PANTIP.COM : P3263168 คนเข้าใจ เปิดบันทึกลับบิ๊กจิ๋ว ผมไม่เข้าใจจุดหนึ่งช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 6

เศรษฐกิจไทยก่อตัวเป็นฟองสบู่ครั้งใหญ่ต่อเนื่องมายาวนานแล้ว เริ่มต้นตั้งแต่ยุคพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และมาก่อรูปนโยบายที่จะนำมาซึ่งผลเสียหายร้ายแรงในปี 2540 ในยุครัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน

ทั้งนี้ โดยการเริ่มต้นเปิดเสรีทางการเงิน

เมื่อรัฐบาลต่อมาก็ยิ่งเปิดกว้างมากขึ้น ปล่อยให้มีการนำเงินเข้าประเทศโดยไม่มีการควบคุมว่านำไปลงทุนที่สร้างผลผลิตหรือไม่ จึงทำให้เงินกู้ส่วนใหญ่ถูกนำไปเล่นหุ้นและเก็งกำไรต่าง ๆ จากนั้นฝรั่งก็กอบโกยเอาผลกำไรออกไปต่างประเทศ ในขณะที่ประเทศไทยมีหนี้สินเกินกว่าเงินสำรองหลายเท่าตัว ตลอดเวลานั้นหนี้สินยิ่งโต เงินสำรองยิ่งน้อยลง ฟองสบู่เริ่มแตกในปลายสมัยรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ธนาคารที่อ่อนแอถูกผลกระทบก่อน

ใครมาเป็นรัฐบาลในช่วงนั้นก็ต้องประสบปัญหาอย่างเดียวกัน

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีปลายปี 2539 ถึงกลางปี 2540 ก็ต้องลอยตัวค่าเงินบาท หลังจากนั้นอีกเดือนเศษก็ต้องเข้าโปรแกรม IMF เท่ากับมีเวลาบริหารจริง ๆ เพียง 5-6 เดือน ฟองสบู่ก็แตกกระจุยกระจายแล้ว

สถานการณ์เป็นอย่างนี้ใครจะว่าผิดว่าถูกก็สุดแท้แต่ดุลยพินิจของแต่ละคน

เรื่องจีนมีความตั้งใจช่วยเหลือไทยในสถานการณ์ที่ประสบภาวะวิกฤตนั้น นับว่าน่าสนใจ แม้จะมีความจริงบางประการยังคงเป็น "ความลับ" อยู่

ความจริง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธรู้สถานการณ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2540 ว่าจะต้องลดค่าเงินบาทหรือลอยตัวค่าเงินบาท แต่ฝ่ายประจำ รวมทั้งฝ่ายการเมืองที่รับผิดชอบการเงินการคลัง ไม่เห็นด้วย ยังคงเดินหน้าปกป้องค่าเงินบาท และถมเงินเข้าไปในระบบการเงินอย่างเต็มที่ และยังให้นายกรัฐมนตรีไปประกาศยืนยันถึง 3 ครั้งว่าจะไม่ลดค่าเงินบาท แต่หลังจากประกาศครั้งสุดท้าย 2-3 วัน ก็ต้องลดค่าเงินบาท

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธเคยเปิดเผยว่าเหมือนหนึ่งถูกหลอก คิดจะลาออก แต่ถูกยับยั้งไว้

เมื่อลอยตัวค่าเงินบาทแล้ว สถานการณ์ก็นำไปสู่การเข้าโปรแกรม IMF พล.อ.ชวลิตพยายามดิ้นรน โดยติดต่อขอความช่วยเหลือจากจีน

ในครั้งนั้น ได้มอบหมายให้พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะ นายสุรศักดิ์ นานานุกูล เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ นายไพศาล พืชมงคล เป็นที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง นายนิพัทธ พุกกะณะสุต เป็นผู้แทนกระทรวงการคลัง นายศิริ การเจริญดี เป็นผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปเจรจาลับกับทางการจีน

ในขณะนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังประชุมเตรียมการประชุมสมัชชาพรรคที่เป่ยไต้เหอ เพื่อเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารจากนายกรัฐมนตรีหลี่เผิง เป็นนายกรัฐมนตรีจูหรงจี ดังนั้นในตอนแรกพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงส่งพล.อ.หลิวหัวชิง ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกรมการเมือง หรือ Police Bureau มาเจรจาความที่บ้านรับรองเตี้ยวหยูไถ่

ครั้นได้ทราบความประสงค์ของฝ่ายไทย พล.อ.หลิวหัวชิงได้แจ้งว่า ฝ่ายนำของจีนมีจุดยืนให้การสนับสนุนช่วยเหลือรัฐบาลไทย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งพล.อ.หลิวหัวชิงไม่มีความชำนาญ จะให้เจรจารายละเอียดในการช่วยเหลือกับผู้ว่าการธนาคารชาติจีน

ในวันรุ่งขึ้นจึงมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่งระหว่างคณะผู้แทนฝ่ายไทยกับผู้ว่าการธนาคารชาติจีนและคณะ

ผู้ว่าการธนาคารชาติจีนได้แจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายนำของจีนมีจุดยืนให้การช่วยเหลือประเทศไทยตามที่พล.อ.ชวลิตขอร้อง และเนื่องจากเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหม่ที่จีนก็ไม่มีประสบการณ์ จึงให้ฝ่ายไทยเล่าสถานการณ์ให้ทราบ

ครั้นทราบสถานการณ์และจำนวนเงินที่ขอความช่วยเหลือจำนวน 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ผู้ว่าการธนาคารชาติจีนได้แจ้งว่าจะนำเรื่องเสนอฝ่ายนำเพื่ออนุมัติในการดำเนินงาน และจะแจ้งผลให้ทราบในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันเดินทางกลับ

แต่ก่อนจะจากกัน ผู้แทนฝ่ายไทยบางคนได้ขอเจรจานอกรอบกับคณะของผู้ว่าการธนาคารชาติจีน โดยที่คณะส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร

ในวันรุ่งขึ้นก่อนเดินทางกลับ ตัวแทนธนาคารชาติจีนได้แจ้งให้ทราบว่า ทางฝ่ายนำของจีนอนุมัติให้การช่วยเหลือตามที่ฝ่ายไทยร้องขอเต็มจำนวน คือให้ยืมเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทำให้คณะตกใจ เพราะไม่เป็นไปตามที่เจรจากัน โดยที่ไม่ทราบเบื้องหลัง

เมื่อไม่ได้เงินจากจีนมาสมทบทุนสำรอง ไทยจึงจำเป็นต้องเข้าโปรแกรม IMF ในที่สุด

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในภายหลัง จึงทราบว่า การเจรจานอกรอบหลังจากพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เจรจาความเสร็จแล้วนั้น ฝ่ายไทยบางคนนั้นได้แจ้งแก่ผู้ว่าการธนาคารชาติจีนว่าความจริงประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องยืมเงิน เพราะยังมีเงินทุนสำรองเหลือเฟือ แต่เมื่อเป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรี จึงขัดไม่ได้ และเพื่อไม่ให้เสียหายแก่คณะ จะขอยืมเพียง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น

ทั้งยังบอกด้วยว่าพวกที่มานี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร จีนจึงให้ความช่วยเหลือให้ยืมเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

เรื่องก็มีเพียงเท่านี้

ใครจะผิด ใครจะถูก หรือมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งประการใด จึงทำให้ตัวเลขเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้ ยังเป็นความลับอยู่ในประวัติศาสตร์

คุณลองไปถามผู้แทนแบงก์ชาติในคณะเจรจาลับครั้งนั้นดูเองก็แล้วกัน

พายัพ วนาสุวรรณ 10 ก.พ. 46

ที่มา : http://www.manager.co.th/Politics/PoliticsQAQuestion.asp?QAID=1207

จากคุณ : Mars - [ 29 ม.ค. 48 16:27:51 ]