ความคิดเห็นที่ 1 ถึงเดือนพฤษภาคม พลเอก สุจินดา คราประยูรไม่มีท่าทีจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือลงสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง ๆ ที่มีส.ส. พร้อมจะสละตำแหน่งเปิดทางให้ พลเอก สุจินดา ลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างสมศักดิ์ศรี เสียงของประชาชน รุนแรงขึ้นตามลำดับ เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2535 ก่อนวันแถลงนโยบายรัฐบาล 2 วัน ในวันนั้นมีประชาชนไปร่วมชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงฟังคำปราศรัยคัดค้านนายกรัฐมนตรีจากคนนอก มีผู้ร่วมกล่าวปราศรัยประกอบด้วยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ตัวแทนจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน นักวิชาการ นิสิต นักศึกษา ตัวแทนองค์กรเอกชนและผู้ใช้แรงงานกล่าวโจมตีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของประชาชนไม่ขาดระยะ ตลอดทั้งวันคลื่นประชาชนเข้าร่วมสมทบเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีการนำเทปบันทึกภาพ เรืออากาศตรี ฉลาด วรฉัตร วีรบุรุษอดอาหารประท้วงจนร่างกายหมดสตินำส่งเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู. ที่ วชิรพยาบาล มาฉายให้ประชาชนเห็น เสียงกล่าวโจมตีของบุคคลต่างๆเต็มไปด้วยความเร่าร้อนไม่ว่าจะเป็นเสียงจากนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรความหวังใหม่ นายอุทัย พิมพ์ใจชน เลขาธิการพรรคเอกภาพ และบุคคลอื่น ๆ แต่เสียงประกาศที่ทำให้ผู้ฟังอันเนืองแน่นต้องเงียบกริบ เป็นเสียงของพลตรี จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม ประกาศอดอาหารทุกชนิด มีผลจะทำให้เสียชีวิตภายใน 7 วัน และนับจากนั้นสถานการณ์ต่าง ๆ ตึงเครียดขึ้น เช้าวันที่ 6 พฤษภาคม 2535 ตรงกับวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ประชาชนร่วมแสนคนมาชุมนุมอยู่ในบริเวณถนนหน้ารัฐสภา ล้นมาถึงบริเวณหน้าสวนสัตว์ดุสิตและลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อแสดงพลัง และในขณะที่พลเอก สุจินดา คราประยูร แถลงนโยบายจะเห็นภาพที่นั่ง ส.ส.ของพรรคฝ่ายค้านในสภาว่างเปล่าเพราะส.ส.เหล่านั้นต่างออกมาร่วมชุมนุมทักทายอยู่กับประชาชนด้านนอก จนถึงเวลาที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายซักค้านจึงกลับเข้าห้องประชุมตามเดิม การประชุมที่ถ่ายทอดทางวิทยุโทรทัศน์ทั่วประเทศทำให้ภาพของผู้นำรัฐบาลขาดความสง่างาม โดยเฉพาะในวันที่สองของการประชุมสภา เมื่อพลเอก สุจินดา คราประยูร กล่าวโจมตีผู้นำพรรคฝ่ายค้านโดยไม่เอ่ยชื่อว่าจะนำการปกครองที่โน้มเอียงไปในทางคอมมิวนิสต์เข้ามาใช้ในประเทศไทย รวมทั้งมีบางคนที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับพุทธศาสนา ทั้งสองข้อหานี้ผู้ได้ยินได้ฟังทราบกันดีว่าหมายถึงพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และพลตรี จำลอง ศรีเมือง ข้อหาดังกล่าวแทนที่จะเสริมสร้างความถูกต้องของรัฐบาลกลับบ่อนทำลายบุคลิกภาพความน่าเชื่อถือของพลเอก สุจินดา พรรคพันธมิตรฝ่ายค้าน 4 พรรค ร่วมกันออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีว่า "ตามที่ได้มีการประชุมรัฐสภาในการแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อเช้าวันที่ 7 พฤษภาคม 2535 เวลาประมาณ 11.30 น. และได้มีการปิดประชุมโดยปัจจุบันทันด่วน ทั้งนายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภาด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมากมายหลายประการ ในฐานะผู้แทนของปวงชนชาวไทยที่ได้รับความไว้วางใจเลือกมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้ร่วมประชุมด้วย ขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า สถานการณ์ทั้งในรัฐสภาและหน้ารัฐสภาในวันเวลาดังกล่าวนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกประการ ไม่ได้มีความสับสนวุ่นวายใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้น พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำแถลงมีลักษณะของการใส่ร้ายป้ายสี และไม่ได้ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง โดยเป็นที่น่าวิตกว่า อาจจะมีการสร้างสถานการณ์ที่มีความรุนแรงตามมาอีก จึงขอเรียนมายังพี่น้องประชาชนให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอเรียนยืนยันว่าพรรคการเมืองฝ่ายค้านทุกพรรคจะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน ในการต่อสู้เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในทุกวิถีทาง พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม พรรคเอกภาพ" นับตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม เหตุการณ์ตึงเครียดในระดับที่น่ากลัวเหตุร้ายจะเกิดขึ้นไม่ว่าในเวลาใด พลตรี จำลอง ศรีเมือง ซึ่งอดข้าวประท้วงอยู่หน้ารัฐสภาข้างสวนสัตว์ดุสิต เริ่มดำเนินยุทธวิธีสร้างความปั่นป่วนให้กับฝ่ายรัฐบาล มีการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจากหน้ารัฐสภามายังท้องสนามหลวงและอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอันเป็นฐานที่มั่นจนประกาศเลิกอดอาหารในวันที่ 9 พฤษภาคม โดยขอมติจากมวลชนที่ร่วมชุมนุมเพื่อเปลี่ยนแนวทางต่อสู้เป็นผู้นำการชุมนุมอย่างเต็มตัว การแสดงออกของรัฐบาลและฝ่ายทหารเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว พลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี ในฐานะผู้อำนวยการกองกำลังรักษาพระนคร ออกประกาศกล่าวหาผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้"ไม่หวังดี" พร้อมทั้งคุกคามว่าจะใช้มาตรการเด็ดขาดเข้าสลายการชุมนุม เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เชิญหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคการเมืองรวม 9 พรรคมาหารือและแถลงว่า 9 พรรคการเมืองได้ตกลงร่วมกันจะ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ข้อดังนี้ 1. นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. ประธานรัฐสภาต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎร 3. ลดอำนาจวุฒิสมาชิกให้เหลือเพียงกลั่นกรองกฎหมาย 4.การประชุมรัฐสภาสมัยที่สองสามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ หลังประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ การชุมนุมทำท่าจะยุติลงเพื่อรอฟังผล แต่แกนนำผู้ชุมนุม ตัดสินใจให้ชุมนุมต่อเพื่อกดดันให้กำหนดเวลาการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน และจะต้องไม่มีบทเฉพาะกาลนายกรัฐมนตรีมาจากคนนอกหรือมีบทเฉพาะกาลก็ให้สั้นที่สุด แต่ในที่สุดตกลงยุติการชุมนุมชั่วคราวเมื่อย่างเข้าวันใหม่ของวันที่ 11 พฤษภาคม เพื่อกลับมาพบกันใหม่ในวันที่ 17 พฤษภาคม เพื่อรอฟังผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร คำมั่นสัญญาแก้ไขรัฐธรรมนูญดูออกจะมีอุปสรรค เมื่อมีเสียงของ 5 พรรคร่วมรัฐบาล ยังสนับสนุนพลเอก สุจินดา คราประยูรเป็นนายกรัฐมนตรี มี ส.ส.พรรครัฐบาลซึ่งเป็นรัฐมนตรีออกมาพูดปัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เช่น นายพินิจ จันทรสุรินทร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ว่า "การประชุม 9 พรรคการเมืองเรื่องแก้ไข รัฐธรรมนูญนั้นเป็นเรื่องของคุณอาทิตย์ (อุไรรัตน์) ซึ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้ต้องรอให้พรรคอนุมัติเสียก่อนไม่ใช่ทำโดยทันที ฝ่ายค้านเสนอก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล"และอีกคำพูดหนึ่งเป็นของนายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ว่า "คนที่ออกมาเคลื่อนไหวมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของคนในชาติ ที่ออกมาเย้ว ๆสร้างความเดือดร้อนไม่เข้าท่ามีนิดหน่อยเท่านั้นไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์เสียด้วยซ้ำ" จากคุณ : คอการเมือง - [ 20 มี.ค. 48 12:24:52 A:203.113.60.7 X:203.151.140.115 TicketID:090107 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2535 มีผู้ร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวงประมาณ 2 แสนคนเรียกร้องขับไล่พลเอก สุจินดา คราประยูรออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่พลเอก สุจินดา ไม่ได้สะทกสะท้านต่อพลังมวลชนโต้กลับอย่างท้าทายว่า ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นกระทำโดยไม่หารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเลย และโดยข้อเท็จจริงการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ยุติรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์เพราะกรรมวิธีต้องใช้เวลา แกนนำสำคัญที่ร่วมต่อต้านคือแนวร่วมประชาธิปไตย 25 องค์กร ในนามสมาพันธ์ประชาธิปไตย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2535 เพื่อรับมือกับการดำเนินการชุมนุม และจากวันที่ 17 ถึง 20 พฤษภาคมเหตุการณ์ต่างๆได้กลับมาสู่วิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุด เป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “พฤษภาทมิฬ” มีการใช้กำลังทหารและตำรวจยิงและปราบปรามประชาชนอย่างเหี้ยมโหดยากแก่การบรรยาย เหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภาคมสงบลงได้เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้พลเอก สุจินดา คราประยูร กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มีนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีร่วมเข้าเฝ้าอยู่ด้วยตอนเที่ยงคืนวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อช่วยกันระงับเหตุรุนแรงและฟื้นฟูบ้านเมือง หลังจากนั้นไม่นาน พลเอก สุจินดา กับพลตรี จำลอง ออกมาแถลงร่วมกัน โดยทางพลเอก สุจินดา ได้แสดงเจตนารมณ์จะปล่อยตัวพลตรี จำลอง ซึ่งถูกคุมขังไว้ทันที จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุม และจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางด้านพลตรี จำลอง ก็เรียกร้องให้ประชาชนอย่าร่วมมือกับ "ผู้ก่อความวุ่นวาย" ความรุนแรงต่างๆสงบลง แต่เสียงเรียกร้องให้พลเอก สุจินดา คราประยูร และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดลาออกกระหึ่มก้องขึ้นมาแทนที่ ทั้งนี้มีผลมาจากการปราบปรามประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ทำให้ความชอบธรรมของรัฐบาลที่จะบริหารประเทศหมดสิ้นลง จากคุณ : คอการเมือง - [ 20 มี.ค. 48 12:25:39 A:203.113.60.7 X:203.151.140.112 TicketID:090107 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2535 มีผู้ร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวงประมาณ 2 แสนคนเรียกร้องขับไล่พลเอก สุจินดา คราประยูรออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่พลเอก สุจินดา ไม่ได้สะทกสะท้านต่อพลังมวลชนโต้กลับอย่างท้าทายว่า ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญของประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นกระทำโดยไม่หารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเลย และโดยข้อเท็จจริงการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ยุติรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์เพราะกรรมวิธีต้องใช้เวลา แกนนำสำคัญที่ร่วมต่อต้านคือแนวร่วมประชาธิปไตย 25 องค์กร ในนามสมาพันธ์ประชาธิปไตย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2535 เพื่อรับมือกับการดำเนินการชุมนุม และจากวันที่ 17 ถึง 20 พฤษภาคมเหตุการณ์ต่างๆได้กลับมาสู่วิกฤตการณ์ที่รุนแรงที่สุด เป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า “พฤษภาทมิฬ” มีการใช้กำลังทหารและตำรวจยิงและปราบปรามประชาชนอย่างเหี้ยมโหดยากแก่การบรรยาย เหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภาคมสงบลงได้เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้พลเอก สุจินดา คราประยูร กับพลตรี จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้าที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มีนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีร่วมเข้าเฝ้าอยู่ด้วยตอนเที่ยงคืนวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเตือนให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน เพื่อช่วยกันระงับเหตุรุนแรงและฟื้นฟูบ้านเมือง หลังจากนั้นไม่นาน พลเอก สุจินดา กับพลตรี จำลอง ออกมาแถลงร่วมกัน โดยทางพลเอก สุจินดา ได้แสดงเจตนารมณ์จะปล่อยตัวพลตรี จำลอง ซึ่งถูกคุมขังไว้ทันที จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุม และจะสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางด้านพลตรี จำลอง ก็เรียกร้องให้ประชาชนอย่าร่วมมือกับ "ผู้ก่อความวุ่นวาย" ความรุนแรงต่างๆสงบลง แต่เสียงเรียกร้องให้พลเอก สุจินดา คราประยูร และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดลาออกกระหึ่มก้องขึ้นมาแทนที่ ทั้งนี้มีผลมาจากการปราบปรามประชาชนจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ทำให้ความชอบธรรมของรัฐบาลที่จะบริหารประเทศหมดสิ้นลง จากคุณ : คอการเมือง - [ 20 มี.ค. 48 12:26:05 A:203.113.60.7 X:203.151.140.118 TicketID:090107 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ อ่านแล้วได้ความรู้ดี จากคุณ : ridkun - [ 20 มี.ค. 48 17:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จำได้ว่าเราเสียน้ำตาในเหตุการณ์ครั้งนั้น..และถ้าไม่มีพ่ออยู่หัวของเราแผ่เมตตาบารมี ปกป้องคุ้มครองปวงชนชาวไทย เชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้คงไม่ยุติง่ายๆหรอก หวังว่าบทเรียนในอดีตจะสอนอนาคตให้แก่พวกเราอย่างดี จากคุณ : Cookie Jar - [ 20 มี.ค. 48 22:55:51 ]