อนแล้ว ... จากคุณ : มหาชำร่วย - [ 22 ม.ค. 48 14:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องการประพฤติตัวอะไรนั้น  ไม่ใช่ประเด็น ที่เขาถกกัน คือเรื่องความเป็นวิชาการต่างหาก ถ้าความเป็นวิชาการดีเลิศ  การจัดอันดับก็จะสูง ความเป็นวิชาการ เขาก็ดูจากมการผลิตผลงานทางวิชาการของบุคลากรในมหาวิทยาลัย เพราะต่างประเทศเขามองว่า มหาวิทยาลัย จะต้องผลิดผลงานทางวิชาการด้วย สำหรับประเทศไทย เป็นสิ่งที่พูดกันมานายแล้ว  เรื่องคุณภาพของบุคลากรในมหาวิทยาลัยด้านวิชาการ ว่าต่ำมาก ทั้งๆที่อาจารย์กว่าครึ่ง หรือเกือบทั้งหมด จบเมืองนอก เป็นคนมีความรุ้ดี แต่อาจารย์มหาวิทยาลัย  กลับทำผลงานทางวิชาการไม่เป็น อาจารย์หลายคน ถนัดขึ้นเวทีสัมนา ให้คอมเมนต์ได้แทบทุกวัน และทุกเรื่อง อาจารย์หลายคน ถนัดเขีบนบทความลงหนังสือพิมพ์วิพากย์วิจารณ์คนอื่น  พอสิ้นปีก็รวมรวมเป็นเล่มพิมพ์ขาย  ประหนึ่งเป็นผลงาน วิชาการ ทั้งๆที่ไม่ใช่ อาจารย์หลายคนรับจ็อบบริษัทเอกชนทำโปรเจคท์ อาจารย์หลายคนรัรบงานสอนหลายสถาบัน มุ่งแต่เมคมันนี่ ........................ ต่างประเทศเขาให้ความสำคัญที่การผลิตผลงานทางวิชาการ มีการแถลงผลงานในงานสัมนาวิชาการที่ได้มาตรฐาน  มีการลงพิมพ์ผลงานในวารสารวิชาการ แต่อาจารย์ไทยน้อยคนนักที่จะทำ นี่แหละที่ทำให้ในวงการมหาวิทยาลัยเขามองมหาวิทยาลัยไทยตกต่ำ ส่วนเรื่องที่ว่า ควรจะใส่ใจกับการจัดอันดับนี้ หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : กระป๋องนมข้นหวาน - [ 22 ม.ค. 48 17:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พวกที่ว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยของไทยไม่ดีเนี่ย เคยคิดอยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกันบ้างไหมครับ จากคุณ : PNP - [ 22 ม.ค. 48 17:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 การว่าและวิจารณ์อาจารย์มหาวิทยาลัย .... ก็ไม่ต่างจากที่พวกอาจารย์หลายท่านที่ออกมาวิจารณ์คนอื่น ก็ที่เราเห็นกันว่าน่ารังเกียจ...ก็น่ารังเกียจพอกัน ยากกว่านั้น คือการู้ว่าทำไมอาจารย์เหล่านั้น ... จึงเป็นอย่างที่เป็น และ รู้ว่าควรทำอย่างไร จึงจะแก้ไขความไม่พึงปรารถนานั้นได้ จากคุณ : วิจารณ์ง่ายดี (X-CU) - [ 22 ม.ค. 48 19:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Born To Be เอาผลโหวตไปทำอะไรหรือจ๊ะ อย่างน้อยคุณก้อน่าจะแสดงความคิดเห็นอย่างมีตรรกะมากกว่านี้นะค่ะ การใช้คำว่า " ห่วย " มันรุนแรงเกินไป จริงอยู่... มาตราฐานการศึกษา ความรู้สามารถของครูอาจจะต่ำกว่าต่างประเทศ แต่... เค้าก้อรู้กันมาชาติโครตแล้วค่ะ และ ... กำลังพัฒนา ใช่รึไม่ ถ้าคุณมีความคิดพัฒนา เอาเวลาไปหาแนวทางแก้ไขดีกว่ามานั่งด่าไร้สาระ จากคุณ : p.toktak (turn back time) - [ 22 ม.ค. 48 19:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าว่ากันด้วยหลักสูตรการเรียนการสอบ และมาตรฐานของคนที่จบไป  คงไม่ห่วยละมั้งครับ ทางเว็บต้นฉบับคงต้อง เจาะจงหน่อยครับ  ว่าด้านไหน จากคุณ : Darth Zomo - [ 22 ม.ค. 48 20:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถอดคำพูดประโยค " ความรู้สามารถของครูอาจจะต่ำกว่าต่างประเทศ  " จากคุณ : turn back time - [ 22 ม.ค. 48 21:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่เคยได้ยินว่า นิตยสาร Time จัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก มีเห็นแต่ นิตยสาร US NEWS AND WORLD REPORTS ขอ Link ที่ว่าหน่อยของ Time นะ ผมไปค้นหาในนิตยสาร Time ไม่เคยเจอ จากคุณ : Haa - [ 22 ม.ค. 48 21:50:20 A:24.214.195.118 X: TicketID:066742 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สหรัฐอเมริกามีทั้งมหาวิทยาลัยเป็นพันๆแห่ง มีตั้งแต่ที่ดีที่สุดในโลก จนถึงห่วยแตกที่สุดในโลกครับ มหาวิทยาลัยต่างชาติที่คุณพูดถึง คือระดับใดครับ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 22 ม.ค. 48 21:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 วัฒนธรรมเก่าๆบางอย่างของไทยไม่เอื้ออำนวยให้เกิดการพัฒนาการศึกษา   ผมขอยกตัวอย่าง   กาลครั้งหนึ่งไม่นานนักที่ประเทศไทย  มีนักเรียนรุ่นน้อง4คนและนักเรียนรุ่นพี่1เดินมานั่งที่โต๊ะชมรมของมหาลัย   คุยกันเรื่องทีมฟุตบอลที่เก่งที่สุด   รุ่นน้อง2คนบอก"เชลซี"เก่งสุด  อีก2คนบอกว่า"อาเซนอล"เก่งสุด  แต่รุ่นพี่คนเดียวบอกว่า"แมนยู"เก่งที่สุด   ก็จะมีการเถียงกันเล็กน้อยแล้วก็เงียบไปโดยบางคนก็จะยอมรับตามรุ่นพี่ว่า"แมนยู"เก่งที่สุด   ***สิ่งที่เกิดขึ้นคือมารยาทว่าด้วย"ความเกรงใจและอ่อนน้อมถ่อมตน"ไม่อยากขัดใจรุ่นพี่ทำให้ไม่มีการสรุปให้ชัดเจนว่าทีมไหนเก่งสุด*** ข้ามมาอีกฟาก  ที่Uแห่งหนึ่งที่ออสเตรเลีย  มีรุ่นน้อง4คนรุ่นพี่1คนเหมือนกัน   มานั่งคุยที่โต๊ะว่าทีมฟุตบอลทีมไหนเก่งที่สุด   รุ่นน้องที่ชอบทีม"เชลซี"จะบอกว่าเชลซีเก่งสุดเพราะมีทีมที่ใหญ่  มีแลมพาร์ด , มีร๊อบเบน , และมีโค๊ชที่เคยเป็นแชมป์ยุโรปมาแล้ว   คนที่เชียร์อาเซนอลจะบอกว่า  ทีมของตนเก่งที่สุดเพราะมี วิเอร่า, อองรี, ปิแรส  ส่วนรุ่นพี่ที่เชียร์แมนยูจะบอกว่า  ทีมตนดีสุดเพราะมี รูนี่ ,ริโอเฟอดินาน  ***นักศึกษาต่างประเทศจะนำเหตุผลมาสู้กันเพื่อพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วทีมใดน่าจะดีที่สุด***เพราะไม่ถือว่าเสียมารยาทเป็นการผิดต่อกติกาสังคมแต่อย่างใดจึงเป็นช่องให้เกิดการศึกษาและค้นคว้าข้อมูลมากกว่าU~ในไทย จากคุณ : Narak-Man - [ 23 ม.ค. 48 03:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อีกเหตุผลคือ อากาศที่โน่นมันหนาว+ลมแรง เลยต้องจำศึลอยู่ในห้อง  ผลคือมีโอกาสที่ได้อ่านหนังสือมากขึ้น   ถ้าอยู่ในไทยคงออกไปเตะบอลจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ จากคุณ : Narak-Man - [ 23 ม.ค. 48 03:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กระทู้ - จี้มหา'ลัยไทยทบทวนศักยภาพ หลังไม่ติด 200 มหา'ลัยดีที่สุดในโลกของไทม์ ช่างไฟ ความคิดเห็นที่ 27 - สหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยเป็นพันๆแห่ง ผม - แล้วยังมหาวิทยาลัยในยุโรป แคนาดา ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์อีกเท่าไร จากคุณ : สุธน หิญ - [ 23 ม.ค. 48 08:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผลผลิตมหาวิทยาลัยห่วยไม่ห่วยอย่างไร มีเครื่องชี้นิดหน่อย ให้ดูจากการโพสต์ในเว็ปบอร์ดพันทิพนี่แหละ สไตล์การออกความเห็นสร้างสรรหรือไม่ อักขระวิธีเป็น"ภาษาไทย"ขนาดไหน เข่นฆ่ากันซาดิสม์เพียงใด น้ำใจใสสะอาดแบบ"ไทยๆ"หาเจอไหม เชื่อเหอะ หลับตาควานไปกระทู้ไหนเป็นเจอนักเรียนมหาวิทยาลัยไม่มากก็น้อยหล่ะน่า จากคุณ : คือกัน - [ 24 ม.ค. 48 14:27:35 A:203.150.107.237 X: TicketID:008767 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เราว่า มันไม่อยู่ที่"มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่มันอยู่ที่"ระบบ" การให้การศึกษามากที่สุด เป็นอันดับแรก เราเดินหลงทางในระบบการให้การศึกษากับเด็ก และครูผู้สอน เปลี๊ยนไป่  เด็กเอาแต่เล่นสนุกส่วนเรื่อง ความเป็นระเบียบกฏเกณฑ์ในด้านวิชาการ่อ่อนสุดๆ แก้ไขแบบไม่ตรงจุด คือต้องเอาคนเก่งไปสอนใช้ได้แต่เฉพาะบางแห่ง แต่ไม่ทุกแห่ง กระทรวงศึกษาธิการทำงานแแบบไม่มึคุณภาพที่แน่นอน เอาใจเด็กเกินไปหรือระบบปล่อยให้เด็ก"โง่แล้วปกครองง่าย" ยังมีอีกมากที่ระบบการจัดการศึกษา กว้างและมากไปทั้งที่ปัญหาอยู่นิดเดียว ทำให้เละ ทำให้วุ่นวายซะจะได้แก้ไขกันมากน่อย ส่วนที่ดีและเก่งนั้นเด็กเขาเก่งเองแล้วผู้ใหญ่ก็เอาหน้าไปตามกับเขาด้วยเท่านั้นแหละไม่ใช่ เด็กเก่งมาจากการบริหารการจัดการศึกษาที่ดีให้กับประชาชน จากคุณ : ป้าคิดโง่ๆ (บัวโรย) - [ 25 ม.ค. 48 07:15:41 ]