ความคิดเห็นที่ 1 เออ เท่าที่ได้ยินมาจากอาจารย์ที่สอนผมอยู่นี่เขาเล่าว่า การ สอบเน ของป.ตรี เขาเรียกว่าสนามใหญ่เพราะมีคนสอบมาก ส่วนเมื่อจบ ป. โทแล้วไปสอบเขาเรียกสนามเล็กเพราะคนสอบน้อยกว่า ถูกผิดไงก็ไม่ทราบได้ครับเพราะได้ยินมาแบบนี้ จากคุณ : hookman13 - [ 7 มี.ค. 48 23:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เนติ คือการทบทวนของเดิมแบบควบแน่น นิติศาสตร์มหาบัณฑิต คือการเรียนของเดิม ให้ลึกซึ้ง ในสาขาที่เราสนใจ การเรียนเนติ์ จะเรียนเรื่อง วิธีการใช้กฎหมายในทางปฏิบัติ จะเรียนจากตัวกฎหมายจริงๆเป็นส่วนใหญ่ เรียนฏีกา (เพราะเป็นตัวอย่างการใช้กฎหมายของศาลสูง อย่าไปรังเกียจเดียจฉันท์) ไม่ค่อยมีทฤษฎีหรือปรัชญาให้เรียน และการทำข้อสอบ เป็นการทำสอบเหมือนปริญญาตรีนั่นเอง แต่ซับซ้อนกว่านิดหน่อย และเหมือนกับรวมที่เราเรียนสี่ปี มาอัดในปีเดียว (แต่ถ้าไม่ไหว จะเอาปีละตัว หรือเทอมละวิชาก็ได้) ใช้ความขยันปานกลาง ถึงมาก ก็ผ่านได้ แต่ต้องชอบท่อง ชอบอ่านหนังสือ วิธีลัดมี คือต้องหาพรรคพวกที่เก็งฏีกาเก่งๆ แล้วอ่านเฉพาะที่เก็ง แต่ถ้าออกไม่ตรงก็ตาย แนะนำให้เรียนตามปกติ ขยันตามปกติดีกว่า ใกล้ๆสอบก็ดูที่เขาเก็งไว้หน่อยก็ได้ ส่วนการเรียนปริญญาโท จะเป็นการศึกษากฎหมายชั้นสูงของแต่ละสาขา จะมีปรัชญา แนวคิด และบ่อยครั้งมากที่ต้องศึกษาเปรียบเทียบกับของต่างประเทศ สิ่งที่จำเป็น คือความอยากรู้ และความกระหายในทางวิชาการ เพราะไม่งั้นอาจเบื่อ เพราะต้องอ่านหนังสือและเอกสารเยอะ แต่จะใช้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ จุดที่ยาก คือการเรียบเรียงสิ่งที่เราเรียนรู้ ไปใช้ในการวิจัยปัญหา คือการทำวิทยานิพนธ์นั่นเอง ถ้าเป็นคนมีความคิดเป็นระบบ ชอบอ่าน ชอบค้นคว้า ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าชอบท่องชอบจำอย่างเดียว ก็อาจจะแย่เพราะถึงจุดหนึ่งจะไม่รู้ว่า การเขียนวิเคราะห์กับการลอกมาตอบต่างกันอย่างไร เปรียบเทียบง่ายๆ เรียนเนติ จะเรียนว่า ฆ่าคนอย่างไร ติดคุกอย่างไร เรียนโท จะเรียนว่า ทำไมฆ่าคนถึงติดคุก ไม่ติดได้ไหม ต่างประเทศเขาประหารชีวิตกันบ้างไหม และเขียนกฎหมายอย่างไรให้คนเลิกฆ่ากัน จากคุณ : บุญชิต ฟักมี (Players) - [ 7 มี.ค. 48 23:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณฟักมี ตอบเสียจนผมไม่มีอะไรจะตอบแล้วครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง เป็นความเห็นที่สมบูรณ์มากครับ ขอเสริมความคิดเห็นซักกะหน่อย ผมจะบอกน้องว่า ตอนนี้ น้องยังมีเวลาคิด อยู่พอสมควร ควรวางแผนให้ดี หาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาชีพกฎหมายของเราให้ได้มากที่สุด เพราะต่อจากนี้อีก 4 - 5 ปี น้องจะเห็นว่าชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและร้อนแรง (ในทางที่ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรา) เราจะเห็นเพื่อน ๆ รอบตัว ที่เริ่มต้นมาพร้อมๆ กัน แต่มีความเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากัน บางคนไปดี บางคนไม่มีที่จะไป ฉนั้นการตัดสินใจของน้องต่อไปนี้ ในช่วงนี้ บอกได้เลยว่ามีผลกับชีวิตน้องอย่างยิ่งครับ .... น้องควรค้นหาว่าเราสนใจจะทำอาชีพอะไรมองไว้ไกล ๆ ว่าเราอยากเป็นอะไรต่อไป ลองหาโอกาสสอบถามรุ่นพี่ หรือ อาจารย์ดูว่าอาชีพอะไรของนักกฎหมาย มีบทบาทอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น ทนายว่าความ,ทนายที่ปรึกษา,อาจารย์ นักวิชาการ,ผู้พิพากษา,หรืออัยการ,หรือเจ้าหน้าที่กฎหมายขององค์กรรัฐ-เอกชนฯลฯ ทุก ๆ อย่างมันมีเส้นทางของอาชีพนั้น ๆ ...ก็ควรเดินไปให้ตรงทางที่สุด กลับมาสู่ประเด็นหลักว่าควรจะเรียนเนฯหรือโท ควบกันหรือไม่ ? เหมาะสมหรือเปล่า ? มันก็อยู่ที่น้องว่าไหวมั้ย? แล้ว ถ้าตั้งใจจะเรียนเนฯ แล้ว อยากเรียนโทเพื่ออะไร ? คำตอบมันอยู่ข้างบนครับ ต้องมีจุดมุ่งหมายในการเรียน สมมุติถ้าคุณอยากเป็นผู้พิพากษา คุณก็ต้องเตรียมตัวตามหลักเกณฑ์ของ กต. คือ ต้องสอบเนให้ได้ ต้องทำงานมา 2 ปี อาจจะต้องไปสอบใบอนุญาตว่าความ แล้วมาเป็นทนายเก็บคดีให้ครบ เพื่อเตรียมตัวไปสอบเป็น "ท่าน" คุณอาจจะยังไม่ต้องสนใจเรื่องเรียนโทเลยก็ได้ พอสอบผู้ช่วยได้แล้ว ค่อยว่ากันก็ไม่สาย... เพราะการเรียนโท ถ้าไม่มีใจจริงๆ บอกได้เลยว่ายากที่จะจบ ถ้าคุณเรียนเนฯ ต้องสอบเนฯ คุณก็จะไม่มีเวลาเตรียมตัวเข้าเรียนของป.โท เพราะเรียน ป.โท ทุกครั้งที่เข้าเรียน คุณต้องอ่านหนังสือมาก่อนครับ ตามที่อาจารย์ท่านมอบหมายให้ไปค้นคว้า พอเข้าห้องก็ต้องตอบคำถามอาจารย์ เสนอความคิดเห็น เพราะมันมีคะแนนในห้องเรียนที่เรียกว่า participate นอกจากนี้อาจจะต้องทำรายงานหลายฉบับ ต้องค้นคว้า บางทีก็ไม่มีสอบปลายภาค มีแต่ส่งรายงาน ก็จะยิ่งหนัก ถ้าสอบเนฯ ไปด้วย จะสอบเนฯ ได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย.......ไม่ง่ายเลยใช่มั้ยครับ? อย่างไรก็ขอให้วางแผนให้ดี แล้วจะเอาใจช่วยครับ ขอให้โชคดี มีอนาคตที่รุ่งโรจน์ จากคุณ : พี่ป.โท - [ 11 มี.ค. 48 15:38:57 A:203.170.249.138 X: TicketID:057467 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมียผมสอบไม่ผ่านซะที เอิ๊กๆๆ จากคุณ : คนแซ่หว่อง - [ 24 มี.ค. 48 15:20:22 ]