CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริง

    มนุษย์แปลว่าผู้มีจิตใจอันสูง…คนถูกยกระดับความสำคัญให้แลดูสูงกว่าสัตว์ชนิดใดๆ  และเยียบย้ำสัตว์สายพันธุ์อื่นว่าเป็นสัตว์ชั้นต่ำ……แต่สุดท้ายก็ไม่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นคือต้องทอดร่างให้กับแผ่นดิน

    สุดท้ายก็ถูกธรรมชาติค่อยๆย่อยสลายความหยาบที่ประกอบมาเป็นกายของคนให้แตกย่อยละเอียดกลายเป็นจุลธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ…รอให้สิ่งมีชีวิตอื่นเข้ามาดูดซับปรับเปลี่ยนรูปร่างเปลี่ยนพันธะการเหนี่ยว  ให้ไปเกิดเป็นเนื้อหนังหรือองค์ประกอบของชีวิตในสิ่งมีชีวิตตัวอื่น….

    เมื่อ Born ใหม่เกิดขึ้น องค์ประกอบของการมีชีวิตก็จะปรับเปลี่ยนกระบวนท่าไปตามชุดคำสั่ง(gene) ชุดใหม่….หมายถึงจากคนสู่พืชหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ…หรือรอคอยการสำเนาตัวเองอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะถึงวันที่มีความเหมาะสมชีวิตก็จะฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง

    อัตตา...คือความปรารถนาในตัวตนปนอยู่จิตขั้นต่ำทำให้เกิด  ความยึดมั่น  อยากมี  อยากได้  อยากเอา …ความอยากจะทำให้ดวงตาพร่ามัว..จิตใจขุ่นหมอง..และเป็นเหตุแห่งความไม่รู้หรือเป็นต้นเหตุหนึ่งแห่งทุกข์

    วาจาหยาบคาย สามหาว ส่อเสียด เย้ยเยาะ และเจือปนร้อยเล่ห์มายา---->  คือผลผลิตหนึ่งของอัตตาเพื่อพุ่งสู่การไปทำร้ายผู้อื่นเพราะเหตุของความไม่สมประโยชน์  อาจเป็นอุบายในการปรับตนเพื่อหลีกหนีการตกอยู่ในเลนของผู้แพ้

    ชนะ – แพ้…..เป็นคำที่เกิดมาจากพลังของสัตว์โลกที่ขับเคลื่อนด้วยฮอร์โมนขั้นต่ำที่รู้จักกันในภาษาชาวบ้านว่าตัณหาหรือความอยาก…เมื่อมันสมอยากหรือสมประโยชน์ใจมันก็ลิงโลดในชัยชนะ…แต่หากไม่ประสบผลอารมณ์ก็จะบิดเบี้ยว  ตัณหาอาจจะลุกโชนมากขึ้นกว่าเก่า  หรือบางทีก็อาจจะท้อแท้เบื่อหน่ายยอมแพ้กับชีวิตไปเลยก็มี

    คนเราเกิดมาไม่มีใครอยากจะตกอยู่ในเลนของผู้แพ้ตลอดไป  ผู้แพ้จึงต้องรู้จักการสำรวจตน  ตั้งมั่น  อดทน  เรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาด  วันหนึ่งก็จะกลับไปอยู่ในฝั่งผู้ชนะ…ชัยชนะจึงอยู่ที่การบริหารปัญญา  ต้องฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะก้าวสู่ความเป็นคนฉลาด  บางครั้งต้องรู้จัก”ฉลาด” ที่จะ”โง่”..เพื่อรอคอยความสำเร็จที่จะตามมาทีหลัง

    พุทธ…คือผู้รู้…เป็นศาสนาที่เน้นหลักเหตุผล เน้นการใช้ปัญญานำจิตขั้นต่ำ…ไม่ใช้เกียร์ออโต้แต่ใช้เกียร์ธรรมดาในการขับเคลื่อนตามจังหวะการเรียกร้องของกิเลส   ปัญญาจะถูกนำมาเป็นเข็มทิศในการดำเนินชีวิต  เพื่อสร้างความสมดุลในการกระทำ  ทั้งภาครับและภาคให้ ปลดเปลื้องความไม่เห็นแก่ตัว  เน้นความสมานฉันท์เผื่อแผ่แบ่งบันกันในสังคม…. จึงเป็นปฐมบทของการอยู่ร่วมกันในสังคมของการใช้ปัญญา

    ศาสนาพุทธอุบัติขึ้นเพราะโลกและสรรพสัตว์มีทุกข์ ดังนั้น แก่นของพระศาสนาจึงมีแต่เรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ หัวใจของคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงเป็นไปเพื่อการดับทุกข์ทั้งสิ้น นี่คือแก่น หมายความว่า อะไรที่ไม่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์ สิ่งเหล่านั้นพิจารณาได้แค่เปลือกของพระศาสนาเพียงเท่านั้น

    คำสอนหลักๆที่เป็นแก่นของศาสนาคืออะไร

    หนึ่ง ไตรลักษณ์ ที่เป็นหลักหรือแก่นที่บอกว่า สรรพสิ่งประกอบไปด้วยลักษณะสามประการ คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตนที่แท้จริง

    สอง อริยสัจสี่ กล่าวถึงเรื่องการเกิดทุกข์และการดับทุกข์

    สามเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท คือเรื่องของจิตล้วนๆ อันนำไปสู่การเวียนว่ายในสงสารวัฏหรือวัฏสงสาร

    สี่เรื่องมัชฌิมาธรรม หรือธรรมที่เป็นกลางๆ ไม่ตึงไปไม่หย่อนไป

    การเถียงกันโดยเดินตามหลังตัณหาและยึดอัตตาเป็นที่ตั้งก็คือการเถียงแบบใช้เกียร์ออโต้…..เป็นการเถียงที่เดินตามระบบอัตโนมัติของอารมณ์…ที่ปล่อยให้ความสมประโยชน์มันเข้าครอบงำ…พระพุทธเจ้าจำแนกคนออกตามเหล่าของบัว…บัวเหล่าล่างสุดคือบัวอาหารเต่า  ไม่มีโอกาสได้รับรู้หรือมีโลกทัศน์ที่เปิดกว้างกลับใครเขา….แต่ถึงแม้นเกิดมาโง่ถูกครอบงำด้วยอวิชชา  แต่การเกิดก็ยังคงประโยชน์แก่ฝูงเต่าปลาปู …

    วันนี้สังคมเรากำลังย่ำแย่เพราะถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมการเสพ-กิน จนถึงขั้นหลงไหลวัตถุมากกว่าความเป็นมนุษย์… เกิดคนจำพวกใหม่ที่แย่ยิ่งกว่าบัวเหล่าที่สี่ขึ้นมากมาย  พวกนี้แย่กว่าเพราะเกิดมาไม่คิดจะยังประโยชน์แก่ผู้ใด   พวกนี้จะเอาความโลภเป็นตัวนำทางชีวิต  แผนที่ชีวิตจะเดินตามกิเลสแบบสุดโต่ง  อวิชชาหรือความโง่จึงบดบังไปเสียทุกเรื่อง …

    บัวเหล่าพิเศษที่เกิดขึ้นใหม่นี้เขาเรียกกันว่า  “บัวเต่าถุย”   พวกนี้เป็นพวกที่ทั้งโง่  ทั้งดื้อ  ทั้งโลภและมีพฤติกรรมที่สุดโต่งในทางลบ…ไม่เคยคิดหรือมีแนวทางที่จะยังประโยชน์ให้แก่ผู้ใดเลย  หากเต่าตัวใดเผลอไปงับเข้าก็ต้องรีบถุยทิ้ง…บัวเหล่านี้เกิดมาเปลืองเนื้อที่สระ  เพราะนอกจากจะหาคุณค่าอะไรไม่ได้แล้วยังเป็นตัวบ่อนทำลายความสงบสุขของสังคมด้วย

    พวกบัวเต่าถุยจะใช้เกียร์ออโต้ในการดำเนินชีวิต  อยากได้อะไรก็หาหนทางไปเอามาเป็นของตัวจนได้…เส้นทางไหนที่ลัด-ง่าย-และสั้นพวกนี้จะเลือกใช้   จะชั่วช้าสามานอย่างไรก็ไม่ต้องไปสนใจใคร…ตัวเองได้ประโยชน์อย่างเดียวเป็นพอ  

    คงจะเป็นความเสื่อมของสังคมไทย ที่เน้นการพัฒนาที่เปลือกนอก  ไม่สนใจในการลงทุนมนุษย์กันอย่างแท้จริง…การศึกษาสมัยใหม่ก็ยังคงเน้นที่การแข่งขันหายอดคนเก่งที่มีแต่ความอ้วนทางสมอง  เพื่อมุ่งสู่ถนนของการเป็นเจ้าแห่งความรวย  แต่บกพร่องทางกายและพิการทางใจ …โปรแกรมเรียนพิเศษถูกบรรจุไว้ให้กับเด็กไทยรุ่นใหม่  เป็นการเรียนกันแบบบ้าคลั่งตั้งแต่ประถมยันมัธยม  เน้นแต่ภาคความรู้ในทางทฤษฎี   อัดแต่การท่องจำ  และคิดแต่โจทย์เลข…สอนแต่การบดอัดความรู้เข้าไปในสมอง  เน้นแต่วิชาคิด  วิชาเครื่อง  แต่ละเลยที่จะใส่วิชาคนเข้าไป   เด็กไทยรุ่นใหม่จึงเติบโตขึ้นมาพร้อมการพิการทางใจ

    ดังนั้นการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีจึงสามารถปฏิบัติได้อย่างง่ายๆ คือรู้จักบริหารปัญญาให้เกิดประโยชน์ที่สมดุลแก่ตัวเราและสังคมที่เราอาศัยอยู่

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 18 เม.ย. 48 06:59:06 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป