CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ความพอเพียง - พอดี…ต้นตำหรับทฤษฎีการดำรงอยู่ของชีวิต

    ชีวิตคืออะไร…? ดูจะเป็นคำถามที่ดูธรรมดาเกินไปไม่น่าสนใจ…..แต่ความจริงหากพินิจดูอย่างลึกซึ้งมันจะทำให้ค้นพบสัจธรรมในหลายๆสิ่งที่หลบซ่อนอยู่กับองค์ความรู้เหล่านี้….สามารถนำเอาทฤษฎีตั้งต้นดังกล่าวมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี

    คนจะเข้าใจคำว่าชีวิตได้ดีก็ต่อเมื่อ…ได้เห็นกระบวนการเริ่มต้นของการมีชีวิตอย่างพินิจพิเคราะห์  ตั้งแต่ค้นหาองค์ประกอบของความมีชีวิตที่ค่อยๆปรากฏตัวเองขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ   ตั้งแต่องค์ประกอบของการรวมตัวกันพันธะของกลุ่มเซลตั้งต้น  จนปรับกลายมาเป็นชุดชีวิตที่สามารถสำเนาตัวเอง  ปรับเปลี่ยนความสามารถไปเรื่อยๆจนกลายมาเป็นกลุ่มเซลอิสระและพัฒนาเป็นชุดคำสั่งที่เรียกว่ายีนต์……

    ความมีชีวิตในเมล็ดกว่ามันจะปรากฏตัวออกมาได้  มันจะต้องมีความสอดคล้อง พอเหมาะ พอเจาะ พอดี  ของชุดคำสั่งและกระบวนการสำเนาชีวิตใหม่….พัฒนาการความเป็นไปจะมีตัวสมดุลเป็นตัวขับเคลื่อน…และแปลกมากที่กลุ่มชีวิตจะมีความสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทนต่อสภาวะแวดล้อมที่ปรวนแปรเหล่านี้ได้อยู่อย่างตลอดเวลา….มันสามารถสร้างตัวรู้ขึ้นมาเพื่อเอาชนะสภาพแวดล้อมได้  ทั้งยังสามารถปรับคำสั่งไปยังสภาวะแวดล้อมให้เกิดความคล้อยตาม(ด้วยการรับและให้)…แม้นแต่มนุษย์ก็ยังถูกกำหนดให้คล้อยตามความต้องการของชุดชีวิตเหล่านี้…ด้วยสำเนาคำสั่งของการพึ่งพากัน…มนุษย์ต้องเอาเขามา รดน้ำ พรวนดิน  ใส่ปุ๋ยที่เขาชอบ  สุดท้ายความมีชีวิตก็จะปรากฏตัวออกมา  พร้อมกับมอบรางวัลให้แก่ผู้นำพามันเป็นการตอบแทน….จากเมล็ดข้าวนับหมื่นเมล็ดก็จะกลายเป็นข้าวนับแสนนับล้านเมล็ด

    น่าแปลกใจที่กระบวนการสำเนาชีวิตใหม่….ทำไม?ถึงมีตัวรู้คอยปรับสภาพให้ชุดชีวิตที่เกิดมาใหม่สามารถทนต่อสภาพความแปรปรวนของสภาพแวดล้อมได้…ทำไม? มันถึงออกคำสั่งให้สิ่งมีชีวิตอื่นให้การช่วยเหลือมัน….ทำไม? มันถึงอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อย่างลงตัว…..การปรับสมดุลเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาได้ไง ?…..ตรงนี้ใช่หรือไม่ที่เรียกตามหลักศาสนาพุทธว่า “มัชฌิมาทาง”………ตรงนี้ใช่หรือไม่ที่ภาครับและภาคส่งทำหน้าที่กันอย่างลงตัว……และตรงนี้ใช่หรือไม่ที่คือแนวทางเดียวกับแนวทางพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


    สรุปแล้วชีวิตก็คือ……พันธะของเซลอะไหล่ที่มารวมตัวกันอย่างพอเหมาะพอดี ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงรอบๆตัว  แต่มันก็สามารถปรับตัวทนต่อสภาพสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนเหล่านั้นได้   อาการปรับตัวของชุดชีวิตเหล่านี้มันมีความสามารถที่จะสำเนาตัวเองเพื่อความอยู่รอดของชีวิตมันและสำเนาตัวใหม่จะมีความเป็นอิสระต่างไปจากระบบเดิมที่มันเคยอยู่…….ชุดคำสั่งที่ว่านั้นก็คือคือยีนต์

    สำเนาที่ธรรมชาติกำหนดมันมีพัฒนาการ  ส่วนละเอียดที่เล็กจิ๋วประกอบกันเป็นแผนที่ชีวิตเฉพาะตน  ระหัสบางตัวมันเปลี่ยนแปลงได้  ทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วินแต่เดิมเชื่อกันในลักษณะที่ว่า “สิ่งมีชีวิตเป็นเหมือนเครื่องจักรกลอัตโนมัติที่ไร้จิตวิญญาณ” แต่ความจริงมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น   พันธะที่มารวมตัวกันเป็น  DNA มันสามารถปรับเปลี่ยนเคลื่อนย้ายกันไปมาได้   ลบระหัสบางตัวที่เป็นข้อด้อยออกไป สร้างระหัสบางตัวที่เป็นข้อเด่นที่มีประสิทธิภาพในการดำรงชีวิตอยู่เข้ามาแทน….และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้เองรวมถึงการเติมแต่งของมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญในห้องทดลองได้….ด้วยกระบวนการจัดเรียงข้อมูลอันละเอียดอ่อนแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์ ....จึงทำให้เกิดศาสตร์ทางพันธุ์วิศวกรรมขึ้น

    ชีวิตต่างจากไวรัสคอมฯ ตรงมันมีกระบวนการ metabolism ที่สามารถสร้างระบบการเผาผลาญอาหารแปรเปลี่ยนออกมาเป็นพลังงานหรือสร้างการก่อตัวของอวัยวะเพื่อมาเป็นตัวช่วยในการดำเนินชีวิตและเติบโตขยายเผ่าพันธุ์ออกไป…ส่วนไวรัสคอมฯทำได้เพียงออกชุดคำสั่งและสร้างสำเนาตนเอง….และใช้วิธีการขยายพันธุ์โดยการใช้ชุดจู่โจมเกาะตัวไปยังสิ่งแวดล้อมที่เอื้อเป็นเหมือนพวกพาราซีต  แต่ไม่สามารถใช้สร้างพลังงานที่ซับซ้อนเพื่อเอื้อกับชีวิตใหม่ได้

    ความพอเหมาะ-พอดี จึงเป็นสิ่งสำคัญของการกำเนิดชีวิตและการคงอยู่ของชีวิต ….เมล็ดพืชจะปรากฎความมีชีวิตออกก็ด้วยจากความพอเหมาะ – พอดี – พอเพียง  ของแสงแดด – ความชื้น – และอุณหภูมิ…ความมีชีวิตที่เราเห็นก็คือลำต้น-กิ่ง-ใบและสำเนาของตัวมันก็คือการกำเนิดเมล็ดใหม่

    ผมจึงมองเห็นว่าความพอดี-พอเหมาะ-พอเพียง   จึงเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของ “การมีชีวิต” และการสรรสร้างความเจริญอันแท้จริงให้แก่ชีวิต…..ทิศทางของการพัฒนาจึงควรเพ่งพินิจถึงหลักของความสมดุลให้มากๆ

    หลักการของเศรษฐกิจแบบพอเพียงตามแนวพระราชดำรัชก็คงมาจากทฤษฎีการมองเห็นในเรื่องดังกล่าว  ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวของหลักมัชฌิมาปฏิปทา

    …“โบราณเขาบอกไว้ เวลาจะเก็บหน่อไม้มากินก็ให้เหลือติดกอเอาไว้บ้าง สำหรับให้มันเจริญเติบโตสร้างหน่อในปีต่อๆไป จะได้เก็บกินไม่รู้จักหมด”…..คือความรู้จักตัวเรา ทรัพยากรที่เราอาศัย และดุลภาพของการพึ่งพากันระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ หรือทางสายกลางของการบริโภคแบบพอเพียงนั่นเอง !

    ความพอดีจึงเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของ “การมีชีวิต”  เป็นความธรรมดาที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความสุขอันแท้จริง

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 17 ก.พ. 48 20:55:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป