ความคิดเห็นที่ 1 สมัครเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ส่วนดุสิตเป็นอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ในยุครัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียรเป็ยนายกรัฐมนตรี โดยพระบาดสมเด็ดพระปรมินทรมหาภมิพลอดุยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธย ในประกาศพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชองค์การ จากคุณ : ขี้เฟ้ว - [ 7 เม.ย. 48 15:35:31 A:61.90.18.165 X: TicketID:091773 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ๋อ ที่เขาเรียกยุค รัฐบาลไข่ในหิน หรืออะไรประมาณนี้ใช่มั้ยครับ เอ ถ้าเขาได้เป็นรัฐบาลยุคนั้นสงสัยที่บอกทำให้ประชาธิปไตยอยู่ไม่เป็นคอมมิวนิสต์คงไม่ใช่แล้วล่ะครับ หุหุ จากคุณ : Tt009 - [ 7 เม.ย. 48 16:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนั้นผมชังสมัคร แต่ตอนนี้ผมเห็นหลายอย่างในตัวสมัครที่กล้าให้ข้อมูล และพร้อมให้ผู้ถูกพาดพิงใช้สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม ผมไม่เห็นหน้าไหนกล้า โดยเฉพาะ ปรส. ไม่ว่าชวนหรือธารินทร์ก็ไม่กล้าสักแอะ จากคุณ : นาย ก - [ 7 เม.ย. 48 16:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อืม ปรส.หรอ เออ ถามอีกๆ แล้วทำไม นาย ก ถึงไม่ชอบสมัครตอนนั้นล่ะครับ จากคุณ : Tt009 - [ 7 เม.ย. 48 16:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อก่อนบอกตรงๆ เกลียดทั้งสองคนนี่อย่างกะอุจจาระเลย ละ แต่พอเติบโตขึ้นมาได้ศึกษาและเรียนรู้สิ่งต่างมากขึ้น ทำให้รู้ว่าถ้าไม่มีสองคนนั้น(เป็นตัวเป็นของฝ่ายขวาละกัน) ป่านนี้ประเทศไทยเป็นคอมมิวนิสต์กันไปหมดแล้ว นี่แหละจ๊ะผู้พิทักษ์ประเทศไทยตัวจริง จากคุณ : หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว - [ 7 เม.ย. 48 16:35:26 A:61.7.142.79 X: TicketID:081645 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อย่ามามั่วตั้งกระทู้หลอกคนให้เข้ามาด่าเลย จะถามใครล่ะ ฝ่ายขวา หรือซ้าย มีคำตอบอยู่ในใจแล้วมั้ง จากคุณ : ohh_no - [ 7 เม.ย. 48 17:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไปถามนายสุธรรม  แสงประทุม  นายอดิษร  เพียงเกษ  ฯดูสิว่าไอ้สองตัวเนี่ยมันเลวชาติขนาดไหน คุณนาย ก.เชื่อไอ้สองตัวนี่รึถ้ามันเป็นเรื่องจริงมีหลักฐานพร้อมทำไมมันไม่เอาไปฟ้องศาล  หรือยื่นปปช.ล่ะพอเขาไม่ฟ้องก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องจริง  พอเขาฟ้องก็หาว่ารังแกเชื่อเถอะ จากคุณ : A-NOY (A-NOY) - [ 7 เม.ย. 48 17:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขออภัยจริง ๆ กรูจะอ้วกกับ คคห.ของนายหมื่นปี ฯ   ประวัติศาสตร์อ่อนปวกเปียกแล้วยังแค่นจะมาเล่นเว็บบอร์ดการเมือง   ...สมัยที่ไอ้สองตัวนี้เถลิงอำนาจภายใต้รัฐบาลหอย ( ไม่ใช่ "ไข่ในหิน" ) เป็นช่วงที่คอมมิวนิสต์กำลังจะยึดภาคอิสาน + ภาคใต้ไปอยู่แล้ว   ...ใช้แต่กำลัง  ส่งทหารไปกี่กองพลก็ถูกตีแตกกลับมา  ตายห่าไปเป็นเบือ  จนงานพระราชทานเพลิงศพ ฯ กลายเป็นประเพณีปฏิบัติในสังคม   ...ไอ้สองตัว ( โดยเฉพาะไอ้ตัวตะหมูกบาน ) นี้ล่ะที่ทำท่าจะไปเรียกอเมริกาเข้ามาเพ่นพ่านในประเทศ  ทั้ง ๆ ที่ช่วงนั้นหน่วยข่าวกรองสุดท้ายของอเมริกาเพิ่งจะโดนประชาชนขันไล่ ( ค่ายรามสูร ) ออกไป ...กระทั่งผู้คนก่นด่า นินทาว่าถ้าไอ้หมอนี่ได้เป็นนายก ฯ   มันคงยกประเทศไทยให้อเมริกาปกครอง   รู้มั้ย ? ...ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีการอพยพของบรรดา "บิ๊ก ๆ" ในกองทัพไปลงหลักปักฐานที่อเมริกามากที่สุด ( คงมั่นใจมากว่าประเทศไทยเอาชนะคอมมิวนิสต์ได้อย่างราบคาบ...อิ๊บอ๋าย ! ) ...คอมมิวนิสต์ไม่ได้แพ้รัฐบาลเผด็จการแก๊งไหนหรอกครับ   ...มันแค่ถูก "ทำให้เป็นกลาง" โดยนโยบาย 66/23 ที่ร่างขึ้นโดยบิ๊กจิ๋ว  Implement โดยพลเอกเปรม  และประยุกต์โดยพลเอกสายหยุด   อย่ามั่ว...ขอร้อง   หากไม่รู้จักเรียนรู้...กรุณาอย่าบิดเบือน   ...ยกมหาโจรขึ้นเทียมเทวดา  พสุธาจะลุกร้อนเป้นไฟ จากคุณ : qazwsx - [ 7 เม.ย. 48 17:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขวา หรือ ซ้าย คนกรุง มีการตัดสินไประดับหนึ่งแล้ว คนกรุงเทพ ที่อวดว่ารู้มากและใกล้ที่เหตุกาล มากกว่า คนจังหวัดอื่น ก็ได้ให้เขาเป็น ผู้ว่า ด้วยคะแนน 1 ล้านเสียง แม้นจะมีการหยิบยก เรื่อง ตุลาคม มาโจมตี ส่วนจะทำงานได้ดีแค่ใหน ในตำแหน่งผู้ว่า เป็นอีกหนึ่ง จากคุณ : ??? - [ 7 เม.ย. 48 17:36:53 A:61.91.105.107 X: TicketID:086475 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เขียนให้อ่านแล้ว ในกระทู้ bonny ข้างล่าง http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P3397905/P3397905.html หรือไม่ก็ไปบอร์ดกรุงเทพธุรกิจ กำลังถลกหนังหมัก-จืด http://webboard.nationgroup.com/swb/view.php?page=9&rid=6&tid=7101 มีเรื่องที่พวกคนรุ่นหลังไม่ทราบอีกเยอะ ฟังหู ไว้หู แล้วใช้วิจารณญาณ...สอบค้นข้อมูล...ทั้งหนังสือร่วมสมัย หรือแม้แต่ผู้คนในเหตุการณ์ ยึดหลักกาลามสูตรไว้ ไม่ผิดหวัง.... จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 17:45:35 A:202.5.88.141 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลองไปตามคดีที่ เสธ.หนั่นฟ้องสิ...ถึงกับให้ลูกสาวตัวเอง ไปขอร้องลูกสาวเสธ.หนั่น ถ้าโดนคดีเสธ.หนั่นเข้าไป อีก 1 คดี คดีที่รออาญาอยู่ ก็ออกฤทธิ์ถึงติดคุก หากอยากรู้ตาม ไปตามดูที่รายงานการอภิรายของสภา นะครับ หรือสอบถาม สส. ปชป.รุ่นเก่า...ประเภทเห่าไม่กัด อาศัยลูกสาวช่วยให้พ้นผิด นั่นแหละ หมัก ส่วนการเมืองเรื่องเลือกตั้ง เรื่องที่มาที่ไปของการได้มาซึ่งฐานเสียงในเขต 1 ( ดุสิตเขตทหาร ) มีให้อ่านที่ เว็บกรุงเทพธุรกิจที่บอกข้างต้น ที่เห็นปากเก่ง ๆน่ะ เจอของจริงถึงกับวิ่งหนีสภาใหญ่ มาเล่นสภาเล็กอย่างที่เห็น การเมืองเรื่องกระแส บางทีก็เอามาเป็นอารมณืหรือยืนยันความดีความงามของใครไม่ได้หรอกครับ แต่ผลงานในการปฏิบัติหน้าที่ต่างหาก ที่อยู่ยั้งยืนยง ใครดีใครเลว ดูที่ผลงาน อย่าไปดูว่าทำไมได้รับเลือกตั้ง เพราะ สส.ทั้งหลายในสภา ใช่ว่าดีไปเสียทั้งหมด ที่ชั่วก็มี เพียงแต่กรรมเก่ายังตามมาไม่ถึงครับ จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 17:53:59 A:202.5.88.139 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ...เคยแต่ได้ยินว่ามีแต่"นายอานันท์"เข้าไปเกี่ยวข้องกับคอมมิวนิสต์มากกว่า...ยิ่งตอนช่วยแบบหลบ ๆซ่อนจอมเผด็จการที่ฆ่านักศึกษาตอนนั้น...จอมพลถนอม แต่แปลกนะครับทุกคนพยายามปกป้องหรือไม่พูดถึง... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 17:59:16 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นี่เป็นตัวอย่างบางตอนจากกระทู้ที่กล่าวถึง ..................................................... ผมจะลองลอกคำปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของออหมัก เมื่อปี 2522 ดังนี้ “....ท่านทั้งหลายครับ คนจะเป็นหัวหน้าพรรคต้องโกงคนมาเท่านั้นหรือครับ มรว.เสนีย์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค ปชป. โกงเงินใครมาล่ะครับ ถึงได้เป็น มรว.คึกฤทธิ์ ท่านเป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคม ท่านโกงเงินใครมาหรือเปล่า ท่านเป็นหัวหน้าพรรคได้ เพราะว่าท่านเป็นเจ้าของน้ำมันพืช เป็นเจ้าของน้ำอัดลม เป็นเจ้าของธนาคาร แล้วท่านเป็นหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ ท่านเป็นเพราะชาติวุฒิ คุณวุฒิ วัยวุฒิ ของ มรว.เสนีย์ ก็เป็นเพราะอย่างเดียวกัน แล้วทำไมนายสมัครจะเป็น ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกันไม่ได้ ผมก็เป็นคนเหมือนเสนีย์ ว่ากันตามจริง ผมรูปร่างสูง และสมาร์ทกว่านิดหน่อยด้วย แลว่ากันตามจริง มาถึงวันนี้ ท่านอาจารย์เสนีย์อายุ 74 เข้าโลงไปแล้ว แต่ลุกออกมาอีก ผมอายุ 44 ครับ ไม่ได้คิดจะเป็นนายกฯ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ แต่เวลาของผมที่จะรอเป็น นั้น มันมากพอสมควร....... ผมผจญมาเสร็จเรียบร้อย เวลานี้ผมพออยู่ของผมได้ ผมเคยคุยอยู่กับหนังสือพิมพ์ เขาถามว่า ไม่ได้ทำงานแล้วเอาอะไรกิน ผมบอกว่า เวลาผมเป็นรัฐมนตรี ผมเลี้ยงเมีย เวลาผมไม่ได้เป็นอะไร เมียผมเลี้ยงดูผมได้ ผมคุยให้ฟังเพื่ออะไรครับ เพราะเมียรัฐมนตรีในรัฐบาลธานินทร์ 18 คนนั้น 17 คน เขาไม่ได้ทำงานสักคนเลย เขาอยู่บ้านทั้งนั้น เป็นแม่บ้านทั้งนั้น มีเมียนายสมัครคนเดียว ที่ทำงานบริษัท ทำงานมา 15 ปีไม่เคยออก เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการก็ไม่ออก เป็นรัฐมนตรีว่าการก็ไม่ออก เป็นอาชีพของเขา มีเงินเดือนไว้เลี้ยงลูกเลี้ยงสามีได้ ในวันที่เราเดือดร้อน...... ............................................. ท่านทั้งหลายครับ ผมคุยให้ฟัง จะอวดว่าเมียเรามีเงินเดือนจากการทำงาน มีเมียทำงาน เขาเอาไปตีความว่าไงครับ ออหมักทำตัวเป็น....ให้เมียเลี้ยง.....” นี่คือคำแก้ตัวของผู้ที่ถูกหาว่า..."โกง" ครับ แต่....คน กทม. ก็เลือก ออหมัก ถล่มทลาย...เออ...ดู้...( เข้าใจว่าท่าน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็พ่ายสมัครในครั้งนี้ ขอดูข้อมูลอีกทีครับ ) จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 18:10:24 A:202.5.88.138 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 14 .....ผมว่ากลุ่มเฉพาะกิจของคุณCAN กำลังพยายามโยงและบิดเบือนเรื่องคนตายเมื่อ 14 ตุลามาแบบจับแพะจนแกะผิด ๆถูก ๆ จะถูกก็มีส่วนน้อยนิดมาก......ไม่รู้ว่าคุณCAN เจ็บแค้นกับอดีต 14 ตุลาเรื่องไหนกันแน่ 1.นักศึกษาที่ถูกสังหาร...ซึ่งต่อมาเผด็จการคนนี้นักศึกษาเรียกกันว่า ทรราชแทนเรียกชื่อจอมพลถนอม... 2.หรือว่าคุณCAN เจ็บแค้นเรื่องส่วนตัวให้นายอานันท์หรือปชป.หรือจอมพลถนอม ...ถ้าเป็นข้อ 1.ไม่เห็นพูดถึงจอมเผด็จการ ตกลงปกป้องเผด็จการหรือเปล่า ถ้าปกป้องเท่ากับว่าเวลาทั้งหมดที่รับจ้างโพสต์มาเสียเปล่า... ...ถ้าเป็นข้อ 2.คงต้องรับจ้างโพสต์เรื่องนี้ไปอีกนาน อ้ออย่าลืมนะครับคนรุ่นคุณCAN เค้าไปได้ดิบได้ดีกันหมดแล้วแค่คุณยังมานั่งรับจ้างโพสต์อยู่.... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 18:26:13 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านเองซีครับ อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัว..บอกหลายทีแล้ว...ไม่มีมารยาทเลยคุณนี่ จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 18:48:52 A:202.5.88.137 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ...อย่าอารมย์สั้นสิ...ผมไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณไม่เหมือนคุณที่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร ๆ...เพียงแต่สงสัยเท่านั้นเองว่าคนเดือนตุลารุ่นคุณเค้าได้ดิบได้ดีไปหมดแล้วแต่คุณยังมานั่งรับจ้างโพสต์อยู่เลย... ...ตัวอย่างนะคุณสายชล เจ้าของไร่กาแฟเค้าก็เดือนตุลาเหมือนกันะ ฟังจากคุณพิเชียรเล่าให้ฟังทางรายการเมื่อเย็นนี้เองสด ๆร้อน ๆ ....เค้าบอกว่า เจ้าของบ้านไร่กาแฟเจียดพื้นที่ของร้านย่านสุขุมวิทตรงข้ามเอกมัยฝห้พ่อค้าแม่ค้ามาขายของโดยไม่คิดค่าเช่าที่...และถ้าพ่อค้าแม่ค้าคนไหนเก็บเงินเป็นกอบเป็นกำได้แล้วก็จะให้ออกจากพื้นที่เพื่อให้คนที่รอคิวเข้ามาทำต่อ ...ฟังแล้วโอเค ทื่ทำเพื่อสังคมดี ก้าวหน้าในชีวิต... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 18:54:53 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ในหนังสือ คำให้การของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ กรณี 6 ตุลาคม มีบันทึกเหตุการณ์ ตอนหนึ่ง ( หน้า 97 ) ว่า การปลุกระดมมวลชน และกฎหมู่ 12. ฝ่ายยานเกราะและวิทยุเครือข่ายของยายเกราะ ก็ระดมปลุกปั่นให้ผู้ฟังเคียดแค้นนิสิตนักศึกษาและประชาชน ที่ประท้วงอยู่ในธรรมศาสตร์ตลอดเวลา โดยอ้างข้อว่าจะทำลายล้างสถาบันพระมหากกษัตริย์ โดยระดมหน่วยกระทิงแดง นวพล และลูกเสือชาวบ้านให้กระทำการสองอย่างคือ ( 1 ) ทำลายพวก "คอมมูนิสต์" ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ ( 2 ) ประท้วงรัฐบาลที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่ให้นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมบุญ ศิริธร ได้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นี่เป็นบันทึก คำให้การของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ให้การต่อคณะกรรมกาวิเทศสัมพันธ์ สภาผู้แทนราษฎรแห่งรัฐสภา ที่ 95 สหรัฐอเมริกา 30 มิถุนายน 2520 ณ กรุงวอชิงตันดีซี เรื่องการสืบพยานเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยของคณะอนุกรรมการว่าด้วยองค์การระหว่างประเทศ ประเด็นการทรยศต่อพรรคของหมัก จึงเป็นเรื่องที่ควรยกย่อง เช่นนั้นหรือ การที่หมัก-จืด สนับสนุนความรุนแรงในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เป็นเรื่องดีใช่หรือไม่ เมื่อกลับไปดูวิดิโอเทป เหตุการวันฆ่าพิราบ 6 ตุลา 19 มีภาพนายหมัก เดินอยู่ในกลุ่มนักฆ่าหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ หลักฐานนี้ตามดูได้ที่ อาจารย์ใจ - ( อาจารย์จอน-ขอค้นข้อมูลอีกนิด ) อึ๊งภากรณ์ ซึ่งได้เขียนบทความไปให้ บางกอกโพสท์ แต่ทางหนังสือบางกอกโพสท์ขอให้ตัดข้อความบางตอนออก ทางผู้เขียนไม่ยอม จึงไม่ได้นำลงหนังสือพิมพ์ แต่ได้นำมาถ่ายสำเนาแจกจ่ายให้กับประชาชน ( เนื้อหา มี 3 หน้า ถ้าตามขอตอนนี้น่าจะมี ) ไม่ว่าจะเอ่ยอ้างสรรหาคำโกหกตอแหลมาแก้ตัวอย่างไรแม้เป็นล้าน ๆ คำพูดของสันดานรัฐมนตรี ป.ม. แต่ภาพเพียงภาพเดียว มันให้ความหมายแทนคำพูดมากกว่าพันคำ หมื่นคำ....ล้าน ๆ คำ หากจะเชื่อถือ สันดานรัฐมนตรี ป.ม. กันต่อไป นั่นก็ขึ้นกับวิจารณญาณของท่านผู้อ่านครับ ผมคิดว่าวิญญาณของผู้สูญเสียชีวิต ความคิดของพิการจนวันนี้ คงไม่ยินดีนักกับความสำเร็จทางการใช้ปากไต่เต้าสู่อำนาจของหมัก-จืด จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 19:09:54 A:202.5.88.136 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ....14ตุลา ผู้สังหารนักศึกษาก็เป็นทรราชที่ถุกขับไล่ออกจากประเทศเมื่อคราวนั้น...คราวที่นายอานันท์ช่วยเมื่อตอนลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ...ที่อเมริกา บอสตัน มลรัฐแมสซาซูเซท...ช่วยแบบหลบ ๆซ่อน ๆแต่ไม่วายเรื่องนี้รู้ไปถึงหูนักศึกษาคนไทยจนนายอานันท์ต้องถูกประนามซะรุนแรงว่า "สมุนรับใช้ทรราช"...บ้าง "ฑูตอานันท์"รับใช้ทรราชบ้าง .....ร้ายแรงกว่านั้นตอนที่จอมพลถนอมบวชเข้าประเทศจะได้ไม่ถูกจับกุมในข้อหาสังหารประชาชนเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ....ช่วสงหนีเข้าประเทศในท่ามกลางความขัดแย้งที่รุนแรงและประชาชนก็ออกมาเดินประท้วงการกลับเข้าประเทศของจอมพลถนอม...และเหตุการณ์นี้เองที่นักศึกษาประชาชนถูกสังหารเป็นเบือ ....เหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงสุด ๆ...คนสังหารหรือฆ่าคนเป็น ๆแบบนี้จะปกป้องได้อย่างไรถึงต้องมีการประท้วงและนำไส่ความตาย... ...นี่เป็นเหตุผลที่ฟากคุณไม่นำเสนอ...ไม่รู้ปิดบังเพื่อใครหรือเปล่า?????? ...หรือทำได้เพียงแค่ รับจ้างโพสต์เท่านั้น... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 19:20:36 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 178 เนื่องจากผมอยู่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางแห่งอำนาจ คือทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จึงมักจะได้ข่าวคราวทั้ง 2 ด้าน แต่ก็ไม่นึกว่าคนไทยจะทำลายล้างคนไทยได้ลงคออย่างโหดxxxมทารุณ ผมก็เลยได้ข้อสรุปว่า คนไทยยุครัตนโกสินทร์ ก็ไม่ต่างก็ยุคกรุงศรีอยุธยาเท่าไหร่ ที่ฆ่าฟันกันเองจนทแกล้วทหารทั้ง 2 ฝ่ายร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เหลือแต่ทหารที่ประจบสอพลออยุ่เผ้ากรุงศรีอยุธยาเพียงหยิบมือเดียว ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า หากกรุงเทพฯ เหลือแต่อออหมัก กับฝ่ายที่ถือหางออหมักเพียงกลุ่มเดียว เขาจะป้องกันกรุงรัตนโกสินทร์ได้อย่างไรกัน ก็เหมือนกับพระเจ้าเอกทัศน์ เหลือทหารเฝ้ากรุงศรีอยุธยาเพียงหยิบมือเดียว ในพระราชวังก็เต็มไปด้วยขันทีและเหล่าสนมกรมวัง จะไปต้านทานข้าศึกได้อย่างไรกัน แถมเวลากรุงแตก พระเจ้าเอกทัศน์ก็หนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง ไปได้เพียง 10 กว่าวัน ก็สวรรคตไม่ไกลจากกำแพงวังเท่าไหร่ แสดงว่าพระองค์ไม่เหลือทหารคู่พระทัยแม้แต่คนเดียว หากใครขืนเชื่อออหมักและพวกเก่งแต่ปากอย่างออหมัก ก็น่าจะประสบชะตากรรมเยี่ยงเดียวกับพระเจ้าเอกทัศน์ ออหมักอาจจะได้เป็นรัฐมนตรี ได้เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง เจ้าของหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่จีรังยั่งยืนอะไร เพราะเขานึกว่าเขาเก่งที่สุดในโลก คนอื่น ๆ ล้วนแต่พวกเอาไหน พวกหนักแผ่นดินทั้งนั้น ในหนังสือของออหมักที่ชื่อ “เรื่องไม่อยากเล่า” เรื่องที่ 9 หัวเรื่องก็คือ * พูดเรื่องแก๊งข้างถนน มีคนให้พระ .......ผู้จัดรายการ “สนทนาประชาธิปไตย” ก็เชิญผมไปนั่งสนทนากันในรายการ คุยแสดงความคิดเห็นกันแล้ว ผมก็แสดงความเห็นไปยังผู้ชมทางบ้านว่า “เรื่องการจะจัดการเกี่ยวราคาข้าวสารให้ลดลงมานั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล กับ ส.ส. จะต้องดำเนินการแก้ไขกันในรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องของแก๊งข้างถนนที่ไหนที่จะมาข่มขู่กันเล่นได้.....” แก๊งข้างถนน ที่ว่านั้น ก็คือกรรมกร (ผู้ใช้แรงงาน) คือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เป็น กลุ่มพลัง หรือ pressure group ซึ่งขณะนั้นมีอำนาจต่อรองพอสมควร ส่วนกรรมกรเอกชน เช่น กรรมกรไทยเกรียง หรือฮาร่า ได้ถูกปราบ ถูกทำลายไปเรียบร้อย เมื่อรัฐบาลหอยนั่งเมือง ปรากฏว่า การพูดของออหมัก ได้สร้างความขุ่นเคืองให้กับกรรมกรมาก แต่ก็สร้างความพึงพอใจให้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ดังข้อเขียนของออหมัก ดังต่อไปนี้ “....ตอนกลางคืนผมออกรายการโทรทัศน์อย่างที่ว่า พอรุ่งเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ขึ้น ก็มีคนโทรศัพท์มาหาผมที่บ้าน ท่านบอกว่าท่านชื่อ พลอากาศโท พโยม เย็นสุดใจ ท่านถามว่า ผมมีพระคล้องคอหรือเปล่า ผมเรียนตอบไปว่า ไม่มีดอกครับ ท่านว่า คุณพูดจาอะไรอย่างนั้น เห็นจะต้องมีพระคล้องคอ แล้วท่านก็บอกว่า ท่านมีพระองค์เล็ก ๆ อยู่องค์หนึ่ง ชื่อพระขวัญฟ้า พระองค์นี้เกิดจากฟ้าผ่าลงมาที่สันขวานเล่มหนึ่งละลาย เลยมีคนเอาเหล็กหัวขวานที่ถูกฟ้าผ่านี้ไปหลอมทำพระขึ้นมาได้ 10 องค์ ท่านจะขอมอบให้ผมเอาไว้คล้องคอป้องกันตัว แล้วท่านก็ให้ลูกชายท่านขับรถเอาพระและข้อความกำกับมาให้ผมที่บ้าน พอบ่าย 3 โมง มีโทรศัพท์มาที่บ้าน ขอพูดกับผม ท่านบอกว่า “ผมชื่อ พล.อ.กฤช ปุณณกันต์ คุณไม่รู้จักผมหรอก แต่ผมดูคุณพูดทีวีเมื่อคืนนี้แล้ว ผมอยากให้พระเอาไว้ค้มครองคุณสักองค์ บ้านผมอยู่ซอยสายลม เข้ามาไม่ไกลจากปากซอย อยู่ทางขวามือ” ผมก็ขับรถไปกาท่านเดี๋ยวนั้น ท่านให้พระคะแนน 500 องค์เล็กเท่าปลายนิ้วก้อย เลี่ยมทองเอาไว้เสร็จ...... 10. * ย้ายอธิบดีกรมตำรวจ มีพระให้เครื่องราง..... (ยังมีต่อ) บุญเกิด 7 เม.ย. 2548 14:32:43 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 19:33:36 A:202.5.88.140 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 180 (ต่อ)......มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า “ 24 พ.ค. 2519 นายสมัคร สุนทรเวฃ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรค ปชป. มีนโยบายชัดเจน ที่จะให้คงสถานีเรดาร์ของสหรัฐฯ ไว้ในประเทศไทยต่อไป และทุกครั้งที่มีการหาเสียงกว่า 40 จังหวัด พรรค ปชป. ก็ได้ประกาศทุกครั้ง ....... 25 พ.ค. 2519 กรณีนายสมัคร สุนทรเวฃ ให้สัมภาษณ์ว่า การคงสถานีเรดาร์ และค่ายรามสูร เป็นนโยบายพรรค ปชป. มรว.เสนีย์ ปราโมช ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง เพราะนโยบายของพรรค ปชป. ไม่มีเรื่องนี้” ดังนั้น ในหนังสือดังกล่าวของออหมัก จึงเขียนไว้ว่า “....เมื่อตอนที่ผมชนะเลือกตั้งครั้งแรกใน กทม. นั้น ผมได้รับเลือกจากพรรค ให้เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ตอนที่ชนะเลือกตั้งกลับเข้ามาอีกทีคราวนี้ ผมได้เป็น รมช.มหาดไทย ผมเป็นรัฐมนตรีเที่ยวที่ 2 นี้ เมื่อต้นเดือน เม.ย. 2519 พอถึงวันที่ 23 ก.ย. อยู่มาได้เพียง 5 เดือนเท่านั้น ก็เกิดเรื่องนายกรัฐมนตรีประกาศลาออกกลางสภา จัดตั้งรัฐบาลกันได้ใหม่ ก็มีปัญหาเรื่องที่นายสมัครจะได้เป็นรัฐมนตรี ผมเห็นเป็นจังหวะดี ผมก็เดินถอยออกมาจากพรรคนั้น ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 2519 แล้วผมก็ไม่เคยหันกลับไปอีก เขาตั้งรัฐบาลชุดใหม่กัน วันที่ 1 ต.ค. 2519 พอวันที่ 5 ต.ค. ก็เกิดเรื่อง และพอวันที่ 6 ต.ค.2519 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เรียกว่า “ปฏิรูป” ผมไม่เคยรู้จักว่าคณะปฏิรูปเป็นใคร ที่ไหน แต่ก็ถูกคณะปฏิรูปให้ไปแสดงความเห็นเรื่องที่ฝ่ายปฏิรูปสั่งปิด นสพ. ผมไม่เห็นด้วย รุ่งขึ้น ผมก็เลยมีชื่อไปเป็น 1 ในคณะกรรมการพิจารณาเปิดหนังสือพิมพ์ ทำงานอยู่ได้ 3 วัน ก็ถูกชวนให้เข้าร่วมรัฐบาล โดยให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ออหมักบอกว่า ไม่รู้จักใครในคณะปฏิรูปฯ นั้น เชื่อถือไม่ได้ครับ เพราะคนระดับ ส.ส. และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ รมช.มหาดไทย ปี 2518-2519 และน้องชายนายทหารระดับ พล.อ.อ. จะไม่รู้จัก พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูป และสมาชิกคณะปฏิรูปฯ อื่น ๆ ยิ่งบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการสั่งปิดหนังสือพิมพ์ ก็ยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ น.ท.สงัด ชลออยู่ ร.น. และ น.ต. พโยม เย็นสุดใจ เคยเป็นทหารผ่านศึกเกาหลี รุ่นเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ส่วน พล.อ.กฤช ปุณณกันต์ นั้น เคยเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และคณะกรรมการอำนวยการกองสลากกินแบ่งรัฐบาล สมัยรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นพี่น้องกับพล.อ.พงษ์ ปุณณกันต์ รมว.คมนาคม เจ้าของวาทะดังในยุคนั้นว่า “นโยบายย่อมอยู่เหนือเหตุผล) 10. ย้ายอธิบดีกรมตำรวจ มีพระให้เครื่องราง “.......ผมบอกท่านรองอธิบดีกรมตำรวจว่า ผมจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรในกรมตำรวจนิดหน่อย อยากถามว่า ถ้าหากพรุ่งนี้ ท่านจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิบดีกรมตำรวจ ท่านจะทำงานได้ไหม คุณมนต์ชัย (พันธุ์คงชื่น) บอกว่าได้ ผมบอกว่า ถ้างั้น ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไร หรือบอกอะไรกับใคร ขอให้ไปคอยฟังข่าวทางทีวี ตอน 2 ทุ่ม ผมนัดหมายกับคุณอาคม มกรานนท์ ว่า ขอเชิญให้มาอ่านข่าวสำคัญที่สถานีโทรทัศน์ให้หน่อย คุณอาคม ถามว่าเรื่องอะไร ผมบอกว่า เอาไว้ไปถึงสถานีแล้วจะบอกให้ พอทุ่มครึ่ง ผมก็ออกจากกระทรวงมหาดไทย โดยให้ท่านปลัดกระทรวงฯ ขึ้นรถกลับบ้านได้ ตัวผมบึ่งรถไปสถานีโทรทัศน์ ผมหอบแฟ้มเสนอเซ็นที่เป็นประกาศแต่งตั้งและโยกย้ายไปด้วยตัวผมเอง พอไปถึง ผมก็จัดฉาก ผมว่าจะพูดกับท่านผู้ฟังทางนี้ คุณอาคมอยู่ทางนี้ ..... ผมเปิดรายการ (ออกอากาศ) อธิบายเรื่องราวความเป็นมา แล้วผมก็บอกว่า วันนี้เป็นวันที่ผมต้องตัดสินใจดำเนินการแก้ไขปัญหาของกรมตำรวจ โดยได้จัการออกคำสั่งให้มีการเปลี่ยนแปลง ดังที่คุณอาคม มกรานนท์ จะอ่านต่อไปนี้ แล้วกล้องเขาก็ตัดภาพไปที่คุณอาคม มกรานนท์ คุณอาคม ก็เปิดแฟ้มเสนอเซ็น อ่านกันสด ๆ ทันที โดยที่คุณอาคม ก็ไม่ได้แลเห็นข้อความในประกาศมาก่อน ผมเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง (ของตำรวจ) สำคัญ 17 ตำแหน่ง ผมย้าย พล.ต.ท. หนึ่ง พล.ต.ต. หนึ่ง เข้าประจำกระทรวง และผมขอตัวอธิบดีกรมตำรวจ (พล.ต.อ. ศรีสุช มหินทรเทพ) ไปช่วยราชการกระทรวงมหาดไทย.....ตอนเช้า พอผมมาทำงาน ก็ทราบว่า พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ รมว.กลาโหม ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นายธานินทร์ กรัยวิเชียร) หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ โทรศัพท์มาถึงผมแต่เช้า พอต่อโทรศัพท็กลับไปถามว่า ท่านมีอะไรหรือ ท่านก็บอกว่า “ก็อั้ยที่หมักเอาอธิบดีตำรวจเขาไปช่วยราชการมหาดไทยเมื่อคืนนี้น่ะซี เราอยากให้ไม่มีปัญหา เราขอตัวเขามาช่วยราชการที่กลาโหมเรานี่ดีกว่า เราจะส่งคำขอไปวันนี้ หมักอนุมัติมานะ” ผมก็เรียนท่านว่า ผมไม่ขัดข้อง ท่านถามผมวันหลังว่า “หมักลืมไปหรือไงว่า เขาเป็น 1 ใน 24 คนที่อยู่ในสภาที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผมบอกว่า ไม่ลืมดอกครับ ที่ผมดำเนินการน่ะ มันเรื่องของรัฐมนตรีว่าการมหาดไทย กับ อธิบดีตำรวจ ที่ความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น อย่างอื่นท่านก็เป็นของท่านต่อไปซีครับ ผมต้องเล่าเอาไว้ตรงนี้ด้วยว่า ตอนปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการปกครองคราวนั้น คณะก่อการเขามีทหารระดับสูงอยู่ 23 คน และมีตำรวจอยู่ 1 ก็คือท่านอธิบกรมตำรวจที่ว่านี่แหละ...... วันรุ่งขึ้นจากคืนที่มีประกาศย้ายกันทางโทรทัศน์......ผมไปรับมอบของที่มีพระอาจารย์ชื่อดัง ที่ผมเองก็ไม่เคยได้พบท่านมาก่อน (ซึ่งตอนนี้ท่านล่วงลับไปแล้ว) ท่านตามตัวผมทั้งวัน ท่านล้วงเข้าไปข้างในจีวร ปากก็บอกว่า “....ขอให้เก็บติดตัวเอาไว้ อันนี้ไม่ได้เอาไว้สำหรับป้องกันตัว แต่ถ้ามีอันนี้ติดตัวไว้แล้ว ใครที่คิดร้าย ปรารถนาร้ายต่อตัวเธอ คนที่คิดร้าย ประสงค์ร้าย หรือจะทำการประทุษร้ายต่อตัวเธอ จะมีอันเป็นไปอย่างที่เขาเรียกว่า จะแพ้ภัยตัวเอง”...... เพียงเขียนหนังสือในเล่มเดียวกัน และห่างกันเพียง 8 หน้าออหมักก็เขียนขัดแย้งกันแล้ว หน้า 101 บอกว่าไม่รู้จักคณะปฏิรูป แต่หน้า 108 กลับเขียนว่า คณะปฏิรูป มีทหารระดับสูง 23 คน มีตำรวจอยู่ 1 คน คือท่านอธิบดีตำรวจท่านที่ว่านี้เอง แม้แต่การย้ายข้าราชการระดับสูง ก็สั่งย้ายกันทางโทรทัศน์ ผู้คนจึงเรียกรัฐบาลหอยว่า "รัฐบาลของโทรทัศน์ โดยโทรทัศน์ เพื่อ....." ด้วยประการฉะนี้ บุญเกิด 7 เม.ย. 2548 18:41:56 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 19:34:55 A:202.5.88.133 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ..... ข้อมูลเยอะก็เท่านั้นถ้าเพียงเพื่อเป็นการสื่อเพื่อโยงความผิดหรือบิดเบือนข้อมูล...แม้กระทั่งข่าวหรือหนังสือที่ถูกบันทึกถ้าไม่อ่านหลาย ๆเล่มแล้วมาชั่งน้ำหนักว่าจริงแค่ไหนเป็นไปตามที่เสนอหรือไม่...บางคนอาจเชื่อแต่สำหรับผมไม่ใช่แน่...จะเชื่อก็ตรงที่มีเหตุการณ์ประชาชนถูกสังหารแต่ ตัวละครที่เกี่ยวข้อง ใครทำอะไรอย่างไร....มันบิดเบือนง่ายมาก...เท่าที่ดู10 คนยังพูดไม่เหมือนกัน...คงจะเชื่อยาก!!!เพราะใครล่ะอยากบอกว่าตัวเองผิด ....ดั่งลูกสาวจอมพลถนอมจะออกมาเขียนหนังสือ(แต่ถูกต่อต้าน)ว่าพ่อตัวเองไม่ผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...ก็ต้องเคารพสิทธิและความคิดของเธอเพราะ...ไม่มีใครทนได้ที่พ่อถูกประนามขนาดนั้น...แต่ก็เนื่องจากไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าใครผิดหรือใครถูก...เพราะประชาชนได้ตายไปมากไม่มีศพที่ไหนจะลุกขึ้นมาเป็นพยานได้ก็ต้องเป็นประวัติศาสตร์...นอกจากคนที่อยู่ที่พยายามบิดเบือน หรือโยงใยให้ใครสักคนมาเป็นผู้ผิดด้วยเจตนาใดก็ตาม...ทำให้วันนี้อายุถึงจะมากแล้วก็ยังต้องมานั่งรับจ้างโพสต์...หาความก้าวหน้าไม่ได้เมื่อเทียบกับคนรุ่งเดียวกัน...เพราะมัวแต่หากินอยู่กับศพที่ตายไปแล้ว... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 19:45:08 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พูดถึงการปิดปากหนังสือพิมพ์ มีบันทึก ( หนังสือ ฯพณฯ หอย โดยทหารเก่าและ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พศ. 2521 )ว่า เฉพาะหนังสือพิมพ์ที่ออกจำหน่ายในเมืองไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน หลังจากมีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินแล้ว ได้ถูกถอนใบอนุญาตไปโดยคณะปฏิรูปฯ แต่ต่อมาเมื่อมีรัฐบาลหอย ไม่ยอมพิจารณาให้ออกใหม่ 12 ฉบับได้แก่ ประชาชาติ ประชาธิปไตย (สองฉบับนี้เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ) ประชาชาติรายสัปดาห์ มหานคร สยามนิกร ( 3 ฉบับนี้รายสัปดาห์ ) หนังสือพิมพ์ภาษาจีนมี ตงฮั้วยิดเป้า ไทยฮั้งเป้า หนานเอี๊ยงเป้า ฮัวตงเป้า เจี่ยเป้า ซินจงเอี๋ยนยิดเป้า เหลียงหยิวซิวฟูเป้า ทั้งหมดนี้ถูกปิดตาย ( ที่ออกหมัก บอกว่าไม่เห้นด้วยนั่นแหละครับ ฮ่า ฮ่า ) นอกจากนั้นได้ปิดหนังสือพิมพ์รายวันอีก ต่างกรรมต่างวาระกันดังนี้ ( โดยมี ออหมัก เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ) 1. หนังสือพิมพ์ไทยรายวัน ปิดไม่มีกำหนด วันที่ 29 พฤศจิกายน 2519 2. ปิดหนังสือ เสียงปวงชน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2520 ฐานลงข่าวจอมพลประภาส เดินทางกลับประเทศไทย 3. ปิดหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ไม่มีกำหนดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2520 ในข้อหาว่า นายสุเทพ เหมือนประสิทธิเวช หน.บก. เขียนจดหมายถึง ฯพณฯ หอย เปิดเผยลงหนังสือพิมพ์ ตักเตือนการบริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะเพื่อนนักศึกษาเตรียมมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ รุ่น 5 ( พศ. 2485 ) 4. สั่งยึดหนังสือ เดลิเมล์ ซึ่งออกแทนหนังสือ เดลินิวส์ ที่ถูกปิด โดยหาว่าผิด พรบ.การพิมพ์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2520 5. ปิดหนังสือพิมพ์บ้านเมือง มีกำหนด 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2520 6. ปิดหนังสือพิมพ์ ดาราไทยการ์ตูน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2520 ในข้อหาว่าเขียนแนะนำรัฐบาล 7. ปิดหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ มีกำหนด 7 วัน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2520 ข้อหาว่าเขียนแนะนำรัฐบาล 8. ปิดหนังสือพิมพ์ เดลิไทม์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2520 โดยไม่มีกำหนด โดยข้อหาว่า ลงข่าวทหารเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก ( ต่อมามีการอุทรณ์ ขอเปิดใหม่ได้ หลังจากปิดมา 3 วัน 9. ปิดหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2520 โดยข้อหาว่า เขียนข่าวนายสมัคร สุนทรเวช ดินทางไปแก้ภาพพจน์ในต่างประเทศไม่ได้ผล 10 ปิดหนังสือพิมพ์ ตะวันสยาม วันที่ 1 ตุลาคม 2520 ในข้อหาว่าลงข่าวเกี่ยวกับขบวนการกระทิงแดงประชุมประท้วงกรณีวางระเบิดใกล้พลับพลาที่ประทับ ที่ยะลา ( รมต.หมูกบาน ให้สัมภาษณ์หลังเกิดเหตุ เมื่อนักข่าวรุมซักเรื่องขอให้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตึการณ์ หมูกบานตอบประโยคประวัติศาสตร์ว่า...."ถ้าอยากให้รมต. ลาออก ก็เอาระเบิดไปวางที่......." ) 11 ปิดหนังสือพิมพ์ ปฏิญญา และดำเนินคดีทางอาญาด้วย ข้อหาลงบทความสัมภาษณ์ ดร.สมชัย รักวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคอมมิวนิสต์และที่ปรึกษา กอ.รมน. ในความเห็นทางวิชาการเรื่อง..."ทางหายนะและทางรอดของไทย" 11. ปิดหนังสือพิมพ์ รายสัปดาห์ปริทรรศ โดยไม่มีกำหนด ส่วนหนังสือต่างประเทศ ถูกตรวจอย่างละเอียด หากมีเรื่องรัฐบาลฯพณฯหอย ห้ามจำหน่าย และต้องมีเจ้าหน้าที่ฉีกซองไปรษณีย์ก่อนถึงจะจำหน่ายได้ ส่วนผู้สื่อข่าวต่างประเทศถูกคำสั่งตักเตือนการนำเสนอข่าวเขียนข่าวกันเป็นประจำ จนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องทำการปฏิวัติถีบรัฐบาลหอยลงจากอำนาจ เมื่อ 20 ตุลาคม 2520 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 19:47:38 A:202.5.88.142 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พอดีเมื่อกี้ไปค้นหนังสือเก่า ๆ มาเล่มหนึ่ง เห็นหน้าปกเขียนว่า... ฯพณฯ หอย...มาเพราะปฏิรูป ไปเพราะปฏิวัติ เขียนโดย "ทหารเก่า และ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช " ตีพิมพ์เมื่อปี 2521 โดยสำนักพิมพ์ พีจี ราคาเล่มละ 15 บาท คุณสละ ( ทหารเก่า ) ส่งมาให้ผมมีลายมืออ่านได้ความว่า อภินันทนาการ...( ชื่อผม )..เป็นที่ระลึก...30 สค. 21 ข้อเขียนชิ้นนี้น่าจะเชื่อถือได้นะครับ ทหารเก่า เป็นนักเขียนชื่อดังในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เป็นผู้อาวุโสในแวดวงหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น เอาซักนิดนะครับในท้ายเล่มเขียนว่า .............................................................. คำแถลงของพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิวัติ (ก่อนนั้นชื่อคณะปฏิรูป ) ได้แถลงต่อประชาชนในคืนปฏิวัติ ( 20 ตุลาคม 2520 ) ว่า ...."คณะทหาร ตำรวจ และพลเรือนได้ติดตามการบริหารงานของรัฐบาล และเหตุการณ์บ้านเมืองมาตลอด ได้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนโดยทั่วไปว่า ความสามัคคีในหมู่ข้าราชการมีแต่ความแตกแยก ข้าราชการมีความหวั่นไหวในการปฏิบัติราชการ การเศรษฐกิจ การลงทุนของชาวต่างประเทศลดลงและไม่แน่นอน หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป จะยากแก่การแก้ไข....." คำแถลงเช่นนี้กระจ่างแจ้งแดงแจ๋เพียงพอแก่เหตุผลหรือไม่ครับ อย่างไรก็ตามเหตุผลในการปฏิวัติต่อคณะรัฐบาลฯพณฯ หอย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 นั้น ผมได้เขียนไว้แล้วในหนังสือ " สันดานรัฐมนตรี ป.ม. " ฉนั้น ผมจะไม่เขียนซ้ำอีก แต่เผอิญขณะที่ผมกำลังเขียนหนังสือเล่มนี้ ได้มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "การเมืองเรื่องตัณหา" พิมพ์ออกมาจำหน่าย หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย ในรัฐบาลชุด ฯพณฯ หอย และมีข้อความในบทสุดท้ายแก้ตัว หรือเขียนแก้ข้อเขียนบางตอนของผมในหนังสือ สันดานรัฐมนตรี ปม. ซึ่งข้อแก้ตัวนั้นได้แก้เฉพาะเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรีดังกล่าวเท่านั้น หาได้แก้ข้อเขียนอันเป็นความจริงเกี่ยวกับเรื่องราชการ และงานที่ได้บริหารผิดพลาดเหลวไหลแม้แต่น้อย ซึ่งผมเห็นว่า การที่เป็นเช่นนั้น เป็นการยอมรับความจริงโดยดุษฎี หนังสือเล่มนี้มิได้มีความหมายอะไรต่อบ้านเมืองและประชาชน แต่สิ่งที่ควรรู้ คือชีวประวัติส่วนตัวของผู้เขียน ( นายสมัคร ) ตั้งแต่ต้นจนจบ คือเริ่มเกิดมาจนกระทั่งได้เป็นรัฐมนตรีเพราะการปฏิรูปและพ้นตำแหน่งไปเพราะการปฏิวัติ คือหมายความว่า "ตาย" ทั้งเป็น มาตรฐานหนังสือเล่มนั้นอุปมาไปแล้วก็เปรียบเสมือนหนังสือ...แจกงานศพ .................................. หนังสือเล่มนั้นไม่บอกเหตุผลว่าเหตุที่ต้องถูกเตะออกไปแต่อยู่ประโยคหนึ่งว่า "เมื่อเปลือกหอย อยากจะเป็นเนื้อหอยเสียเอง" ก็ดูเอาเถอะครับว่า กำพืด และสันดานของบุคคลนั้นเป็นอย่างไร การปฏิวัติ 20 ตุลาคม 2520 นั่นก็อย่างที่ผมเคยเขียนแล้วว่า ใครจะปฏิวัติไม่สำคัญ ใครจะมาเป็นรัฐบาลไม่สำคัญ แต่ประชาชนไชโยโห่ฮิ้วให้ทันทีที่รู้ข่าวการปฏิวัติว่า คณะรัฐบาล ฯพณฯ หอย ได้พ้นจากตำแหน่งไปเสียที จะมีข้อตำหนิอยู่เพียงประการเดียวก็คือ ปฏิวัติช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง ถูกแล้วครับ พุทธภาษิตที่ว่า ทุกขโต ทุกฐานัง ก็ใครที่ใหนเล่าครับที่กำลัง ทุกขโต ทุกขฐานัง ในขณะนี้ จบ .................................ปกหลังเขียนว่า....... 1 ปีของการบริหารประเทศจากรัฐบาลหอย ให้ความเจริญหรือหายนะ ฯพณฯ นายกผู้เชื่อมั่นในดหราศาสตร์ นักประชาธิปไตยผู้ให้ขั้นตอนประชาชนถึง 12 ปี และริดรอนเสรีภาพสื่อมวลชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย คนไทยไม่มีวัฒนธรรมทางการเมือง นี่คือคำตอบลับเฉพาะ เสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่จะต้องเรียนรู้และจดจำ ........................................... ในฉบับได้เล่าที่มาที่ไปเรื่องการปฏิรูปแผ่นดิน และการบริหารงานของรัฐบาลหอย มีข้อเขียนติติงรัฐบาล โดย มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กล่าวถึงการสั่งปิดหนังสือพิมพ์สยามรัฐช่วงตรุษจีน เป็นเวลา 7 วัน ( ฉบับนี้ให้กำเนิด นายหมอดี ที่เป็นนามปากกาของออหมัก ) จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 19:51:17 A:202.5.88.135 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ....สมใจนายอานันท์ที่ได้กลับมารับราชการอีกครั้ง...รับราชการได้ 2 ปีกว่าก็ลาออก...ไปเดินสายธุรกิจที่วันนี้ได้ถูกกล่าวขานกันมากที่สุด ว่า เป็น1 ในผู้เกี่ยวข้องถล่มประเทศไทยช่วงปี 40 จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 19:59:11 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 4 อ๋อ เพราะทั้งจืดข้าวบูดู เอ๊ย ข้าวบูด และออหมักน่ะ ตอนฝ่ายขวาจัดมีอำนาจ เขาก็เล่นงานคุณอานันท์ ปันยารชุน สมัยยังรับราชการอยู่กระทรวงการต่างประเทศ (ไม่แน่ใจว่าเป็นระดับปลัดกระทรวง หรืออธิบดี) ซะงอมพระรามไปเลย โดยคุณอานันท์ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ จนคุณอานันท์ฯ จำต้องลาออกจากราชการ ต่อมาคุณอานันท์ฯ บุญพาวาสนาส่ง ได้กลับมายิ่งใหญ่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถึง 2 สมัย และยังได้รับความไว้วางใจจากสหประชาชาติให้เป็นทูตยูนิเซพ และล่าสุดก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะทำงานเพื่อปรับปรุง (ยกเครื่อง) องค์การสหประชาชาติ รวมถึงได้รับเกียรติอันสูงส่งให้เป็นประธานกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติ ทั้งจืดและออหมัก มีความหวังอยู่ลึก ๆ ตนคงได้รับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่เป็นโตบ้าง แต่สุดท้ายก็พลาดหมด และยังหวังลึก ๆ อยู่อีกว่า ถ้าตนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. งวดหน้า น่าจะได้รับเลือกตั้ง ดังนั้น คนทั้งสองยังทำใจไม่ได้ ที่เห็นคุณอานันท์ฯ มีมีสถานะสูงเด่นเป็นสง่าบดบังรัศมีของตน ดีไม่ดีอาจชวดเป็น ส.ว. สมัยหน้าก็ได้ คน 2 คนนี้ ได้ดีเพราะใช้ปาก เอ๊ย ลิ้นเป็นอาวุธ ไม่ใช่ได้ดีเพราะเลีย แบบชิวหาพาเพลิน แต่ใช้ด่าสถานเดียว ทั้งกล่าวหา ทั้งด่ากราด ทั้งปลุกระดม จนบ้านเมืองปั่นป่วนรวนเร ผู้คนสติแตก บ้าคลั่งลุกขึ้นมาฆ๋าแกงกันเมื่อ 6 ต.ค. 2519 ผมจึงหวังว่า คนไทยยุคนี้จะมีบทเรียน และมีสติปัญญาพอที่จะพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบและรอบด้าน โดยยึดหลัก "กาลามสูตร คือหลักความเชื่อ 10 ประการ ก่อนจะตัดสินใจเชื่อในเรื่องราว หรือข่าวคราวต่าง ๆ บุญเกิด 31 มี.ค. 2548 02:10:05 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 20:06:25 A:202.5.88.131 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ...เค้าไม่ได้เรียกว่าเล่นงานครับ...แต่ที่นายอานันท์ถูกคำสั่งพักราชการเพราะมีคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินว่า "เปิดเผยความลับของทางราชการอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ"ที่ลงนามโดยพล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ไม่ใช่เหรอ...อย่าบิดเบือน... ...คำสั่งพักราชการนี่แหละที่ทำให้นายอานันท์รู้สึกเสียหน้ามากต่อตัวเองและครอบครัว ...ถึงขั้นหมดกำลังใจก็ว่าได้ว่าอาจต้องยุติอาชีพข้าราชเพียงเท่านี้ ...แต่โชคยังเข้าข้างอยู่นี่ครับ ปี 2520 พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ นำทหารในกองทัพมาโค่นล้มรัฐบาลนายธานินทร์ได้...นายอานันทืเลยได้กลับมารับราชการอีกครั้ง.... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 20:14:27 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไปถามนายสุธรรม แสงประทุม นายอดิษร เพียงเกษ ฯ ดูสิ จากคุณ : A-NOY (A-NOY) ................... ตอบนิดหน่อยนะครับเห้นยกมาเหลือเกินครับกับ 2 คนนี้ 2 คนนี้สุธรรมกับอดิศร เป็นนักศึกษาในเหตุการณ์นั้นครับ และเขารอคนที่จะเข้ามาให้พวกเขาเปิดโปงอยู่ครับ ซึ่งคนๆนั้นก็คือ นักวิชาการท่านหนึ่งถ้าเขากล้ากระโดลงมาเล่นการเมืองนะ หุหุ ถ้าคุณมองว่าหมัก-ดุสิตเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถามง่ายๆ ทำไมเขาไม่ออกมาเปิดโปง 2 คนนี้สักหน่อยล่ะ ถ้า สุธรรม กับ อดิศรเป็นนักศึกษาที่ผ่านกับเรื่องราวความเจ็บปวดตอนนั้นมาทำไมเขาไม่เปิดโปง คำตอบง่ายๆ ก็ถ้ามันไม่มีมูลให้จับต้องได้ใครเขาจะไปยุ่งล่ะครับ คนในเหตุการณ์นั้นเจ็บปวดขนาดนั้นมีหรือถ้าเจอตัวการจะไม่เอาเรื่อง ไม่น่าคิดอะไรได้ตื้นๆกันเลยนะครับ ที่คิดมาเนี่ยเอาอารมณ์เข้าว่าทั้งนั้นเลยนะครับ หุหุหุ จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 20:15:15 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 44 ครับ ตอนเทศกาลเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ครั้งก่อน อาจารย์ใจฯ ได้เขียนบทความเกี่ยวกับออหมัก ทำนองว่า ฆาตกรมือเปื้อนเลือด ขันอาสาเป็นผู้ว่า กทม. แล้วก็บรรยายว่า ได้ดูจากกล้องบันทึกภาพ เห็นออหมักเดินยิ้มร่า ข้าง ๆ ธรรมศาสตร์ ขณะที่ธรรมศาสตร์กำลังถูกระดมยิง....." ออหมักเต้นผาง พร้อมกับฟ้องอาจารย์ใจเป็นจำเลยต่อศาลฐานหมิ่นประมาทใส่ความ แต่ผมลืมไปแล้วว่า คดีนี้ลงเอยกันอย่างไร ต่อมา หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ได้ขอให้อาจารย์ใจเขียนบทความไปลงในบางกอกโพสต์บ้าง และอาจารย์ใจได้เขียนไปให้ประมาณ 3 หน้ากระดาษ แต่บางกอกโพสต์ขอตัดข้อความบางบรรทัดทิ้ง แต่อาจารย์ใจไม่ยอม บทความดังกล่าวก็เลยไม่ได้รับการตีพิมพ์ อาจารย์ใจฯ ถูกพรรคพวกถามไถ่เรื่องนี้ แกขี้เกียจอธิบายเป็นรายบุคคล ก็เลยถ่ายเอกสาร แจกจ่ายให้อ่านโดยทั่วกัน ผมก็ได้รับมาแผ่นหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกขึ้นต้นว่า *บทความนี้ คือบทความที่หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ ไม่ยอมตีพิมพ์ เมื่อกลางเดือนกันยายนปีนี้ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้ขอให้ผมเขียนบทความเรื่อง 6 ตุลาคม 2519 ลงในคอลลั่ม "เอาท์ลุก" สำหรับวันที่ 6 ตุลาคม 2543 แต่ปรากฏว่า เมื่อเห็นต้นฉบับ ทางฝ่ายบริหารหนังสือพิมพ์ ขอให้ตัดบางส่วนออก เพราะถือว่า จะมีผลกระทบทางการเมือง ผมไม่ยอมให้มีการเซ็นเซอร์ ดังกล่าว เพราะถือว่า การเซ็นเซอร์บทความ ขัดกับอุดมการณ์ประชาธิปไตย เสรีภาพของสื่อมวลชน และเสรีภาพทางวิชาการ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2519 หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ได้ตีพิมพ์รูปภาพของการเล่นละครที่ธรรมศาสตร์ โดยเสนอข่าวในทำนองว่า นักศึกษาจงใจดูหมิ่นองค์รัชทายาท หลาย ๆ คน เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีเสนีย์ และ ดร.ป๋วย มีความเห็นว่า มีการแต่งภาพและปั้นน้ำเป็นต้ว ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นความจริงคือ นักศึกษาไม่ได้เล่นละครดูหมิ่นแต่อย่างใด ไม่ว่าจะมีการแต่งภาพหรือไม่ และที่สำคัญคือ การประโคมข่าวดังกล่าว ของสื่อมวลชนบางกลุ่ม นำไปสู่เหตุการณ์นองเลือด และการทำทารุณกรรมในเช้าวันที่ 6 ตุลา 2519 หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไม่เคยขอโทษเรื่องนี้แต่อย่างใด ต่อผู้ถูกกระทำในวันนั้น จุดยืนปัจจุบันของหนังสือพิมพ์ฉบับ ในการเซ็นเซอร์บทความเรื่อง 6 ตุลา แสดงให้เห็นว่า ฝ่ายบริหารของหนังสือพิมพ์ มิได้พัฒนาตนเองจาก 24 ปีก่อนแต่อย่างใด * This is the article the Bangkok Post refused to print today. Why we need to shed light on the darkness of 6th Oct. 1976...... ......... เนื่องจากบทความยาวถึง 3 หน้ากระดาษ A4 ผมไม่มีปัญญาพิมพ์ให้อ่านในกระทู้นี้ เพราะมันยาวนั่นเอง แต่ผมก็อยากขอย้ำว่า ผู้ที่มีส่วนสร้างความแตกแยกให้สังคมไทยในยุคนั้น จนเกิดกลียุคในเวลาต่อมา กว่าจะยุติลงได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 6 ปี นับจาก 6 ต.ค. 2519 -2525) กลุ่มบุคคลดังกล่าว ก็หนีไม่พ้น 3 (+ 2) กะล่อน เอ๊ย เกลอ ของ ป.อินทปาลิต เอ๊ย ยานเกราะ และชมรมสื่อเสรี 5 กะล่อนปากกระโถน เอ๊ย ลิ้นตวัดใบหู ดังกล่าว คือ กิตติศักดิ์ สมัคร ดุสิต อุทิศ อุทาร ครับ ปัจจุบัน 2 ใน 5 หน่อนั้งนี้ ตายเป็นผีเฝ้าป่าช้าไปเรียบร้อยแล้ว บุญเกิด 2 เม.ย. 2548 00:44:54 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 20:20:52 A:202.5.88.143 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณทุกท่านที่ให้ข้อมูลครับ ผมอยากตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อให้เพื่อนๆในวัยเดียวกับผมและคนที่อายุต่ำหรือ สูงกว่าผมนิดหน่อยที่เกิดไม่ทันให้ได้รับข้อมูล ซึ่งรวมตัวผมเองด้วย ไม่ได้หวังให้มีฝ่ายขวาฝ่ายซ้าย เพราะตอนนี้คนไทยไม่ควรจะมีใครคิดฝ่ายขวาซ้ายแล้วล่ะครับ แล้วไม่ได้กะให้ใครแตกกับใครด้วย ขอโทษที่ตอนแรกต้องตอบแบบนั้นเพราะไม่งั้น คห.1 จะทำให้ไม่ได้คำตอบอะไรเลยครับ จากคุณ : Tt009 - [ 7 เม.ย. 48 20:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พี่แคน อ่านดูรู้แล้วครับ บางคนไม่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ คุณพรรคเทพ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณสมัครทุกวันนี้ก็มองว่าการปราบปรามในวันนั้นไม่ผิด คำถามสั้นๆแค่นี้ครับ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 20:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ....เท่าที่ทราบก่อนหน้านี้ทหารชั้นผู้ใหญ่ในไทยโดยเฉพาะในสภาความมั่นคงไม่พอใจนายอานันท์ที่พยายามติดต่อกับจีนคอมมิวนิส ...ตอนนั้นพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์เป็นเสธ.สนิทกับจีนไต้หวันมาก และเป็นผู้ดูแลความเป็นอยู่ของกองพล93 จีนคณะชาติด้วย(ปี 2520 พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ นำทหารในกองทัพมาโค่นล้มรัฐบาลนายธานินทร์ได้...นายอานันทืเลยได้กลับมารับราชการอีกครั้ง....) ....ลองคิดดูสิ ทหารและกองทัพไทยยุคนั้นมีผลประโยชน์ในรูปแบบความช่วยเหลือจากอเมริกาเพื่อซื้ออาวุธต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ แล้วถ้านายอานันท์พยายามไปเจรจากับจีนคอมมิวนิสต์ ทหารจะมีจุดยืนอย่างไร...และจู่ ๆขณะเดียวกันนั้นเองจอมพลถนอมก็ถูกประชาชนขับไล่ 14 ตุลา 16 พอดีว่าเป็นเผด็จการทหาร....และก็มีการสังหารประชาชนขึ้นมา ประชาชนที่รอดเค้าเรียกจอมพลถนอมว่า ทรราช...แล้วใครเป็นสมุนทรราชบ้างล่ะ!!!! .....ผมคนนึงด้วยละที่ไม่เอาด้วยคน....ทำให้ผมต้องตั้งคำถามและข้อสงสัยไปอีกนานว่า "นายอานันท์+จอมพลถนอม+คุณCAN" ทำไมถึงต้องปกป้องกันอย่างเหนียวแน่น....คุณCAN ไม่เคยพูดถึงจอมพลถนอมสักครั้งทั้ง ๆที่ประชาชนนับแสนเป็นผู้ขับไล่ออกนอกประเทศ.... ....ฉะนั้นผู้ที่จะมาไขข้อข้องใจได้ต้องไม่ใช่ผู้มารับจ้างโพสต์หรือรับจ้างด่า...หรือหากินกับศพ... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 20:32:59 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณคนจริง ผมไม่เข้าใจแล้ว เราติดต่อกับจีนคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ จอมพลป. เราติดต่อกับจีนคอมมิวนิสต์ตอนสมัย พลตรีมรว.คึกฤทธิ์ ผลของการติดต่อกับจีนคอมมิวนิสต์ทำให้เกิดการยันกันเองระหว่าง (โปรดอ่าน) คอมมิวนิสต์สายโซเวียต กับ คอมมิวนิสต์สายจีน นั่นคือขณะที่สหรัฐอเมริกาถอนทัพออกจากเวียดนาม รัฐมนตรีกลาโหมของไทยประเมินว่ากองทัพของเวียดนามจะสามารถบุกประเทศไทยเสร็จสรรพภายใน 3 วัน ขวัญกำลังใจทหารเราไม่มีครับ! การเจรเจาการฑูตกับจีนนั้นทำให้เกิดการปิดสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย(สปท.) สัมพันธภาพกับจีนทำให้พลเอกชวลิตขอความช่วยเหลือกรณีบ้านร่มเกล่าได้ แล้วทำไมเราถึงไม่ควรเจรจากับจีนคอมมิวนิสต์ในช่วงนั้น   จ๊ะ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 48 20:41:32 จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 20:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คิดว่าครับคุณ ลูกไทย หลานไทย เดี๋ยวผมตอบน้องเค้าหน่อย เรื่อง สมัครกับธรรมศาตร์จะได้ได้ข้อมูลอีกด้าน ของคนเลือดธรรมศาสตร์ แท้ ๆครับ ค่อย ๆอ่านนะครับท่านเจ้าของกระทู้ บางเรื่องต้องปะติดปะต่อเอาบ้าง บางเรื่อง คนรุ่นลุงก็สรุปไว้ให้แล้ว และสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้เสมอครับ...ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 20:41:58 A:202.5.88.136 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าจะมองหาเทวดาสร้างภาพในคราบผู้ดี นายคนนี้...ล่ะก็...ไม่ผิดหวังนะครับท่านผู้จำเริญ ดูข้างนอกก็เห็นแต่ภาพพจน์สวยหรู ไม่ได้เห็นภาพพจน์ที่แท้จริง ทำให้บางคนถึงกับละเมอเพ้อพกไปเลยก็มี ความสามารถในการพรางตัวสร้างภาพ จากข้อกล่าวหาต่างๆ แต่ละช็อตก็ล้วนแต่เป็นภาพใหญ่ๆ ทั้งนั้น จากความสามารถและความเชี่ยวชาญในการเป็นนักการทูต ติดต่อต่างชาติในทางที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามาบริหารเอไอที แลกกับการเข้าไปทำหน้าที่ในยูเอ็น หน้าหัวเราะที่ยังมีคนเข้าใจว่าสถานะคนผู้นี้สูงเด่นเป็นสง่า เรื่องปรส.ก้ไม่เคยออกมาแก้ข้อกล่าวหาได้เลย แถมข้อมูลดังกล่าวก็เป็นผลสอบสวนโดยรัฐบาลนายชวน พวกเดียวกันทั้งนั้น ด้วยการสั่งให้เก็บเป็นชั้นความลับ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงป่านนี้เจ้าตัวนิ่งอยู่อย่างนี้ก็บ้าแล้ว... จากคุณ : กูก้า - [ 7 เม.ย. 48 20:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าคุณจะย้อนไปอีก หลังจอมพลสฤษดิ์ (เจ้านายจอมพลถนอม) ขึ้นปฏิวัติ เกิดการกวาดล้างคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง โอเคคุณว่าดี(มั้ง) แต่ขณะเดียวกันในเวลาต่อมา พคท.ก็เริ่มได้ส่งคนไปศึกษาคอมฯต่อที่ประเทศจีน หลังจากว่างเว้นการส่งคนไปศึกษาที่สถาบันเลนินเป็นเวลานานตั้งแต่ 2498 มันเป็นความบังเอิญที่น่ามองเหมือนกันครับ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 20:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ...คุณลูกไทย หลานไทย ไม่เข้าใจแล้วนายอานันท์เริ่มเปิดเจรจากับเจ้าหน้าที่จีนครั้งแรกเมื่อ 5 ตค.15ที่ทำให้ทหารในสภาความมั่นคงแห่งชาติไม่พอใจและผมก็ชี้แจงให้เห็นว่า ทหารในกองทัพไทยยุคนั้นมีผลประโยชน์ในรูปแบบความช่วยเหลือจากอเมริกาเพื่อซื้ออาวุธต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ แล้วถ้านายอานันท์พยายามไปเจรจากับจีนคอมมิวนิสต์ ทหารจะมีจุดยืนอย่างไร... ....ส่วนหม่อมคึกฤทธิ์นั้นนายอานันท์เริ่มมีบทบาทในการพยายามสนับสนุนรัฐบาลไทยเปิดความสัมพันธ์ทางการฑูตกับรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์โดยเดินทางไปครั้งแรกปี 18 ครับ... และครั้งนี้ที่หลายคนวิตกกันว่าจะเกิดทฤฎีโดมิโนเข้าไทย จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 20:50:51 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พี่แคน อ่านดูรู้แล้วครับ บางคนไม่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ คุณพรรคเทพ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณสมัครทุกวันนี้ก็มองว่าการปราบปรามในวันนั้นไม่ผิด คำถามสั้นๆแค่นี้ครับ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย .................................................. แล้วคุณเอาอะไรมาวัดครับว่าการปราบปรามในวันนั้นไม่ผิด ผมถามสั้นๆเหมือนกัน ปล.ผมเบื่อการเอาข้อมูลที่ยกมาจากนังสือโน้นนี้เต็มทนแล้ว ขอประสบการณ์ส่วนตัวครับ ถ้าไม่มีก็เลิกอ้างเถิดครับ เอาอะไรที่เห็นด้วยตาครับ ย้ำด้วยตาครับ อยากรู้ว่ามันตรงกับสิ่งที่ผมเคยได้รับฟังมาจากผู้ใหญ่ที่ผมนับถือบ้างหรือไม่ ใช่ครับผมเกิดไม่ทันยุคนั้นแต่ผมฟังผู้ใหญ่ยุคนั้นมาเยอะครับ ผู้ใหญ่ที่มั่นใจว่าอายุมากกว่าพวกคุณเสียด้วยครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกคุณนำเสนอมามันจึงเป็นข้อมูลขัดแย้งกับสิ่งที่ผมได้รับมาครับ และมันเป็นข้อมูลเชิงล้างผลาญบุคคลมากกว่า ปล.เคารพทุกความเห็นนะครับ จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 20:52:29 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณพรรคเทพ ตอกเข็มใส่อกศพผิดไหม ฆ่าแล้วเผาศพขณะนั้นผิดไหม เผาคนตายทั้งเป็นผิดไหม จับคนซ้อมแขวนคอแล้วฟาดด้วยเก้าอี้ผิดไหม ครับ ถ้าคุณว่าไม่ผิด ก็ไม่มีคำถามต่อไปครับ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 20:59:10 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณเห็นกับตาไหมครับ ?? จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 21:00:15 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่เห็นครับ คุณพรรคเทพ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 48 21:02:46 จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 21:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมไม่อยากพูดหรอกนะว่าข้อมูลที่แท้จริงน่ะมันถูกบิดเบือนไปหมดแหละครับ อย่างกรณีหนึ่ง ที่บอกว่าทหารขับรถเข้าไปบรรทุกศพนักศึกษา 3 พันคนออกมา บรรทุกศพนะครับ แต่อีกคนกลับบอกว่า 3 พันคนนั้นทหารนำรถเข้าไปรับแล้วก็นำไปส่งบ้านบ้าง สถานที่อื่นๆใกล้เคียง ที่ปลอดภัย แล้วแบบนี้คุณคิดว่าอย่างไรครับ ข้อมูลที่พวกคุณได้มามันก็แค่ เสียงลือเสียงเล่าอ้างเท่านั้นครับ ผมถึงบอกได้เพียงคำเดียวว่า คนในเหตุการณ์ ไม่ใช่ชาวบ้านที่ได้รับฟังเหตุการณ์ครับ คนในเหตุการณ์ผู้ร่วมน่ะครับ น่าเชื่อถือที่สุด ก็เท่านั้น แต่ผมยอมรับนะครับ ลูกไทยหลานไทยว่า ตอกเข็มใส่อกศพผิดไหม ฆ่าแล้วเผาศพขณะนั้นผิดไหม เผาคนตายทั้งเป็นผิดไหม จับคนซ้อมแขวนคอแล้วฟาดด้วยเก้าอี้ ถ้ามันเกิดขึ้นจริงผิดครับ จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 21:04:14 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ...ถึงยังไงผมก็คาใจกับคำถามและข้อสงสัยว่า "นายอานันท์+จอมพลถนอม+ทีมคุณCAN" ทำไมถึงต้องปกป้องกันอย่างเหนียวแน่น....คุณCAN ไม่เคยพูดถึงจอมพลถนอมสักครั้งทั้ง ๆที่ประชาชนนับแสนเป็นผู้ขับไล่ออกนอกประเทศ....และเหตุการณ์วันนั้น14 ตุลา 16 จอมพลถนอมนำอาวุธปืน รถถังยิงถล่มประชาชนคนไทยจนประชาชน นักศึกษาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทำให้คนไทยเคียดแค้นและรวมพลังกันต่อสู้กับทรราช จนต้องพ่ายแพ้หนีออกนอกประเทศไป... จากคุณ : คนจริง - [ 7 เม.ย. 48 21:06:01 A:202.176.115.194 X: TicketID:091138 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณพรรคเทพครับ จำนวนคนตายจริงๆมีในหนังสือที่ระลึก 6 ตุลาครับ คุณสามารถหาได้ ถ้าคุณอยากรู้ ไม่ใช่เรื่องเล่าลือผมจำไม่ได้ว่าตัวเลขเท่าไหร่ ด้วยความสัตย์จริง แต่คุณหาตัวเลขประมาณที่ใกล้เคียงได้ครับ ฮ่า ฮ่า เพิ่งอ่านข้อความของคุณพรรคเทพ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์? วันหลังผมเอาบทความของกลุ่มอภิรักษ์จักรีให้คุณอ่านครับ ถ้าไม่ขี้เกียจพิมพ์ เป็นคำของผู้ที่อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ครับ :) แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 48 21:08:39 จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 21:06:49 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับ ที่แนะนำ จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 21:08:59 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แต่ขอนิดเดียวนะครับ คนที่ร่วมเหตุการณ์หรือผ่านเหตุการณ์มาจริง ไม่ค่อยมีใครกล้าให้ข้อมูลนะครับ (อันนี้ว่ากันตามความจริง) เพราะฉะนั้น ถ้าคนไหนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วให้ข้อมูลผิดแปลกออกไปจากที่ผมเคยได้ยินผมก็คงรับฟังหูไว้หูนะครับ จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 21:12:39 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ฮ่า ฮ่า คุณต้อง find out ครับ มีเรื่องสนุกๆให้คุณอีกเยอะเลย :) แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 48 21:15:53 จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 7 เม.ย. 48 21:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณพรรคเทพครับ คุณสุธรรมออกหนังสือชื่อ ผมรอดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มาได้อย่างไร...ลองหาอ่านนะครับ การที่คุณสุธรรมไม่เปิดโปง คงไม่ใช่อะไรเพราะคิดว่ามันไร้ประโยชน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 มี พรบ.นิรโทษกรรมไปหมดแล้ว ( ในรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ) ไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใดแล้วครับ แต่สิ่งที่คงอยู่ คือ มโนธรรมสำนึก ของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ว่าฝ่ายกระทำหรือฝ่ายถูกกระทำ เมื่อเวลาเลยผ่าน คุณสุธรรมมีสัมพันธ์ที่ดีกับนายกทักษิณ ( ลองย้อนไปดู สมัยอยู่พลังธรรม จนถึงปัจจุบันผู้รู้บางคนบอกว่ามีธุรกิจเกี่วเนื่อง ผมไม่อาจหาข้อมูลเสริม แต่ผู้รู้เป็นบุคคลที่ผมคิดว่าเชื่อถือได้ในระดับสูง ) การออกมาเต้นแร้งเต้นกา โจมตีดิสเครดิตผู้คนในสังคมขณะนี้ของ หมัก-จืด นั่นคือหมากการเมือง ของทักษิณ แอนด์โก อิ อิ ฉนั้น ถ้าคุณเป็นสุธรรม...คุณคิดว่าจะเปิดโปงอะไรหรือไม่....บักตุ๊ หมอแคน บุญหล่นทับตีนบวม เป็น รมต.ครั้งแรกในชีวิต จะมาอุทิศตัว ขวางลำอัครมหาเศรษฐีแห่งกรุงสยามด้วยเหตุอันใด ฤา ตกลงเลยยังไม่ได้ตอบเจ้าของกระทู้ ใจเย็น ๆนะครับ คนเขียนเรียนธรรมศาตร์รุ่นคุณปู่จะบรรเลงให้ฟัง อ้อ...กรณี ท่านอานันท์กับ หมักจืด ค่อยบรรเลงนะครับ หรือจะเปิดอีก กระทู้ก็ได้ ใครมีข้อมูลเอามาแจกจ่าย ใครมีข้อคิดเห็นเอามาพูด แต่ประเภทเอาเรื่องส่วนตัวของเพื่อนในเว็บบอร์ดมาพูดให้ตัวเองดูดี...เลิกเถอะครับ...มันนำไปสู่ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน....ถ้ารักจะคุยกันอย่าดูแคลนคนอื่น...ผมอาจสูงวัยกว่าบิดาของใครบางคน ฉนั้นอย่าเอาเรื่องส่วนตัว อาชีพ มาพูดกัน เตือนหลายครั้งแล้ว อย่ากล่าวหากันพล่อย ๆ สิ่งที่คิดอาจไม่จริง สิ่งที่จริงอาจไม่รู้...อย่าเดาเลย...ผมทำงานอะไร...ดูที่ผมเสนอ ดูแนวคิด แล้วคุยกันที่สาระ...อย่าใช้วิธีเด็ก ๆ มันน่าเบื่อ จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:14:58 A:202.5.88.140 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คงจะไม่มีอะไรมาลบล้างความจงรักภักดีของตาได้ ดูตาแกช่างเชื่อมั่นและศรัทธาทุกทีไป ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือความจริง ประชาชนเค้ารู้ดีอีกด้านหนึ่ง ของรัฐมนตรีที่ดูใสสะอาดยังมีรอยสกปรกเต็มไปหมด ทั้งคราบ รสช. ก็เอื้อประโยชน์ให้พวกฝรั่ง ขายโรงกลั่นในขณะเป็นรัฐบาลรักษาการในวันสุดท้าย ถ้ามันเกิดมีปัญหาขึ้นมาจะว่ายังไง ถ้าเรื่องนี้ไม่จริงป่านนี้คนที่คุณ Can ศรัทธานักหนาก็ ต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมแล้ว แต่นี่..ขนาดด่าทุกวัน ยังไม่กล้าตอบโต้ ไม่ใช่ว่าถูกแล้วไม่โต้นะ แต่ที่ไม่โต้หนะเพราะกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่ คงคิดว่า พูดไปสองไพร่เบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ยังมีอีกเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้ เพราะหลงคิดว่าเป็นคนดี จากคุณ : เด้กร้านเน็ต - [ 7 เม.ย. 48 21:16:17 A:202.176.84.103 X: TicketID:092886 ]

ความคิดเห็นที่ 49 น่าสนใจดีนะลุง จากคุณ : พรรคเทพ - [ 7 เม.ย. 48 21:20:35 A:61.91.179.123 X: TicketID:090847 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณพรรคเทพ คุณลูกหลานไทย จำนวนคนตาย มีในหนังสือของสมัคร สุนทรเวช และในเว็บของ 6 ตุลาครับ คุณคนจริง เหตุการณ์ 6 ตุลา สาเหตุแรก จอมพลประภาสเข้าไทย มีการต่อต้านจึงกลับออกไป ( ผมไปทำข่าว วันที่จอมพลประภาส ออกจากแถว ๆสวนรื่น บึ่งรถไปตามถนนมุ่งสู่ช่อง 7 สี....ผมตามถึงตรงนั้น รายงานมีหนังสือพิมพ์ แล้วผมก็เข้าโรงพิมพ์ที่อยู่ติดกับช่อง 7 สี ครับ ) จอมพลถนอมเข้ามาสองครั้ง ครั้งที่สองมาบวชที่วัดบวร ฯ การต่อต้านและประจันกันของกำลังสองฝ่าย กระทิงแดง นวพล กับ กลุ่มของสุธรรม ที่ข้างวัดบวร แต่เข้าใจว่าฝั่งสุธรรมถอยไปตั้งหลักที่สนามหลวง ไว้ค่อยพูดเรื่องจอมพลทั้งสองในภายหลัง ) กระทู้นี้น่าจะเป็นเรื่อง สมัครกับธรรมศาตร์ ตามที่เจ้าของกระทู้ต้องการครับ จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:22:55 A:202.5.88.143 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เอาใจท่านเจ้าของกระทู้ ผู้เขียนเรื่องนี้เป็นศิษยเก่าธรรมศาตร์ มีข้อมูลเชื่อถือได้ในระดับดีครับ ( ไม่ใช่ผมนา..อิ อิ อย่าเข้าใจผิด ) ............................................................... ก. มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผู้ก่อตั้งคือ นายปรีดี พนมยงค์ ตามประวัติ นายปรีดีฯ เป็นนักเรียนทุนรัฐบาล ไปเรียนกฎหมายที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ด้วยความที่เป็นคนหัวก้าวหน้า ขนาดเคยประท้วงเอกอัครราชทูตไทย ให้จ่ายเงินงวดให้ครบถ้วนตามกำหนด เลยทำให้เอกอัครราชทตไทยประจำกรุงปารีส คือ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์ กฤดากร ไม่พอพระทัย และฟ้องมาทางรัฐบาลไทย จนนายปรีดีเกือบจะถูกเรียกตัวกลับ แต่ ร.๗ ทรงเห็นว่า นายปรีดีจวนจะสำเร็จการศึกษาอยู่แล้ว ก็เลยทรงให้เรียนต่อจนสำเร็จ ขณะอยู่ปารีส ก็ชักชวนนักเรียนไทยอีก 5 คน ปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเมื่อกลับมารับราชการที่เมืองไทยแล้ว ก็เป็นมันสมองให้คณะราษฎร์กระทำการปฏิวัติเมื่อ 24 มิ.ย. 2475 จนสำเร็จ คนไทยมีอยู่ 3 ประเภท คือ 1. พวกฝ่ายขวา ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง และไม่ต้องการสูญเสีย หรือเสียสละอภิสิทธิ์ส่วนตัว 2. พวกเป็นกลาง คือจะยังไงก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น 3. พวกฝ่ายซ้าย คือพวกที่ต้องการเปลี่ยนแปลง หรือวิวัฒนาการให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูป ปฏิสังขรณ์ หรือปฏิวัติ แต่การปฏิวัตินั้น อาจารย์ปรีดีท่านใช้คำว่า "อภิวัฒน์" แทน ตามทฤษฎีแล้ว พวกนายทุน ขุนศึก ศักดินา และชนชั้นที่ได้เปรียบในสังคม จะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกระเทือนต่อสถานะเดิมของตน ออหมัก จัดอยู่ในประเภทนี้ แต่ไม่ใช่ขวาธรรมดา แต่เป็นขวาจัด อย่างพรรคชาติไทย เคยให้คำนิยามว่า "สังคมนิยมทุกชนิด คือคอมมิวนิสต์" ดังนั้น การที่ มรว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรค ปชป. เคยพูดว่า พรรค ปชป. มีนโยบายสังคมนิยมอ่อน ๆ นั้น ทำความไม่พอใจให้แก่พรรคชาติไทย เป็นอย่างยิ่ง และเป็นเหตุให้การการแตกแยกในรัฐบาล จนนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันที่ผลิตบัณฑิตหัวก้าวหน้า และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมมาตลอด ลึก ๆ แล้ว ออหมักไม่ได้เกลียดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เกลียดจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ ที่ชาวธรรมศาสตร์สืบทอดต่อ ๆ กันมาจนปัจจุบัน ผมจะยกเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการปฏิวัติ 24 มิ.ย. 2475 มาให้อ่าน เพื่อให้เห็นทัศนะของทั้ง 2 ฝ่าย บุญเกิด 4 เม.ย. 2548 01:02:10 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:28:33 A:202.5.88.138 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อประเทศไทยมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช (ราชาธิไตย) มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อ 24 มิ.ย. 2475 กองกำลังฝ่ายปฏิวัติที่มี พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม และ ร.อ.หลวงนิเทศทวยหาญ ร.น. และทหารพร้อมรถถังและอาวุธจำนวนหนึ่ง ได้มาควบคุมวังบางขุนพรหม และอัญเชิญจอมพล เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครวรพินิต เจ้าของวังบางขุนพรหม และผู้รักษาพระนคร ให้เสด็จไปประทับ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อเป็นตัวประกัน ร่วมกับเจ้านายอีกหลายพระองค์ เช่น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นต้น ณ ที่แห่งนั้น มีนายทหารคนหนึ่งที่พระองค์ทรงรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ทำหน้าที่อารักขาและถวายความปลอดภัยอยู่ด้วย นายทหารคนนั้นคือ ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อการด้วย พลโท ประยูร ได้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ในหนังสือชื่อ “ชีวิต 5 แผ่นดินของข้าพเจ้า” หนาถึง 553 หน้า ในส่วนที่เกี่ยวกับกรมพระนครสวรรค์วรพินิต ดังนี้ “ในเช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ตอน 8.00 น. พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ พ.ต.หลวงพิบูลสงคราม กับ ร.อ.หลวงนิเทศกลการ ร.น. ได้นำจอมพลสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ มาในรถบรรทุกทหาร ส่งให้ข้าพเจ้าที่หน้าประตูพระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าพเจ้าได้ถวายคำนับ เชิญเสด็จฯ ให้ลงเดินเข้าไประทับในพระที่นั่ง ทรงจ้องข้าพเจ้าด้วยพระเนตรดุเดือด รับสั่งว่า ตาประยูรแกเอากับเขาจริง ๆ พระยาอธิกรณ์ประกาศบอกฉัน ฉันไม่เชื่อ ฉันตั้งชื่อทำขวัญแกให้เมื่อเกิด ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก โกรธที่ฉันไม่ไปเผาตาแย้ม พ่อแกใช่ไหม พลางทรงเหลียวมองดูหน่วยทหารที่พลุกพล่านเต็มลานพระบรมรูปฯข้าพเจ้ากราบทูลว่า ถ้าบิดาข้าพระพุทธเจ้าสามารถรู้ได้ คงจะเศร้าใจมาก ข้าพเจ้าเร่งให้เสด็จ ในที่สุดลงจากรถ ทรงสำทับว่าจะเอาฉันไปไหน อย่าเล่นสกปรกนะ ข้าพเจ้ากราบทูลยืนยันว่า เชิญเสด็จฯ ไปประทับในพระที่นั่งพะย่ะค่ะ รับรองไม่มีภัยประการใด ข้าพระพุทธเจ้าจะอยู่เฝ้าด้วยตนเอง เมื่อเข้าไปประทับในพระที่นั่งฯ แล้ว มีนายทหารขั้นนายพันเอกหลายท่านพยายามเข้าไปห้อมล้อม ข้าพเจ้าจึงให้ ร.อ.ประเสริฐ สุขสมัย ร.น. ที่คุมหมู่ปืนกลทหารเรือ จัดการควบคุมไว้ แล้วปิดพระทวารดังลั่น ท่าทางข้าพเจ้าคงจะป่าเถื่อนอยู่มาก สมด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ ทรงจ้องมองข้าพเจ้าด้วยความหวาดระแวง พอข้าพเจ้าสำนึกได้ก็วางปืนลง แล้วกราบขอพระราชทานอภัย รู้สึกว่าทรงคลายความวิตก แล้วทรงรับสั่งถามคำแรกว่า ใครเป็นหัวหน้า พระองค์บวรเดชใช่ไหม ข้าพเจ้ากราบทูลว่าไม่ใช่ ทรงถามว่า แล้วใครเล่า ข้าพเจ้าก็ตอบว่ายังกราบทูลไม่ได้พะย่ะค่ะ กริ้วข้าพเจ้าโดยรับสั่งหนักแน่นว่า ตาประยูรแกเป็นกบฏโทษถึงต้องประหารชีวิต ข้าพเจ้าก็กราบทูลว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นกบฏ ไม่ได้ล้มพระราชบัลลังก์ ถ้าข้าพระพุทธเจ้าพลาดพลั้ง ต้องถูกประหารแน่ แต่วันนี้คณะข้าพระพุทธเจ้าทำการสำเร็จ ใต้ฝ่าพระบาทไม่มีอันตรายใด ๆ แล้วทรงรับสั่งถามต่อไปว่า พวกแกที่ยึดอำนาจนี้ต้องการอะไร ประสงค์อะไร แล้วมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่เวลานี้หรือตาประยูร ข้าพเจ้ากราบทูลว่า อารยะประเทศทั่วโลก ก็มีปาเลียเมนต์ทั่วไป ยกเว้นแต่อาบิสซีเนีย ทรงถามว่าอายุเท่าไหร่ ข้าพเจ้าก็กราบทูลว่า ๓๔ ทรงรับสั่งว่า เด็กเมื่อวานซืนนี้เอง นี่แกรู้จักคนไทยดีแล้วหรือ แกจะต้องเผชิญปัญหาเรื่องคน พระราชวงศ์จักรีครองเมืองมา ๑๕๐ ปีแล้ว รู้ดีว่าคนไทยนี่ปกครองกันอย่างไร คณะของแกจะเข็นครกขึ้นเขาไหวหรือ ข้าพเจ้ากราบทูลว่า ก็ทรงปกครองให้ประชาชนงมงายกันตลอดมานับร้อยนับพันปี จะมาเอาดีหวังการยึดอำนาจในการปกครองในวันนี้ ให้ลงรูปรอยราบรื่นไปทีเดียว เป็นไปไม่ได้ คงจะต้องยึดอำนาจกันต่อไปอีกหลายยุค เรื่องคอนสติวชั่นและสภาปาเลียเมนต์ ก็เริ่มกันสักวันหนึ่ง ถ้าไม่นับหนึ่ง ก็ไปนับสิบไมได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินงานวันนี้ ยังไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แล้วทรงถามว่า แกเรียนอะไร ข้าพเจ้าก็กราบทูลไปว่า เรียนรัฐศาสตร์จากปารีส ทรงสำทับว่า อ้อ มีความรู้มาก แกคงจะรู้จักโรเบสเปียร์ มารา และดังตอง เพื่อนน้ำสาบานฝรั่งเศสดีแน่ ในที่สุด มันผลัดกันเอากิโยตินเฉือนคอกันทีละคน จำไว้ ฉันสงสารแก ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก นี่แกจะต้องถูกพวกเดียวกันฆ่าตาย แกจำไว้ ข้าพเจ้ากราบทูลไปว่า ทราบเกล้าฯ แล้ว ตามประวัติศาสตร์มันจะต้องเป็นเช่นนั้น อย่างมากแค่ตาย........” ต่อมาได้เกิดแตกคอกันระหว่างคณะผู้ก่อการ เริ่มแต่ปี 2476 สมัยรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา มีการสั่งปิดสภาผู้แทนราษฎร งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา และยุบคณะรัฐมนตรี ตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งมีนายประยูร ภมรตรี เป็นรัฐมนตรีร่วมคณะด้วย พ.อ.พระยาทรงสุรเดช กล่าวหาว่านายปรีดี พนมยงค์ เป็นคอมมิวนิสต์ นายปรีดีจึงถูกเนรเทศออกนอกประเทศ เมื่อ 12 เม.ย. 2476 ต่อมาในปี 2481 พล.ต.พระศาสน์พิทยายุทธ ถูกเนรเทศไปเป็นอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน สมัยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นผู้นำ ต่อมา พ.อ.พระยาทรงสุรเดช ซึ่งเคยมีตำแหน่งเป็นถึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) รองจาก ผบ.ทบ. คือ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหาเสนา ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งทางหหาร โดยไม่มีบำเหน็จบำนาญเมื่อปี 2482 และต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศเขมร 2 เดือนเศษ แล้วย้ายต่อไปอยู่ที่ไซ่ง่อน เวียดนามใต้เมื่อ 5 พ.ค. 2482 และย้อนกลับมาพำนักอยู่ประเทศเขมร จนถึงแก่กรรมในต่างแดน เมื่อ 1 มิ.ย. 2487 ท่ามกลางความยากจนค่นแค้น ครอบครัวต้องหยิบยืมเงินจากผู้ใจบุญ 600 เหรียญเขมร จัดงานฌาปนกิจศพ ณ เมรุวัดปทุมวดี ชานกรุงพนมเปญ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมปลงศพประมาณ 400 คน รวมเวลาตกทุกข์ได้ยากในต่างแดนถึง 6 ปีเศษ เมื่อ 16 ก.ย. 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ก่อการปฏิวัติล้มรัฐบาลจอม ป.พิบูลสงคราม จอมพล ป. ได้นั่งรถยนต์ลี้ภัยไปพำนักอยู่ที่ประเทศเขมร ก่อนที่จะปักหลักและถึงแก่อนิจกรรมที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับพลตรีประยูร ภมรมนตรี นั้น ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัยปี 2485 เมื่อญี่ปุ่นบุกประเทศไทย จึงไม่มีการสอบไล่ ม.8 และให้เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ ในฐานะประธานสภามหาวิทยาลัย ได้สั่งลดระดับคะแนนให้เหลือเพียง 45% เป็นอันสอบไล่ได้ นักเรียนนักศึกษาปีดังกล่าว จึงเรียกว่า รุ่น “คะแนนโตโจสงเคราะห์” ด้วยประการฉะนี้ หลังจากพลเอกผิน ชุณหะวัณ กระทำการรัฐประหารเมื่อ 8 พ.ย.2490 พลตรีประยูร เจ้ากรมยุวชนทหาร จึงพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งทางทหาร จึงออกไปเป็นพ่อค้านักธุรกิจ ทำการค้าขาย ต่อมาจอมพล ป. ได้กลับมามีอำนาจอีก และหาทางให้พลโทประยูรคืนดีกับภรรยาที่ชื่อนางราศรี (มากาเร็ต) ซึ่งจอมพล ป. และท่านผู้หญิงละเอียด เคยเป็นเจ้าภาพแต่งงานให้เมื่อ 6 เม.ย.2477 แต่ถูกพลตรีประยูรปฏิเสธ ไม่ยอมคืนดีด้วย จอมพล ป.เดือดดาลมาก ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม จึงพูดสำทับว่า ดีแล้ว จำไว้ ตราบใดที่ท่านจอมพลยังมีอำนาจอยู่ในแผ่นดิน คุณยูร จะไม่มีวันเงยหน้าอ้าปากได้เป็นตำแหน่งอะไรในราชการ พลตรีประยูรก็โต้ตอบกลับไปว่า บ้านเมืองไม่ใช่ของจอมพลคนเดียว และช่วยจำไว้ด้วยว่า ถ้าไม่ได้ข้าพเจ้า หลวงพิบูลสงคราม ก็ไม่ได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ท่านจอมพลกริ้วโกรธนักหนา สั่งให้ประกาศในสำนักนายกรัฐมนตรี ให้อัปเปหิ พล.ต.ประยูร ภมรมนตรี ห้ามเชิญมาในงานเลี้ยงใด ๆ ในวงราชการเป็นอันขาด ต่อมาพลตรีประยูร ฯ ได้รับยศเป็นพลโท และประมาณปี 2520 ในวัยชรา พลโทประยูร ได้หายสาปสูญไปโดยไร้ร่องรอย ขณะออกมาเดินตามฟุตบาทข้างถนนสายหนึ่ง เพื่อออกกำลังกาย เช่นเดียวกับนายสถิตย์ เสมานิล นักอักษรศาสตร์ และหนังสือพิมพ์ชื่อดังในอดีต ก็ได้หายสาปสูญไปโดยไร้ร่องรอยในเวลาใกล้เคียงกัน บุญเกิด 4 เม.ย. 2548 01:02:43 ความคิดเห็นที่ 114 ผมเขียนค้างเอาไว้เกี่ยวกับนายสุธรรม แสงประทุม กับพวก ที่เดินทางไปยังบ้าน มรว.เสนีย์ เมื่อเช้าวันที่ 6 ต.ค. 2519 แต่ไม่ได้พบ แถมถูกตำรวจจับกุมอีกต่างหาก นายสุธรรม ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าดังนี้ “.....ได้ฟังเพื่อนเล่าถึงคำสัมภาษณ์ของคุณพี่ “ชวน” อดตื้นตันใจไม่ได้ เพราะคนที่กล้าพูดความจริงในบ้านเรา มีน้อยเต็มที แม้กระทั่งเรื่องที่ผมถูกจับที่ไหน ทำไมถึงถูกจับ ยังถูกบิดเบือนอย่างน่าละอาย เช่น ผมเข้ามอบตัวกับนายกฯ บ้าง ถูกตามจับได้บ้าง ผมจึงอยากชี้แจงให้กระจ่างในเรื่องนี้ กล่าวคือ ในคืนวันที่ 5 ตุลา หลังจากเขาได้สร้างเรื่องหมิ่นรัชทายาทขึ้นมา หลอกลวงประชาชนแล้ว เครื่องมือทุกชิ้นของเขาก็ได้ทำหน้าที่ปลุกระดมอย่างหนัก ในคืนวันที่ 5 หลังเที่ยงคืน กลุ่มอันพาลทั้งในและนอกเครื่องแบบ ได้ก่อการร้ายอย่างหนัก โดยการใช้อาวุธระดมยิงผู้ที่นั่งชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แผนการก่อการร้ายของเขาได้ดำเนินไปอย่างหนักทั้งคืน ทางศูนย์จึงได้ติดต่อกับรัฐบาล ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้อำนาจตามกฎหมาย ระงับการระดมยิงของกลุ่มอันธพาล และให้ความคุ้มครองแก่ผู้ชุมนุม พร้อมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหา ตอนใกล้สว่าง ได้ติดต่อกับคุณเจริญ (คันธวงศ์) คุณเจริญตอบตกลง ให้นำคนแสดงละคอนไปด้วย โดยจะส่งคนของรัฐบาลมารับที่ประตูท่าพระจันทร์ ตอนเช้ามืด เดินทางไปบ้านนายกฯ ที่ซอยเอกมัย เมื่อไปถึงบ้านนายกฯ ปรากฎว่าไม่ได้พบนายกฯ มีตำรวจมาขอชื่อในขณะที่กำลังเดินลงจากรถ (ที่เข้าไปจอดในบ้านนายกฯ) เจ้าหน้าที่บอกว่า นายกฯ ไม่ว่าง ให้ไปพบอธิบดีกรมตำรวจแทน และเข้าควบคุมตัวที่นั่น ผมจึงรู้ทันทีว่าถูกหักหลังแล้ว เมื่อถูกนำตัวไปถึงกองปราบปราม ผมได้พูดกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า “ผมติดต่อกับรัฐบาล ขอพบนายกฯ เพื่อให้ท่านระงับการยิงสร้างสถานกาณ์ภายนอก แต่กลับหลอกผม นำมาที่นี่ แสดงว่ามีการหักหลังกัน” แต่สื่อมวลชนคงไม่กล้าลง ต่อจากนั้น อ.ต.ร. ใหผมและเพื่อน ๆ เข้าห้องขัง ไม่ยอมแจ้งข้อหา จนเวลาประมาณ 10.00 น. พ.ต.ท.ชิงชัย ได้มาแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันหมิ่นรัชทายาท” ผมไม่เซ็นรับข้อหาและยืนยันพบนายกฯ จนเกิดการปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน วันต่อมาได้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมมากมาย รวม 10 ข้อหา การสอบสวนพยายามบีบบังคับให้ผมให้การซัดทอดไปถึงคุณพี่ชวน คุณดำรง พี่วีระ ว่าเกี่ยวข้องกับการแสดงละคอน ข้อนี้ผมยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ได้พยายามหลายครั้ง จึงล้มเหลวไป หลังจากขังพวกเราไว้ร่วม 5 เดือน จึงได้เพิ่มข้อหาคอมมิวนิสต์ให้ผมและเพื่อน ๆ เพื่อนำข้อหาทั้งหมดขึ้นศาลทหารในเวลาไม่ปกติ แล้วใช้เงื่อนไขที่ได้เปรียบกว่า ใช้ชั้นเชิงกฎหมายในการปลุกปั้นพยานเท็จ เพื่อยัดเยียดความผมให้ผม และเพื่อน ๆ เมื่อถูกเปิดโปงหนักขึ้น ก็พยายามแก้ตัว โดยโยนความรับผิดชอบให้รัฐบาลก่อน จนถูกตอกหน้ากลับ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว แต่ผมรู้สึกงง ๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อได้ทราบว่า ฯพณฯ มรว.เสนีย์ ปราโมช ได้เบิกความในศาลว่า การเข้าพบท่านในวันนั้นของผม เป็นการติดต่อขอเข้ามอบตัว ด้วยความเชื่อมั่นที่ว่า นักการเมืองที่มีคุณธรรมอย่าง ฯพณฯ มรว.เสนีย์ ปราโมช คงไม่มีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงส่วนนี้ เพื่อป้ดความรับผิดชอบของท่าน นอกจากจะได้รับการชี้แจงที่ผิดพลาด......” จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:29:41 A:202.5.88.129 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 53 1 ใน 4 คณะทหารเสือ ในการปฏิวัติ 24 มิ.ย. 2475 คือ พ.ท.พระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) ซึ่งนำกำลังทหารไปที่วังบางขุนพรหมนั้น คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตน์บุษบง พระธิดาองค์ใหญ่ในทูลกระหม่อมบริพัตรฯ ทรงเล่าว่า “.....วันนั้น ทูลกระหม่อมพ่อบรรทมที่ตำหนักน้ำ พอได้ยินเสียงเอะอะ ท่านได้เสด็จลงมาข้างล่าง ทอดพระเนตรเห็นพระประศาสน์พิทยายุทธ กับพวกทหารอยู่เต็มไปหมด ขณะที่มีนายตำรวจได้เอาเรือยนต์มาจอดเทียบหน้าโป๊ะ เชิญเสด็จลงเรือ ทูลกระหม่อมรับสั่งว่า “ฉันไปไม่ได้ เวลานี้ฉันเป็นผู้รักษาพระนคร.....” พวกเราได้ยินท่านรับสั่งอีกว่า “วัน แกเอากับเขาด้วยหรือ?...” และทรงยืนรับสั่งโต้ตอบกับพระประศาสน์ฯ อยู่นาน ในที่สุดก็เสด็จไปกับพระประศาสน์ฯ โดยท่านทรงขอเปลี่ยนฉลองพระองค์ ซึ่งขณะนั้นทรงชุดบรรทมอยู่ พระประศาสน์ฯ ไม่ยอม ท่านก็เลยต้องเสด็จไปทั้งอย่างนั้น..... ได้ทรงถูกเชิญไปประทับชั่วคราว ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม รวมเวลา ๙ วัน หลังจากนั้น ด้วยเหตุผลทางการเมือง คณะราษฎร์ได้ถวายอนุญาตให้เสด็จกลับมาที่วังเพียงวันเดียว ในวันที่ 3 กรกฎาคม เพื่อเตรียมพระองค์เสด็จนิราศออกจากประเทศสยามในวันรุ่งขึ้น เวลา 11.00 น. พร้อมพระประยูรญาติสู่เมืองบันดุง เกาะชวา โดยประทับรถไฟที่สถานีสวนจิตรลดาฯ ผ่านเส้นทางปีนัง....” ต่อมาชะตาชีวิตของาพระประศาสน์ฯ ก็ถูกเนรเทศไปอยู่ต่างประเทศ เพราะถูกระแวงว่าเป็นพวกเดียวกับ พ.อ.พระยาทรงสุรเดช ซึ่งแตกคอกับกลุ่ม พ.อ.หลวงพิบูลสงครามในเวลาต่อมา นายชูศักดิ์ ชูถิ่น บุตรชายของพระประศาสน์ฯ ได้เล่าถึงบิดาของตน ว่าดังนี้ “....คุณป๋า เป็นหนึ่งใน 4 ทหารเสือ ที่มีบทบาทมากในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ....โดยหน้าที่ของท่านที่ได้รับมอบหมายมา คือเป็นคนไปเฃิญเสด็จสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนคาสวรรค์วรพินิต จากวังบางขุนพรหม มาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อเป็นตัวประกัน..... หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองได้สำเร็จแล้ว เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผันผวนมาก เพราะมีการแก่งแย่งอำนาจกัน สุดท้ายกลุ่มสี่ทหารเสือต้องพบกับภัยทางการเมือง ประสบชะตากรรมต่าง ๆ กันไป พระยาทรงสุรเดช กับพระยาฤทธิ์อัคเนย์ ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการโดยไม่มีเบี้ยหวัดบำนาญ และลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนคุณป๋า ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ถูกส่งตัวไปเป็นทูตที่ประเทศเยอรมันนี เมื่อปลายปี พ.ศ. 2481 อย่างปัจจุบันทันด่วน โดยมีเกร็ดเล่ากันว่า ก่อนที่ภัยจะมาถึงตัวคุณป๋า และครอครัวของเรา มีผู้หวังดีช่วยเหลือ ด้วยการแอบส่งจดหมายลับมาในกล่องไม้ขีดไฟ แจ้งให้คุณป๋ารีบเดินทางไปต่างประเทศเสียก่อนที่จะถูกปลดจากราชการ อย่างเสื่อมเสีย และหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (นายปรีดีฯ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเวลานั้น ได้อำนวยความสะดวก และรีบดำเนินการจัดส่งสารตราตั้งตามไป จนสำเร็จเรียบร้อย....” จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:34:25 A:202.5.88.141 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 54 กว่าคุณสมัครจะขึ้นมาเป็นขวัญใจแม่ยกได้นั้น เขายืนบนซากศพของประชาชน นิสิตนักศึกษา อย่างโหดร้ายอำมะหิต เพียงเพราะเขาเห็นคนอื่นมีแบบฉบับ มีอุดมการณ์ของความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แตกต่างไปจากเขาเท่านั้น ถ้าคนอย่างอาจารย์ป๋วย และคนอื่น ๆ เป็นคอมมิวนิสต์ ทำไมไม่นำตัวขึ้นฟ้องศาลยุติธรรมให้รู้ดำรู้แดงไปเลย พอทำลายคนอื่น จนพวกตนเองได้ขึ้นครองอำนาจสมใจอยากแล้ว ก็ทำเป็นคางคกขึ้นวอ นึกว่าตนเองเป็นผู้วิเศษที่มากอบกู้ประเทศไทย และประณามหยามเหยียดคนอื่นว่าเป็น "คนหนักแผ่นดิน" ผมและผองเพื่อนจึงต้องอธิบายเบื้องหลังมือ เอ๊ย ปากที่เปรอะ และเกรอะกรังไปด้วยเลือด เลือดทีเกิดจากบาดแผลที่ถูกออหมักกรีด บาปกรรมมีจริงนะคุณละมัย คุณลองไล่ดูชะตากรรมของบุคคลที่เคยก่อกรรมทำเข็ญร่วมกับออหมัก ตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่างดูสิ มีใครบ้างที่กำลังเสวยผลกรรมที่ตนเองเคยก่อเอาไว้ ถ้าคุณทำใจให้กว้าง ๆ ก็จะเห็นตำตาอยู่ในปัจจุบัน ผมจะยกตัวอย่างสัก 1 ตัวอย่าง คือ น.อ.อมร สุวรรณบุบผา ร.น. อดีตผู้สมัคร ส.ว.ชุดปัจจุบัน หมายเลข 159 ในแผ่นพับหาเสียง อุตส่าห์อวดอ้างว่ามีผลงานดังนี้ ก. เป็นประธานองค์กรอภิรักษ์จักรี (ชื่อล่าสุด ชื่อจัดตั้งขององค์กรนี้ ที่ผ่าน ๆ มาก็เช่น กลุ่มพิทักษ์ชาติไทย กลุ่มวิหคสายฟ้า ฯลฯ) ข. เป็นผู้อุปการะครอบครัวของนายเสมอ อ้นจรูญ ผู้เสียชีวิตจากกระสุนปืนของ ผ.ก.ค. ที่ยิงจากธรรมศาสตร์ เมื่อ 6 ต.ค.2519 (กล่าวตู่โมเมตีขลุมเอาเอง แบบปั้นน้ำเป็นตัว ตามวิธีการของนักโฆษณาชวนเชื่อ) ค. พาฝรั่งชื่อลอยย์ (ฝ่ายการเมืองของสหรัฐฯ) เข้าพบและหารือร่วมกับ พล.ต.ต.ปราโมทย์ บูรณพิมพ์ (อภิรักษ์จักรีป ที่ราชนาวีสโมสร ง. อภิปรายที่ท้องสนามหลวง เมื่อ 6 มิ.ย. 2535 (แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ หวุดหวิดจะเกิดการจลาจล เพราะชี้หน้าด่ากราดไปหมด รวมถึงโจมตีบุคคลที่ได้รับรางวัลแม็กไซไซ แต่ลืมไปว่า สมเด็จพระเทพฯ ก็ทรงได้รับรางวัลนั้นเช่นกัน) จ. มีประสบการณ์และผลงานมวลชน 6 ต.ค. 2519 นำมวลชน 3 แสนคน ล้อมทำเนียบรัฐบาลโดยสงบเรียบร้อย เพื่อปราบปรามคอมมิวนิสต์ในเมือง ฉ. เป็นประธานวิทยากรความมั่นคงแห่งชาติ ของ กอ.รมน. มีลูกศิษย์ชื่อ รังสรร ธรรมเจตนา ที่เคยเป็นเป็นโฆษกของรถบัญชาการ ผู้ควบคุมมวลชนเข้าล้อมทำเนียบรัฐบาล โดยเรียบร้อยใน 6 ต.ค. 2519 ช. ลาออกจากราชการเมื่ออายุครบ 54 ปี ในเดือน ม.ค. 2531 ได้รับพระราชทานบำนาญเท่ากับเงินเดือน เพื่อจะช่วยชาติได้เต็มที่ ในส งครามการเมือง ซึ่งกองทัพถูกปิดกั้นไว้โดยกฎหมาย ซ. ออกคัดค้านการแทรกซึมทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่ใช้ NGO เป็นเครื่องมือทำสงครามการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพื่อสลายชาติ และพระมหากษัตริย์ไทย ในการจลาจล 17-21 พ.ค. 2535 พฤษภาทมิฬ 35 โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 11 พ.ค. 35 ตลอดมาจนปัจจุบัน แต่ชะตากรรมก็เล่นตลกกับพระประศาสน์ฯ อีกต่อไป นายชูศักดิ์ ชูถิ่น บุตรชายได้เล่าต่อไปว่า “....ตอนครอบครัวเราย้ายไปอยู่ที่เยอรมันนีนั้น เป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ล้ว ครอบครัวของเราก็ได้รับความกระทบกระเทือนด้วย คุณป๋าส่งผมไปเรียนที่สวิส และได้ส่งคุณแม่ก้บพี่สาวผมไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย ส่วนท่านต้องทำหน้าที่ทูตที่เบอร์ลินต่อไป กระทั่งสหภาพโซเวียตส่งกองทัพบุกเข้ากรุงเบอร์ลิน และกวาดจับทุกคนเป็นเชลย รวมทั้งคุณป๋าด้วย แล้วส่งไปอยู่ค่ายกักกันใกล้กรุงมอสโคว์ ซึ่งคุณป๋าเป็นหนึ่งในคนไทยสองคนที่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันทารุณที่คุกรัสเซียนี้ ภายหลังคุณป๋าได้ให้สัมภาษณ์นักหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ผมขอคัดมาบางตอน คือ.... “....การต่อสู้เป็นเรื่องหนักแก่ชีวิตแก่ข้าพเจ้าอย่างเหลือทน ความหนาวในรัสเซียขณะนี้กำลังหนาวจัด ควมเยือกเย็นของอากาศถึงขนาด 40 ดีกรีใต้ศูนย์ ตามถนนหนทางเต็มไปด้วยน้ำแข็ง เท่ากับว่าเรานอนกันอยู่บนกองน้ำแข็ง ในโกดังน้ำแข็งชัด ๆ ข้าพเจ้าทนทานต่ออากาศเช่นนี้ไม่ไหว ร้ายแรงขนาดนี้แล้ว ยังขาดเชื้อเพลิงสำหรับบำบัดเสียอีก ข้าพเจ้ามีโอเวอร์โค้ทเพียงต้วเดียว จะไปช่วยอะไรได้เล่า...ข้าพเจ้าสวมโอเวอร์โค้ทไปนั่งอยู่เช้าวันหนึ่ง หนาวสิ้นดี จนต้วแทบจะแข็งทื่อไปตามน้ำแข็ง ซึ่งเต็มไปดฃทั้งส้วม กระดาษชำระให้หาทั้งค่ายก็หาไม่ได้ ข้าพเจ้าต้องงัดเอาซองบุหรี่เก่า ๆ ขึ้นมาใช้แทน ภายหลังก็เคยชิน หนัก ๆ เข้าอ้ายซองบุหรี่ก็หมด ข้าพเจ้าต้องแอบตัดชายผ้าห่มไปทีละชิ้น ทั้ง ๆ ที่ผ้าห่มนั้นเป็นประโยชน์แก่ชีวิตเป็นอย่างมากเพียงใด ในท่ามกลางอากาศที่หนาวที่สุดในโลก อย่างประเทศรัสเซีย...” คุณป๋าอยู่ในคุกรัสเซียนานถึง 225 วัน หรือ 7 เดือนครึ่ง จึงได้รับการปล่อยตัว เมื่อราวปลายเดือน ม.ค. พ.ศ. 2489 ท่านเดินทางโดยรัสไฟสายทรานส์ไซบีเรียมารที่เมืองโอเดสสา เพื่อรอขึ้นเรือมายังกรุงสต๊อกโฮล์ม แล้วแจ้งข่าวไปยังกาชาดสากล ให้ติดต่อมาย้งสถานทูตไทยในสวิส เพื่อให้ผมเดินทางไปสมทบ. เมื่อผมพบคุณป๋า ได้เห็นสภาพร่างกายของท่านแล้ว สงสารมาก ผ่ายผอมจนเห็นซี่โครง หน้าตาซูบตอบ ผมตระหนักดีว่า ท่านได้รับความลำบากยากเข็ญเพียงไร แล้วเรา 2 คนก็ลงเรือสินค้าที่เดินทางเที่ยวแรกจากสวีเดนมาสิงคโปร์ แล้วต่อเรือเข้ามายังกรุงเทพฯ..... คุณป๋ากลับมาเมืองไทยในสภาพที่เรียกว่าขาดทุน....ไม่มีเงินทอง บ้านช่องดี ๆ ก็ไม่มีอยู่ ท่านกับผมต้องไปอยู่ที่บ้านสวนที่บางซ่อน เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณป๋าทั้งหมด ท่านไม่เคยปริปากพูดบ่นอะไรให้ลูกหลานฟังเลย ท่านคงเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้เอง ในบั้นปลายชีวิต ท่านรับราชการเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข และกลายเป็นคนดื่มเหล้าจัดมาก จนป่วยเป็นโรคตับ และสิ้นชีพไป....” แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า น.อ.อมร ฯ ไม่ได้รับเลือกตั้ง จึงกลายเป็น ส.ว.ต. (สมาชิกวุฒิสภา สอบตก) จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:36:16 A:202.5.88.143 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 55 หากมองกันผิวเผิน อาจจะกล่าวได้ถูกต้องว่า ออหมักมีประวัติบริสุทธิ์ขาวสะอาด ไม่โกงไม่กิน นี่เป็นการมองเฉพาะภายนอก คือเรื่องปากท้อง เท่านั้น ไม่ได้มองถึงก้นบึ้งแห่งจิตใจ ผมว่าออหมัก มีจิตใจที่สกปรกโสมม ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ สามารถกลืนกิน เอ๊ย สวาปามเหยื่อ เอ๊ย ใช้รังสีอำมะหิต ทำร้ายคนอื่นอย่างหน้าด้าน ๆ โดยไม่คำนึงถึงหลักศีลธรรม คือไม่มีธรรมะในหัวใจ นั่นเอง ถ้าเขาเกิดในรัสเซีย เขาน่าจะเทียบได้กับโจเซพ เอสตราด้า เอ๊ย สตาลิน ถ้าเขาเกิดในเยอรมัน เขาน่าจะน้อง ๆ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หรือ อดอล์ฟ ไอซ์มัน มือพิฆาตแห่งพรรคประชากรไทย เอ๊ย พรรคนาซี คุณละมัยต้องมองให้ลึก ๆ มองให้ทะลุสิ่งลวงตาทั้งหลาย คุณใช้ตาเนื้อมองเขา แต่ไม่ได้ใช้บริการกระจกวิเศษของแม่มด เอ๊ย ตาวิเศษ ของคุณหญิงชดชัอย โสภณพานิช ถ้าออหมักทำหน้าที่ทนาย ก็อาจเข่าข่าย "ทนายโจร" นะเออ ออหมักมีส่วนสวาปาม เอ๊ย บริโภคหยาดเหงื่อและน้ำตา ตลอดถึงชีวิตของผู้เรียกร้องและต่อสู้ เพื่อให้ได้สิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตย โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร คอยแต่เสวยผลบุญที่คนอื่นได้เสียสละ จนเลือดทาแผ่นดินมาแล้ว มีใครเคยเห็นออหมักไปร่วมเรียกร้องบ้าง ไม่ว่าจะเป็นยุค 14 ต.ค. 2516 หรือยุคพฤษภาทมิฬ 2535 แต่ออหมักเป็นนักฉกฉวยโอกาสชั้นยอด ไม่ว่าใครจะเป็นจะตายเพื่อประชาธิปไตยอย่างไร ข้าไม่สน แต่ข้าขอดิ้นรนเพื่อเป็นรัฐมนตรีให้ได้ละกัน ไม่ว่าหัวหน้ารัฐบาลจะเป็นใครก็ตาม ตอนที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นผู้ว่า กทม. ก็มีคำถามจากทายาทอาจารย์ป๋วย ถึง ออหมัก ว่าดังนี้ ".....ในงาน "20 ปี 6 ต.ค." เมื่ไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสดูวีดีโอ เหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น ดูแล้วนอนไม่หลับไปหลายคืน ผมจำได้ว่า ในตอนหนึ่งของวีดีโอ นั้น ปรากฏว่ามีภาพของ สมัคร สุนทรเวช กำลังเดินเพ่นพ่านอยู่ที่สนามหลวง หน้าธรรมศาสตร์ ด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนมาดูละคร แล้วผมจำได้ว่า คุณพ่อผมเคยเล่าให้ฟังว่า ในสมัยนั้น สมัคร สุนทรเวช ได้แต่ด่า ดร.ป๋วย ว่าเลวอย่างโน้นอย่างนี้ ด่าเช้าด่าเย็นว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แถมยังมีพระสงฆ์ชื่อกิตติวุฑโฒ ออกมาพูดว่า การฆ่าคอมมิวนิสต์ ไม่บาปด้วย....." Gang of Five หรือ โหงวนั้งปัง ในยุคนั้น มี 5 คน คือ กิตติศักดิ์ สมัคร ดุสิต อุทิศ อุทาร (กิตติศักดิ์ ก็คือ กิตติวุฒโฑ นั่นเอง) ( ข้อเขียนป๋าบุญเกิด ) จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:42:23 A:202.5.88.133 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สมัครไม่เคยเอ่ยถึงคำสอนของกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย ที่สถาบันนิติศาสตร์ทุกแห่งในประเทศไทย มักจะไปวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์พระองค์ท่าน เนื่องในวันรพี 7 ส.ค.ของทุก ๆ ปี งั้น ผมขอยกคำสอนของพระองค์ท่าน มาเตือนความจำคนไทยละกัน ว่า "คนเราควรจะให้.....แต่ไม่ควรจะขออะไรจากคนอื่น ควรจะกินพอประมาณ .....ไม่ควรจะกินมากเกินไปถึงกับท้องแบน ควรจะรับใช้.....ไม่ควรคิดเป็นนายคน" และผมก็อยากให้ชนชั้นปกครอง โดยเฉพาะออหมัก หันไปอ่านพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้าศิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง ทุกข์ของแผ่นดิน ดังนี้ "....เมื่อครั้งเป็นนิสิต ข้าพเจ้าได้เคยอ่านผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียด หรือวิเคราะห์อะไร เพียงแต่ได้ยินคำเล่าลือว่า เขาเป็นคนที่ค้นคว้าวิชาการ ได้กว้างขวางและลึกซึ้งถี่ถ้วน ในสมัยที่เราเรียนหนังสือกัน ได้มีผู้นำบทกวีของจิตร มาใส่ทำนองร้องกัน ฟังจนติดหูมรจนถึงวันนี้ เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน ข้าวนี้น่ะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำเค็ญเข็ญ เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเปิบกิน น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน ดูจากสรรพนามที่ใช้คำว่า "กู" ในบทกวีนี้ แสดงว่าผู้ที่พูดคือชาวนา ชวนให้คิดว่า เรื่องจริง ๆ นั้น ชาวนาจะมีโอกาสไหม ที่จะ "ลำเลิก" กับใคร ๆ ว่า ถ้าไม่มีคนที่คอยเหนื่อยยากตรากตรำอย่างพวกเขา คนอื่น ๆ จะเอาอะไรกิน อย่าว่าแต่การลำเลิกทวงบุญคุณเลย ความช่วยเหลือที่สังคมมีต่อคนกลุ่มนี้ในด้านของปัจจัยในการผลิต การพยุง หรือประกันราคา และการรักษาความยุติธรรมทั้งปวง ก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้ในหลาย ๆ ประเทศ ที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจ ชาวนาต่างก็ละอาชีพเกษตรกรรม ไปอยู่ในภาคอุตสาหกรรม หรือภาคบริการ ซ่งทำให้ตนมีรายได้สูงกว่า หรือได้เงินเร็วกว่า แน่นอนกว่า มีสวัสดิการดีกว่า และไม่ต้องเสี่ยงมากเท่ากับการเป็นชาวนา....." อ่านบทพระนิพนธ์ของพระองค์ท่านแล้ว ก็นึกเวทนาชาวไร่ชาวนา และกรรมกรในยุครัฐบาลหอย ที่ต้องเสียงภัย ถึงกับเสียชีวิตไปหลายคน เช่น พ่ออินถา ศรีบุญเรือง พ่อใหญ่ออน ผาลา ฯลฯ แม้แต่คุณจำรัส ม่วงยาม ที่ถูกลอบสังหารในยุคนั้น ลองไปอ่านประวัติศาสตร์ดูเถิด ในยุคหอยครองเมือง วิทยากร กอ.รมน. ได้บอกว่า ใครพูดถึงความทุกข์เข็ญของชาวไร่ ชาวนา กรรมกร คนนั้นคือ คอมมิวนิสต์ (ข้อเขียนป๋าบุญเกิด) จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:44:51 A:202.5.88.139 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 57 "ฝูงชนกำเนิดคล้าย.......คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ......เผือกบ้าง ความรู้อาจเรียนทัน.......กันหมด ยกแต่ชั่วดีกระด้าง.......อ่อนแก้ฤาไหว" ศาสนาพุทธสอนให้ผมรู้ว่า คนเรานั้นมีสภาพชีวิตเหมือน ๆ กัน คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครในโลกนี้ ก็เหมือน ๆ กันหมด ส่วนเรื่องวาสนา ชะตากรรมของชีวิต นั้น ถ้าถือตามหลักศาสนาพราหมณ์ ก็จะถือว่า เป็นเรื่องของ "พรหมลิขิต" คือ พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นผู้ดลบันดาล ไม่มีใครไปกำหนดชะตากรรมของชีวิตได้เอง แต่ศาสนาพุทธสอนว่า ชะตาชีวิตของคนเรานั้น ขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรม ที่เรียกว่า "กรรมลิขิต" คือ ชะตาชีวิตของมนุษย์ เป็นไปตามแรงกรรม (การกระทำ) ทั้งอดีตกรรม และปัจจุบันกรรม พูดง่าย ๆ ก็คือ กรรมบันดาล ถ้าตนเองสามารถดลบันดาลชีวิตตนเองได้ ออหมัก ก็คงไม่ต้องมานั่งวิพากษ์วิจารณ์ใครออกอากาศ ซึ่งเป็นอาชีพเก่าของเขา ก่อนที่จะได้ดิบได้ดี ได้เข้าร่วมรัฐบาลหอย เขาเคยตั้งความหวังเอาไว้ ดังนี้ 1. ขอเป็นนายกรัฐมนตรีสักครั้งในชีวิต แต่เขาก็เป็นได้แค่ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพ หรือ ผู้ว่า กทม 2. ขอเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เขาก็เป็นได้สมใจ คือ หัวหน้าพรรคประชากรไทย (ปชท.) แต่ก็ไปไม่รอด เพราะเขามีกฎเหล็กว่า ทุกคนต้องอยู่ในโอวาทของหัวหน้าพรรค และทุกคนต้องยึดถือสโลแกนว่า พรรคประชากรไทย ของสมัคร โดยสมัคร เพื่อสมัคร เท่านั้น ในที่สุดพรรค ปชท. ก็เหลือแต่ซาก เอ๊ย เหลือแต่ชื่อ 3. เขาต้องการให้คนไทยทุกคน ต้องเห็นพ้องด้วยกับเขา เขาจึงก่อตั้งหนังสือพิมพ์ "เดลี่มิเรอร์" ขึ้นมา ที่ขาดไม่ได้ก็คือเขามีคอลัมน์ส่วนตัว คือ "มุมน้ำเงิน" โดยใช้นามปากกาว่า นายหมอดี หรือไงนี่แหละ เขาต้องการให้คอลัมน์เขาโด่งดังเท่ากับคอลัมน์ "ข้าวนอกนา" ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ใน นสพ.สยามรัฐรายวัน ผลก็คือ ทั้ง นสพ.เจ้าพระยา (ของรัฐบาลหอย โดยรัฐบาลหอย เพื่อรัฐบาลหอย) แต่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่เจ๊งไม่เป็นท่า หลังจากใช้เงินแผ่นดินไป 4 ล้านบาท ในงวดแรก ส่วนเดลี่มิเรอร์ ก็เจ๊งตามในเวลาต่อมา ออหมักจึงเป็นเพียงแค่ตัวละคร ที่มีโอกาสเล่นปา-ฮิ ตามกรรมลิขิต โดยวิธีการขายพรรค เอ๊ย บ่อนทำลายพรรคที่ทำให้ตนมีโอกาสแจ้งเกิดทางการเมือง คือพรรค ปชป. ขาย ขายสถานศึกษา (บ่อนทำลายธรรมศาสตร์) ขายเพื่อนพ้องน้องพี่ (ป้ายสีรุ่นน้อง รุ่นพี่ ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ รุ่นน้องก็คือคนอย่างผม รุ่นพี่ก็คือคนอย่างอาจารย์ป๋วย) ขายอดุมการ (รักประชาธิปไตยแต่ปาก) และขายตัว คือขอให้ตูได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ใครจะเสียหายอย่างไร ไม่ใช่เรื่องของตู ครั้งหนึ่ง เมื่อรัฐบาลหอยขึ้นครองอำนาจ ก็บอกว่าคนไทยไม่รู้จักประชาธิปไตย จำต้องขอเวลา 12 ปี เพื่อล้างสมอง และปลูกฝังประชาธิปไตย (คือวางแผนเป็นรัฐบาล 12 ปี) เลยเกิด after shock ไปทั่ว จนออหมักต้องเดินทางไปแก้ผ้า เอ๊ย แก้ภาพพจน์ถึงเมืองฝรั่งหลายประเทศ แต่ไปปาฐากถาที่ไหน ก็โดนซักถาม โดนโห่ พอตอบฝรั่งไม่ได้ ก็ทำเป็นโมโห แสดงสัญชาตญาณถ่อยเถื่อนออกมาทันที คือ โยนแฟ้มใส่หน้าฝรั่งที่อายุคราวแม่ ที่เป็นคนถาม จนเป็นช่าวโด่งดังไปทั่ว ผมภูมิใจในเส้นทางชีวิตของตนเอง ผมรักแผ่นดินไทย รักคนไทย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยใจจริง ผมไม่เคยชี้หน้าใคร ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับผมว่า เป็นคอมมิวนิสต์ ว่าพวกหนักแผ่นดิน แล้วหาทางทำลายเขา ผมไม่ใช่ลูกพระยานาหมื่น หรือมีศักดินาอะไร แต่ผมก็ไม่เคยเหยียบย่ำทำลาย หรือยินดี หรือรู้เห็นเป็นใจให้ใครไปทำลายชาวไร่ ชาวนา และกรรมกร ผมไม่เคยคิดตัดงบประมาณที่อุดหนุนบัณฑิตอาสาสมัครที่เสียสละไปทำงานในชนบท เพื่อยกสถานะคนในชนบทใฟ้กีขึ้น ออหมัก เป็นลูกพระยานาหมื่น เป็นผู้ดีตีนแดง ตะแคงตีนเดิน ที่แสร้งทำเป็นรักและหวังดีต่อชาวบ้าน แต่ไม่เคยเหยียบย่างไปดูสภาพชนบท ไม่ว่าน้ำจะท่วม ฝนจะแล้ง สินามิจะถล่ม คนอย่างออหมัก ไม่รับรู้ ไม่สนใจ ใครจะเป็นจะตายช่างมัน ดังนั้น คนอย่างอาจารย์ป๋วยฯ ก็ดี คนอย่างนายอานันท์ฯ ก็ดี หากมีความคิดไปช่วยชาวชนบทเมื่อใด ออหมักจะทนไม่ได้ คนทั้ง 2 เคยถูกสมัครป้ายสีให้เป็นคอมมิวนิสต์มาแล้ว จึงไม่แปลกอะไร ที่ออหมักจะขัดขวางและหาทางทำลายนายอานันท์ฯ ตามสันดานศักดินา และค่านิยมที่ผิด ๆ ที่ถูกถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ ส่วนผมนั้น เป็นลูกชาวนาตัวจริงเสียงจริง แม้จะไม่มีศักดินา 600 ไร่ แต่พ่อแม่ผมก็มีที่นาทำกิน โดยการซื้อหาด้วยเงินที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง และไม่เคยกินแรง หรือทำนาบนหลังคน อย่างศักดินานอกคอกบางพวก บุญเกิด 2 เม.ย. 2548 13:15:55 จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 21:55:42 A:202.5.88.131 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 58 1. ตามสูจิบัตร เอ๊ย แผ่นพับหาเสียงเป็นผู้ว่า กทม. เมื่อ 27 ก.ค. 2544 บรรยายชีวประวัติตัวเองไว้ละเอียดมาก ผมจะลอกมาให้อ่าน ดังนี้ *ประวัติส่วนตัว:- เกิด 13 มิ.ย.2478 ที่บ้านหน้าวังบางขุนพรหม ถนนสามเสน กรุงเทพฯ เป็นบุตรของเสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวฃ) และคุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) โดยฝ่ายบิดาเป็นหลานลุงมหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์ ร.6 และฝ่ายมารดาเป็นหลานตา มหาเสวกตรีพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำราชสำนัก มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 6 คน ดังนี้ 1. พ.อ.(พ) แพทย์หญิง มยุรี พลางกูร อดีตรอง ผอ. รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ 2. นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง ประกอบธุรกิจส่วนตัว 3. พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวฃ อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมป 4. นายสมัครสุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย 5. นายมโนมัย สุนทรเวช พนักงานรัฐวิสาหกิจ 6. นายสุมิตร สุนทรเวช ส.ส.กทม. ครอบครัว:- แต่งงานกับคุณหญิงสุรัตน์ นาคน้อย เมื่อ พ.ศ. 2511 มีบุตรีแฝด 2 คน คือ 1. กาญจนา สุนทรเวช - บัณฑิตทางวิชาการบริหารการเงิน จาก ม.อัสสัมชัญ - ปริญญาโทจาก ม.ฮาร์ทฟอร์ท คอนเนคติคัท สหรัฐฯ - ปัจจุบัน ทำงาน ปตท.สผ. 2. กานดาภา สุนทรเวช - ร.บ. จุฬาฯ - ปริญญาโทจาก ม.ฮาร์ทฟอร์ท คอนเนคติคัท สหรัฐฯ ปัจจุบัน รับราชการกระทรวงการต่างประเทศ (ทราบมาว่าแต่งงานแล้ว) หมายเหตุ.- ฉะนั้น ตอนที่ออหมักจะฟ้องร้องกับ พล.ต.สนั่น ฯ ก็ได้ลูกสาวคนที่ 2 กับลูกสาวคู่กรณีซึ่งเป็นเพื่อนกัน ช่วยเป็นกาวใจให้ ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองอืมครึมที่สุด เพราะเป็นระยะรอยต่อของรัฐบาล คืนวันที่ 15 เม.ย. 19 มรว.คึกฤทธิ์ นายกฯ รักษาการ ซึ่งแพ้เลือกตั้ง (แพ้ออหมักที่เขตดุสิต) ได้ปราศัยทางทีวีและวิทยุอำลาประชาชน และ ปชป. ซึ่งมี ส.ส. มากถึง 114 คน แต่ก็ไม่มากพอจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ มรว.เสนีย์ ฯ ได้รับมอบหมายให้จัดตั้งรัฐบาลจตุรพรรค และ ปฃป. มุ่งหวังจะให้ พล.อ.กฤษณ์ อดีต ผบ.ทบ.หมาด ๆ เป็น รมว.กห. เพื่อเป็นเสาหลักค้ำประกันเสถียรภาพรัฐบาล โดยตกลงกับพล.อ.กฤษณ์เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 6 เม.ย.2519 โดยให้ พล.อ.ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา อดีต รอง ผบ.ทบ.เป็น รมช.กห. เขาเป็นเพื่อนรักของ พล.อ.กฤษณ์ ว่ากันว่า พล.อ.กฤษณ์ ถูกวางยา 2 ครั้ง คือ ก. ถูกวางระเบิดเวลา เพราะพรรคชาติไทย โดย พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร รมว.กห.คนก่อน ได้ย้ายนายทหารชั้นผู้ใหญ่ โดยโยกพรรคพวกของตเอง คือ ย้าย พล.อ. โชติ หิรัญยศิริ รอง ผบ.ทบ. ไปเป็น จเรทหารทั้วไป และย้ายพลเอกฉลาด หิรัญศิริ ผช.ผบ.ทบ. ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. แทน ทำให้เกิดความลำบากใจแก่พล.อ.กฤษณ์ รมว.กห. คนใหม่ ข. ถูกวางยาสั่ง หรือยาพิษ ขณะที่ พ.อ.(พ) แพทย์หญิง มยุรีฯ พี่สาวออหมัก ประจำอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ พล.อ.กฤษณ์ ศรีวรา ว่าที่ รมว.กห.ของพรรค ปชป. ขุนศึกที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดเวลานั้น ได้ป่วย เข้ารักษาต้วที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ เมื่อ 16 เม.ย. 2519 ข่าวว่าเป็นเพราะข้าวเหนียวมะม่วงเป็นพิษ ขณะนั้น พล.ต.พร พิศกนก เป็นหัวหน้าคณะแพทย์ นอกจากนี้ ยังมีคนสำคัญอีกคนหนึ่งซึ่งสามารถเข้านอกออกในห้องพยาบาลได้ตลอดเวลา ก็คือ พ.อ. แพทย์หญิงมยุรี นั่นเอง พล.อ.กฤษณ์ เข้าโรงพยาบาลเพียงไม่กี่วัน ก็ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อเวลา 07.30 น.ของเช้าวันที่ 23 เม.ย.2519 หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ เพียง 2 วัน ว่ากันว่าสภาพศพเหมือนคนถูกวางยา คือศพบวมฉุ ผิวเนื้อคั่งน้ำ เล็บมือเล็บเท้าหมองคล้ำ และเขียวหม่น มีบุคคลคนหนึ่งที่ประกาศ ไม่เหยียบเงา ไม่เผาผี พล.อ.กฤษณ์ คือ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นั่นเอง เพราะ มรว.คึกฤทธิ์ แค้นสั่งฟ้า เพราะคิดว่า ที่ตนกลายเป็น ส.ต. และพ่ายแพ้ ออหมัก ที่เขตดุสิต ที่เป็นเขตทหาร เมื่อ 4 เม.ย. 2519 ก็เพราะฝีมือ พล.อ.กฤษณ์ นี่เอง เป็นผลให้ มรว.คึกฤทธิ์ ต้องก้าวลงจากตำแหน่ง เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส. เมื่อสิ้นบารมีพลเอกกฤษณ์แล้ว ฝ่ายตรงข้ามกับพรรค ปชป. และประชาชน ก็ตีปีกกันใหญ่ เพราะ รมว.กห. แทนพลเอกกฤษณ์ ก็คือ พล.อ.ทวิช นั่นเอง แต่หาได้มีบารมีและอิทธิพลเท่าพลเอกกฤษณ์ไม่ ดังนั้น ทั้งจอมพลประภาส และจอมพลถนอม ฯ จึงพาเหรดเข้ามาเมืองไทย แม้จะกลับออกไป เพราะถูกประชาชนต่อต้าน แต่ก็กลับเข้ามาใหม่ โดยบวชเป็นสามเณรจากสิงค์โปร์ เข้ามา คนที่บวชให้น่าจะเป็นพระชื่อดังแห่งวัดเกตุมฯ จ.สมุทรสงคราม สามเณรจอมพลถนอมอ้างว่าจะมาปรนนิบัติบิดา คือขุนโสภิตบรรณรักษ์ และถือโอกาสบวชเป็นพระสุกิตติจโรภิกขุที่วัดบวรนิเวศ เป็นเหตุให้เกิดการประท้วงขับไล่จอมพลถนอม ให้เดินทางกลับออกไป ในที่สุดเหตุการณ์ก็บานปลาย จนเกิดเหตุการณ์นองเลือดในธรรมศาสตร์ เมื่อ 6 ต.ค. 2519 บุญเกิด 3 เม.ย. 2548 01:26:42 """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""" หมายเหตุ...ข้อเขียนชิ้นนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล...โปรดใช้วิจารณญาณ.....เรื่องการเสียชีวิตครั้งนี้ มีประเด็น...มีการลงข่าวคึกโครม...อาจสืบข่าวได้จากหนังสือพิมพ์รายวัน ในช่วงเวลานั้น ( ในหอสมุดแห่งชาติจะเก็บหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับไว้ สามารถค้นคว้าติดตามได้เสมอ การเมืองมันอึมครึมครับ....ช่วงวุ่นวายจริง ๆ ) ลุงแคน จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 22:08:44 A:202.5.88.143 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาเข้าเรื่องออหมักกับธรรมศาสตร์ในสายตา ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์คนหนึ่งนะครับ...กรุณาอ่านด้วยความพินิจพิจารณา ........................................................... ที่มาที่ไปของเรื่องที่คุยกันอยู่นี้ เป็นเรื่องยาและสลับซับซ้อน ข้ามยุคข้ามสมัย เอาเป็นว่า ต้องบรรยายถึงความแค้นที่บุคคลบางกลุ่ม มีต่อรัฐบุรุษอาวุโส (หลวงประดิษฐ์มนูธรรม - นายปรีดี พนมยงค์) เราจะพบว่า ออหมักไม่เคยสนใจไปร่วมงานฉลองครบ 100 ปี ปรีดี พนมยงค์ หรือไม่ยินดียินร้ายต่อการที่อาจารย์ปรีดี ได้เป็นบุคคลตัวอย่างขององค์การยูเนสโก แม้แต่การยื่นเสนอชื่ออาจารย์ปรีดี ก็ถูกยับยั้งขัดขวางจากอดีตรักษาการณ์อธิการอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ดร.อดุล วิเชียรเจริญ) กว่าจะฝ่าด่านเหล่านี้ไปได้ และถ้าไม่ใช่การออกแรงผลักดันเต็มที่ของผู้รักความเป็นธรรม ชื่ออาจารย์ปรีดี ก็หมดสิทธิ์ที่จะได้เป็นบุคคลดีเด่นของโลก และตอนที่ออหมัก เป็นผู้ว่า กทม. ก็ยังแสดงอาการจองเวรอาจารย์ปรีดี อย่างออกหน้าออกตา คือ ชื่อถนนประดิษฐ์มนูธรรม ที่ไม่ยาวนัก ด้านหนึ่งจรดถนนลาดพร้าว ออหมักก็ใช้อำนาจผูว่า กทม. แบ่งถนนสายนี้ออกเป็น 2 ถนน คือทำถนนประดิษฐ์มนูธรรมให้หดสั้นลงกว่าเดิม ส่วนที่ตัดไป ก็นำไปตั้งเป็นอีกถนนหนึ่ง โดยตั้งชื่อถนนที่ตัดออกไป เป็นอีกชื่อหนึ่งว่า "ถนนประเสริฐมนูกิจ" เหตุผลก็คือ มีการอ้างว่าคุณหลวงคนนี้เป็นอาจารย์ของออหมักเอง แต่คนทั้งหลายไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า คุณหลวงท่านนี้ เคยประกอบคุณงามความดีอะไรให้ปรากฎบ้าง และที่น่าสังเวชและน่าฉงนที่สุด ก็คือ ยังมีถนนสร้างใหม่อีกหลายสาย ที่ยังไม่มีชื่อ ซึ่งสามารถนำชื่อคุณหลวงประเสริฐมนูกิจ ไปตั้งได้เลย แต่ออหมักก็จงใจยึดเอาส่วนหนึ่งของถนนประดิษฐ์มนูธรรม ไปตั้งเป็นชื่อใหม่ว่า "ถนนประเสริฐมนูกิจ" ซะเลย ใครจะทำไม โดยอ้างว่าประชาชนในท้องที่ถนนตั้งอยู่เรียกร้อง แต่จากการตรวจสอบของสมาชิกสภา กทม. ท่านหนึ่ง คือคุณสามารถ มะลูลิม ก็พบว่า มีจดหมายร้องทุกข์จากประชานเพียงฉบับเดียวเท่านั้นเอง เมื่อปลายปี 2547 สภา กทม. ได้นำเรื่องนี้เข้าอภิปรายในสถา แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะเรื่องนี้กลายเป็นคดีในศาลปกครอง เพราะทายาทอาจารย์ปรีดี ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองว่า ผู้ว่า กทม. มีเจตนาทำลายชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม อดีตผู้ประศาส์นการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง (ผู้ก่อตั้ง มธก.) ซึ่งออหมักเคยเป็นศิษย์เก่าซะด้วย จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 22:12:29 A:202.5.88.143 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เราต้องมองถึงเหตุผลทางด้านสังคมวิทยา และมนุษย์วิทยาประกอบการวิเคราะห์เรื่องราวเหล่านี้ นั่นก็คือ สถานะทางสังคมของแต่ละบุคคล หรือสถานะทางชนชั้น นั่นเอง กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อดีตเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม พระบิดาแห่งกฎหมายไทย เคยตรัสว่า "ชนชั้นไหนออกกฎหมาย ก็เพื่อประโยชน์ของชนชั้นนั้น" ถ้าพูดกันตามหลักฐานที่ปรากฏ ก็แสดงว่าออหมัก เกิดในชนชั้นศักดินา เพราะบิดาเป็นคุณหลวง น่าจะถือศักดินาระหว่าง 400-800 ไร่ อาจารย์ปรีดี ฯ เป็นชนชั้นชาวนา เพราะเกิดเป็นลูกชาวนากรุงเก่า อาจารย์ปรีดีมีส่วนสำคัญในการสลายชนชั้นของสังคมไทย ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2475 และนำระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยมาสู่สังคมไทย แถมอาจารย์ปรีดียังได้รับการยกย่องว่าเป็น "มันสมอง" ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนั้น การอภิวัฒน์การปกครองของเมืองไทยดังกล่าว เป็นการสิ้นสุดยุคศักดินาสวามิภักดิ์ แต่ก็ยังมีคนบางคนยังไม่เข้าใจระบบประชาธิปไตย แม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้าที่อยู่ในระบบธรรมาธิปไตยแท้ ๆ ก็ยังไม่เข้าใจเรื่องสังฆาธิปไตย ที่พระพุทธเจ้าให้ยึดพระธรรมที่ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นศาสดาแทนพระองค์ เราจึงเห็นกลุ่มหลวงตาบัว และสานุศิษย์ เรียกร้องให้ย้อนยุคไปใช้ระบบ "สังฆราชาธิปไตย" แทนระบบ "สังฆาธิปไตย" ผ่านระบบ "มหาเถรสมาคม" ดังที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่ยุคหนึ่ง สถาบันสงฆ์ก็เคยผ่านระบบสังฆาธิปไตย ที่มีสังฆสภา สังฆมนตรี และวินัยธร มาแล้ว แต่ถูกจอมพลสฤษดิ์ ใช้อำนาจเผด็จการยกเลิกระบบนั้นเสีย เป็นเหตุให้ศาสนจักร หรือ สถาบันสงฆ์อ่อนแอมาจนทุกวันนี้ สวนทางกับระบบประชาธิปไตยของราชอาณาจักร ที่นับวันเข้มแข็งมั่นคง และพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ออหมักอยู่ในชนชั้นศักดินาเก่า ซึ่งเป็นชนชั้นที่ได้เปรียบชนชั้นชาวนาและกรรมกรโดยพื้นฐานอยู่แล้ว และถ้ามองไปถึงกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการทำลายพลังนักศึกษาประชาชนยุค 2518 -2519 เช่น พ.อ.สุดสาย หัสดิน พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา พ.ท.สล้าง บุนนาค ก็ล้วนแล้วมาจากชนชั้นศักดินาเก่าด้วยกันทั้งนั้น กล่าวคือ ก. พ.อ.สุตสาย หัสดิน เป็นบุตรของพระยาหัสดินอำนวนศาสตร์ธรรมวิลาสสภาบดี และคุณหญิงหัสดินอำนายศาสตร์ ตามหลักฐานันดรศักด์ พระยาน่าจะมีศักดินาสูงสุดถึง 10,000 ไร่ คนไทยจึงเรียกติดปากว่า "พระยานาหมื่น" มาจนทุกวันนี้ ข. พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ....... ค. พ.ท.สล้าง บุนนาค สืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางสาย "บุนนาค" ที่ต้นตระกูล เป็นถึงสมเด็จเจ้าพระยาหลายคน บุคคลเหล่านี้แหละ ที่กล่าวหาลูกหลานชาวไร่ชาวนา ลูกกรรมกร ลูกพ่อค้า ลูกชาวบ้าน ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แต่ก็ยังมีบุคคลที่กำเนิดในชนชั้นศักดินา แต่หันมารักและบูชาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งผมไม่ขอเอ่ยชื่อในที่นี้ ดังนั้น คนอย่าง มรว.คึกฤทธิ์ มรว.เสนีย์ จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ มรว.คึกฤทธิ์ นั้น ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น "เสาหลักประชาธิปไตย" แต่ท่านก็ไม่เต็มใจ และไม่พอใจในสมญานามนี้ เมื่อครั้งอาจารย์ป๋วย ส่งจดหมายในนามนายเข้ม เย็นยิ่ง ถึงจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อต้นปี 2515 เรื่อง หมู่บ้านไทยเจริญ มรว.คึกฤทธิ์ ก็บอกว่าเป็นจดหมายปลอม ร้อนถึงอาจารย์ป๋วย ต้องออกมายืนยันว่า เป็นจดหมายของท่านจริง ๆ สำหรับ มรว.เสนีย์ นั้น จดหมายของคุณสุธรรม เเสงประทุม อดีตเลขา ศนท. ได้บรรยายการเดินทางไปพบ มรว.เสนีย์ ที่บ้านพักในซอยเอกมัย พระโขนง เพื่อชี้แจงเรื่องการแสดงละคร แต่ไม่พบ มรว.เสนีย์ แม้แต่เงา กลับพบแต่ตำรวจซึ่งไปรอจับกุมอยู่ก่อนแล้ว ถ้าคนกลุ่มนี้รักประชาธิปไตย และศรัทธาในระบอบนิติรัฐ จริง ๆ แล้วไซร้ คนที่แสดงละครก็ดี คนที่รับผิดชอบใน ศนท. ก็ดี ย่อมถูกจับกุม ถูกตั้งข้อหา และถูกดำเนินคดีในศาลยุติธรรม แทนระบบ "ศาลเตี้ย" หน้าธรรมศาสตร์ บันทึกของพลตรีสุดสาย :- พลตรีสุดสาย หัสดิน ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ไว้ดังนี้ "....ในปี 2519 จอมพลถนอม เดินทางกลับประเทศไทย 2 ครั้ง.....จอมพลถนอม ทำให้สามารถปลุกระดมมวลชน เพื่อสร้างเงื่อนไขปฏิวัติมวลชนอีกครั้งหนึ่ง แต่คน 2 กลุ่มที่ถูกผลักดันให้ออกหน้าสู่สาธารณะ คือ กลุ่มผู้ชุมนุมในธรรมศาสตร์ และกลุ่มกระทิงแดง (กระทิงแดงเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวพล.ต.สุตสาย) ภาพที่ถูกสร้างออกมา คือการชุมนุมที่เต็มไปด้วยคนต่างชาติสนับสนุนด้วยอาวุธ และคนกลุ่มนอกรั่วธรรมศาสตร์ คือกระทิงแดงผู้เป็นเพชฌฆาต แท้ที่จริงคืออะไร.....ผมติดตามข่าวและรายงานนายกรัฐมนตรีทุกระยะ ผมขอให้นายกรัฐมนตรีนำกำลังตำรวจเข้ารักษาการณ์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อป้องกันเหตุบานปลาย.....ผมเกรงว่าจะมีเหตุทำให้ต้องนองเลือดขึ้นมาได้อีก..... และผมได้รายงานให้ท่านนายกฯ ทราบว่า ไม่มีตำรวจเข้าไปรักษาการณ์ในธรรมศาสตร์ มวลชนกำลังถูกปลุกระดมจนเกิดความเร่าร้อน (วิทยุยานเกราะ และชมรมวิทยุเสรี ที่ควบคุมโดย พ.ท.อุทาร) ผมขอให้ท่านนายกฯ ประกาศเคอร์ฟิวส์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาสวมรอยก่อเหตุภายในได้ และไม่ต้องการให้ผู้คนไปรวมตัวกันมากกว่านี้ คืนวันที่ 5 ลาคม 2519 ก็ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวส์ ก้ามออกนอกบ้านในยามวิกาล และก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปรักษาการณ์อยู่นั่นเอง....." ผมเสียดายที่ พล.ต.สุตสาย ได้เขียนบันทึกไว้หลายร้อยหน้ากระดาษ แต่เอาไปฝากไว้ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกับสั่งเป็นพินัยกรรมว่า จะเปิดเผยแพร่ได้ก็ต่อเมื่อหลังจากท่านถึงแก่กรรมไปแล้ว 20 ปี ผมคงไม่มีโอกาสได้อ่าน เพราะพล.ต.สุตสาย เพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ส.ค. 2544 นี้เอง ข้อเท็จจริงจากบันทึกอาจารย์ป๋วย:- "....10. ผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ไปแจ้งความต่อตำรวจชนะสงครามตามระเบียบ จึงมีกำลังตำรวจประมาณ 40 คนไปคุมเหตุการณ์ที่ด้านวัดมหาธาตุร่วมกับรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา (อาจารย์บรรลือ)....ตำรวจ 40 คนคงจะทำอะไรไม่ได้....จึงเป็นภาระจำยอมให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝ่ายกระทิงแดงและนวพลนั้น ก็มาชุมนุมกันอยู่ที่วัดมหาธาตุอีกมุมหนึ่ง แต่เนื่องจากมีกำลังน้อย เพียงไม่กี่สิบคน จึงมิได้ทำอะไร.. 12. ฝ่ายยานเกราะ และสถานีวิทยุในเครือของยานเกราะ ก็ปลุกระดมปลุกปั่นให้ผู้ฟังเคียดเเค้นนิสิต นักศึกษา ประชาชน ที่ประท้วงอยู่ในธรรมศาสตร์ตลอดเวลา....โดยระดมหน่วยกระทิงแดง นวพล และลูกเสือชาวบ้าน ให้กระทำการ 2 อย่าง คือ 1. ทำลายพวก "คอมมิวนิสต์" ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ 2. ประท้วงรัฐบาลที่จัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยไม่ให้นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมบุญ ศิริธร ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย... 13. การปลุกระดมของยานเกราะได้ผล ทางด้านรัฐบาล มรว.เสนีย์ ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการด่วน ในตอนดึกของวันอังคารที่ 5 ตุลาคม และได้มีมติให้มีการนำตัวหัวหน้านักศึกษา และนายอภินัน์ ผู้แสดงละครมาสอบสวน พอเช้าตรู่ของวันพุธที่ 6 ต.ค. นายสุธรรม เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษา (ศนท.) พร้อมด้วยผู้นำนักศึกษาจำนวนหนึ่ง กับนายอภินันท์ นักแสดงละคร ได้ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจที่บ้านนายกรัฐมนตรี เผอิญนายกรัฐมนตรีออกจากบ้านไปทำเนียบเสียก่อน นายกฯ จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้อธิบดีกรมตำรวจคุมตัวนายสุธรรม นายอภินันท์ และพวกไปสอบสวน 14. การบุกมหาวิทยาลัยโดยตำรวจตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการกระทำของรัฐบาลโดยเอกเทศ มิได้มีการหารือกับอธิการบดีเลย แม้ว่าในตอนดึกของวันอังคารที่ 5 ตุลาคม อธิการบดีจะได้พูดโทรศัพท์กับ มรว.เสนีย์ ปราโมช ก็ตาม นายกรัฐมนตรีมิได้แจ้งให้อธิการบดีทราบว่า รัฐบาลจะเรียกตัวหนัวหน้านิสิตนักศึกษา หรือนายอภินันท์ มาสอบสวน ถ้านายกรัฐมนตรีประสงค์เช่นนั้น ก็มีวิธีที่จะเรียกตัวได้ ให้มาสอบสวนโดยสันติ ไม่ต้องใช้กำลังรุนแรงจนควบคุมมิได้ และจนเกินกว่าเหตุ..... บุญเกิด 3 เม.ย. 2548 03:42:53 """""""""""""""""""""""""""""""" หมายเหตุเมื่อถึงเวลาตามพินัยกรรมของ พลตรีสุดสาย....ทุกอย่างจะกระจ่าง เรื่องราวของ...กระทิงแดง.... จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 22:15:43 A:202.5.88.132 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ประเด็นคุณพรรคเทพมเรื่องการฆ่าคนในวัน 6 ตุลา 19 มีถ่ายทำเป็นภาพยนต์ข่าว ออกอากาศทางช่อง 9 ครับ สรรพศิริ...ถูกย้ายทันที ( เข้าใจว่าตอนหลังไปอยู่ ช่อง 3 ) มีหลักฐานเป็นภาพยนต์ทั้งนั้น หากจะไปร่วมในงานเดือนตุลา น่าจะมีวีซีดีขายครับ ผมยืนยันว่าตายจริง ๆ ครับ ช่วงนั้นผมทำข่าวอยู่ครับ ผมถึงบอกว่า คนระดับอาจารย์ป่วย คุณเชื่อได้มั๊ย คนที่เป็นใหญ่เป็นโตในปัจจุบัน บนหอคอยงาช้างเชื่อถือได้หรือไม่ มันมีหลักฐานประจานตัวเองอยู่ครับ จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 22:40:37 A:202.5.88.140 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อ้อ...อีกประเด็นเรามีคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ ลองแวะไปดู ในเว็บ 6 ตุลานะครับ จะมีคณะกรรมการอยู่ ใครที่มีข้อมูล สามารถไปให้การได้นะครับ ทั้งหมดถ้าคนเห็นหมื่น ๆ แสน ๆ คนพูดตรงกันคุณเกิดไม่ทันจะไม่เชื่อเชียวหรือครับ จากคุณ : Can - [ 7 เม.ย. 48 22:47:15 A:202.5.88.131 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ประเทศไทยช่วงนั้น มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พอ ไซง่อน แตก ปี 17 สหรัฐถอนทัพ ไทยก็ต้องสู้กับคอมมิวนิสต์ โดดเดี่ยว กระแสความหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ แผ่กระจายไปทั่ว กลัวเวียดนาม (พวกญวน) จะบุกไทย ขยายดินแดน นักศึกษาธรรมศาสตร์ บางส่วนช่วงนั้น ก็เริ่มเพี้ยนๆ ความคิดเอียงไปทางคอมมิวนิสต์ ปั่นป่วน เดินขบวนประท้วงรายวัน ก็เพราะเหตุนี้นี่แหละ ที่ไปกระตุ้นต่อมหมั่นใส้ ของพวกรักชาติ เชิดชูสถาบันกษัตริย์ ให้ออกมาเคลื่อนไหว ผมว่า 6 ตุลา ที่นักศึกษาถูกล้อมปราบ มันเหมือนกับการระบายอารมณ์ ของประชาชน ที่หวาดกลัวคอมมิวนิสต์ เสียมากกว่า สมัยนั้น เรื่องการเมือง มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ความคิดของทั้งฝ่ายซ้ายและขวา รุนแรงมาก เทียบสมัยนี้ไม่ติดเลย เรื่องการเมือง ก็รู้ๆ อยู่ พูดไม่ถูกหู ก็ยิงกันตายแล้ว นี่เรื่องชาติบ้านเมือง เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ การต่อสู้ ยิ่งรุนแรงกว่าเดิมหลายสิบเท่า คุณสมัคร ไม่เห็นด้วยกับนักศึกษา เขาก็ต่อสู้ในแนวทางของเขา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติตรงไหน แล้ว นักศึกษาช่วงนั้น ก็ไม่ได้ถูกทั้งหมด พวกซ้ายจัด สุดลิ่มทิ่มประตูก็มี จากคุณ : คนหนึ่ง - [ 8 เม.ย. 48 00:58:59 A:203.155.236.147 X: TicketID:092228 ]

ความคิดเห็นที่ 64 #63 ประเด็นก่อน 6 ตุลาคม 2519 การอ้างอิงถึงการเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ตรงนักครับ การประท้วงรายวันเท่าที่ผมได้ข้อมูลจะเป็นเรื่องของการขอขึ้นค่าแรง เงินเดือน ของพวกกรรมกรโรงงาน ไม่ใช่การต่อต้านสถาบัน จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 8 เม.ย. 48 08:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 65 6 ตุลา 19  ผมรับรู้เหตุการณ์อย่างใกล้ชิด..และก็จำนาย 2 คนอย่างติดตา..ได้ยินสองคนนี่ปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากันเองยังเต็มอยู่ทั้งสองรูหู ตามดูพฤติกรรมเขามาตลอด คนพวกนี้ทั้งโกหกทั้งถูกฟ้องแพ้คดีมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่เขามีอุบายที่ทำให้แม่ค้าในตลาดสดชื่นชอบเขามาก ชอบพูดแล้วอ้างตัวเลขแบบมีเศษแสดงความแน่นยำของข้อมูล เช่นกรณีนำเสตทเม็นต์ปลอมมากล่าวหาของ ม.ร.ว จิรายุ .หาว่าทุจริต  และถูกฟ้องกลับศาลสั่งลงโทษจำคุกแต่เปลี่ยนเป็นรอลงอาญา วันนี้คุณจิรายุทำงานในฐานะเป็นผู้จัดการทรัพย์สินในพระองค์ . กรณีกำนัลเฮงกำนัลฮวดที่คนเขาจับโกหกได้กลางสภา..น่าขายหน้ามาก...แต่คนไทยเป็นคนขี้ลืมและเป็นคนที่ให้อภัยคนเสมอ หรือกรณีเสหนั่นฟ้องกลับก็ต้องให้ลูกสาวตัวเองมาขอไม่งั่นคราวนั้นติดคุกแน่นอนเพราะคดีเก่ายังรอลงอาญาอยู่ จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 8 เม.ย. 48 09:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องจะกล่าวหาใครต่อใครว่ารับจ้างโพสต์แบบพล่อยๆนี่ มันน่าเกลียดนะผมว่าอ่ะ ตัวเองทำมาหากินแบบนั้น ก็อย่าดันไปคิดว่าคนอื่นเขาจะทำแบบตัวเองดิ...คุณแม่ขอร้อง จากคุณ : ป๋าค๊ะป๋าขา - [ 8 เม.ย. 48 10:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 67 นศ.ที่อยู่ในธรรมศาสตร์ในเหตุการณ์ 6 ตุลานั้นต้องบอก ว่าบอกคนก็ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์จริงๆ  แต่เป็นคนจำนวนน้อย เคยได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บางคนที่อยุ่ในเหตุการณ์นั้น ท่านก็ บอกว่าช่วงนั้นการศึกษาเรื่องคอมมิวนิสต์มีการเผยแพร่ไป ทั่วในหมู่ นศ. หนังสือลัทธิคอมมิวนิสต์มีขายเกลื่อนสนาม หลวง ผมยังได้เห็นหนังสือคู่มือคอมมิวนิสต์ฉบับ นศ.ที่ ผู้ใหญ่ท่านนี้ได้รับแจกมาในช่วงเดือนตุลานั้นเลยเนื้อหาไม่ ต้องพูดถึง คอมสายเหมาล้วนๆ  นี่ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่ทำให้ภาครัฐนำมาเป็นข้ออ้างกล่าวหาล้อมปราบ นศ.ใน เหตุการณ์ 6 ตุลา ส่วนเหตุการณ์การล้อมปราบในวันที่ 6 ตุลานั้น ผมรู้ข้อมูล ลึกๆมาว่า กลุ่มที่ออกเข่นฆ่า นศ.เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ทหาร+ตำรวจนั้น ไม่ใช่พวกกระทิงแดง นวพลหรือลูกเสือ ชาวบ้าน  แต่คือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ค้างคาว 500 กลุ่มนี้ มาเร็วไปเร็ว มาเพื่อฆ่าอย่างเดียว แต่น่าแปลกที่แทบไม่มี ใครรู้เลยว่าหน่วยล่าสังหารเฉพาะกิจหน่วยนี้มีประวัติความ เป็นมายังไง  ผมค้นหายังไงก็ไม่เจอสักที  ส่วนระดับความ โหดของคนกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มที่เข้าไปไล่ฆ่า+ข่มขืน นศ. ลากนศ.ออกมารุมแทงด้วยเหล็กหน้าธรรมศาสตร์ ส่วนที่ ยืนร้องตะโกนโวยวายอยู่หน้าธรรมศาตร์นั่นกระทิงแดงทั้ง นั้น จากคุณ : DEDETE - [ 8 เม.ย. 48 11:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คุณสมัคร ไม่เห็นด้วยกับนักศึกษา เขาก็ต่อสู้ในแนวทางของเขา ไม่ใช่เรื่องผิดปกติตรงไหน แล้ว นักศึกษาช่วงนั้น ก็ไม่ได้ถูกทั้งหมด พวกซ้ายจัด สุดลิ่มทิ่มประตูก็มี จากคุณ : คนหนึ่ง - [ 8 เม.ย. 48 00:58:59 A:203.155.236.147 X: TicketID:092228 ] เเนวทางของหมักคือ ยั่วยุปลุกปั่นให้ประชาชนออกมาฆ่าประชาชน นักปกครองชั้นเลวเท่านั้นที่ส่งเสริมให้เกิดความเเตกเเยกในหมู่ประชาชน จากคุณ : zema_man - [ 8 เม.ย. 48 13:28:36 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เออ ธรรมศาสตร์ ซ้ายเลยหรอครับเนี่ย อ่านแล้วยิ่งตะลึงครับ หนังสือคอมมิวนิสต์ที่ท่านๆว่ากันนี่ คงไม่ใช้พวก daz capital ที่เป็นบทเรียนทุกที่หรือหนังสือให้ความรู้ทั่วไปนะครับ เพราะในปัจจุบันหนังสือต้องห้ามพวกนี้ผมไปอ่านก็เห็นเป็นเนื้อหาที่ใช้ในหลายที่ จากคุณ : Tt009 - [ 8 เม.ย. 48 14:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 70 มันเป็นการแย่งชิงอำนาจในกลุ่มผู้มีอำนาจครับ นักศึกษา ประชาชนในเหตุการณ์คือ หมากเบี้ยตัวเล็ก ๆ หากไม่มีกลุ่มปฏิรูป โดยพลเรือเอกสงัด ก็มีอีกลุ่มหนึ่งเพราะมีความแตกแยกในกองทัพ ส่วนสายที่ต่อต้านคือกลุ่มที่ได้รับทุนหนุนจากนอกประเทศ ผสมกับนักการเมืองในประเทศ ที่เป็นกลุ่มทุน พูดง่าย ๆ ฝ่ายทหารหลังจากพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 มีความรู้สึกไม่ผิดกับ "สายเหยี่ยว" ที่กำลังถูกเด็ดปีกในวันนี้ ( จึงมีการใช้วิทยุทหาร ออกรายการประเภทใส่ความผู้ที่อยู่ในสายสังคมนิยม แม้ ปชปงก้ยังบอกว่าสังคมนิยมอ่อน ๆ ) เมื่อสิ้นพลเอกกฤษณ์ สีวะรา ( ลูกสาวเรียนรัฐศาตร์จุฬารุ่นเดียวกับผม ) ทำให้ฐานอำนาจเขตดุสิตที่ มรว.คึกฤทธิ์ครองมาตลอด ขาดตอนลง สมัครจึงฉวยโอกาสนี้ เข่นท่านผู้เฒ่าลง ( ทำให้ มรว.คึกฤทธิหมดความชอบธรรมที่จะขึ้นเป็นนายก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับท่านอาจารย์สัญญาบอกว่า นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง ) มันเป็นการเมืองหลายก๊ก...ปชป. อาศัยความแรงของนายสมัคร แม้แต่การยื่นอภิปรายรัฐมนตรีคลังของท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ทำให้ท่านแทบหมดความอดทน ผมมองว่าฝั่งที่ใช้กำลังสลายนิสิตนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม ไม่ใช่กลุ่ม ปชป. แต่เป็นอีกกลุ่ม...นวพล...กระทิงแดง ร่วมกับพวกทหารสายเหยี่ยว รวมทั้งฝ่ายตำรวจ เช่น สล้าง ฯ เป็นต้น ถ้าจะว่าไปแล้วกลุ่มนักศึกานั้นถือว่าเป็นพลังบริสุทธ์ที่อยากเห็นความเป็นธรรมในสังคม ไม่ได้มุ่งประสงค์จะล้มล้างระบอบอะไร เพราะเมืองไทยช่วงนั้น ก็มีสภา มีรัฐบาล มีรัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถใช้เป็นทางแก้ปัญหาได้อยู่แล้ว ผมไม่คิดว่าการประท้วงของนิสิตนักศึกษาเพียงแค่นั้น จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย เพียงแค่ให้จอมพลถนอม ออกไปจากประทสแค่นั้นก็น่าจะจบ แต่รัฐบาลรักษาการของ ปชป. ก็ไม่สามารถสนองตอบ เพราะไม่มีกฎหมายให้เนรเทศคนไทยถือสัญชาติไทยออกนอกประเทศได้ นอกจากเป็นความสมัครใจเอง ปมปัญหามันจึงไม่มีจุดคลายตัว ใครจะเชื่ออะไร...เห็นทางใหน ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ว่าซ้าย ไม่ว่าขวา แต่ฝั่งที่นิยมความรุนแรง และกระตุ้นปลุกปั่นให้ใช้ความรุนแรง มันน่ากลัวครับ อย่าลืมว่าการประท้วงของนิสิตนักศึกษาก็เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง ฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่อีกฝ่ายใช้อำนาจเถื่อน....แม้ในปัจจุบัน เรายังไม่สามารถหาตัวผู้บงการจากฝ่ายรัฐ หรือฝ่ายกองทัพได้ เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิดได้ ยิ่งออก พรบ.นิรโทษกรรมแล้วยิ่งปิดประตูตายที่จะเอาผิดบุคคลเหล่านั้น แต่เมื่อเหตุเกิด มันก้พิสูจน์แล้วว่า มีขบวนการ มีผู้บงการ มีผู้ยุยง สำคัญว่าเราจะเอามิติใหนเข้าไปจับกรณีนี้ มิติของกฎหมาย มันจบไปแล้ว คงเหลือมิติของมโนธรรม สำนึก กฏแห่งกรรม...เท่านั้นครับ แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่มีในตัวคนบางคน ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นผิดเป็นบาป เพราะแม้แต่พระก็ออกมาบอกว่า.."ฆ่าคอมมูนิสต์...ไม่บาป..." การอ้างชาติอ้างแล้วว่านิสิตนักศึกษาผู้ประท้วงไม่รักชาติ การอ้างศาสนา...ให้พระมาบอก ฆ่าคอมมูนิสต์ไม่บาป...โยนให้นักศึกษาเป็นคอมมูนิสต์ แล้วมาลงท้ายคือการใช้รูปตกแต่งองค์รัชทายาท เป็นตัวเชื่อมสุดท้าย เมื่อครบตามตำรา ชาติ ศาสน์ กาตร์ย์ ความอดทนของฝั่งตรงข้ามนิสิตนักศึกษาก็มาถึงจุดแตกหัก หากมองแล้วต้องถามว่า...ใคร..คือผู้รับประโยชน์จากการนี้ รัฐบาลหอยครับ....ใครเป็นใครก็มีในชื่อของคณะรัฐบาลนั่นแล้ว.... วิชากฎหมายบอกเอาไว้ว่า...กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา.... ผู้ใดได้รับประโยชน์ ผู้นั้นต้องสงสัยมากที่สุด ผมสงสัยไอ้หมัก-ไอ้จืด มากที่สุดครับ รักชาติจนน้ำลายไหลหรือเปล่า...ท่านผู้อ่านคิดเอาเองครับ จากคุณ : Can - [ 8 เม.ย. 48 15:32:05 A:202.5.88.133 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คห.39/40 คุณพรรคเทพ /คุณลูกไทย หลานไทย ITV เคยนำมาออกอากาศ ..รายการย้อนรอย ผมจำวันที่แน่นอนไม่ได้ น่าจะประมาณ 2 ปีได้ครับ จากคุณ : จอร์จครับจอร์จ - [ 9 เม.ย. 48 00:58:58 A:61.91.197.206 X: TicketID:072839 ]