CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ขอแสดงความเสียใจกับ ม.ทักษิณ ที่มีอธิการฯ แบบนี้ (กรณีสอบเข้ามหาวิทยาลัย)

    ได้ดูรายการถึงลูกถึงคนเมื่อคืนวันพฤหัสฯ ที่ 28 เม.ย. เรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบ admission คุณสรยุทธเชิญเด็ก ๆ รวมทั้งคุณหมอที่เป็นประธานเครือข่ายผู้ปกครองที่ไม่เห็นด้วยกับระบบนี้ และรายการก็เชิญ รศ.ดร. ซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่จำนามสกุลได้ แต่ขอไม่พูดดีกว่า เป็นอธิการบดีของ ม. ทักษิณ ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนระบบใหม่ ดูแล้วเกิดอาการขัดใจกับอาจารย์คนนี้เป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าถ้าเราเป็นคนใน ม.ทักษิณ คงจะอึดอัดมากเพราะอาจารย์ท่านนี้ทำกิริยาถ่อย ๆ ออกอากาศให้เห็นดังนี้ (ถ้าเจ้าตัวไม่เชื่อ ควรไปขอเทปมาดูตัวเอง)

    - เวลาตัวเองพูด คนอื่นเขาก็ฟังตามมารยาท แต่เวลาคนอื่นพูด ตัวเองกลับมีกิริยาที่น่ารังเกียจและไม่มีมารยาท เช่น ไม่มองหน้าคนพูด มองเพดานบ้าง มองพื้นบ้าง ทำปากเบะทำนองเยาะเย้ยถากถาง เหมือนว่าคนอื่นเขาไม่มีความคิด

    นอกจากกิริยาถ่อย ๆ แล้ว ยังแสดงความโง่เง่า ไร้สติปัญญาออกมาอีก จะสนับสนุนระบบใหม่ เราก็อุตส่าห์ทำใจเป็นกลางว่าจะมีอะไรดีบ้าง ก็ไม่เห็นจะพูดให้เข้าเป้า หรือฟังแล้วน่าเชื่อถือ เด็ก ๆ หลายคนแย้งอย่างมีเหตุผลมาก คนคนนี้ก็ตะแบงออกข้าง ๆ ทั้งที่ไม่มีเหตุผล เช่น

    - เด็กเขาบอกว่าเกรดของแต่ละโรงเรียนมันคนละมาตรฐาน เพราะฉะนั้นไม่ได้สะท้อนความสามารถจริง ลดจาก 40 เปอร์เซนต์ลงหน่อยได้ไหม ก็ตอบไม่ตรงคำถาม ลากไปลากมา แล้วก็บอกว่ารอให้เต่ามีหนวดก็หามาตรฐานในโรงเรียนไม่ได้ อ้าว ก็ยอมรับออกมาอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ควรใช้เกรดเฉลี่ยเป็นคะแนนมาตรฐานสิ
    - พอคุณหมอเขาบอกว่ามหาวิทยาลัยอาจจะไม่ได้เด็กเก่ง ๆ เข้าไปเรียน เมื่อเข้าไปแล้วเรียนไม่ไหวก็จะเสียทรัพยากร ก็ตะแบงออกไปอีกว่าเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่จะไปพัฒนาปรับพื้นฐานของนักศึกษา อ้าว แล้วเด็ก ๆ ที่เก่งอยู่แล้วน่ะ ทำไมไม่รับเขาเข้าไป สิทธิของเด็กเก่งจะอยู่ตรงไหนละ คุณหมอเขาก็เลยแย้งว่าถ้ามหาวิทยาลัยไม่ต้องการเด็กที่เก่งอยู่แล้ว หรือว่ามหาวิทยาลัยมีความสามารถที่จะพัฒนาคนให้เท่ากันได้ทุกคน (ซึ่งคุณเชื่อไหมล่ะ) ก็ให้จับฉลากไปเลยดีกว่า เจ้าอาจารย์คนนี้ ก็ตอบตะแบงไปแบบไม่ได้ศัพท์ ถ้าไปถามคนเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนะ เขาก็อยากได้เด็กเก่ง ๆ ทั้งนั้นแหละ คนเรามันมีหลายระดับ บางคนพัฒนาได้ บางคนพัฒนาไม่ได้ ประสบการณ์ตัวเองนี่นะ สอนคนที่ไม่มีศักยภาพเนี่ย มันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา และคนพวกนี้ทำยังไงก็พัฒนาไม่ได้ จะบอกว่าเราไร้ความสามารถในการสอนก็ยอม
    - บอกว่าหลักสูตรต้องแปรไปตามภูมิภาคจะได้ยุติธรรมกับเด็ก ขอถามหน่อยว่า วิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา หรือภาษาอังกฤษ มันต้องผันแปรตามภูมิภาคด้วยเหรอ งั้นวิทยาศาสตร์โอลิมปิกเขาก็แข่งกันไม่ได้ละสิ วิชาพวกนี้มีความเป็นสากล เรียนที่ไหนก็ต้องรู้หลักการเหมือน ๆ กัน อาจารย์คนนี้ยิ่งพูดมากก็ยิ่งขยายขี้เท่อ ไม่รู้เป็นอธิการได้ไง
    - แล้วพอเด็ก ๆ เขาบอกว่าระบบใหม่จะทำให้ต้องเรียนกวดวิชาตั้ง 3 ปีตอนม.ปลาย แทนที่จะกวดวิชากันในปีสุดท้ายก่อนเอ็นฯ ตาคนนี้ก็ไม่ยอมตอบ สงสัยจะตอบไม่ได้
    - พอคนเขาแย้งว่าระบบใหม่นี้ยังไม่มีการวิจัยว่าจะใช้ได้ผลหรือมีข้อดีอะไร ก็ดันตอบว่าต้องลองดูก่อน จะมีการวิจัยต่อจากนี้ไป อะไรกัน เห็นเด็ก ๆ และการศึกษาเป็นหนูทดลองหรือยังไง คนจบปริญญาเอกพูดอย่างนี้ได้ยังไง พูดเหมือนไม่ได้ใช้สมอง ระบบยังไม่เคยใช้ก็จริง แต่สามารถวิจัยดูความเป็นไปได้และแนวโน้มได้ คนทำธุรกิจก่อนทำเขาก็ต้องดูความเป็นไปได้ เขาไม่รอให้เจ๊งก่อนหรอก

    ที่บอกว่าขอแสดงความเสียใจกับ ม.ทักษิณ ก็เพราะมีอธิการบดีแบบนี้ไง นึกภาพออกเลยว่าการประชุมที่นั่นจะเป็นยังไง คนอื่นคงไม่ได้ออกความเห็นหรอก และอีตานี้คงจะพูดอยู่คนเดียวและทำสิ่ง (โง่ ๆ) ที่ตัวเองคิดอยู่คนเดียวว่าดี คนที่ดูรายการวันนั้น ก็อย่าคิดว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นอย่างนั้นหมด เราก็เป็นคนมหาวิทยาลัยเหมือนกันยังฟังดูแล้วขัดใจมาก มีคำถามต่อ (และคำตอบของเราเองด้วย)

    - มหาวิทยาลัยมีไว้ทำไม มหาวิทยาลัยควรเป็นแหล่งคนคว้าและสร้างความรู้ระดับสูงไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้น ต้องเอาคนมีศักยภาพสูงเข้ามา ไม่ใช่ใคร ๆ ก็เข้ามาเรียนได้ ยกเว้นว่าสมัยนี้มีมหาวิทยาลัยเยอะแยะและต่างคุณภาพกัน เหลือมหาวิทยาลัยดี ๆ ไว้เป็นที่พึ่งของประเทศชาติบ้างเถอะ
    - สิทธิของเด็กเรียนเก่งอยู่ที่ไหน ตอนนี้บอกว่าให้เท่าเทียมกันโดยใช้เกรดในโรงเรียน มันจะเท่ากันได้ยังไง ก็คุณภาพการเรียนการสอนมันต่างกันชัด ๆ เด็กที่เก่งควรได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และที่พูดนี่ไม่ได้แปลว่าเฉพาะเด็กกรุงเทพนะ เพราะเด็กต่างจังหวัดเก่ง ๆ ก็มีมาก และเขาก็จะเสียประโยชน์เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยเพราะเผอิญเกรดในโรงเรียนเขาเท่ากับเด็กในโรงเรียนมาตรฐานต่ำอื่น ๆ การศึกษาควรให้โอกาสคนที่มีศักยภาพในตัวได้พัฒนาเต็มศักยภาพที่เขามี ไม่ใช่ไปเอาคนที่ไม่มีศักยภาพเข้ามาเรียน
    - ถ้าเด็ก ๆ เขาเรียน ม.ปลาย แล้วเกิดพลาดในเทอมใดเทอมหนึ่งหรือปีใดปีหนึ่ง ได้เกรดน้อย ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามจะทำยังไง คนเราพลาดกันได้แต่คนเราก็พัฒนาและแก้ไขได้เช่นกัน หากเรียนพลาดไปสักปีหนึ่ง ระบบเก่าก็ให้โอกาสว่าถ้ากลับมาขยันทีหลังก็มีโอกาสแก้ตัวได้ เข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ถ้าเป็นระบบใหม่จะทำยังไงล่ะ จะให้กลับไปเรียน ม.ปลายเพื่อทำคะแนนใหม่เหรอ เคยมีเพื่อนรุ่นน้องสมัย ม.ปลาย เรียนสายวิทย์ไปแล้วเกิดไม่ชอบ คะแนน GPA ห่วยมาก ไม่ถึง 2 แต่ในที่สุดก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นที่หมายปองของนักเรียนส่วนใหญ่ ในคณะที่เป็นที่หมายปองของนักเรียนสายศิลป์จำนวนมากเช่นกันได้ นี่คือข้อดีของระบบเก่า (เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว) ถ้าให้ใช้ระบบ admission แบบใหม่นี้ คงไม่มีโอกาส คะแนน ม. ปลาย คงเป็นตราบาปในชีวิตที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และเป็นอุปสรรคไปตลอดชีวิต

    คนที่มีอำนาจก็คิดกันดี ๆ แล้วกัน มันเป็นอนาคตของชาติโดยรวม ไม่ใช่อนาคตของเด็ก ๆ เท่านั้น ถ้ามหาวิทยาลัยไม่ได้คนเก่ง ๆ ประเทศจะพัฒนายังไง ไม่มีระบบใดที่ยุติธรรมสำหรับทุกคน แต่เราคิดว่าระบบเดิมดีที่สุดแล้วในขณะนี้ อย่างน้อยก็ตอบโจทย์และสนองความต้องการของมหาวิทยาลัยได้ คือได้คนเก่งและคนมีศักยภาพเข้าไปพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

    จากคุณ : คนมหาวิทยาลัย - [ 30 เม.ย. 48 10:15:55 A:203.155.14.5 X: TicketID:006761 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป