ความคิดเห็นที่ 1 เข้าคิวด้วยอ่ะ จากคุณ : ป๋าค๊ะป๋าขา - [ 9 เม.ย. 48 10:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สมัครด้วยคนนะครับ จากคุณ : ridkun - [ 9 เม.ย. 48 10:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมคงไม่สมัครล่ะครับ เพราะคิดว่าจะไม่เห็นด้วยกับความเห็นใดๆ เพียงเพราะตัวเจ้าของความเห็น แต่เท่าที่ผ่านมาผมชอบอ่านข้อความและชื่นชมความคิดของคุณ Can ครับ จากคุณ : บันลือ - [ 9 เม.ย. 48 11:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กระทิ ขอแซงคิว 1 คนครับ ดีใจที่ข้างหน้าก็ลาว ข้างหลังก็ยังเป็นลาว ห้ามจับราวนะครับ อิอิ อิจฉาลุงคนแก่ สาวๆตรึม// จากคุณ : กระทิ - [ 9 เม.ย. 48 13:08:26 A:203.113.57.40 X:203.151.140.113 TicketID:094221 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอสมัครมั่ง ด้วยคนนะครับ ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : kinkong - [ 9 เม.ย. 48 13:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อืมม...ผมเข้ามาคุยกับเพื่อน ๆเพราะใจรัก แค่เป็นคนชอบคิดชอบเขียน ชอบแสวงหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิต อาจมีบางคนคิดว่า อาชีพชาวนาเป็นปมด้อยของผม...แต่เปล่าครับ อาชีพชาวนา คืออาชีพที่ผมรักและเทิดทูน...อยากทำครับ ความสำเร็จในชีวิตของแต่ละคน ในความคิดผมคือ ได้ทำอาชีพที่ตนเองชอบและใฝ่ฝัน มีปัจจัยสี่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต มีเกียรติและได้รับการยอมรับ ( อย่างน้อยมีคนที่เห็นด้วยบ้าง ไม่ถึงกับทุกคนต้องยกนิ้วให้ ) ได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาสร้างประโยชน์แก่สังคม...แม้เล็กน้อยก็ยังดีกว่าเอาวิชาที่เรียนมากอบโกยมากเกินไป เหมือนเรามีเครื่องมือหาทองที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะที่ชาวบ้านยังใช้จอบใช้เสียม เราขุดแต่พอเพียง ใช้ประโยชน์จากทองให้คุ้มค่า ดีกว่าจะเร่งรีบขุดทอง เอามากองไว้ในโกดังของตัวเอง ผมเป็นคนชอบแสวงหา ไม่ชอบปักหลักในอาชีพใดอาชีพหนึ่งนานเกินไป ( อาจคิดไม่เหมือนคนอื่น ) เพราะถือว่าความฝันสูงสุดคือการได้ทำนา ปลูกข้าวกินเอง เมื่อมีข้าวกิน กับข้าวหรือรายได้อื่น ๆ ก็คือกำไรแล้ว ผมไม่รังเกียจคนรวย แต่ผมไม่อยากรวยเกินไป มันเป็นภาระสำหรับผม ผมชื่นชอบงานเขียนของท่านอาจารย์ป๋วย..."จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน..." มันเป็นความปรารถนาของมนุษย์ ที่ไม่เบียดเบียนโลก ไม่เบียดเบียนสังคม และไม่เบียดเบียนธรรมชาติ หากจะชื่นชมใคร ก็ชื่นชมที่ผลงานและแนวคิด มากกว่าจะไปชื่นชมที่ตัวบุคคลนะครับ ถ้าคิดดี คิดชอบ สังคมก็มีแต่ศานติสุข ขอบคุณที่ชอบครับ...รักน้อยๆ...แต่รักนาน ๆนะครับ...สายัณห์ ขอกราบคาระวะ ฝากหัวใจน้อย ๆไว้ในอ้อมใจมิตรรักแฟนเพลงตลอดไป.... จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 14:38:25 A:202.5.88.147 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณภาพแห่งชีวิต, ปฏิทินแห่งความหวัง, จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ป๋วย อึ้งภากรณ์ เมื่อผมอยู่ในครรภ์มารดา ผมต้องการให้แม่รับประทานอาหาร ที่เป็นคุณประโยชน์ และได้รับ ความเอาใจใส่ และบริการอันดี ในเรื่องสุขภาพของแม่และเด็ก ผมไม่ต้องการมีพี่น้องมาก อย่างที่พ่อแม่ผมมีอยู่ และแม่จะต้องไม่มีลูกถี่นัก พ่อกับแม่แต่งงานกันถูกกฎหมาย หรือธรรมเนียมประเพณีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่พ่อกับแม่ ต้องอยู่ด้วยกัน อย่างสงบสุข ทำความอบอุ่นให้ผมและพี่น้อง ในระหว่าง 2-3 ขวบแรก ชึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเติบโต ในระยะที่สำคัญ ผมต้องการให้แม่ผม กับตัวผม ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์ ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาว หรือน้องสาวผมก็ต้องการไปโรงเรียน จะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้รู้คุณธรรม แห่งชีวิต ถ้าผมมีสติปัญญาเรียนชั้นสูงๆขึ้นไป ก็ให้มีโอกาสเรียนได้ ไม่ว่าพ่อแม่จะรวยหรือจน จะอยู่ในเมือง หรือชนบท แร้นแค้น เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย ทำให้ได้รับความพอใจว่า ผมได้ทำงานเป็น ประโยชน์แก่สังคม บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่ จะต้องมีขื่อมีแป ไม่มีการข่มขู่ กดขี่หรือประทุษร้ายกัน ประเทศของผมควรจะมีความสัมพันธ์อันชอบธรรม และเป็นประโยชน์กับโลกภายนอก ผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้ ถึงความคิด และวิชาของมนุษย์ทั้งโลก และประเทศของผม จะได้มีโอกาสรับเงินทุนจากต่างประเทศ มาใช้ ประโยชน์ ผมต้องการให้ชาติของผม ได้ขายผลผลิตแก่ต่างประเทศ ด้วยราคาอันเป็นธรรม ในฐานะที่ผมเป็นชาวนาชาวไร่ ผมก็อยากมีที่ดินของผมพอสมควร สำหรับทำมาหากิน มีช่องทางได้กู้เงินมา ขยายงาน มีโอกาสรู้วิธีทำกินแบบใหม่ๆ มีตลาดดี และขายสินค้าได้ราคายุติธรรม ในฐานะที่ผมเป็นกรรมกร ผมก็ควรจะมีหุ้นส่วน หรือมีส่วนในโรงงาน หรือบริษัทห้างร้านที่ผมทำงานอยู่ ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ และหนังสืออื่นๆที่ไม่แพงนัก จะฟังวิทยุดูโทรทัศน์ก็ได้ โดยไม่ต้องทนรบกวนจากโฆษณามากนัก ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันโรคแก่ผมอย่างฟรี กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใด หาหมอหาพยาบาลได้สะดวก ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่าง สำหรับเพลิดเพลินกับครอบครัว มีสวนสาธารณะที่เขียวชอุ่ม สามารถมีบทบาทและ ชมศิลปวรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี วัฒนธรรมต่างๆ เที่ยวงานวัด งานลอยกระทง งานนักขัตฤกษ์ งานกุศล อะไรได้ พอสมควร ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ น้ำบริสุทธิ์สำหรับดื่ม เรื่องอะไรที่ผมทำเองไม่ได้ หรือได้แต่ไม่ดี ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่อนฝูง ในรูปสหกรณ์ หรือสโมสร หรือสหถาพ จะได้ช่วยซึ่งกันและกัน เรื่องที่ผมเรียกร้องข้างต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า ผมยินดีเสียภาษีอากร ให้ส่วนรวมตามอัตภาพ ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนร่วมในสังคมรอบตัวผม ต้องการมีส่วนในการวินิจฉัยโชคชตาทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของชาติ เมียผมต้องการโอกาสต่างๆเช่นเดียวกับผม และเราสองคนควรจะได้รับความรู้ และวิธีวางแผนครอบครัว เมื่อแก่ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ตอบแทนจากการประกันสังคม ซึ่งผมได้จ่ายบำรุงตลอดมา เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายแบบโง่ๆ อย่างบ้าๆ คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อให้เกิดขึ้น ตายในสงครามการเมือง ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตายเพราะน้ำ หรืออากาศเป็นพิษ หรือ ตาย เพราะการเมืองเป็นพิษ เมื่อตายแล้วยังมีสมบัติเหลืออยู่ เก็บไว้ให้เมียผมพอใช้ในชีวิตของเธอ ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้เลี้ยงให้โต แต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ นอกนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบำรุงชีวิตของคนอื่นๆบ้าง ตายแล้วเผาผมเถิด อย่าฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน และอย่าทำพิธีรีตองในงานศพให้วุ่นวายไป นี่แหละคือความหมายแห่งชีวิต นี่แหละคือการพัฒนาที่ควรให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของทุกคน จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 14:42:57 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านยากขออนุญาตแก้ไขวรรคตอน ............................................. คุณภาพแห่งชีวิต, ปฏิทินแห่งความหวัง, จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน ป๋วย อึ้งภากรณ์ เมื่อผมอยู่ในครรภ์มารดา ผมต้องการให้แม่รับประทานอาหาร ที่เป็นคุณประโยชน์ และได้รับ ความเอาใจใส่ และบริการอันดี ในเรื่องสุขภาพของแม่และเด็ก ผมไม่ต้องการมีพี่น้องมาก อย่างที่พ่อแม่ผมมีอยู่ และแม่จะต้องไม่มีลูกถี่นัก พ่อกับแม่แต่งงานกันถูกกฎหมาย หรือธรรมเนียมประเพณีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่พ่อกับแม่ ต้องอยู่ด้วยกัน อย่างสงบสุข ทำความอบอุ่นให้ผมและพี่น้อง ในระหว่าง 2-3 ขวบแรก ชึ่งร่างกายและสมองผมกำลังเติบโต ในระยะที่สำคัญ ผมต้องการให้แม่ผม กับตัวผม ได้รับประทานอาหารที่เป็นคุณประโยชน์ ผมต้องการไปโรงเรียน พี่สาว หรือน้องสาวผมก็ต้องการไปโรงเรียน จะได้มีความรู้หากินได้ และจะได้รู้คุณธรรม แห่งชีวิต ถ้าผมมีสติปัญญาเรียนชั้นสูงๆขึ้นไป ก็ให้มีโอกาสเรียนได้ ไม่ว่าพ่อแม่จะรวยหรือจน จะอยู่ในเมือง หรือชนบท แร้นแค้น เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ผมต้องการงานอาชีพที่มีความหมาย ทำให้ได้รับความพอใจว่า ผมได้ทำงานเป็น ประโยชน์แก่สังคม บ้านเมืองที่ผมอาศัยอยู่ จะต้องมีขื่อมีแป ไม่มีการข่มขู่ กดขี่หรือประทุษร้ายกัน ประเทศของผมควรจะมีความสัมพันธ์อันชอบธรรม และเป็นประโยชน์กับโลกภายนอก ผมจะได้มีโอกาสเรียนรู้ ถึงความคิด และวิชาของมนุษย์ทั้งโลก และประเทศของผม จะได้มีโอกาสรับเงินทุนจากต่างประเทศ มาใช้ ประโยชน์ ผมต้องการให้ชาติของผม ได้ขายผลผลิตแก่ต่างประเทศ ด้วยราคาอันเป็นธรรม ในฐานะที่ผมเป็นชาวนาชาวไร่ ผมก็อยากมีที่ดินของผมพอสมควร สำหรับทำมาหากิน มีช่องทางได้กู้เงินมา ขยายงาน มีโอกาสรู้วิธีทำกินแบบใหม่ๆ มีตลาดดี และขายสินค้าได้ราคายุติธรรม ในฐานะที่ผมเป็นกรรมกร ผมก็ควรจะมีหุ้นส่วน หรือมีส่วนในโรงงาน หรือบริษัทห้างร้านที่ผมทำงานอยู่ ในฐานะที่ผมเป็นมนุษย์ ผมก็ต้องการอ่านหนังสือพิมพ์ และหนังสืออื่นๆที่ไม่แพงนัก จะฟังวิทยุดูโทรทัศน์ก็ได้ โดยไม่ต้องทนรบกวนจากโฆษณามากนัก ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันโรคแก่ผมอย่างฟรี กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใด หาหมอหาพยาบาลได้สะดวก ผมจำเป็นต้องมีเวลาว่าง สำหรับเพลิดเพลินกับครอบครัว มีสวนสาธารณะที่เขียวชอุ่ม สามารถมีบทบาทและ ชมศิลปวรรณคดี นาฏศิลป์ ดนตรี วัฒนธรรมต่างๆ เที่ยวงานวัด งานลอยกระทง งานนักขัตฤกษ์ งานกุศล อะไรได้ พอสมควร ผมต้องการอากาศบริสุทธิ์สำหรับหายใจ น้ำบริสุทธิ์สำหรับดื่ม เรื่องอะไรที่ผมทำเองไม่ได้ หรือได้แต่ไม่ดี ผมก็จะขอความร่วมมือกับเพื่อนฝูง ในรูปสหกรณ์ หรือสโมสร หรือสหถาพ จะได้ช่วยซึ่งกันและกัน เรื่องที่ผมเรียกร้องข้างต้นนี้ ผมไม่เรียกร้องเปล่า ผมยินดีเสียภาษีอากร ให้ส่วนรวมตามอัตภาพ ผมต้องการโอกาสที่มีส่วนร่วมในสังคมรอบตัวผม ต้องการมีส่วนในการวินิจฉัยโชคชตาทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของชาติ เมียผมต้องการโอกาสต่างๆเช่นเดียวกับผม และเราสองคนควรจะได้รับความรู้ และวิธีวางแผนครอบครัว เมื่อแก่ผมและเมียก็ควรได้ประโยชน์ตอบแทนจากการประกันสังคม ซึ่งผมได้จ่ายบำรุงตลอดมา เมื่อจะตาย ก็ขออย่าให้ตายแบบโง่ๆ อย่างบ้าๆ คือตายในสงครามที่คนอื่นก่อให้เกิดขึ้น ตายในสงครามการเมือง ตายเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ ตายเพราะน้ำ หรืออากาศเป็นพิษ หรือ ตาย เพราะการเมืองเป็นพิษ เมื่อตายแล้วยังมีสมบัติเหลืออยู่ เก็บไว้ให้เมียผมพอใช้ในชีวิตของเธอ ถ้าลูกยังเล็กอยู่ก็เก็บไว้เลี้ยงให้โต แต่ลูกที่โตแล้วไม่ให้ นอกนั้นรัฐบาลควรเก็บไปหมด จะได้ใช้เป็นประโยชน์ในการบำรุงชีวิตของคนอื่นๆบ้าง ตายแล้วเผาผมเถิด อย่าฝัง คนอื่นจะได้มีที่ดินอาศัยและทำกิน และอย่าทำพิธีรีตองในงานศพให้วุ่นวายไป นี่แหละคือความหมายแห่งชีวิต นี่แหละคือการพัฒนาที่ควรให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของทุกคน จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 14:46:31 A:202.5.88.158 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในเว็บส่วนตัวของผมเขียนไว้ดังนี้ .......................................... บวชแล้ว ในชีวิตลูกผู้ชาย สิ่งภูมิใจสูงสุดคือได้บวชแทนคุณ เรียนแล้ว สำหรับเด็กต่างจังหวัด การได้เข้าศึกษาในสถาบัน ที่มีเกียรตินับได้ว่าทำให้ผู้มีคุณ สมหวังในระดับหนึ่ง ทำงานแล้ว ความสำเร็จในแวดวง พอรับได้ในระดับหนึ่ง หวือหวาจนเพื่อนฝูงเป็นห่วง ปัจจุบันใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ทำงานช่วยชาวบ้าน ช่วยราชการตามโอกาสอำนวย ภูมิใจที่ได้ขึ้นทะเบียน เป็นเกษตรกร ซึ่งเป็นจุดหมายมาตั้งแต่เด็ก ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ก็คงวนเวียนอยู่ใกล้ๆวัด แอบไปดูที่เผาศพไว้แล้ว สั่งเสียทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ประมาทแม้ในเรื่องหลัง คงต้องเผาแบบชาวบ้าน ถ่านซื้อไว้ให้ 3กระสอบ ไม้โลงไม่ต้องยุ่งยาก เลื่อยเป็นไม้แผ่นไว้เรียบร้อย ถึงเวลานำมาตอกตาปูใช้ได้ทันที ความเรียบง่ายคือความงาม .................................... ชีวิตคนเรา....ก็เท่านี้ครับ.... หมายเหตุ...โลงศพแพงมั๊กๆๆๆๆ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 14:54:35 A:202.5.88.149 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ ^^ ที่หนูประทับใจลุงก็เป็นเพราะ "ลุงหล่อที่หัวคิด" แบบนี้หละค่ะ ปล. สรุปว่า ลุงรับสมัครทุกคนเป็นสมาชิก ลุงแคน's Fans Club แล้วนะคะ (เหมาเอาเอง หุหุ ) จากคุณ : เคียงทะเล - [ 9 เม.ย. 48 15:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอาเป็น "ชมรมรักเมืองไทย ใจพอเพียง" ( ไม่ต้องใจเกินร้อย อิ อิ ) ละกันดีมั๊ยครับ เผื่อว่ามีใครจะสานต่อ....เพราะในสังคมไทย การรวมตัวกันเพื่อกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองจนเกินเหตุ คิดถึงประเทศชาติเป็นเรื่องหลัก เห็นความไม่เป็นธรรมในสังคม ต้องกล้าออกมาปกป้องและเปิดโปง ไม่ต้องอะไรมาก คนที่ชื่นชอบแนวคิด สันติธรรมนำประชา..แสวงหาความจริง ยอมรับความจริง หากเจอสิ่งไม่ชอบไม่ควรก็ออกมาพูด ออกมาบอกกล่าว หรือเรียกร้องเพื่อน ๆ มาระดมสมองหาหนทางแก้ไข นักการเมือง มาแล้วก้ไป แต่คนไทยในสังคมยังต้องอยู่ตลอดไป อย่าให้นักการเมือง ปั่นหัวเล่น เพราะที่สุดแล้ว พวกเค้าต้องการแค่ความนิยมซึ่งจะนำไปสู่เส้นทางอำนาจ สนับสนุนแนวคิดที่ดี คัดค้านแนวคิดสุดโต่งในทุกทาง ใช้วิธีคิด เอาสังคมเป็นหลัก เพราะยังไงเสีย ทั้ง พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ก้แค่องค์กรการเมือง ที่แสวงหาแนวร่วมเพื่อเข้าไปจัดระเบียบสังคม เราผู้อยู่ตรงกลาง เมื่อผ่านพ้นฤดูเลือกตั้งแล้ว ก้ต้องกลับมายอมรับความจริง เราก็แค่..."พลเมือง" ทำยังไงให้ การเมืองของพลเมืองมีพลัง ตรงนี้ต้องช่วยกัน ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ยอมรับในความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก ถ้าคิดแบบนี้ มาเลยครับ...ยินดีสนับสนุน...เราไม่ต้องการ "ผู้นำ" แต่เราต้องการ "พลัง" จากเพื่อน ๆ ทุกคน ถ้าประชาชนเข้มแข็ง สังคมเข้มแข็ง การเมืองจะเข้มแข็งตาม แล้ว ประเทศชาติเราก็จะเข้มแข็งในที่สุด จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 15:55:26 A:202.5.88.157 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ...ที่สำคัญควรขอความเห็นจากเจ้าของเว็บด้วยนะครับ "ราชดำเนิน" นี้เข้าใจว่าเจ้าของเว็บต้องการให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนทุกคน ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ไม่แบ่งค่ายแบ่งพรรค ผมเกรงใจเจ้าของเว็บและเพื่อน ๆ น่ะครับ ท่านผู้รู้ในเว็บนี้ที่มาแอบอ่านเยอะแยะมากมาย อย่าถึงกับยกยอผมขึ้นไปเลยครับ ขอเป็น"ลุงแคน" ที่มีทุกอารมณ์โลภ โกรธ หลง เหมือนเช่นทุกท่านเถอะครับ แต่หากจะมีชมรมแบบ..."รักเมืองไทยใจพอเพียง"...ทำเลยครับ เราช่วย ๆกัน กติกาไม่ต้องมาก...ถ้ารักเมืองไทยและใจพอเพียง ก็เข้ามาร่วมเดินไปด้วยกัน ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง สังสรรค์คลายเครียดบ้าง น่าจะดีนะครับ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 16:09:55 A:202.5.88.156 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามายินดีด้วยครับ หาก..........มีคนอย่างคุณ แคน สักหลายๆคน   สื่อไทยคงไปได้ดีกว่านี้   ดีใจ ปนเสียดายนะครับ จากคุณ : นายชด - [ 9 เม.ย. 48 16:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนเป็นสื่อ ผมก็มีตามน้ำบ้างครับ...ไม่ได้ดีเด่อะไร แต่พรรคพวกที่สนับสนุน ก็ไม่เคยมีใครเกลียดผม คนที่ผมไม่ได้เชียร์ก็ยอมรับในระดับหนึ่ง ช่วงหลัง 6 ตุลา ผมมาอยู่สายบันเทิงแล้วครับ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 16:32:42 A:202.5.88.147 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สื่อที่ดียังมีอีกมากมายครับ ผ่านเลยข่าวหน้าหนึ่งเข้าไป เราเลือกอ่านเลือกชอบได้เยอะแยะครับ... สังคมสื่อเค้าควบคุมกันเองอยู่แล้ว...หากใครแหลมเกินไป ก็ไม่ได้รับการยอมรับ...มันอ่านทางกันออกครับ คือประเภทขอร้องกันแบบไม่เชียร์ก็อย่าด่า...นักการเมืองประเภทนี้มีเยอะครับ ที่สื่อเกรงใจ ในภาพรวม สื่อไทยยังดีอยู่นะครับ...กรอง ๆ เลือก ๆ ดูที่มาที่ไป...เพื่อนผมยังเป็นสื่อจน ๆอีกเยอะเลยครับ ลอง ๆแวะไปเยี่ยมเยียน "ผู้อาวุโส" ในแวดวงถึงก้นครัว แล้วเราจะรู้ว่า คนใหน" ของจริง" คนใหน "ของปลอม" จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 16:40:01 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มิน่า  คุณจิ๋ม ถึงไม่อยากเดินตามรอยเท้าพ่อ.  สร้างละคร สบายใจกว่าเยอะ  อือม์ ผมเคยถามเธอหลายครั้ง  หลังจากที่คุณพ่อเธอเสียไป แต่ไม่เคยได้คำตอบตรงๆสักครั้ง รู้แต่ว่า เธอบอกว่าไม่ถนัด จากคุณ : นายชด - [ 9 เม.ย. 48 17:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบจุดยืนของของพี่ can ที่ชัดเจนและแน่วแน่ในแนวทาง. ถึงจะไม่เคยเห็นตัวจริงแต่ก็แอบนับถือในความคิดครับ จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 9 เม.ย. 48 17:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตีไข่ใส่กาละมัง ด้วงอาศัยขี้ช้าง แมลงหวี่ ตอมตาควาย ม้าแก่เอาไว้จูงเดินให้นักท่องเที่ยวขี่ เห็นด้วยกับทุกความคิดเห็น ครับ จากคุณ : 01 - [ 9 เม.ย. 48 17:22:05 A:203.113.56.13 X:203.151.140.114 TicketID:013414 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณจิ๋มเธอมาแสดงภาพยนต์ครั้งแรก 7 ดอกจิก คุณพ่อเธอเคยเขียนจดหมายเปิดผนึก ถึงนายกรัฐบาลหอย ในฐานะเพื่อร่วมรุ่น ตมธก. และจดหมายแนะนำเพื่อนในการบริหารราชการแผ่นดินครั้งนั้น...เดลินิวส์ ถูกอำนาจเถื่อนจากรัฐบาลหอย ที่มี ออหมัก เป็น รมต.มหาดไทยปิด ไม่มีกำหนด เมื่อ 14 มกราคม 2520 สุเทพ เหมือนประสิทธิเวช...สิงโต ฮึ่ม ๆ เปิดอีก ในหัวเดลิเมล์...ในวันถัดมาก็ถูกปิดและยึดหัวหนังสืออีก...ในวันที่ 27 มกราคม 2520 ในข้อหาผิด พรบ.การพิมพ์ นักหนังสือพิมพ์รุ่นนั้นไม่คิดอะไรครับ "มีเงินมีทองไม่ต้องคิดอะไรซื้อเหล้าใส่ไหไว้กิน....กับแกล้มไม่ต้องเป็นของไม่ดี...หมดเปลืองใช่ที่..ถ้ามีก็เอา....." นักหนังสือพิมพ์ไม่รวย...หากมีเงินอาจไปเสี่ยงโชคตามสนามม้าเป็นครั้งคราว....วันใหนได้ ลูกน้องอิ่มหมีพีมัน...วันใหนเสีย...เหลือแต่หอยกับรอยยิ้มเศร้า ๆ..." ในกลุ่มนั้นมี "พี่เจิด" บรรเจิด ทวี "เฮียโก" โกวิท สีตลายัน ( มังกรห้าเล็บ) คนนี้เก่งมาก มาเปิดโรงพิมพ์มังกรและโรงแรมมังกร" คุณจิ๋ม คิดถูกแล้วครับ...เดินมาเส้นทางบันเทิง...ใช้ความรู้ความสามารถจนยืนอยู่แถวหน้าคนทำละคร สร้างลูกสิษยืลูกหามากมาย...สมควรยกย่องครับ... นักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่าไม่แบ่งก๊กแบ่งค่าย มีอะไรช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มายุคปลุกปั่นให้คนไทยเกลียดกัน ยุคขวาพิฆาตซ้าย ทำให้ หนังสือ หัวเขียวกับหัวแสด ต้องยืนคนละฝ่าย หัวเขียว...ยืนข้างประชาชน...นิสิตนักศึกษา หัวแสด...ยืนข้างลูกเสือชาวบ้าน กระทิงแดง ยานเกราะ ออหมัก ทมยันตี มายุค เดลิมิเร่อร์ ของ ออหมักนี่สิ...ตีกันสนั่นทุ่ง ถึงกับปิดตลาดกันเลย ฮ่า ฮ่า ไม่รู้จักเสือ เอาเรือมาจอด...เดลิมิเร่อร์เลยจอด...เจ๊งตามระเบียบ อิ อิ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 17:48:44 A:202.5.88.144 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาชื่นชมด้วยคน จากคุณ : ไกลตัวใกล้ใจ - [ 9 เม.ย. 48 18:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เผื่อใครอยากดูรูปหล่อๆครับ http://www.geocities.com/lungcan2000/about/ab.html จากคุณ : ป๋าค๊ะป๋าขา - [ 9 เม.ย. 48 18:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชื่นชมด้วยความจริงใจ จากคุณ : Mollusk - [ 9 เม.ย. 48 18:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 55555555   พี่แคนที่รักของพ้ม วันนี้เรตติ้งกระฉูดครับ ... ขอบอก ผมก็ชอบแนวคิดของพี่แคนนะ   ถึงจะมีบางเรื่องไม่ใคร่เห็นด้วย แต่พี่แคนนำเสนอได้ดี   มีเหตุมีผลในการโต้แย้ง ไม่ตะแบงจนบังโคลนบู้บี้  เหมือนที่เคยเห็นมาในหลายกรณี ... ปรารถนาดีครับพี่ ... จากคุณ : มหาชำร่วย - [ 9 เม.ย. 48 19:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทิชชู่เช็ดปากมั้ยเพ่ ? จากคุณ : qazwsx - [ 9 เม.ย. 48 19:22:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ้าวเล่นเปิดโปง กันซะแหล่ว...อิ อิ ปกติไม่ปกปิด แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยครับ ท่านมหาชำร่วยครับ คนเราอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันได้เสมอครับ แต่อย่า'บางทีบางเรื่องผมก็สุดโต่ง...น้อง ๆก็บอกเหมือนกันครับ ก็รับฟังทุกคน... แต่บางประเด็นเรายืนหยัดในแนวคิด อาจมีพลั้งผิดไปบ้าง มีคนคัดค้านบ้าง...ไม่ว่ากัน บางทีหลาย ๆคนมาคุยแบบจะตีให้เราตายคากระดาน เราก็ต้องดิ้น แสดงจุดยืน มิใช่ยืนหยัดแนวคิดซะจนไม่ฟังใคร ผมคิดว่าเราแตกต่างในแนวคิดก็แค่สังสันทน์เสวนา ไม่ได้เอาเป็นเอาตายอะไร หมดกระทู้นี้ไปเล่นกระทู้ใหม่ ที่เห็นผมคืนเล่นหนัก ๆ อาจเพราะมาดูถูกกันก่อน ยอกย้อนด้วยสำนวนแบบนั้นแหละครับที่ผมมักจะหลุด ๆ ในบางอารมณ์ โดนแอบด่าแอบกัดบางทีก็ต้อง....แรงมาแรงไปบ้าง ขนาดท่านผู้นำยังหลุด ๆ ผมแค่ประชาชนชายขอบจะทนไหวเหรอครับ อิ อิ แบบว่าผมชอบตรง ๆ อยากด่าก็ด่าที่ความคิด อย่าไปเอาอาชีพหรือสถานะในปัจจุบันมาเล่นกัน ทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปมองว่าคนที่เรากำลังคุยด้วยเป็นพวกนั้นพวกนี้พรรคนั้นพรรคนี้ เพราะทุกคนก็อยากให้บ้านเมืองดีขึ้น ๆ กันทั้งนั้น บอกตรง ๆ เพื่อนผมมีทุกพรรคครับ ไม่ได้นิยมหรือเกลียดใครเป็นพิเศษ แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ( สำนวนจืด ) ก็อยากยืนฝ่ายค้านครับ คอยตรวจสอบร่วมกับฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่ได้คอยแก้ตัวให้ใครเป็นพิเศษ การกระแนะกระแหนท่านผู้นำก็แล้วแต่อารมณ์จะพาไป ทีควรชมก็ชม ที่ควรติงก็ติง ผมคิดว่าพวกเราหลาย ๆอาจชื่นชอบรัฐบาล แต่ก็มีหลายส่วนที่เราไม่ชอบเช่นกัน อยู่แบบประชาชน เค้าทำดีเราชอบเราก็เลือกเชียร์เลือกชม และก็ควรเลือกที่จะติติงบ้างในบางกรณี แต่กรณีหมัก-จืด....มันเป้นเรื่องความแค้นเชิงประวัติศาสตร์ ที่ต้องชำระกันไป แต่มิได้หมายความว่าทุกอย่างเค้าเลวไปหมด...แต่การโกหกตอแหลเอาความจริงครึ่งเดียวมาพูด ทำให้คนรับสารนั้น ได้ข้อมูลที่ผิดเพี้ยน ตรงนั้นผมคิดว่าเราในฐานะประชาชนร่วมยุคร่วมสมัย ควรจะออกมาให้ข้อมูลที่เราสัมผัสมาพูดมาคุย เผื่อใครที่หลงไหลได้ปลื้มกับพวกเหยียบซากศพเพื่อนร่วมชาติมาเสวยสุข อาจได้คิดมุมกลับบ้างแค่นั้นเองครับ จริงๆผมก็ไม่ได้ดีเด่อะไร เหมือนปุถุชนคนธรรมดา ทำมาหากินปกติ มีความคิดอะไรก็เข้ามาคุยมาบอก กลัวพรรคพวกโดนหลอกให้หลงในภาพพจน์หรือการแสดงออกในปัจจุบัน ดูคนต้องดูนาน ๆ ครับ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 20:13:10 A:202.5.88.152 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อิจฉาจัง...สาวตอมหึ่งๆๆ จากคุณ : หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว - [ 9 เม.ย. 48 20:50:25 A:61.7.137.34 X: TicketID:081645 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ลุง Can ต้องหล่อประมาณนี้ จากคุณ : แมวม่อน - [ 9 เม.ย. 48 20:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตอมหึ่ง มักใช้แทนกริยาของแมลงวันที่มีต่อศพ จากคุณ : qazwsx - [ 9 เม.ย. 48 21:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ประมาณนี้มั้งครับ เท่ห์ ระเบิด สงสัยใส่ เรย์แบน อิ๊ ๆ http://www.212cafe.com/freeguestbook/show.php?user=can&page=0&page_limit=25 จากคุณ : soco - [ 9 เม.ย. 48 21:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แหม...ท่านกบ อ๊บๆ ไม่ได้คุยกันนาน ซำบายดีเหรอ อิ อิ แล้วทำไมต้องหมื่นปีล่ะ 4 ปี ไม่ได้เหรอ ฮ่า ฮ่า อย่าอิจฉาลุงเล้ย...ขอลุงก่อนลุงแก่แล้ว..อิ อิ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 21:51:44 A:202.5.88.150 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 31 หมดกันคุณ soco แบบนี้ผมก็บอกเพื่อน ๆ ไม่ได้ละซี...ว่าจะไปใหนมาใหน เห็นหน้าอย่าตีหัวกันเด้อ... จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 21:53:58 A:202.5.88.158 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ว้าว  รูปในกระทู้ที่ 29 นี่คุณลุงแคนจริงๆ เหรอคะ เท่มั๊กๆๆ แต่ยันยืนยันว่าชื่นชมลุง เพราะ "หล่อที่หัวคิด" ค่ะ จากคุณ : เคียงทะเล - [ 9 เม.ย. 48 22:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลุงแคนฮ้าขอสมัครเป็นแฟน (คลับ) ลุงแคนอีก 1 หน่อนะฮ้า ลุงแคนคงไม่รังเกียจเค๊านะตะเอ้ง จากคุณ : นักรบชายแดน - [ 9 เม.ย. 48 22:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องอื่นน่ะผมยอมได้นะพี่ แต่เรื่องฟามหล่อเนี่ย ........ 55555 ผมกินขาด!! ยังไงก็ตาม ถึงพี่แคนจะหล่อน้อยกว่าผมนิดนึง แต่ผมก็ยังคอยติดตามทรรศนะของพี่เสมอ อายุ  วรรโณ  สุขัง  พะลางงงงง  นะครับ จากคุณ : มหาชำร่วย - [ 9 เม.ย. 48 22:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 .....มาคุยกับ คุณแคนต่อ เรื่อง หนังสือพิมพ์ พญาครุฑ ผมอยากให้คุณแคน เล่าให้เพื่อนๆ น้องๆ หลานๆฟังเกี่ยวกับ  สุภาพบุรุษนักเลงจริง ที่ผันตนเองมาเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์คนแรก ........เฮียโส น่ะครับ ผมว่า น้าชัช ไม่ได้ครึ่งของความเป็นลูกผู้ชายใจนักเลงของเฮียโสนะครับ. จากคุณ : นายชด - [ 9 เม.ย. 48 22:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ๋อครับ...เฮียโส ด้านดีก็มี ด้านร้ายก็มีครับ ผมมองกลาง ๆนะครับ แกเคยตบนักข่าวรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง ที่ท้อปเปอร์คลับ แต่ก็แค่เจ็บ ๆนะครับ...อย่าให้บอกชื่อเลยผมกลัวพี่เค้าอาย ( เดี๋ยวนี้ยังดด่งดังมีชื่อเสียง ) บันเทิงยุคนั้นค่อนข้างโหดครับ มีดโกนกรีดหน้านักข่าว เดลิไทม์ ก็เคยมี ระดับบิ๊ก ๆ เต็งโก้ เฮียชาญ เดินชนกันแถว ๆ นิวอัมรินทร์ อ้อ...เรื่องตบนักข่าวอย่าทราบเลยเรื่องอะไร มันลึกลับซับซ้อน เรื่องโฆษณาในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ครับ ดาว ชาวเวียง...เพื่อนคนหนึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทเฮียเค้า เข้าไปบริหารพญาครุฑ ( คนนี้ลูกน้องพี่วันดี คนที่ขึ้นศาลเรื่อง มีคนจ้างลงข่าวนายชวน ไปเวียงจันทร์ไงครับ หาอ่านใน "เย้นลมป่า " ตอนนี้ไม่ทราบว่า "ดาว ชาวเวียง" เป็นไงบ้าง ผมไม่เจอ 26-27 ปีแล้วกระมัง แต่ตามข่าว เฮียโส ไปบวชเป็นพระแล้วครับ...ท้องทะเลเวิ้งว้าง กลับใจคือฟากฝั่ง... ขอให้เฮียรับรสพระธรรมและรับกุศลผลบุญของเฮียนะครับ ผมไม่สนิทเฮียโสเค้ามาก พบกันก็ยกมือไหว้ ตามหลักอาวุโส ส่วนใหญ่ผมนั่งฟังรุ่นใหญ่เค้าคุยกัน ( เข้าใจว่าผมเด็กสุด ) พวกเสี่ยเจียงเรียกผม หนงเกี๊ย...อิ อิ....เจ๊อ้อย บีเอ็ม สมัยนั้นก้วนเวียนอยู่แถว ๆนั้นแหละครับ...นิวอัมรินทร์ สี่แยกศรีอยุธยา ชุมนุมดาวๆทั้งหลายครับ ที่ค๊อฟฟี่ช้อปตรงนั้น....ยิงกันต่อหน้าคนในวงการก็มี...ข้างโต๊ะผมนั่งเลยครับ ท่านมุ้ย เลยได้พล็อตมาเขียนมือปืน ดูที่ไตเติ้ลนะครับ นั้นแหละ....จำลองเหตุการณ์ ในนิวอัมรินทร์ ผมนั่งอยู่ 3 คน เสรี ยอดดอย สมเดช สันติประชา แล้วก็เหยื่อรายนั้น... กระสุนเจาะกลางหน้าอก 3 นัด...สิ้นใจทันที สมเดช สันติประชา ผู้กำกับหนังจอมจ้อ พูดไม่ออก 3 วัน ฮ่า ฮ่า แหมเล่าความเก่าความหลังแล้วสนุก...ไว้ว่าง ๆก็ถามมานะครับ ตู่ ติงลี่ ก็มาช่วงนั้นครับ อิ อิ มาทีเป็นขบวน...ผมเคยพูดล่น ๆกับเพื่อน เฮ่ย..วันนี้ทำไมไม่มีเด็กมาไหว้วะ อิ อิ ซักพัก ตู่ ติงลี่และพลพรรคก็มากันเป้นขบวน สร้างรอยยิ้มและเสียงเฮฮาสนุกสนาน ลูกพี่ ตู่ ก็ท่าน สส. อดุลย์ บุญเศรษฐ์ ที่สร้างหนัง เกวียนหัก คนนี้ท่านเล่าเรื่องของไม้ เมืองเดิม ชนิดที่ไม่ต้องดูหนังก็ได้...ฝีมือการเล่าของมือปราบชื่อดัง อดุลย์ บุญเศรษฐ ไม่เป็สองรองใครในวงการครับ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 23:03:34 A:202.5.88.156 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วนเรื่องคุณชัช ผมไม่ทราบครับ เคยไปเจอท่านหนเดียว พี่เล็ก ธานินท์ อินทรเทพ พาไปเที่ยว นานๆๆๆ หลาย ๆแล้วครับ ทราบว่าคุณชัช ร้องเพลงแนวสุเทพดีมาก เลยได้เป็นลูกศิษย์ พี่เทพ วงศ์กำแหง และสนิทสนมกับ พี่เล็ก ธานินท์ ไงครับ คุณชัช ได้ชื่อว่ากตัญญู ท่านหม่อมคึกฤทธิ์ ตอนโดนทหารพรานบุกบ้านซอยสวนพลู...คุณชัช ไปดูแลอาจารย์หม่อมครับวันนั้น ตอนเฮียโส มาทำพญาครุฑ ผมห่างวงการแต่ก็ติดตามห่าง ๆครับ รู้สึกโรงพิมพ์อยู่แถว ๆโอซาก้า พัฒนาการหรือไงนี่แหละครับ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 23:11:37 A:202.5.88.150 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สนุกดีครับ อ้อ  ปัจจุบัน เฮียโสแกไม่ได้เป็นพระแล้วนะครับ  แกไปบวชให้ป้าอ้วนเท่านั้น พักเดียว  คือ บวชเพราะทำผิด ไปมีเมียน้อย แล้วปล่อยให้เมียน้อยมาด่าว่าป้าอ้วน ทั้งที่ป้าอ้วนออกจะใจดี  แก ก็ยังทำกิจการเดิม แต่เปลี่ยนจากโอซาก้าเป็นชื่ออื่นไปแล้ว  นัยว่า คลาสสูงขึ้นครับ น้าชัชนั้น ก็นักเลงจริงคนหนึ่งครับ แต่ แกวางมือไม่จริง ทำให้ผมเลยให้คะแนนแกน้อยกว่าเฮียโส ....ที่มั่วสุมแถวมุมถนนศรีอยุธยาตัดกับราชปรารภ เหรอครับ...........เอ๋น่าจะเจอกันนะครับ ผมน่ะ สมัยวัยรุ่น ต้องไปยืนชะเง้อแถวนั้นและแถวประตูน้ำเลยอินทรามาหน่อย รอพี่เทิ่งและพี่ปานใจดีมาเลี้ยงเบียร์ พอหลอกกินเสร็จ ก็หายจ้อย ไปจุ่มปุ๊กอยู่ที่เชาวลิต รอสารวัตรเหลิมมาเล่นงิ้วตอนดึกๆครับ.......... จากคุณ : นายชด - [ 9 เม.ย. 48 23:27:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ๋อ...ออเหลิม...ผมไม่สนิทครับ คนนั้นต้องท่านพี่พญาไม้ครับ เค้าสนิทกันมาก...รู้สึกขึ้นไปลุย ดิสโกเธค บนชวลิตนี่ครับ อิ อิ ลูกชายนายแบ็งค์ก็โดนไปฉาดนึง ฮ่า ฮ่า จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 23:42:52 A:202.5.88.145 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตรงสี่แยกศรีอยุธยาครับ มีซอยออกรางน้ำ... ก่อนถึงซอยโพลาริส...บ้านพี่กิตติ พี่เปี๊ยกพิศาล อัครเศรณีไงครับ จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 23:46:34 A:202.5.88.146 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ออสการ์ คลับ ครับ คุณแคน  เด็กๆสวย ทุกคน 555 ฉาดใหญ่ด้วย   แต่......ผมกินกาแฟกะแกหลายครั้งนะครับ (ในฐานะเด็กกว่า นะครับ อย่าเข้าใจว่าผมแก่เท่าแก)เพราะ แกไปกินข้าวที่ทิปทอป พัฒนพงษ์บ่อยๆ ไม่คิดว่า   สักวันหนึ่งในอนาคต จะมาตั้งกระทู้ด่าแกตอนลูกแกไปทำชั่วเลย   ปั๊มน้ำมันตรงข้ามโรงแรมชวลิตนั่นล่ะครับ น้ำมันขายเกินราคา  ขายเกินเวลาได้  มีอภิสิทธิทุกอย่าง แถมมียา ราคากันเองปล่อยด้วย (ในสมัยนั้นนะครับ) ต่อมา น้าเหลิมแกก็ย้ายไปปักหลักกินข้าวต้มที่ rex แทน เพราะ เด็กๆ เยอะกว่า และใกล้วิมานของแกในซอยทองหล่อ .. จากคุณ : นายชด - [ 9 เม.ย. 48 23:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อิ อิ ผมไม่ค่อยได้สัมผัสครับ ตอนนั้นมันดูมั่ว ๆนะครับ คืนที่ลุยดิสโกเธคผมก็อยู่ข้างบน กํบ วิทยา ศุภพรโอภาส ก็ได้แต่นั่งดู...ไม่ได้แอะ อิ อิ แกชอบลุยครับ สมัยป๊ะ เปิด เดอะพาเลซ...ออเหลิมแกก็ลุยเหมือนกัน จากคุณ : Can - [ 9 เม.ย. 48 23:56:00 A:202.5.88.144 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ้อ...ตำนานนิวอัมรินทร์ ผมเป็นคนไปเปิดเองครับ กับเพื่อน ๆ ช่วงบ่าย ๆปิดข่าวแล้วก็ไปชุมนุมแลกเปลี่ยนข่าวสารกันครับ ใครอยากส่งข่าวฝากข่าวก็ตรงนั้น อาจารย์ชัยสิทธิ์ เลขาท่านออหมัก ก็ไปบ่อยครับ เปี๊ยก ปากน้ำ กับฮิปปี้ ก็อยู่แถว ๆนั้น อิ อิ จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 00:07:43 A:202.5.88.158 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สมัยก่อน มีเคอร์ฟิวส์ ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน บาร์ไนท์คลับปิดหมด นักเที่ยวต้องตีรถไปเที่ยวพัทยาครับสมัยนั้น คนต้อนรับก็ต้อง พัทยาพาเลซ พี่อนุศักดิ์ รอดบุญมี...อิ อิ จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 00:13:07 A:202.5.88.144 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ ^ วัยดึกคุยกัน วัยรุ่นฟังไม่รู้เรื่องเลยแฮะ จากคุณ : 1ktip - [ 10 เม.ย. 48 05:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เริ่มอิจฉาชีวิตนักข่าวแล้วพี่ ได้เห็นอะไรตั้งเยอะแยะ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 10 เม.ย. 48 07:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นชาวนาจิงด้วยแฮะ เจ๋งจัง จากคุณ : ลั่นทม - [ 10 เม.ย. 48 10:21:48 A:202.5.88.139 X: TicketID:085304 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เออ....ดีแฮะ มีแฟนคงแฟนคลับด้วย เข้าท่าๆ ชักอิจฉาท่านCan แล้วซิ จากคุณ : ดาราเดช - [ 10 เม.ย. 48 11:02:33 A:202.183.240.193 X: TicketID:058357 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มา ๆ ล้อมวงเข้ามาฟังลุงเล่าเรื่องหลัง ยุค หลัง 6 ตุลา 19 ในคำให้การของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในกรณี 6 ตุลา 19 และการละเมิดสิทธิมนุษยชน ต่ออนุกรรมการของสหรัฐอเมริกาว่า....."คณะอาจารย์ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยได้รับคำสั่งให้สอนในแนวความรักชาติโดยไม่ให้เอ่ยถึงระบบการเมืองต่าง ๆ แม้ระบบประชาธิปไตย มีเจ้าหน้าที่สืบราชการลับคอยนั่งฟังการบรรยายของครูอาจารย์อยู่ด้วย" .... ....."มีการประกาศห้ามการออกนอกเคหสถานในเวลาวิกาลทั่วราชอาณาจักร อย่างเคร่งครัดเป็นเวลานานหลายเดือน ....การห้ามออกนอกเคหสถานในยามวิกาลเป็นผลร้ายต่อการกรีดยางและการประกอบอาชีพอื่น ๆ ทั้งในเมืองและชนบท......" ........................................... จากการสังเกตด้วยตัวผมเองในฐานะนักสังเกตการณ์บันทึกจากความทรงจำได้ว่า.... ในห้วงเวลาเคอร์ฟิว เช่นนั้น ในกรุงเทพยามราตรี เท่ากับหลับไหลไปชั่วขณะ....คนป่วยต้องทนอยู่ในบ้าน จนกว่าจะสว่างถึงสามารถไปโรงพยาบาลได้ การท่องเที่ยวหดหาย ก่อน สี่ทุ่ม พวกเรานักข่าว-นักเที่ยว-คนบันเทิง ก็นิยมบึ่งรถไปพัทยา เพื่อแสวงหา"แหล่งข่าว" การชุมนุมทางการเมืองเกิน 4 คนกระทำไม่ได้ ลองนึกดู ยุคแห่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนมันมีผลเสียต่อจิตใจ ต่อธุรกิจและเศรษฐกิจแค่ใหน จะคุยการเมืองเกิน 4 คน หรือในวงคุยการเมืองเกิน 4 คนไม่ได้ก้คือการห้ามชุมนุมทางการเมือง แต่ก็นั่นแหละ ด้วยเกราะกำบังของคำว่า..."นักข่าว"...ทำให้เรามีอภิสิทธิ์เล็ก ๆน้อย...ขับรถออกไปคนเดียวในถนนเปลี่ยว...กรุงเทพเหมือนเมืองร้าง...เพียงบอกด่านตรวจว่า อยู่สำนักใหน..ไปทำข่าวครับ...ก็จะได้รับความสะดวก...ในระดับหนึ่ง บางทีการใช้อภิสิทธิ์เล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านี้ "นักข่าว"....จะได้บ้างในบางโอกาส ตำรวจ-นักธุรกิจ-นักการเมือง-เกรงใจนักข่าว......นักข่าวเกรงใจนักเลง...(กลัวโดนตบ)....นักเลงกลัวตำรวจ.... วังวนนี้มันเป็นไปโดยธรรมชาติ ...ใครบ้างไม่กลัวเจ็บ...ว่ามั๊ย การละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงหลัง 6 ตุลา มันเป็นแผลบาดลึกในใจคนยุคนั้น องค์กรนักศึกษาถูกยุบ การรวมตัวนัดหยุดงาน...ถูกจับ...ชาวนาจะจับกลุ่มเรียกร้องความไม่เป็นธรรม ทำไม่ได้ หนังสือพิมพ์ได้รับทั้งคำขอร้องและคำขู่ ปิดหนังสือพิมพ์เป็นว่าเล่น....นี่ไงฤทธิ์เดชรัฐบาลหอยเน่า....ที่ไม่เคยรู้จักคำว่า...สิทธิมนุษยชน... ผมจึงไม่แปลกใจที่ จืด ข้าวบูด....จะกริ่งเกรงเรื่องสิทธิมนุษยชน แม้ในปัจจุบันก้ยังไม่ยอมเข้าใจในเรื่องนี้....) เพราะทางการสหรัฐสนใจอยู่ไม่กี่เรื่อง คือการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศด้อยพัฒนา เรื่องเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ อาจารย์ป๋วยนำเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว และตบหน้าเบา ๆว่า....ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นที่ประเทศของท่าน...ท่านจะทนได้หรือ.....( ยังมีต่อ...) จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 13:26:29 A:202.5.88.128 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กลับมาเรื่อง 6 ตุลา 19 ไทยรัฐเป็นหนังสือพิมพ์รายวันเพียงฉบับเดียวที่ไม่โดนปิด ( เคยเล่าแล้ว ) ดังนั้นเหตุการณ 6 ตุลา 19 ( ขณะทำข่าว -เกิดเหตุการณ์ ) จึงมีรายงานในหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม 19 เพียงฉบับเดียว ฉบับเดียวจริง ๆ เพราะนอกนั้น คณะปฏิรูป สั่งปิด 3 วันบ้าง ปิดตลอดไปบ้าง.....ออหมักเคยเขียนในหนังสือของตัวเองว่า ได้เข้าไปให้ความเห็นเรื่องปิดหนังสือพิมพ์ด้วย...สารภาพตรง ๆว่า ตนเองมีหน้าที่ให้คำปรึกษาว่า ฉบับใหนเปิดได้ ฉบับใหนปิด....และแน่นอน...ไทยรัฐโดยป๊ะกำพล...สามารถต่อรองกับคณะปฏิรูปจนเปิดได้ฉบับเดียว แสดงว่าความเกรงอกเกรงใจของ คณะปฏิรูปกับ ไทยรัฐมีสูง....และผมเชื่อว่า สมัครเป็นคนขีดชื่อ คอลัมน์นิสต์และหัวหน้าข่าว เสนอกับคณะปฏิรูปด้วย...เพราะสมัครเคยเป็นคนแจกข่าว ประชาสัมพันธ์ของสถานทูตอิสราเอลมาก่อน ใครเป้นใคร ใครเคยเขียนด่า...โดยเฉพาะ..."สามตา"...อย่าได้เกิด... การนำเสนอข่าวในวันนั้น ผมถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียว การรายงานข่าวเป็นไปอย่างรอบคอบ นักข่าวสายการเมืองและสายอาชญากรรมต้องทำงานหนัก เรื่องนี้ต้องให้ ผู้อาวุโสในไทยรัฐเป็นผู้เล่า เด็กๆอยากทำรายงานน่าจะไปขอสัมภาษณ์นะครับ ( ห้องสมุดของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เก็บหนังสือเก่าด้วยระบบ ไมโครฟิล์มมานานแล้วครับ สามารถไปขอสืบค้นได้ เข้าใจว่าถ่ายด้วยฟิล์มภาพยนต์ 16 มม. กดทีละเฟรม ทีละหน้า สามารถนำออกมาฉายขึ้นจอใหญ่ได้ ) ผมยังอยากให้ "ผู้อาวุโส" ในไทยรัฐ บันทึกตำนานการเดินทางของ "ออหมัก" ออกมาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับรู้....แต่ก็นั่นแหละ...ใครจะกล้าเอาไม้สั้นไปรันขี้...เหม็นตาย... จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 13:45:53 A:202.5.88.133 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถ้าอยากรู้ความเป็นไปของ "ออหมัก" มีหนังสือเล่มหนึ่ง เขียนโดย "ทหารเก่า" ( คอลัมนิสต์อาวุโส สยามรัฐ ยุคนั้น ) ชื่อหนังสือ...."สันดานรัฐมนตรี ป.ม." ที่ผมยังหาไม่เจอ ในมือมีแค่..."ฯพณฯหอย" จากฝีมือการเขียนของคนเดียวกันร่วมกับท่าน มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อ้อ...กรณีท่านอาจารย์ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนแนะนำรัฐบาลเรื่อง ความเสียเปรียบทางการค้ากับสิงคโปร์ การแนะนำรัฐบาลเรื่องนี้ เป็นเหตุให้ถูกปิด 7 วัน ท่านอาจารย์ป๋วย ให้การว่า..." หนังสือพิมพ์กับสื่อมวลชนอื่นถูกเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดและอย่างเป็นทางการ รัฐบาลทหารตั้งคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อตรวจสอบและออกใบอนุญาตให้หนังสือพิมพ์ และมีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่ง ทำการตรวจทานเนื้อหาที่หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์อย่างละเอียด มีหนังสือพิมพ์เพียงไม่กี่ฉบับที่รอดอยู่ได้หลังวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ที่รอดอยู่ได้เป็นหนังสือพิมพ์ความคิดขวา ( ผมขอเสริมเองว่า...แม้เป็นซ้าย...ก็ต้องเสนอแบบความคิดขวา...."ลุงแคน"..) แม้กระนั้นหนังสือพิมพ์เหล่านี้ยังถูกสั่งห้ามชั่วคราว หรือถูกถอนใบอนุญาตโดยทุกฉบับไม่มีข้อยกเว้น ในขณะที่เขียนอยู่นี้หนังสือพิมพ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีคึกฤทธิ์ถูกสั่งพักการพิมพ์จำหน่ายเพราะวิจารณ์รัฐมนตรีคนหนึ่ง แม้จะวิจารณ์อย่างอ่อน ๆ ก็ตาม......ถ้าเกิดอย่างนี้ในสหรัฐ ท่านจะทนได้หรือ....." ดูเถอะครับ....อำนาจ...มันไม่เข้าใครออกใคร... จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 14:18:29 A:202.5.88.140 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอเรียนถามลุงแคน หรือท่านผู้รู้อื่นๆ หนูเคยได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า สมัย 6 หรือ 19 ตุลา นี่หละคะ คุณสมัครได้บอกว่า ที่ธรรมศาสาตร์มีการขุดอุโมงค์ไปแม่น้ำ ... อะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่า เจ้าพระยา หรือเปล่า   พอดีว่าได้ยินมานานแล้ว แต่ช่วงนั้นก็ยังเด็ก ไม่สนใจเรื่องการเมือง ><  รบกวนช่วยเล่าให้หนูฟังหน่อยนะคะ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 48 19:21:03 จากคุณ : สงสัย (เคียงทะเล) - [ 10 เม.ย. 48 14:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เข้าใจว่า นายอุทิศ นาคสวัสดิ์ครับ เป็นผู้กล่าวหาว่าธรรมศาสตร์มีอุโมงค์ลงไปออกแม่น้ำเจ้าพระยา มีห้องดาดฟ้าบนตึกโดมส้องสุมอาวุธ ดูเอาเถอะ ดร.อุทิศ...ศิษย์เก่า มธ....( เดี๋ยวขอค้นนิดนะครับ รู้สึกมีนายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์ด้วย ...ขอเวลา...3 นาที บอกกับพี่ตรงไปตรงมา.......) ตอนนี้ซี้ม่องเซ็ก.....ไปแล้วครับ ช่วงขวาพิฆาตซ้าย มีการตั้งแก๊งส์ ขึ้นแก๊งส์หนึ่ง เมื่องจีนมีแก๊งส์ ออฟ โฟร์ เมืองไทยมีแก๊งส์ ออฟ ไฟว์ ( 5 เหลาเห่าไม่เลิก ) คือ กิตติศักดิ์ สมัคร ดุสิต อุทิศ อุทาร ตอนนี้ไปหายมบาลแล้ว 3 หน่อ กิตติศักดิ์ ชื่อเดิม กิตติวุฒโธ....เจ้าของวลีธรรมะอันลือลั่นยุคหลังกึ่งพุทธการ....."ฆ่าคอมมูนิสต์ไม่บาป"....นี่แหละศิษย์ตถาคต...และวลี ...พระทุศีล ดีกว่าคนถือศีล... ปัจจุบันเหลือ 2 หน่อ กำลังจีบปากจีบคอในโทรทัศน์...สบัดปลายปากกาในหนังสือชั้นดีในอดีต....กรีดฝ่ายค้าน คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล นักวิชาการ เอ็นจีโอ.... โอ้..ละ..หนอ...หรือมารจะเกิดก่อขึ้นในใจ อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ เวรํ เตสํ น สมฺมติ ชนเหล่าใด เข้าไปผูกเวรว่า "คนนี้ได้ด่าเรา ได้ฆ่าเรา ได้ชนะเรา และได้ลักสิ่งของของเราไป" เวรของชนเหล่านั้น ย่อมไม่สงบระงับ ผมรู้สึกไม่สงบระงับจริง ๆ สึนามิเกิดจากการแยกของแผ่นดิน เป็นความจริงแท้แค่ใหน เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ก็เปรียบได้เช่นกัน รอยแยกนั้นหากเลื่อนไปทางขนาน ย่อมไม่ส่งผลสะเทือน เสมือนเราไม่พูดถึงประวัติศาสตร์ช่วงอาดูร แต่ 2 หน่อ ป.ม. มาทำให้เกิดคลื่นแผ่นดินไหว...ผมกลัว...สึนามิ...จะเกิดตามมาครับ จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 15:49:01 A:202.5.88.142 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เพื่อให้ทันใจท่านผู้อ่านชมรมรักเมืองไทยหัวใจพอเพียง ขอคัดลอกงานเขียนของ"ป๋าบุญเกิด" ซึ่งเขียนเมื่อวานนี้เองครับ ........................................................................ * สำนึกของวิญญูชน หรือ ทรชน ผมจะลองเปรียบเทียบจิตสำนึกของ กิตติวุฒโฑ ก่อน เหตุการณ์ และหลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ก. 29 มิ.ย. 2519 กิตติวุฒโฑ ภิกขุ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ “จตุรัส” ว่า “......การฆ่าฅนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถือเป็นบุญกุศล เหมือนฆ่าปลาแกงใส่บาตรพระ (หรือฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป) ข. กิตติวุฒโฑ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์รายปักษ์ “ธรรมรัฐ” ฉบับ 16-31พ.ค. 2521) ว่า “....การต่อต้านคอมมิวนิสต์นี่ ไม่ผิดวินัยสงฆ์ เพราะสงฆ์มีหน้าที่รักษาพระธรรมวินัย คอมมิวนิสต์คือ พวกมิจฉาทิฐิ เหมือนเดียรถีย์สมัยพุทธกาล ที่มุ่งทำลายบุคคลที่เขาประพฤติดี ประพฤติชอบ ที่เขาทำดี เขาอยู่อย่างเป็นสุข ก็ไปยุให้เขาวุ่นวาย....” ค. นสพ.มติชนรายวัน ฉบับเสาร์ที่ 23 ต.ค. 2542 ลงบทความของนายเสฐียรพงษ์ วรรณปก (อดีตนาคหลวง มหาบาเรียญ ปธ.9 และราชบัณฑิต) เรื่อง “พระทุศีล ดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล ?” โดยท่านได้เขียนขึ้นต้นบทความว่า “ขอโทษ อย่าหาว่าร่ำไรไม่รู้จบเลย ขอพูดเรื่องนี้อีกที อนุสนธิ์จากพระคุณเจ้า กิตติวุฒโฑ เจ้ายุทธจักร Commercial Buddhism ที่ออกมาประกาศว่า “พระทุศีล ดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล” ผ่านโทรทัศน์ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พระคุณเจ้าประกาศอย่างนี้ตลอดเวลา ดูเหมือนจะเชื่อมั่นด้วยความสุขใจว่า ใครจะหาว่าอาตมาทุศีล ก็ไม่เป็นไร เพราะพระทุศีล ดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล พระคุณเจ้าอ้างว่า มีพูดไว้ในมิลินทปัญหา พระนาคเสนตอบพระยามิลินท์ว่า พระทุศีล ดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล ครั้นผมทักว่า ไม่มีดอกครับ ข้อความที่ว่านั่น พระคุณเจ้าก็ตอบว่ามี อาจารย์ไปดูดี ๆ เถอะ กระผมดูดีแล้วครับ ใต้เท้า เลิกพูดอย่างนี้เสียทีเถอะ มิลินท์ปัญหา มิได้พูดอย่างที่พระคุณเจ้าอ้างดอกครับ พระคุณเจ้าอ้างเข้าข้างตัวมากกว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้มีพูดอยู่ 2 แห่งเท่านั้น .......... อันคนทุศีลนั้น ไม่ว่าพระ ไม่ว่าโยม มันก็คือทุศีลเหมือนกัน ไม่มีดอกครับที่ว่า พระทุศีลดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล นอกจากพระทุศีลจะมาอ้างเพื่อหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง เลิกเสียทีได้ไหม จะทุศีลก็ทุศีลไป ยอมรับว่า ไม่มีปัญญาจะรักษาศีลได้ บางที คนเขาอาจเห็นใจบ้าง ศีลที่พอแก้ไขได้ ก็แก้ไขตามหลักพระวินัยบัญญัติเสีย แต่ถ้าศีลประเภทแก้ไขไม่ได้ ถ้ารู้ตัวก็ออกมาเสีย อยู่ไปก็ทุเรศนัยน์ตาชาวบ้านเขาเปล่า ๆ” ก่อนหน้าที่กิตติวุฑโฒจะกล่าวแก้ตัวอย่างนี้ ก็เพราะถูกชาวบ้านโจมตีว่า ท่านละเมิดพระธรรมวินัยตลอดมา แม้แต่พระพิมลธรรม (อาสภเถร) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ ก็ยังเคยกล่าวกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ว่า ท่านไม่อยากยุ่งเกี่ยว ไม่อยากพูดถึงกิตติวุฑโฒ เพราะเขาใหญ่กว่าสมเด็จพระสังฆราชเสียแล้ว นสพ.มติชนรายวัน ฉบับวันเสาร์ที่ 15 พ.ค. 2542 ในคอลัมน์ “เดินหน้าชน” ได้จั่วหัวข้อที่เขียนว่า “มหาจุฬาฯ กวาดบ้านตนเองก่อน” ขึ้นต้นบทความ ก็ได้นำเอาพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชเกี่ยวกับภิกษุต้องอาบัติปาราชิก เพราะโกงสมบัติผู้อื่น ตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป ถือเป็นพระปลอม แม้จะห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ก็ตาม เป็นลายพระหัตถ์สมเด็จพระสังฆราชฉบับที่ 2 ที่ทรงบัญชาให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พ้นจากความเป็นพระ เพราะยักยอกฉ้อโกงทรัพย์สินวัดตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป คอลัมน์ที่ผมพูดถึง ซี่ง “ประสงค์ วิสุทธิ์” เป็นผู้เขียน ก็ถือว่ากิตติวุฑโฒ ต้องอาบัติปาราชิก และขาดจากความเป็นพระแล้ว เขาจึงไม่ได้เรียกกิตติวุฑโฒภิกขุ แต่เรียกชื่อจริงตั้งแต่สมัยยังไม่ได้บวชว่า นายกิตติศักดิ์ เจริญสถาพร เพราะถูกฟ้องในคดีฉ้อโกงหลายคดี ถ้าอ่านมติชนรายวัน ฉบับวันที่ 23 ต.ค.2542 เรื่องพระทุศีล ดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล กิตติวุฒโฑก็น่าจะพอมีสำนึกแห่งความเป็นคนอยู่บ้าง เพราะรู้ตัว และสำนึกได้ว่าตนเองนั้นเคยประพฤติทุศีล แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยแก้ตัวอย่างหน้าด้าน ๆ ว่า พระทุศีล ดีกว่าคฤหัสถ์มีศีล ดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กิตติวุฑโฒ ได้มรณภาพไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เมื่อไปอ่าน นสพ. โพสต์ Today ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 20 ม.ค. 2548 หน้า B7 เรื่อง “ธรรมะน่ารู้” ตอน “รำลึกถึงท่านอาจารย์กิตติวุฑโฒ ซึ่งคุณประณีต ก้องสมุทร แห่งคณะธรรมะพาที ได้บรรยายเกี่ยวกับกิตติวุฑโฒว่า “....ในสมัยที่ลัทธิคอมมิวนิสต์เฟื่องฟู ท่านเคยกล่าวว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” เป็นเหตุให้หนังสือพิมพ์หลายฉบับเขียนโจมตีท่าน กล่าวหาว่า ท่านสนับสนุนการฆ่าคน ท่านจึงต้องออกมาชี้แจงความจริงว่า คำว่า “ฆ่าคอมฯ ไม่บาป” นั้น ท่านไม่ได้หมายถึงฆ่าคนที่เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ท่านหมายถึงฆ่าลัทธิคอมมิวนิสต์ อันเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา การช่วยกันกำจัดลัทธิคอมมิวนิสต์ จึงไม่บาป ในเมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต........ลองคิดดู พระพุทธเจ้าทรงสอนสาวกให้งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เพราะผิดศีลข้อปาณาติบาต ขาดความเมตตา กรุณา สงสารสัตว์ แม้ว่าผ็นั้นจะเป็นศัตรูของพระพุทธศาสนาก็ตาม ในฐานะที่ท่านอาจารย์นักเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไฉนจะแสดงธรรมที่ขัดแย้งต่อคำสอนของพระบรมศาสดาเล่า....” แต่การเชื่อแบบนี้ เป็นการด่วนเชื่อ ซึ่งขัดกับหลักความเชื่อ 10 ประการ ข้อที่ 10 ที่ว่า อย่าด่วนเชื่อ เพราะว่าผู้นั้นเป็นสมณะ เป็นครูอาจารย์ของเราเอง ตรงกันข้ามกับ นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 30 ม.ค.2548 คอลัมน์ “เหนือฟ้า ใต้บาดาล” โดยก้อง กังฟู กลับพาดหัวเรื่องว่า “อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ศาสนกิจฉากสุดท้าย สงฆ์ผู้ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” โดยบรรยายว่า “ 13.05 น. ของวันที่ 21 ม.ค. 2548 พระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ได้มรณภาพด้วยอาการหัวใจล้มเหลว..... พระเทพกิตติปัญญาคุณ หรือ พระกิตติวุฑโฒ อยู่ในตำแหน่งรองเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กทม. และผู้อำนวยการสำนักสงฆ์จิตตภาวันวิทยาลัย บางละมุง จ.ชลบุรี เดิมชื่อ มังกร เจริญสถาพร ด้วยเป็นผู้ที่มีบุคลิกงามสง่า น่าเลื่อมใส และน้ำเสียง ลีลา เนื้อหาธรรมะ ที่ชวนฟัง จึงมีชื่อเสียงในฐานะพระนักเทศน์ ซี่งก็ได้รับนิมนต์ให้เทศนาออกอากาศ ผ่านสถานีวิทยุต่าง ๆ เป็นกิจประจำ ด้วยพลังแห่งศรัทธา ในปี 2510 จึงมีพลังในการสร้างจิตตภาวันวิทยาลัย เพื่อเป็นสถาบันการศึกษาทางพระพุทธศาสนา แก่พระภิกษุสามเณร จนเป็นข่าวโด่งดังไปในหลายประเทศ ความเลื่อมใสเริ่มลดท่าล่าถอยลง หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อันเป็นช่วงที่สังคมการเมืองเข้าสู่ยุค “ขวาพิฆาตซ้าย” ซึ่งพระกิตติวุฑโฒ ได้เทศนาในวลีดัง ที่ว่า “.....ฆ่าคอมมิวนิสต์ (ซึ่งหมายถึงมนุษย์) ไม่บาป” แม้สงครามเย็นจะผ่านไปแล้วถึง 30 ปี ถ้อยคำนี้ยังติดหูผู้คนอยู่จนทุกวันนี้ และหลังจากกล่าววลีอันเป็นประวัติศาสตร์ผ่านไป ในกิจต่าง ๆ ของพระกิตติวุฑโฒ ทั้งศาสนกิจและธุรกิจ ก็มีอันติด ๆ ขัด ๆ และล้มเหลว อย่างเช่น โครงการโรงสี 2,000 โรงช่วยชาวนา......ซึ่งแต่ละโครงการที่ไม่ถึงดวงดาว มีอันพับไปเฉย ๆ ก็ไม่เป็นไร และก็มีบางโครงการ ที่มีเรื่องต้องถึงขั้นฟ้องร้อง ขึ้นดรงขึ้นศาล เมื่อจ่ายเช็คเด้งแล้ว หลังจากนั้น ท่านก็เก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยจะออกมาเป็นข่าวแต่อย่างใด.... มาฮือฮาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2547 เมื่อพระกิตติวุฑโฒ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จาก 3 ประเทศ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ จิตตภาวันวิทยาลัย เพื่อให้ประชาชนเดินทางไปนมัสการ.... และในวันที่ 28 ก.พ. 2548 ก็จะส่งพระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ กลับไปยังประเทศที่เป็นเจ้าของ เป็นการปิดฉากสุดท้ายของศาสนกิจท่านกิตติวุฑโฒ สงฆ์นักเทศน์ผู้เบี่ยงเบนศีลข้อ 1 ขององค์พระศาสดา อันเป็นที่ยึดถือกันมาถึง 25 ศตวรรษ ... ได้เป็นที่ฮือฮาในยุคกึ่งพุทธกาล.” เหตุที่ผมร่ายยาวเกี่ยวโยงไปถึงพระกิตติวุฑโฒ ก็เพราะท่านเป็น 1 ใน แก๊ง 5 คน (Gang of Five) หรือ โหงว นั้ง ปัง ซึ่งประกอบด้วย กิตติศักดิ์ สมัคร ดุสิต อุทิศ อุทาร ซึ่งปัจจุบัน ยังเหลือเพียง Gang of Two หรือ หน่อ นั้ง คือ สมัคร และ ดุสิต เท่านั้นเอง ขึ้นชื่อว่า "เชื้อชั่ว" มักจะมี "ตัวตาย ตัวแทน" อยู่เสมอ ตามกฎแห่งกรรม และฟ้าดินก็ลงโทษคนพวกนี้อย่างสาสมเช่นเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็ว โปรดคอยติดตาม บุญเกิด 10 เม.ย. 2548 05:12:31 จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 15:59:02 A:202.5.88.137 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พูดถึงการปิดปากหนังสือพิมพ์ มีบันทึกว่า เฉพาะหนังสือพิมพ์ที่ออกจำหน่ายในเมืองไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน หลังจากมีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินแล้ว ได้ถูกถอนใบอนุญาตไปโดยคณะปฏิรูปฯ แต่ต่อมาเมื่อมีรัฐบาลหอย ไม่ยอมพิจารณาให้ออกใหม่ 12 ฉบับได้แก่ ประชาชาติ ประชาธิปไตย (สองฉบับนี้เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน ) ประชาชาติรายสัปดาห์ มหานคร สยามนิกร ( 3 ฉบับนี้รายสัปดาห์ ) หนังสือพิมพ์ภาษาจีนมี ตงฮั้วยิดเป้า ไทยฮั้งเป้า หนานเอี๊ยงเป้า ฮัวตงเป้า เจี่ยเป้า ซินจงเอี๋ยนยิดเป้า เหลียงหยิวซิวฟูเป้า ทั้งหมดนี้ถูกปิดตาย นอกจากนั้นได้ปิดหนังสือพิมพ์รายวันอีก ต่างกรรมต่างวาระกันดังนี้ 1. หนังสือพิมพืไทยรายวัน ปิดไม่มีกำหนด วันที่ 29 พฤศจิกายน 2519 2. ปิดหนังสือ เสียงปวงชน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2520 ฐานลงข่าวจอมพลประภาส เดินทางกลับประเทศไทย 3. ปิดหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ไม่มีกำหนดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2520 ในข้อหาว่า นายสุเทพ เหมือนประสิทธิเวช หน.บก. เขียนจดหมายถึง ฯพณฯ หอย เปิดเผยลงหนังสือพิมพ์ ตักเตือนการบริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะเพื่อนนักศึกษาเตรียมมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ รุ่น 5 ( พศ. 2485 ) 4. สั่งยึดหนังสือ เดลิเมล์ ซึ่งออกแทนหนังสือ เดลินิวส์ ที่ถูกปิด โดยหาว่าผิด พรบ.การพิมพ์ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2520 5. ปิดหนังสือพิมพ์บ้านเมือง มีกำหนด 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2520 6. ปิดหนังสือพิมพ์ ดาราไทยการ์ตูน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2520 ในข้อหาว่าเขียนแนะนำรัฐบาล 7. ปิดหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ มีกำหนด 7 วัน เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2520 ข้อหาว่าเขียนแนะนำรัฐบาล ( ฉบับนี้ไง ให้กำเนิด "นายหมอดี" ) 8. ปิดหนังสือพิมพ์ เดลิไทม์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2520 โดยไม่มีกำหนด โดยข้อหาว่า ลงข่าวทหารเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก ( ต่อมามีการอุทรณ์ ขอเปิดใหม่ได้ หลังจากปิดมา 3 วัน 9. ปิดหนังสือพิมพ์สยามรัฐ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2520 โดยข้อหาว่า เขียนข่าวนายสมัคร สุนทรเวช ดินทางไปแก้ภาพพจน์ในต่างประเทศไม่ได้ผล ( เรื่องโยนแฟ้มใส่หน้าแหม่ม นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และในที่สุดเจ้าหน้าได้เชิญตัว แหม่มคนนั้นออกไปจากสถานที่แถลงข่าวของออหมัก...มีเวลาจะนำมาเล่า ) 10 ปิดหนังสือพิมพ์ ตะวันสยาม วันที่ 1 ตุลาคม 2520 ในข้อหาว่าลงข่าวเกี่ยวกับขบวนการกระทิงแดงประชุมประท้วงกรณีวางระเบิดใกล้พลับพลาที่ประทับ ที่ยะลา ( รมต.หมูกบาน ให้สัมภาษณ์หลังเกิดเหตุ เมื่อนักข่าวรุมซักเรื่องขอความรับผิดชอบ หมูกบานตอบประโยคประวัติศาสตร์ว่า...."ถ้าอยากให้รมต. ลาออก ก็ให้เอาระเบิดไปวางที่......." นี่ไงปากหมานไม่หมาน...) 11 ปิดหนังสือพิมพ์ ปฏิญญา และดำเนินคดีทางอาญาด้วย ข้อหาลงบทความสัมภาษณ์ ดร.สมชัย รักวิจิตร ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคอมมิวนิสต์และที่ปรึกษา กอ.รมน. ในความเห็นทางวิชาการเรื่อง..."ทางหายนะและทางรอดของไทย" 11. ปิดหนังสือพิมพ์ รายสัปดาห์ปริทรรศ โดยไม่มีกำหนด ส่วนหนังสือต่างประเทศ ถูกตรวจอย่างละเอียด หากมีเรื่องรัฐบาลฯพณฯหอย ห้ามจำหน่าย และต้องมีเจ้าหน้าที่ฉีกซองไปรษณีย์ก่อนถึงจะจำหน่ายได้ ส่วนผู้สื่อข่าวต่างประเทศถูกคำสั่งตักเตือนการนำเสนอข่าวเขียนข่าวกันเป็นประจำ จนเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องทำการปฏิวัติ จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 16:11:09 A:202.5.88.134 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พวกเราเชื่อเรื่องกรรมมั๊ยครับ ....................................... 1. พระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิตติวุฒโฑ) หรือนายกิตติศักดิ์ เจริญสถาพร (ชื่อจริงก่อนบวช) มีเรื่องอื้อฉาวมากมาย แต่ก็สามารถเอาตัวรอดมาได้อย่างน้ำขุ่นๆ ท่านเป็นเจ้าของวลีโด่งดัง ที่ว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" หลังจากมรณภาพเมื่อ 21 ม.ค. 2548 ที่ผ่านมา คอลัมน์"เหนือฟ้า ใต้บาดาล" โดยก้อง กังฟู ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค. 2548 ได้ลงประวัติพระกิตติฯ ให้ญาติโยมได้อ่านกันทั้งประเทศในหัวข้อเรื่อง *อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ศาสนกิจฉากสุดท้าย สงฆ์ผู้ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป .....ในอดีต เป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาก็จริงอยู่ แต่ความเลื่อมใสศรัทธาเริ่มลดท่าล่าถอย เสื่อมลง ลงจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อันเป็นช่วงสังคมการเมืองเข้าสู่ยุค "ขวาพิฆาตซ้าย" ซึ่งพระกิตติวุฒโฑ ก็ได้เทศนาในวลีดังที่ว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ (ซึ่งเป็นมนุษย์) ไม่บาป" แม้สงครามเย็นจะผ่านไปแล้วถึง 30 ปี ถ้อยคำนี้ก็ยังติดหูผู้คนอยู่จนทุกวันนี้ หลังจากคำวลีอันเป็นประวัติศาสตร์ผ่านไป กิจการต่าง ๆ (ทั้งที่เป็นกิจของสงฆ์ และไม่ใช่กิจของสงฆ์) ของพระกิตติฯ ทั้งศาสนกิจ และธุรกิจ ก็มีอันติด ๆ ขัด ๆ และล้มเหลว เช่น โครงการโรงสีข้าว 2,000 โรงเพื่อช่วยชาวนา สร้างพระอุโบสถกลางน้ำ เรือโพธิญาณ คอนโดมิเนียมคนชรา ซึ่งมีแต่เสาโด่เด่ ฯลฯ บางอย่างก็ผิดกฎหมาย แต่ทั้งหมดไปไม่รอด รวมถึงบางโครงการ ก็ถูกฟ้องร้องยังโรงศาล เพราะจ่ายเช็คสปริง (เช็คเด้ง - เช็คไม่มีเงิน) ให้กับนางนิ่มนวล และ น.ท.สุรพงษ์ ดุลยไพบูลย์ เป็นค่าซื้อหินอ่อนจากแหล่งสัมปทานใน จ.สระบุรี กรณีหลอกขายที่ดินป่าสงวน 2500 ไร่ ในราคา 7 ล้านบาท ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี กรณีรถวอลโว่เถื่อน (หนีภาษี) ฯลฯ ก่อนหน้านี้ เมื่อ 15 พ.ค. 2542 นสพ.มติชนรายวัน ก็ลงเรื่องราวของพระกิตติฯ ในคอลัมน์ "เดินหน้าชน" โดยประสงค์ วิสุทธิ์ ตีแผ่เบื้องหลังพฤติกรรมทุศีลของพระกิตติฯ อย่างโจ๋งครึ่ม แต่ก็ไม่มีเสียงชี้แจงแถลงไขโต้ตอบจากพระกิตติฯ แต่ประการใด ตามหลักคำสอนของพุทธศาสนาเรื่อง “กฎแห่งกรรม” สืบเนื่องมาจากการที่พนักงานการไฟฟ้า จ.นครปฐม ถูกคนร้ายฆาตกรรมแล้วจับแขวนคอที่รั้วหน้าอู่ซ่อมรถ ต.พระประโทน จ.นครปฐม และนักศึกษาสังกัดชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้นำมาแสดงเป็นละครล้อเลียนที่บริเวณลานโพธิ์ เมื่อเที่ยงวันที่ 4 ต.ค. 2519 และมีผู้ถ่ายรูปและนำไปกล่าวหาปรักปรำนักศึกษาจนเกิดการเข้าใจผิด และโจมตีใส่ร้ายอาจารย์ป๋วยว่าอยู่เบื้องหลังนักศึกษา จนบานปลายนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ละครล้อเลียนช่างไฟฟ้าดังกล่าว ผมยืนดูการแสดงตั้งแต่ต้นจนจบ ท่ามกลางสายตาผู้คนกว่าร้อยคน ไม่มีใครทักท้วงแต่ประการใด จึงขอยืนยันว่าการแสดงไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาแม้แต่น้อย แต่เป็นการฉกฉวยโอกาสใส่ร้ายนักศึกษาอย่างไม่กลัวบาปกรรม เพื่ออ้างเป็นสาเหตุในการใช้กำลังปราบปรามนักศึกษาในขณะนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายทิศทางและมิติ ผู้มีส่วนก่อกรรมทำเข็ญ และล้างผลาญสังหารผู้คนบริสุทธิ์อย่างอำมหิตป่าเถื่อน โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมและกฎหมายบ้านเมืองในครั้งนั้น ต่างก็ได้รับผลแห่งกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ก. พล.ต.ท. ชุมพล โลหะชาละ รองอธิบดีกรมตำรวจในยุคปี 2519 ซึ่งนำกำลังตำรวจเข้าล้อมยิงธรรมศาสตร์เมื่อ 6 ต.ค. 2519 ต่อมาต้องสูญเสียบุตรชายคนที่ 2 คือ พ.ต.ต. สุรศักดิ์ โลหะชาละ (น้องชาย ร.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ อดีตปลัด กทม.) ขณะที่อยู่ในสนามมวยราชดำเนิน เพราะมีผู้ขว้างระเบิดสังหารเข้าไปในสนามมวย เมื่อ พ.ศ. 2525 ขณะมีอายุได้ประมาณ 31 ปี (เกิด 2 มี.ค.2488) พล.ต.อ.ชุมพล ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยถึง 3 ครั้ง คือในรัฐบาลที่มีอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง (16 ต.ค. 2516 – 22 พ.ค. 2517 และ 30 พ.ค. 2517 – 14 ก.พ. 2518) และอีก 1 ครั้ง ในรัฐบาลพลเอกเกรียงศักด์ ชมะนันท์ (24 พ.ค.2522 -10 ก.พ.2523) ข. พ.ต.ท. สล้าง บุนนาค รอง ผกก. ตำรวจกองปราบปราม สามยอด ซึ่งนำกำลังตำรวจเข้าปราบปรามนักศึกษาที่ธรรมศาสตร์ และตามไปเล่นงานอาจารย์ป๋วยที่สนามบินดอนเมือง โดยตบโทรศัพท์ที่อาจารย์ป๋วยกำลังพูดอยู่ จนโทรศัพท์ร่วงจากมือ ในวันที่ 6 ต.ค.2519 ต่อมา ขณะมียศเป็น พล.ต.ต. ได้สูญเสียภรรยา คือ นางสุพรรณวดี บุนนาค เพราะอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถ 10 ล้อ บนถนนสายอ่างทอง – นครสวรรค์ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 17 ก.ค. 2531 ระหว่างเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวภาคเหนือ ขณะอายุได้ประมาณ 37 ปี (เกิดเมื่อ 13 เม.ย. 2494) เด็กชายวันจักร (เป้ง) บุนนาค บุตรชายคนแรก ได้เขียนเล่าเหตุการณ์ตอนถูกรถยนต์ชนว่า “....ตอนนั้นฝนตกหน่อย ๆ คุณพ่อเป็นคนขับ แล้วมาเปลี่ยนให้พี่กมลขับที่อำเภอพยุหคีรี (จ.นครสวรรค์) ตอนนั้นเป้งกับคุณแม่ตื่นอยู่ พี่กมลขับได้ไม่ถึงชั่วโมง รู้สึกว่าพี่กมลหลับใน แล้วรถวิ่งเข้าไปขนรถสิบล้อ วิ่งเข้าไปกินเลนเขา คุณแม้ร้องว้าย ดังมาก ๆ เป้งรู้สึกสงสารและคิดถึงคุณแม่อีกด้วย และตัวเป้งก็สลบไป คุณพ่อตื่นขึ้นมาบอกว่า ผมสล้าง บุนนาค แล้วคุณพ่อก็สลบไปอีก ตืนอีกที่โรงพยาบาลอ่างทอง แลถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ คุณพ่อได้เข้าห้อง I.C.U. ส่วนตัวเป้งเองไม่เป็นอะไรมาก แต่คิดถึงและสงสารคุณแม่ ๆ ๆ ๆ อยู่คนเดียวคิดถึงคุณแม่ ต้องร้องไห้ทุกที” เด็กชายพลจักร (โป้ง) บุนนาค บุตรชายคนรอง ได้เขียนว่า “......ตอนเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ชนกัน ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ และไม่คาดคิดมาก่อน.....” ส่วนเด็กชายเหมจักร (ปั้ง) บุนนาค บุตรชายคนสุดท้อง เขียนว่า “ดวงใจที่หนึ่งของปั้ง เมื่อก่อนเราห้าคนก็อยู่สุขสบายดี ตอนนี้คุณแม่ได้รับอุบัติเหตุจากรถชน คุณแม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ ค. พ.อ.สุตสาย หัสดิน นายทหาร กอ.รมน. ผู้ก่อตั้งและควบคุมดูแลกลุ่มกระทิงแดง กองกำลังนอกกฎหมายในยุคปี 2517 และอีกหลายปีต่อมา จนกลุ่มกระทิงแดงเรียกว่าพ่อ เมื่อปี 2518 กลุ่มกระทิงแดงได้บุกเข้าทำลายธรรมศาสตร์ และในเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 กลุ่มกระทิงแดงก็ได้บุกไปทำร้ายนักศึกษาที่อยู่ภายในธรรมศาสตร์ จนบาดเจ็บล้มตาย ซึ่ง พ.อ.สุตสาย ก็ได้ไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย ( รออ่านบันทึกเจ้าพ่อกระทิงแดงของ คนนี้อีก 18 ปีข้างหน้า จุฬาฯจะเปิดเผยตามพินัยกรรม ) หลังจากนั้น กลุ่มกระทิงแดงได้รับบรรจุให้เป็นทหารหลายคน มีเสียงร่ำลือว่าบางคนกลายเป็นทหารมาเฟีย เช่น พ.ต. เฉลิมชัย (ตึ๋ง) มัจฉากล่ำ หนึ่งในผู้นำกลุ่มกระทิงแดง ถูกกล่าวหาว่ากระทำตนเป็นผู้กว้างขวางแถวภาคเหนือ ต่อมาได้ถูกจับกุมและถูกฟ้องต่อศาล ฐานเป็นตัวการสมคบกันฆาตกรรมผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร จนถึงแก่กรรมในโรงแรงที่พัก ขณะเดินทางมาราชการ และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตประมาณปี พ.ศ.2545 ( วันตัดสิน...มีหนังสือพิมพ์ลงข่าว่า ตึ๋งขี้แตก ) ง. พ.ท.อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา หัวหน้าสถานีวิทยุยานเกราะในยุคนั้น ที่ปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังอาจารย์ป๋วย โดยกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ฯลฯ โดยใช้สถานีวิทยุยานเกราะเป็นแม่ข่ายของชมรมวิทยุเสรี เมื่อ 6 ต.ค.2519 ได้ปลุกระดมให้ผู้คนตามไปเล่นงานอาจารย์ป๋วย พ.ท.อุทาร เกษียณอายุในยศพลโท ปัจจุบัน ทราบมาว่า ตาบอดทั้ง 2 ข้าง ฯลฯ จ. ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ อาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ (เคยเป็นศิษย์เก่าและอาจารย์พิเศษคณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธ.) ประธานชมรมวิทยุเสรี ที่ปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังนักศึกษา และอาจารย์ป๋วย รวมทั้งออกอากาศโจมตีนักศึกษาและธรรมศาสตร์ทางโทรทัศน์ทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 หลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 6 ปี ก็ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งที่ลำคอ ...กรรมเอ๋ยกรรม.... จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 16:26:26 A:202.5.88.130 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หยุดสร้างกรรม...หยุดโกหกตอแหละเสียเถิด.... วันนี้ท่านกินบุญเก่าของท่าน.... แต่หากวันแห่งคำพิพากษามาถึง.....ประวัติของคนบางคนจะถูกจารึกบนหนังหมา หยุด...เถิด ออหมัก-จืด ข้าวบูด โทษจากใช้ปากแทนตูด.....สร้างความวิบัติแก่ชาติและผู้คนมากแล้ว... หุบปากแล้วเปิดตูด....พูดแต่เรื่องดี ๆ....เถิดพ่อคุณ แต่ก็นั่นแหละ ...ตดทางปาก...เหมือนสำรากออกทีวี...คนรุ่นนี้อาจไม่ทราบ...แต่คนรุ่นเดียวกันล้วนสำนึก อย่าเที่ยวไปชี้หน้าเด็ก ๆว่าเกิดไม่ทัน...อันความรู้ต่างเรียนทันกันหมด...แต่ความชั่วความดี...มันอยู่ที่ตัวบุคคล.... ถ้าวิสัยทัศน์อย่างหมัก-จืด ดีจริง...วันนี้เราคงไม่เห็นคนรุ่น 6 ตุลา 19 ดาหน้าขึ้นรับผิดชอบบ้านเมือง แล้วปล่อยให้คนแก่สองคนพล่ามเป็นไดโนเสาร์ เที่ยวเป่าหูชาวบ้าน หาผลงานจะไต่เต้าในตำแหน่งทางการเมือง หยุดฝันเฟื่องได้แล้ว... จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 16:36:35 A:202.5.88.136 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 58 น่าจะเขียนประวัติ 14 และ 6 ตุลา จากมุมมองของท่าน หรือถือว่าเป็นมุมมองของคนข่าวก็ได้ ข่าวไทยรัฐยุคนั้น ยังไงๆ ก็เร็วและครอบคลุม พิจารณานะครับ จากคุณ : X-CU - [ 10 เม.ย. 48 18:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คงไม่เอาฐานะนักข่าวเก่ามาเขียน มุมมองของเรากับสถานการณ์ตอนนั้น ก็คงยืนอยู่ข้างผู้ด้อยโอกาส เพราะช่วง 14 ตุลา 16 ก็ทำงานทั้งงานข่าวและรับราชการ น่าจะเป็นในมุมมองของประชาชนผู้รักความเป็นธรรมในสังคมมากกว่า แต่มันไม่น่าเชื่อ รุ่นพี่ที่ทำงานด้านงานข่าวของทหาร ( เข้าไปเรียนนิเทศศาสตร์ ในมหาวิทยาลัย ) โทรมาบอกหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ผมมีชื่ออยู่ใน..."บัญชีดำ"....ของกอ.รมน.... นึกถึงคนที่มีชื่อใน..."บัญชีดำ"...ของทางการในภาคใต้ในขณะนี้...ผมเสียวแทนจริง ๆ... จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 18:50:55 A:202.5.88.130 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านดูแล้วรู้สึกว่าบรรยากาศช่วงนั้นคงจะน่ากลัว และน่าอึดอัดมากเลยนะคะ >< ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ดีๆ มาให้อ่านกันค่ะ จากคุณ : เคียงทะเล - [ 10 เม.ย. 48 21:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อัลโล ลุงเเคน หาก 2 ตัว เป็น สว. สภาไม่วุ่นวายอลวน สงสัยมีรายการจูบปาก ? บางวันกดทีวี....เจอหมูกบาน -หน้าจืด รับลูกน้ำลายแตก...อยากเขวี้ยงจอทีวี.... เห่าอยู่ได้ อิอิๆ.... เคียงทะเลกิ๊กลุงเคน...ขอเตือน.. เพราะมีสาวแก่แม่หม้ายตอมตรึม ลองไปดูที่สาหนุกดิ๊ .ผมก็กุ๊กกั๊กลุงเคนเหมียนกัลล์// จากคุณ : กระทิ - [ 10 เม.ย. 48 22:05:00 A:203.113.57.37 X:203.151.140.113 TicketID:094221 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อืมม...สว. เหรอครับ...ลองดูการทำหน้าที่ในสภาซักนิดนะครับ...นักข่าวเข้าสังเกตการณ์บนที่นังด้านบนด้วย...ซัก 1 ตัวอย่าง .................................................... * สมัคร – อนุวรรตน์ : เสี้ยวหนึ่งของความเป็น “คน” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ได้เขียนบทความในหัวข้อดังกล่าวข้างบน มีเนื้อหา ดังนี้ “การประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2526 มีการอภิปรายกันถึงญัตติด่วนเรื่อง พิจารณาปัญหาการบ่อนทำลายประชาธิปไตย เป็นญัตติด่วนของนายปิยะนัฐ วัชราภรณ์ และคณะ โดยนายปิยะนัฐกล่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจที่ญัตติด่วนอันนี้ ไม่ได้ถ่ายทอดออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง ทำให้พวก “หนักแผ่นดิน” ไม่ได้ฟัง มี ส.ส. คนหนึ่งถามว่า พวกหนักแผ่นดิน หมายถึงใคร นายปิยะนัฐยกกลอนมากล่าวว่า “โอ้ว่า อนิจจากรุงวัชชี.........เห็นทีจะสลายเป็นแม่นมั่น มีแต่วิวาทด่าทอกัน..........นับวันยิ่งบานปลาย ใครหนอมาก่อมูลเหตุ.........เกิดสามัคคีเภทฉิบหาย โอ้ว่า วัชชีจะมาตาย....... แสนเสียดายเคยเจริญรุ่งเรือง” นายปิยะนัฐยังกล่าวต่อไปว่า การที่วิทยุและทีวีออกมาด่าทอนักการเมือง ก็เหมือนกับมีรัฐบาลซ้อนรัฐบาล มีลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อบ้านเมือง มรว.คึกฤทธิ์บอกว่าได้ฟังรายการ “ระเบียงข่าว” ซึ่งย้ายจากวิทยุ ททท. ไปที่สถานีวิทยุ พล.1 ตอนใหม่ ๆ ก็ด่าตนสารพัด แต่ตอนหลังกลับมาสรรเสริญว่า เป็นปูชนียบุคคล ควรรักษาไว้ เพราะเป็นคุณประโยชน์กับบ้านเมือง อย่างนี้ตนก็ซวยตาย เพราะประชาชนไม่รู้ว่า เป็นอย่างไรกันแน่ ดร.อนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวคัดค้านรายการ “ระเบียงข่าว” ว่า เท่าที่ตนได้ฟังรายการดังกล่าวแล้ว เห็นได้ว่าขณะนี้ได้เกิดขบวนการทำลายประชาธิปไตย นอกจากจะออกทางวิทยุ ทีวี แล้ว ยังจะมีออกมาเป็นเอกสารอีกด้วย เพื่อให้ประชาชนรังเกียจนักการเมือง ส่วนที่นายสมัคร สุนทรเวช หน.พรรค ปชท. ได้อภิปรายว่า บางครั้ง ส.ส. เป็นเผด็จการนั้น ไม่ใช่เป็นความจริง ขอให้พูดกันมาให้ตรง ๆ ดีกว่า ว่า ถ้าพิจารณาเนื้อหาแล้ว ส.ส.เป็นเผด็จการ มากกว่าวุฒิสมาชิก (ส.ว.) นายสมัครฯ ผู้ถูกกล่าวพาดพิง จึงลุกขึ้นมาตอบโต้ว่า “รายการระเบียงข่าว” เขาวิเคราะห์การเมือง หากคนฟังไม่อคติ ไม่เห็นมีอะไร อั้ยพวก (หนังสือพิมพ์) ข้างบน ประเดี๋ยวเอาความเท็จ ไปประโคมการเลือกตั้งได้ตัวแทนคนทุกอาชีพ ไม่จริงหรอก การแต่งตั้งเสียอีก จะทำให้หาคนเข้าไปครบ (เขาวิเคราะห์การออกความเห็นของรายการระเบียงข่าวของเขา) หากคนฟังไม่อคติ ไม่น่ามีปัญหาอะไร ที่อั้ยพวกหนังสือพิมพ์เขียนกันโคตรโง่ เขียนกันเลวทรามเท่าไหร่ ไม่เห็นมีใครกล้าแตะ รายการเลือกตั้งที่ระเบียงข่าวพูดถึงนั้น ผมฟังครับ เขาว่าอย่างนี้ “....การเลือกตั้งที่ว่ากันว่า เลือกตั้งผู้แทนแล้ว จะได้ตัวแทนผู้คนทุกอาชีพเข้าไปนั้น บางครั้งก็ไม่เป็นความจริงเช่นนั้นหรอก พอเลือกตั้งเข้าไปแล้ว บางทีก็มีคนพวกนั้น พวกนี้ เท่านั้น จะเลือกจากการแต่งตั้งว่ากันอย่างนั้น แล้วก็หายความว่า การแต่งตั้งเสียอีก จะหาคนเข้าไปครบหมด เพราะมันแต่งตั้งเข้าไปได้ การเลือกตั้งนั้น บางครั้งก็ไม่ได้คนทุกอาชีพเข้าไป....เขาอภิปรายว่า การเลือกตั้งบางครั้ง เราอาจไม่ได้ตัวแทนทุกประเภท ทุกหมู่เหล่า แต่ถ้าการแต่งตั้ง เราคัดเลือกเอาทุกประเภท เอาเข้าไปได้ เป็นการวิเคราะห์ความเห็น” ดร.อนุวรรตน์ฯ จึงอภิปรายว่า “.....ที่คุณสมัครบอกว่า ส.ส. เป็นเผด็จการนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะว่า ถ้าฟังรายการ “สยามานุสติ” เมื่อ 2-3 วันก่อน ผมฟังอยู่ตอนนั้น รัฐธรรมนูญกำลังเข้าสภาฯ แห่งนี้ พูดถึงเรื่องเนื้อหากับเรื่องหลักการ ต้องมาที่เนื้อหา พูดไปพูดมา บอกว่า ส.ส.โดยเนื้อหาแล้ว เป็นเผด็จการ” เปิดเทปดูกันก็ได้ คุณสมัครไม่ได้พูดบางครั้ง แต่พูดว่า การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นเผด็จการ เห็นแก่ตัวอย่างนั้นอย่างนี้ น่าขัน” นายสมัครฯ มีสีหน้าเคร่งเครียด แล้วพูดใส่อารมณ์ว่า “ผมไม่ได้พูดอย่างนั้น ขอให้ถอนคำพูด อย่ามาทำมั่ว ถอนคำพูดซะ ที่ว่าผมว่า สภาเผด็จการ รีบถอน” ในขณะที่ทั้งสองคน กำลังถกเถียงกันทางไมค์ 2 ตัว ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสภาต้องตัดเสียงไมค์ทั้งสองตัวออก นายสีหนาท ฤาชา ส.ส.ชัยภูมิ พรรคชาตไทย ได้ลุกขึ้นอย่างเดือดดาล แล้วคว้าไมค์พูด ทั้ง ๆ ที่ประธานฯ ยังไม่ได้ชี้ให้พูดว่า “อยู่สภามา 4 ปี เพิ่งจะรู้ว่า สภาจะพูดอะไรกันสะดวก ขอให้โต้กันต่อไป ขอไมค์ให้ผมอีกสักอันซิ ว่าให้พร้อมกันเลย คุณสมัครว่าไป ดร.อนุวรรตน์ว่าไป สีหนาทจะขอว่าด้วยคน ถ้าจะกัดกันอย่างสัตว์บางชนิดก็เอา ผมยอมเป็นสัตว์ชนิดนั้น ผมจะขอลงมากัดด้วย” นายสมัครรีบลุกขึ้นมา ชี้มือไปที่นายสีหนาท แล้วบอกว่า “ถอนคำพูด” แต่นายสีหนาทยืนกราน แถมตอบอย่างลองดีว่า “ไม่ถอน ใครจะทำไม” นายสมัครเห็นท่าไม่ดี จึงหันไปที่ประธานฯ แล้วถามขึ้นมาอย่างฉงนว่า “ท่านประธานครับ ลูกพรรคของท่านเป็นอย่างไร” ปรากฏว่าผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์กลุ่มใหญ่ที่ไปทำข่าววันนั้น ส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างเจี๊ยวจ๊าว จนเจ้าหน้าที่รัฐสภาต้องเข้ามาตักเตือน.....” เป็นอย่างไรบ้างครับ บทบาทของออหมัก สมัยเป็น ส.ส. ยุคปี 2526 กับท่านประธานโภคินฯ ยุคปี 2548 ใครกระแด่วแห้ว เอ๊ย เลิศสะแมนแตน กว่ากัน ? บุญเกิด 10 เม.ย. 2548 16:30:22 """"""""""""""""""""""""""" หมายเหตุ ตรวจสอบได้จากรายงานกระประชุมรัฐสภา 2 มีนาคม 2526 จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 23:09:10 A:202.5.88.145 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณน้าแคน ที่ให้ความรู้ ให้ภาพสังคมสมัยนั้น อย่างชนิดที่ไม่มีแบบนี้ให้อ่านจากหนังสือใดๆ หนำซ้ำ มีน้า ลุง บางท่าน มาให้ความเห็นเสริม จากตาเห็น ได้ความรู้ดีจริงๆ แต่บางอันผมก็ไม่เข้าใจ เช่น เคอร์ฟิวส์ คล้ายจัดระเบียบสังคมของท่านปุละปล่าว ผมขอถามน้าแคน2เรื่อง อย่าหาว่าผมงี่เง่านะ 1 เรื่อง5ย. คืออะไร เพราะอะไรถึงต้อง5ย. 2 และ ที่ว่า หลัง6ตค. มีคนมาออกทีวีว่า พบถุงยางและรองเท้ายางมากมาย มันเกี่ยวกับ5ย. หรือเปล่า คือผู้ใหญ่ที่บ้านเคยเล่าให้ฟังว่า ในมธ.มีถุงยางมาก เพราะจะเอาลัทธิมั่วเซ็กเข้ามา และรองเท้ายางเป็นสัญญลักษณ์ของคนญวน ผมฟังแล้วมันไม่สมเหตุผลเลยอะ!!!!!!! น้าแคนพอจะรู้เรื่องนี้ไหมครับ ปล. ทุกวันนี้ ผมช้อบชอบซื้อ vcd พวกมิตร เพชรา มาดู ได้เห็นภาพสังคมไทยมะก่อนอะ หนังน้ำเน่าก็จริง แสงและเทคนิคก้ไม่สวย แต่ภาพจริงที่อยากเห็นมันได้เห็นนะ จากคุณ : ผมว่านะ - [ 10 เม.ย. 48 23:09:17 A:203.118.126.60 X: TicketID:087040 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อีกซักตัวอย่าง...สมัยท่านนายกเปรมฯ .................................................. * รพช. กรณีที่ท้าทาย......ใครจะเป็นรายต่อไป ? หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง เขียนบทความชื่อดังกล่าวข้างบน ผมจึงขอนำเนื้อหา มาลงให้อ่าน ดังนี้ “ฮือฮากันมาตั้งแต่วันที่คำสั่งเลขที่ 748/2521 ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการใช้เงินมากกว่าความจำเป็น ของโครงการเงินกู้ ในการพัฒนาชนบท จากธนาคารโลก ของสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม สมัยรัฐบาลเกรียงศักดิ์ 1 สาเหตุที่เรื่องดังกล่าว “โด่ง-โป่ง” ออกมานั้น มีสาเหตุด้วยกัน 2 กรณี คือ 1. การคอร์รัปชัน หรือ ลักษณะของ “เสือนอนกิน” ที่บริษัทที่ปรึกษา “หากิน” อยู่กับหน่วยงานของรัฐ นั้น ทำกันมานานเป็นแรมปี ซึ่งส่งผลให้รัฐต้องเสียหาย และสูญเงินไปกับบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้ จำนวนไม่น้อย รวมทั้งสัญญาที่ “ประโยชน์” ตกอยู่กับบริษัทที่ปรึกษา ภายใต้การรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ มากกว่าจะผลักดันให้ผลประโยชน์ทั้งหมด ตกอยู่กับการพัฒนาประเทศ อย่างแท้จริง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทนไม่ได้ และ “โวย” ออกมาในที่สุด ก่อนที่ทุอย่างจะสายเกินไป 2. เกี่ยวกับกรณีบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา TEC. และ รพช.นั้น นอกจาก TEC. จะเป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ที่ “หากิน” กับหน่วยงานราชการมานานแล้ว ยัง “โยง” ไปถึงนักการเมืองอย่าง “สมัคร สุนทรเวช” ที่อดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย และเป็นผู้ “อนุมัติ” ในสัญญาระหว่าง TEC. กับ รพช. ด้วยความ “ดัง” ของนักการเมืองผู้นี้ ในฐานะคนของประชาชน ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับตัวเขา และ “ญาติ” รับผิดชอบโครงการเงินกู้ดังกล่าว จึงพลอย “ดัง"ไปด้วย ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงการเงินกู้ธนาคารโลกรายนี้ ทั้งหมด คือ 1. นายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น ในฐานะผู้ “อนุมัติ” สัญญา ระหว่าง TEC. กับ รพช. 2. นายชลอ วนะภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ซึ่งลงนาม “เห็นควร” กับสัญญาดังกล่าว ฯลฯ โครงการผูกขาดของ TEC. เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2522 รพช. ได้ขอบอกเลิกสัญญาที่กระทำไว้กับ TEC. เนื่องมาจาก บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาดังกล่าว กระทำผิดสัญญา ซึ่งทาง รพช. จะได้มอบให้ทางกรมอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายมากว่า 28 ล้านบาท (ตามสัญญานี้ โครงการจะสิ้นสุดลง ณ วันที่ 6 ก.พ. 2525) เนื่องจากข่าวนี้ เกิดขึ้นเนื่องมาจากสมัยที่ ออหมัก เป็น รมว.มท. หรือ มท.1 ที่กลายเป็นข่าว เพราะพลเอกเปรม ฯ รมช.มหาดไทย หรือ มท.2 ในรัฐบาลต่อมา สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ดังกล่าวแล้ว และผู้บริหารของ รพช. ก็เคยถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต จนถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ขณะนี้ผมยังนึกชื่อไม่ออก บุญเกิด 10 เม.ย. 2548 17:07:54 ................................. เป็นไงครับ...นักการเมืองประวัติดี..ไม่มีเรื่องเสียหายมาก่อน ยังมีเรื่องยางมะตอย...ต๊ะทิงนองนอย...ค้นหาคำอธิบายเรื่องยางมะตอยของท่าน รมว.คมนาคมสมัยหนึ่ง ท่านรู้ซึ้ง รู้ดี มากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 23:20:29 A:202.5.88.145 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมยาว กางเกงยีนส์ เสื้อยืด สะพายย่าม รองเท้ายาง(ฟองน้ำ) 5 ย.ครับ ขออภัยพี่แคนที่เข้าแทรก กำลังดีใจ everton ชนะน่ะครับ อิอิ นำ 4 แต้มรอดไปอีกอาทิตย์ จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 10 เม.ย. 48 23:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เคอร์ฟิว คือคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานในเวลาวิกาล ครับ ( เท่าที่คิดได้ตอนนี้ น่าจะเป็น 3 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า ประมาณนั้นครับ ห้ามออกจากบ้านให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านครับ ไม่เหมือนการจัดระเบียบอะไรทั้งนั้น ในช่วงนั้นมี "เคอร์ฟิว" อยู่เป็นเวลาหลายเดือนครับ ) ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ไม่แน่ใจว่าเคยใช้หรือไม่...( เพราะในช่วงที่เกิดวิกฤติ สามารถใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ประกาศห้ามออกจากเคหสถานในเวลาวิกาล เป็นมาตรการรักษาความสงบอย่างหนึ่ง ) จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 23:30:52 A:202.5.88.152 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณครับ ท่าน "ลูกไทย หลายไทย" แล้วมันเกี่ยวไรกะ "บุปผาชน" ที่คุณลุงรงค์ วงษ์สวรรค์เขียนอะ เกี่ยวกับ my generation มันโยงถึงกันได้อย่างไร จากคุณ : ผมว่านะ - [ 10 เม.ย. 48 23:46:20 A:203.118.126.60 X: TicketID:087040 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมยาว กางเกงยีนส์ เสื้อยืด สะพายย่าม รองเท้ายาง(ฟองน้ำ) 5 ย. มีมาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เล็กน้อย ธีรยุทธ์ พานิสิต-นักศึกษา ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น หันมานิยมไทย ผ้าฝ้าย ผ้าพื้นเมืองกลับมาได้รับความนิยม สมัยผมเรียน พอพ้นปีหนึ่ง ก็เข้าสู่สมัยนิยมนั้น แต่ที่คณะเขานิยมเนคโทเส้นโตๆเท่าฝ่ามือ ผูกเลยเข็มขัดลงมาอีก สีสันแสบตา นิสิตหญิงกระโปรงสั้น เรียก มินิเสกิ๊ต ที่เป็นยีนส์ก็มีครับ ( ที่คณะออกจะแฟชั่นไฮโซนิด ๆ ส่วนกลุ่มออกค่ายพัฒนาชนบทแบบกลุ่ม คุณหญิงแอ๋ว ป๋าเดช พุ่มคชา พิเชียร คุระทอง เค้าจะมาในแนวนี้ครับ 5 ย. ) เรื่องรองเท้ายาง ก็ใส่กันนะครับ มันทนดี โดยเป็นรองเท้าแตะยางรถยนต์ครับ สวมกันจนตาปูเป็นสนิม ขาดก่อนยางรถยนต์ครับ สะพายย่าม เหมือนย่ามชาวเขานั่นแหละครับ ใส่หนังสือจิปาถะครับ....แต่ผมชอบโชว์ตรามหาวิทยาลัยที่ปกสมุดมากกว่า อิ อิ บางทีก็มีเข็มขัดรัดหนังสือ เรื่องถุงยางในมหาวิทยาลัย น่าจะเป็นการกล่าวหามากกว่า ตอนนั้น ผู้ชนะเป็นผู้ให้ข่าว ถ้าจะว่าไปสภาพสังคมของนิสิตนักศึกษาสมัยนั้นยังไม่เหมือนปัจจุบันนะครับ การรักนวลสงวนตัวมีสูง ผมไม่อาจบอกได้ว่าเท็จหรือจริง พูดตรง ๆ สมัยนั้นเป็นแฟนกันการจับมือถือแขนยังไม่ค่อยเห็นเลยครับ เรื่องถุงยางไม่ยืนยันครับ....ถ้าบอกว่าเกลื่อน...ผมว่าเกินเหตุนะครับ เพราะคน 3,000 คน เพิ่งถอยเข้าไปใน มธ. แค่ 2 วันเองครับ ดูตามเหตุการณ์มีการใช้สถานที่ ชุมนุมยืดเยื้อ แค่ไม่กี่วัน...จะมีอารมณ์อะไรขนาดนั้น นอกจากความกลัว เกรงภัย อ้อ...ปี 2516 ผมไปเป็นวิทยากรเรื่องคุมกำเนิด...มีชัยเพิ่งจะเข้ามา ผมคิดว่าเรื่องถุงยาง น่าจะเป็นข่าวปล่อยครับ แต่บอกว่าสวมรองเท้าญวน ผมก็ขำแล้วครับ มันก็รองเท้าคนไทยนี่แหละครับ สวมกันเกร่อ จากคุณ : Can - [ 10 เม.ย. 48 23:56:32 A:202.5.88.151 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 69 พี่แคน ผมยอมหน้าแตกนะค้าบถ้าผิดแย้งมาได้เลย เพราะต่อไปนี้จะเขียนจากการอ่านๆเดาๆผสมความจำสมัยเด็กๆ วัยรุ่นยุค 60s (ยุคพี่แคน) flower generation บุปผาชน จะชอบเรื่องของสันติภาพ โลก ความรัก เด็กๆ ทำนองนั้น บางทีคุณมองว่าเป็นกระแสวัยรุ่นก็ได้ คุณรงค์ คงยังติดใจในยุคนั้น คอนสิรท์ woodstock ในปี 2512(1969) นั้นจะแสดงภาพของบุปผาชนได้ดี ดื่ม มีเซ็กส์ ฟังเพลง เสพยา คุณลองหาภาพดูนะครับ บางคนก็บอกว่านี่คือการระเบิดจากลัทธิ Mckarthy ในช่วงปี 50s ที่คนอเมริกันถูกเก็บกดมานาน แต่จะมาโยงกับนักศึกษาไทยที่ธรรมศาสตร์ในปี 2519 คงไม่ใช่ครับ คนละแนวกันบ้านเรา ในยุคนั้นยังไม่เสรีขนาดในปัจจุบัน (ผมเพิ่งได้ภาพ FW เด็กวัยรุ่นในรัชดาซอย 4 อึ้ง ครับ) จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 11 เม.ย. 48 00:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ผมติดใจภาพคอนเสิร์ทนั้นจากการปรากฏตัวของ Jimi Hendrix น่ะพี่ ทรงพลังจริงๆ เสียดายตายไปเพราะเสพผงเกินขนาด (ตามแฟชั่นของพวก Psychedelic ) ผมนอกเรื่องไปแล้ว ขออภัยพี่แคนครับ กลับไปที่เรื่องของพี่แคนดีกว่าครับผม แหะ แหะ แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 48 00:05:04 จากคุณ : ลูกไทย หลานไทย - [ 11 เม.ย. 48 00:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 71 บุปผาชน เป็นพวกรักสงบ สัญลักษณ์ เลิฟ พีซ ( รูปตัว Y ภายในวงกลม ) มีกัญชาและดนตรีเป็นสรณะ แฟชั่นช่วงนั้นบางทีจะเรียก "ไซเคเดลิกส์" เป็นช่วงเบื่อหน่ายสงครามครับ...ช่วงสงครามเวียตนาม... บ้อบ ดีแล่น เป็นอีกคนหนึ่งที่สร้างเพลงสันติภาพออกมาเป็นต้นแบบของเพลงเพื่อชีวิตในปัจจุบัน เช่นเพลง นกสีเหลือง....ฯลฯ เพลงที่ใช้ในรุ่นผมต้องจิมมี่ เฮนดริก ต่อด้วยบีทเทิล ในช่วงหลังที่ไปเรียนดนตรีที่อินเดีย กลุ่มนิสิตนักศึกษาในไทย ผมไม่คิดว่าเป็นกลุ่มบุปผาชนนะครับ....รู้สึกว่าจะใช้ชีวิตเป็นแก่นสาร ออกค่ายอาสาพัฒนา เผยแพร่ประชาธิปไตย ในช่วง หลัง 14 ตุลา 16ก่อนมาเกิด 6 ตุลา 19 ช่วง 3 ปีก่อนเกิดเหตุ...นับเป็นช่วงที่ดีที่สุดช่วงหนึ่ง สำหรับการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ขนาด รัฐบาล มรว.เสนีย์ ปราโมช ยังปฏิเสธ เรื่องให้พระถนอม เดินทางออกนอกประเทศ...เพราะไม่มีกฎหมายให้เนรเทศคนไทย.... ฝ่ายนิสิตนักศึกษารักสงบ ต่อสู้ด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ แต่อีกฝ่าย มาแบบนอกกฎหมาย เด็ก ๆอาชีวะพกปืนหรา ก่อนเกิดเหตุ เมื่อก่อตั้ง "กระทิงแดง" เกิดเหตุทำลาย อาชีวะด้วยกัน ( เข้าใจว่าช่างกลสยามหรืออะไรไม่แน่ใจ ยกพวกตีกันฝ่ายช่างกลที่สนับสนุนนิสิตนักศึกษา ถูกปราบโดยกองกำลังกระทิงแดงอาชีวะฝ่ายกองกำลังเถื่อนครับ ตายกันไปหลายศพที่ฝั่งธนฯ ทำให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของกลุ่มนิสิตนักศึกษา อ่อนกำลังลง จนไม่อาจต้านทานได้ ) อ้อ...อาชีวะ ก็มีสองกลุ่มนะครับ จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 00:13:26 A:202.5.88.145 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณ ลูกไทย หลานไทย ไม่ผิดครับ...สงครามเวียตนามมันก็นานหลายปี เรื่องดนตรี ถอย พศ. - คศ.ลงไปได้ครับ ช่วง 6 ตุลา น่าจะเป็น ซาตาน่าแล้วนะครับ บ้านเรา รอยัลสไปรท์ ส่วนช่วง 2511-2516 บ้านเรา รู้สึกจะเป็น ดิอิม นะครับ จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 00:19:57 A:202.5.88.153 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 73 รองเท้าญวน ................ *เชลยศึกจำเป็น เป็นหัวข้อหนึ่งของหนังสือ “เปิดบันทึกนักโทษหญิง 6 ต.ค. 2519” ของคุณสุชีลา ตันชัยนันท์ ข้าพเจ้ารู้จักเธอ เพราะเธอเป็น นศ.มธ.รุ่นน้อง เธอเข้าร่วมชุมนุมประท้วงในธรรมศาสตร์ และถูกจับพร้อมกับเพื่อน ๆ เธอได้บันทึกเอาไว้ว่า ดังนี้ “ดิฉันถูกต้อนให้ขึ้นรถเมล์สาย 53 ซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นรถขนนักศึกษาประชาชน ที่ถูกจับกุมในธรรมศาสตร์ ในตอนสายของวันที่ 6 ต.ค.2519 พร้อมกับคนอื่น ๆ รถโดยสารถูกแปรสภาพให้เป็นรถรับส่งผู้รอดชีวิตจากการถูกสังหารหมู่ เคลื่อนตัวไปช้า ๆ พาผู้โดยสารจำเป็นทั้งชายหญิง วางมือประสานกันไว้บนศีรษะ วิ่งวนรอบสนามหลวง ก่อนที่จะตรงไปยังถนนราชดำเนิน กระเป๋ารถเมล์ทั้ง 4 คน ขยับปืน M.16 ไปมาแทนกระบอกตั๋ว เสียงพานท้ายปืนกระทบหัวของผู้โดยสารไม่ขาดระยะ พร้อมทั้งเสียงกระโชกโฮกฮาก “เอาxxxไว้ทำไม อั้ยพวกขายชาติ น่าจะยิงให้ตายห่าทั้งหมด” รถหยุดที่หน้ากระทรวงยุติธรรม คนกลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันขึ้นมาบนรถ พร้อมทั้งประเคนมือและเท้าใส่พวกเรา เสียงคำรามและเสียงพานท้ายปืนดังขึ้นอีก “อั้ยสัตว์ xxxหรือวะ อีคอมฯ นมxxxเหมือนคนเขาไหมวะ” หญิงสาวบนรถถูกลวนลามบีบเค้น ขยำตรงหน้าอกของเธอ โดยที่เธอและเพื่อน ๆ บนรถได้แต่สะอื้นอยู่ในอก ด้วยความขมขื่น ที่ถูกข่มเหงรังแกซึ่ง ๆ หน้า รถแล่นมาถึงโรงเรียนตำรวจนครบาลบางเขน พวกเราทั้งหมดถูกนำไปยังตึกเรือนจำชั่วคราว ซึ่งเคยใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องหาทางการเมืองมาแล้วหลายรุ่น ห้องขังทุกห้องแน่นขนัดไปด้วยเชลยศึกจำเป็นราวสามพันคนเศษ ดิฉันถูกนำไปอยู่ห้องริมสุด รวมกับผู้หญิงอีก 200 คน สร้างความเหน็ดเหนื่อย และอ่อนเพลียอย่างยิ่ง หลายคนอหลับอดนอนตลอดคืนแห่งการประท้วง ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงสุธรรมและเพื่อน ๆ ที่เดินทางไปพบนายกรัฐมนตรี 8 ต.ค. 2519 ผู้ต้องหาหญิงทั้งหมด ได้ถูกย้ายลงไปไว้ที่โรงยิมเนเซียม ภายนอกที่คุมขังชั่วคราว ยังคราคร่ำไปด้วยประชาชนนับหมื่นคน ที่รอเข้าเยี่ยมและรอประกันผู้ต้องหา *เกี่ยวกับรองเท้าญวน ดิฉันเลื่อนหนังสือพิมพ์ออกไปให้พ้นจากระดับสายตา ในขณะที่คนอื่น ๆ ต่างมุงดูกันอย่างใจจดใจจ่อ ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเห็นภาพอันสะเทือนใจที่เกิดขึ้น ส่วนอีกใจหนึ่ง ก็นึกสมเพชกับการเจาะข่าวอย่างเอาเป็นเอาตายกับ “รองเท้าญวน” ในที่ชุมนุม หนังสือพิมพ์ฉบับนั้น บรรยายว่า รองเท้าแตะกองใหญ่ที่พบในธรรมศาสตร์ ซึ่งฝ่ายตำรวจถือเป็นหลักฐานสำคัญอย่างหนึ่ง ในบรรดาหลักฐานสำคัญหลายอย่าง ที่จะเอาผิดกับผู้ชุมนุม “รองเท้าแตะญวนที่ไหนกัน ของฉันซื้อแถวประตูน้ำนี่เอง แหม ไล่ยิงอย่างกับอะไร ใครจะมามัวใส่รองเท้าได้ทัน” หญิงวัยกลางคนกล่าวขึ้นอย่างอึดอัดรำคาญ มีนายทหารผู้ใหญ่จากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินมาเยี่ยม อ้างว่าเป็นห่วงเรื่องสภาพความเป็นอยู่ของทุกคนที่นี่ แล้วก็แจกเสื้อประมาณ 20 ตัวพอเป็นพิธี ให้กับคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด พร้อมกับกล่าวว่า “พวกที่นี่ยังดีกว่าพวกที่ถูกจับไปอยู่นครปฐม พวกนั้นตอนผมไปเยี่ยม เขาไม่ยอมพูดกับผม และไม่มองหน้าคณะของเราเลย” มีคนกระซิบแผ่วๆ ว่า แน่นอนล่ะสิ คนที่ถูกส่งไปนครปฐม แต่ละคนถูกซ้อมจนคางเหลือง ทางบ้านดิฉันได้ยื่นขอประกันตัวถึง 3 ครั้ง แต่ต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องจากมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ถูกอายัดตัว บุญเกิด 10 เม.ย. 2548 19:19:05 .................................... ป๋าบุญเกิด เป็นศิษย์เก่า มธ. กำลังรวบรวมเขียนจากความทรงจำ....ครับ จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 00:32:08 A:202.5.88.158 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เรื่องถุงยางรับไม่ได้ ไม่จริงครับ  ป้ายสีทั้งเพ ไม่ใช่คนยุคนั้นทำไม่เป็น  แต่คนส่วนใหญ่รักนวลสงวนตัว และถึงคนที่เปิดใจกับเรื่องนี้ก็ไม่ประเจิดประเจ้อ บรรยากาศในธรรมศาสตร์ร้อนแรงอย่างนั้น ยิ่งไม่มีทาง นี่เป็นตัวอย่างของการทำโฆษณาชวนเชื่อที่สร้างความชิงชังและตราความชั่วให้ เรื่องบุปผาชน มาจากพวกฮิปปี้ในซานฟราน ยุคนั้น Berkley เป็นแหล่งพวกต่อต้านสงคราม แพ็ตตี้ เฮอร์ส ก็เกิดเรื่องราวๆนั้น วันรุ่นไทยเอาแบบเขาเฉพาะแต่งตัวและเพลง ของเราไม่มีเหตุหนีออกจากบ้านหรือกลายเป็นคนจรริมถนน กระบวนการนักศึกษาไทยเริ่มก่อตัวจากการประชุม World University Student ที่เชียงใหม่ราวๆ 11-12 แล้วมาประสานเป็นศูนย์นิสิตนักศึกษาในภายหลัง ธีรยุทธ มีบทจุดไฟสำคัญในยยุคก่อน 14 ตุลา จากคุณ : ฟังเรื่องป้านสีทนไม่ได้ครับ (X-CU) - [ 11 เม.ย. 48 00:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 75 WUS มาทำเรื่อง ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้ง 2512 ไงครับ ผมยังไปเป็นอาสาสมัครด้วยครับ เช้าเข้าคูหา แล้วรีบไปดูหน่วยเลือกตั้งที่รุ่นพี่กำหนดให้ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ ทุ่มเศษ... จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 02:27:04 A:202.5.88.151 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กลับมาเรื่อง "ญวน" ที่ออหักกล่าวถึงบ่อย ๆ ................................................... *ธรรมศาสตร์ มีญวน จริงหรือ ในหนังสือ "รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย" นายสมศักดิ์ ขวัญมงคล อดีตผู้นำกลุ่มกระทิงแดง ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ ดังนี้ "....ตอนเช้า (6 ต.ค.) เราเห็นคนตาย ถูกแขวนคอ ถูกเผาไฟ ผมก็เห็นอยู่คาตา จริง ๆ แล้ว มันเป็นคลื่นประชาชน ที่มาอยู่หน้าสนามหลวง คนที่ปีนออกมาจากธรรมศาสตร์ แล้วถูกตี เพราะมีคนตะโกนว่า "ญวน" ก็มีคนรุมไล่ตี ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร คนที่บาดเจ็บและตาย ในเหตุการณ์ 6 ตุลา ก็คือพวกที่ปีนรั้วหนีออกมา มีทั้งนักศึกษาและประชาชนที่อยู่ข้างในธรรมศาสตร์ ไม่มี "ญวน" หรอก แค่พูดกันไป มีคนคอยตะโกนว่า "ญวน" พวกที่ตี ก็บอกว่า นี่มันญวนนี่หว่า ก็มีเสียงตกใจ ส่งเสียงร้อง ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว กลุ่มคนที่อยู่หน้าธรรมศาสตร์ มีร้อยพ่อพันแม่นะ ขนาดผมยังถูกไล่เลย เขาบอกว่า ถอยไปนะ เดี๋ยวพวกกระทิงแดงจะมา จริง ๆ เราก็มากันอยู่แล้ว เพียง 100 กว่าคน......( สมศักดิ์คืออดีตหัวหน้ากระทิงแดง..ยังโดนไล่....) *ออหมัก อยู่ที่ไหน เมื่อ 6 ต.ค. จากเอกสารเรื่อง "เราต้องการผู้ว่า กทม.ที่มือเปื้อนเลือดจาก 6 ต.ค. 2519 หรือ ? ของอาจารย์ใจ ตอนหนึ่งมีข้อความว่า "....ในงาน "20 ปี 6 ต.ค. เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสดูวีดีโอ เหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น ดูแล้วนอนไม่หลับไปหลายคืน ผมจำได้ว่า ในตอนหน่งของวีดีโอนั้น ปรากฎว่า มีภาพของ สมัคร สุนทรเวช กำลังเดินเพ่นพ่านอยู่ที่สนามหลวง หน้าธรรมศาสตร์ ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนมาดูละคร แล้วผมจำได้ว่า คุณพ่อผมเคยเล่าให้ฟังว่า ในสมัยนั้น สมัคร สุนทรเวช ได้แต่ด่า ดร.ป๋วย ว่าเลวอย่างโน้น เลวอย่างนี้ ด่าเช้า ด่าเย็น ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แถมยังมีพระสงฆ์ที่ชื่อ กิตติวุฑโฒ ออกมาพูดว่า การฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาปด้วย...." ถ้าออหมักเดินยิ้มกริ่มอยู่ในสนามหลวง....คงได้ยินคำว่า...ญวน...คนนั้นหรือเปล่า...ไม่อาจคาดเดา...เลยฝังใจมานานเกือบ 30 ปี...เฮ้อ...หมักนะหมัก ตกลงหมักอยู่ที่ใหนในเช้าวันที่ 6 ตุลา 19 จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 02:48:27 A:202.5.88.159 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีครับ ลุง...เอ๊ย  พี่ Can  สบายดีนะครับ พี่ จนบัดนี้ พี่นึกออกหรือยังว่า หน้าตาผมเป็นยังไง ฮิ ๆ ผมแอบไปตีท้ายครัวจีบสาวคณะของพี่บ่อยๆ   ถ้าเห็นอีกที พี่คงจำหน้าผมได้ครับ บอกใบ้ให้หน่อยก็ได้ครับ ตอนเป็นอาสาสมัครของอาจารย์ป๋วยน่ะ   ผมอยู่ห้องเดียวกับยุทธพงศ์ (ระวี โดมพระจันทร์)   ตอนนั้น พี่แอ๋ว (คุณหญิง) อยู่โครงการแม่กลอง  ของอาจารย์ป๋วย  พี่เดช พุ่มคชา ทำงานอยู่ สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร    พี่นิคม เป็นอาจารย์ อยู่  อ. แม่ทะ ลำปาง แค่นี้ นึกออกยังครับ พี่ จากคุณ : AQUANAUTS - [ 11 เม.ย. 48 19:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ชัชวาลย์....ผมคุยคุณหญิงแอ๋ววันก่อนคุยถึงคุณด้วยล่ะ ท่านบอกแอบมาอ่านบ้างครับ ( ในราชดำเนิน )...ยังคุยถึง 2 นิคมแนะ...คุยเรื่องโครงการบัณฑิตอาสา ไอ้ก๊อง ไอ้แช้ด.. ท่านวางมือทางการเมืองจริง ๆ บอกว่าอยากมาช่วยภาคประชาชน แต่ผู้คนยังติดภาพ ปชป.ของท่านอยู่ครับ เลยบอกว่าขอช่วยเบื้องหลังละกัน ข่าวว่าจะหาแหล่งทุนมาให้จุฬาฯ ทำวิจัยเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง....น่าสนใจนะ ปล. มิน่า แอบรู้หมดผมจีบใคร อิ อิ จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 20:20:53 A:202.5.88.152 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณทุกท่านครับ ได้อะไรๆมากเลย สนุกดี (ไม่สนุกเฉพาะตอนมีการฆ่าคน ไม่ว่าจะกี่คน คนเดียว หรือสี่สิบกว่าคน อย่างที่น้าแคนเอาชื่อมายืนยัน ก็น่าเศร้าทั้งนั้น) ผมคิดว่า ปะติดปะต่อได้มากขึ้น แล้ว จากการที่ไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ ในเรื่อง6 ตค.2519 และที่บ้านก็ไม่ค่อยเล่าเลย (หรือว่าพวกเขาเป็นเด็กเรียน แบบท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ค่อยบู้แบบน้าๆข้างบน อิๆๆๆๆ) ผมอยากให้คนรุ่นหลังรู้ด้วย เพราะหลายคน ทั้งเพื่อน และรุ่นน้อง ยังพุดว่า 16ตุลา , 19 ตุลาอยู่เลย พศ.ยังเข้าใจผิด นับประสาอะไรกับข้อเท็จจริงหละ มันส์มากเลย ประวัติศาสตร์ช่วงนั้น!!!!! ขอถามหน่อย ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ พวกน้าๆกลัวกันบ้างไหมครับ ว่าเราไปร่วมอะไรแบบนี้ แล้วจะถุกทำร้าย ปล. มีหนังสืออะไร เกี่ยวกับช่วง16-19 ที่ดีๆ ที่ตอนนี้ยังมีขายบ้าง ไม่เอาแบบบิดเบือน หรือที่แบบว่าเขียนโดยผู้ชนะน้า จะหาซื้อได้ไหนครับ ใครรู้ช่วยบอกเอาบุญ กระทู้นี้ ผมเซฟไว้แล้ว ขออนุญาตนะครับ ทุกท่าน จากคุณ : ผมว่านะ - [ 11 เม.ย. 48 22:33:11 A:203.118.125.115 X: TicketID:087040 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ใช่ครับ พี่ Can เจอพี่ ๆ ส.ม. ผมก็คุยถึงพี่ Can  และพี่ไมตรี และคนอื่นๆ หลายๆ ครั้ง ตอนเกิด Tsunami ลงไปใต้ยังเจอศิษย์เก่า ส.ม. ที่ชื่อ พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัฒน์ ผู้บังคับการกองสารนิเทศ  เลยครับ ตอนนี้ดังแล้วครับ  ผมเลยอาศัยใบบุญได้นั่ง ฮ.ตำรวจกลับฝั่ง   รักษาสุขภาพนะครับพี่   ผมเองก็เริ่มจะเดี้ยงแล้วเหมือนกัน โถ ก็หลังพี่แค่ปีเดียวเองครับ จากคุณ : AQUANAUTS - [ 11 เม.ย. 48 23:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ตอบ AQUANAUTS พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัฒน์ ( น้องชาย แดง จากัวร์ ) อืมม...เดินตามท่านพจน์ บุณยะจินดา ไปใกลแล้วน่ายินดี .......................................... ตอบคุณ ผมว่านะ ใครบ้างไม่กลัวตาย...อย่างที่บอกตอนนั้นคงมีหลากหลายอารมณ์ครับ...( หมายถึง 14 ตุลา ) แต่การเห็นเพื่อน ๆ โดนยิงร่วง ผลอย ๆ...มันก็มีอารมณ์แค้นมากกว่า มีก้อนอิฐ ก้อนหิน ก็ขว้างใส่ทหาร บางทีไม่ข้ามคลอง( หน้ากรมสรรพากร ) ด้วยซ้ำ อ่านหนังสือเรื่องบันทึกเหตุการณ์ มีเยอะนะครับ คราว 30 ปี 14 ตุลา ออกมากว่า 7-8 เล่ม ผมไม่แน่ใจ ลอง ๆ หาที่สำนักพิมพ์ต่าง ๆน่าจะมีครับ แต่จะบอกว่าฉบับใหนไม่บิดเบือน อันนี้ต้องตรวจสอบด้วยตนเองครับ แต่ในเว็บ 14 ตุลา และ 6 ตุลา ได้รับการชำระมาแล้วในระดับหนึ่ง การรวบรวมเหตุการณ์ตามลำดับเวลา จากนิตยสารสารคดี เชื่อได้ครับ ส่วนคำให้การต่าง ๆเป็นเรื่องของตัวเองให้สัมภาษณ์และบันทึก เค้ารับผิดชอบด้วยตัวเองอยู่แล้วนี่ครับ จากคุณ : Can - [ 11 เม.ย. 48 23:51:27 A:202.5.88.151 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณมากครับ น้าแคน นิตยสารสารคดี ฉบับรายปักษ์ หรือฉบับพิเศษอะครับ ผมมีฉบับพิเศษ "คนจริง คนกล้า" มีประวัติพระเจ้าตาก ที่น่าสนใจมากเลยครับ ไม่เคยเห็นในตำราเขียนอย่างนี้ แล้วเขามีอ้างอิงที่มาที่ไป อ่านแล้วเพลินดี จากคุณ : ผมว่านะ - [ 12 เม.ย. 48 22:19:12 A:203.118.125.230 X: TicketID:087040 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อืมม์... จากคุณ : ลำนำเมือง - [ 12 เม.ย. 48 23:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 84 39 & 41 เค้าตบทำไมรึ? วางก้าม? ไม่สบอารมณ์? หรือถูกยั่วยุก่อน...ผมรู้สึกไม่ค่อยดีกับตระกูล"ไอ้ปื๊ด"นี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จากคุณ : หมกมุ่นหน้าจอ - [ 16 เม.ย. 48 16:16:14 A:192.168.1.51 X:202.129.52.202 TicketID:036045 ]

ความคิดเห็นที่ 85 พูดถึงหกตุลา...กระทู้นี้น่ากลัว ผมอ่านกระทู้นี้ แล้วทำให้รู้สึกสับสนเหมือนกัน http://www.thaingo.org/webboard/view.php?id=1066 ไม่ได้น่ากลัวที่กระทู้ แต่น่ากลัวที่ความเห็น 2-3 ข้อ ในกระทู้ เหมือนจะจ้องพาดพิงเบื้องบน??? จากคุณ : หมกมุ่นหน้าจอ - [ 16 เม.ย. 48 16:33:21 A:192.168.1.51 X:202.129.52.202 TicketID:036045 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ตอบคุณ หมกมุ่นหน้าจอ ผมจำเนื้อหาเรื่องราวไม่ค่อยได้ แต่วันนั้นมี "พญาไม้" นั่งทานเหล้าอยู่ด้วยนะครับ ผมไม่ค่อยแน่ใจ """"""""""""""""""""""""""""""""""""" กระทู้ในนั้นมีการตอบโต้กันแล้วนี่ครับ คุณน้ำตาลตอบได้ดี จากคุณ : Can - [ 26 เม.ย. 48 06:15:54 A:202.5.88.136 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 87 โอว กระทู้แฉ เปิดเผยอายุกันทั้งนั้นเลย หุหุ เข้ามาอ่านๆ หุหุ จากคุณ : Tt009 - [ 26 เม.ย. 48 14:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เรื่อง <<< 14 ตุลาฯ >>> ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน คนในเหตุการณ์ก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หนังสือทุกเล่มที่ออกมา ก็เข้าข้างตามเหตุผลของผู้เขียนท่านนั้นๆ เข้าใจและต้องการกล่าวอ้างทั้งสิ้น ... สิทธิของการเชื่อถือ น่าจะเป็นของผู้อ่านและผู้ฟัง ว่าสมควรเป็นอย่างไร เหตุผลนั้นดีหรือไม่ดีขนาดไหน? เป็นเรื่องที่เราผู้อ่านจะต้องระวัง และ ตั้งใจศึกษาค้นคว้าต่อไป เพื่อที่จะต้องการทราบข้อเท็จจริงนั้นๆ ... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์ไทย เราก็เข้าใจว่ามีการตบแต่งมาตลอด จนทำให้มีการหาเหตุผลต่างๆ มาคัดค้านกันอยู่เรื่อยๆ ........................................... คำตอบของคุณน้ำตาลในกระท้นั้นชอบแล้ว ส่วนความเห้นหมิ่นเหม่อื่น ๆ คนอ่านก็ต้องใช้วิจารณญาณครับ การศึกษาประวัติศาสตร์ต้องเปิดใจรับฟังก่อน แล้วค่อย ๆตัดความไม่น่าเชื่อถือออกไป ที่สำคัญต้องเปิดใจครับ.... จากคุณ : Can - [ 26 เม.ย. 48 15:29:04 A:202.5.88.148 X: TicketID:014491 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เผอิญได้อ่านกระทู้นี้ ก็เลยได้รู้ background ของคุณ Can บ้าง แต่จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกันหรือเปล่า คงสวนกันไปมา ไปค่าย สจม. กับคุณหญิงแอ๋ว ณ สอมอ อยู่รุ่นเดียวกัน แต่เราเรียนคณะที่ทำตัวเป็นนักเลงโตนิดหน่อย มีเพื่อนเข้าป่าไปหลายคน กลับมาแล้วเปลี่ยนไปก็มี เหมือนเดิมก็มี บางคนสร้างภาพไว้ดีมาก แต่รู้จักจริงแล้วผิดหวัง ที่เขียนไม่ต้องการอะไร บอกว่า ชอบลีลาการใช้ความคิดและความเปิดกว้างในการฟังความเห็นของคุณ can มาก คนในนี้มักคิดเป็นระบบเชิงเส้น คือ ถ้า x กับ y ไม่ชอบกัน แล้วถ้าเราไม่ชอบ x ก็คิดว่า เราเชียร์ y ความจริง เราอาจไม่ชอบทั้ง x และ y ทั้งคู่ด้วยเหตุผลต่างๆกันก็ได้ เท่าที่อ่านมา คุณ Can เป็นคนแยกแยะประเด็นได้ดี วิเคราะห์สถานการณ์โดยไม่ยึดกับการชอบหรือไม่ชอบปัจเจกบุคคล นับถือ นับถือ จากคุณ : คนค่าย - [ 26 เม.ย. 48 18:22:53 A:221.128.101.60 X: TicketID:095137 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณครับ....คงจำพี่ยักษ์ ณ สอมอ. ได้กระมังครับ รุ่นผมชมรมค่าย ก็พวก ไอ้กิ่ง ไอ้แช้ด ไอ้ก๊อง สาว ๆทั้งนั้นเจอหน้าผมพี่ก็จำได้แน่อน เพราะรุ่นผม ผู้ชายแค่ 14 คน พี่ ๆ วิศวะมาจีบสาว ๆ รุ่นผมหลายคนนะครับ ต่างก็แต่งงานแต่งการกันไปหมดแล้ว ( ไม่ได้แอ้มซักคน ) เมื่อซัก 2-3 เดือนที่แล้ว ก็เจอกลุ่มพี่ๆ วิศวะสาวๆเพื่อนผม ชวนกันมามีตติ้ง เดี๋ยวนี้พวกเค้าก็ยังคบเป็นพี่เป็นน้องกลุ่มใหญ่เหมือนกันครับ ( พาลูกมาโชว์กันใหญ่ ) คณะผมเหมือนสหประชาชาติ ใคร ๆก็รัก สอมอ. อิ อิ ขอบคุณอีกครั้งครับพี่ จากคุณ : Can - [ 27 เม.ย. 48 03:32:25 A:202.5.88.158 X: TicketID:014491 ]