ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อผ่านห้องกษัตริย์มาแล้ว เชื่อมต่อด้วยโถงทางเดินห้องกระจก ต่อไปก็เป็นส่วนของราชินี นี่เป็นเตียงพระบรรทมของราชินี.. จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภาพขยายแท่นพระบรรทมจากข้างบน ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพนี้มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์ของพระราชวังแวร์ซายส์ เป็นภาพพระนางมารี อองตัวเน็ตกับลูกๆ ทั้งสามคน  ลูกสาวคนโตยืนอยู่ข้างพระนาง คนกลางคือคนที่ชี้มือ เด็กที่อยู่บนตักคือหลุยส์ที่17 ซึ่งเสียชีวิตในปี 1795 ขณะยังเด็กมาก  นอกนั้นถูกจับฆ่าในวันที่แวร์ซายส์ถูกบุก จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นี่เป็นภาพประวัติศาสตร์อีกภาพหนึ่งของแวร์ซายส์  เมื่อจักรพรรคินโปเลียน  สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ท่ามกลางความไม่ยินยอมพร้อมใจของพระสันตปาปา   ในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษกซึ่งตามประเพณีแล้ว พระสันตปาปาจะต้องเป็นผู้สวมมงกุฎให้กับกษัตริย์และราชินี   แต่พระสันตปาปาไม่ทรงยินยอม  นโปเลียนจึงฉวยมงกุฏจากพระหัตถ์ของพระสันตปาปามาสวมเอง และในภาพกำลังจะสวมให้กับพระนางโจเซฟีน ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลดขนาดภาพข้างบนให้นะครับ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในสมัยนโปเลียนได้พยายามที่จะบูรณะแวร์ซายส์อีกครั้งหนึ่ง  เพราะเห็นว่านี่คือ สัญญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส โดยวางแผนจะให้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกราชวงศ์  แต่ความพยายามของนโปเลียนยังไม่บรรลุผล ก็สิ้นสุดยุคของท่านเสียก่อน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 48 15:44:34 จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอปรับความคมชัดภาพข้างบนหน่อยนะครับ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 15:47:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ศพของนโปเลียนถูกฝังอยู่ในวิหารโดมทองคำ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของรพ.ทหารผ่านศึก  ตั้งอยู่ในกรุงปารีสนี่แหละแต่ไม่ใช่ที่แวร์ซายส์ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ สงสัยเป็นแผนทำให้คนตาเหล่  ฮ่า จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมใช้เวลาอยู่ในแวร์ซายส์ชั่วโมงเศษๆ  แล้วจึงไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์  ที่นี่เดิมเป็นพระราชวังของกษัตริย์ก่อนที่จะย้ายไปแวร์ซายส์  ปัจจุบันเป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปมีค่าคณานัปของฝรั่งเศสและยุโรป   โดยเฉพาะแม่เหล็กที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาชมในแต่ละปีเป็นล้านๆ คน คือ ภาพเขียนโมนาลิซ่าของศิลปินลิโอนาโด ดาวินชี่ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก งานศิลปะที่รวบรวมและจัดแสดง อาจแบ่งได้เป็น โบราณวัตถุของตะวันออก โบราณวัตถุของอียิปต์ โบราณวัตถุของกรีก อิทรัสคันและโรมัน จิตรกรรม ประติมากรรม และศิลปวัตถุตั้งแต่ยุคกลางจนถึงปีค.ศ. ๑๘๕๐ ถ้าใครคิดว่าจะมาที่นี่เพื่อชมภาพโมนาลิซ่าเป็นบุญตาก็เอาเถอะครับ  แต่จะเก็บรายละเอียดอะไรมากไม่ได้ เพราะเขาตั้งเขตหวงห้ามเอาไว้รอบๆ ภาพ  ห้ามแสงแฟลชเด็ดขาด  และคนแน่นมากในวันนี้ ที่น่ากังขาก็คือ  ไม่รู้ว่าภาพนี้มันของจริง หรือ ของเลียนแบบด้วยนี่สิ!! จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ผมก็ได้เดินทางต่อไปเที่ยวชมโบสถ์นอตเธอร์แดม  วิหารแบบกอธิคที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป สร้างในศตวรรษที่12  ปัจจุบันยังเป็นศาสนสถานที่เปิดให้ชาวคริสต์เข้าประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้อย่างปกติ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หน้าทางเข้าโบสถ์ เขามีแป้นเหล็กสำหรับกล่าวคำอธิษฐาน ใครยืนบนแป้นนี้แล้วกล่าวคำอธิษฐาน จะได้สมปรารถนา "ขอให้สุขภาพดี..ขอให้สุขภาพดี"  ผมหลับตากล่าวในใจ แป้นนี้ยังถือเป็นจุดกม.ที่ 0 ของกรุงปารีส จากคุณ : เพื่อนๆ ขอให้รวย ๆ ๆ (*bonny) - [ 2 พ.ค. 48 16:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตามมาเกาะขอบจอ  แหมชอบจังอยากไปยืนที่แป้นมั่ง อ่ะค่ะ อิ ๆ สถาปัตยกรรม   และพวกภาพประวัติศาสตร์สวยจังค่ะ จากคุณ : ยี่หร่า@ - [ 2 พ.ค. 48 16:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เดินผ่านแป้นนี้ไปก็จะถึงทางเข้าชมแล้ว จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่พอจะผ่านเข้าชม ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว  ตุ๊ดตู่รั้งมือผมไว้แน่น “คุณน้าครับ เขาไม่ให้ผมเขาไป”  หนูน้อยทำหน้าหวาดกลัวแล้วซุกตัวที่สั่นงันงกอยู่ข้างหลังผม  ผมมองไปที่ประตูทางเข้าก็ไม่เห็นอะไรผิดสังเกต มีผู้คนเดินผ่านเข้าไปมากมาย “ใครกัน”  ผมหันไปถาม “ก็..สัตว์ประหลาดหน้าตาน่ากลัวนั่นไง”  เด็กชายชี้มือไปที่หน้าประตู  ผมก็ยังไม่เห็นมียามเฝ้าประตูหน้าตาแบบที่ว่านั้นเลยสักคนเดียว “ไป..เข้าไปกันเหอะไม่ต้องสนใจเขา”  ผมจับมือตุ๊ดตู่ไว้มั่นแล้วพาเดินเข้าไป   ทันใดนั้น เด็กชายก็กระโดดถอยห่างผมออกมาเหมือนถูกผลักกระเด็น “ไม่ได้..ไม่ได้! เขาไม่ให้เข้า”  ตุ๊ดตู่ร้องเสียงดัง ทำหน้าเหมือนกำลังเจ็บปวด   ผมเดินตามออกมาหาเขา  ทรุดตัวลงคุยกับเขา “ทำไม..มีใครห้ามหนูยังงั้นหรือ  น้าไม่เห็นเขาเลยนะ..” “หรือว่า..”  ผมสะดุดคำพูดตัวเอง เริ่มรู้สึกทะแม่งอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว ต้องมีอะไรบางอย่างที่ตุ๊ดตู่เห็นแต่ผมไม่เห็น “นั่นไงครับ คุณน้า เขาเฝ้าอยู่บนประตู”  ตุ๊ดตู่ยืนยัน แต่ผมก็ยังไม่เห็นอยู่ดี  เขาจึงจูงมือผมเดินห่างออกมาที่ลานด้านหน้าแล้วชี้ขึ้นไปบนยอดโบสถ์.. “หน้าตาของเขาเหมือนตัวอะไรบนนั้นแหละครับ” ผมมองตามมือของตุ๊ดตู่ไปแล้วก็ต้องผงะหงาย  นั่นมันตัวกากอยล์  อสูรกายในเทพนิยาย ที่หัวของพวกมันถูกเอามาทำเป็นรางน้ำบนหลังคารอบๆ โบสถ์คริสต์ศาสนา  หรือว่า พวกนี้เป็นวิญญาณที่มีอยู่จริงและถูกกำหนดให้เป็นผู้พิทักษ์โบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์  ผีหรือวิญญาณพเนจรอย่างตุ๊ดตู่จึงเข้าไปไม่ได้ ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้  จะว่าไปแล้ว.. ผมน่าจะวิ่งหนีจากไปโดยเร็วที่สุด “เอายังงี้”  ผมว่า “น้ามีวิดิโอบันทึกภาพ  น้าจะเข้าไปข้างในแล้วเก็บภาพมาให้หนูดูดีไหม”   “แล้วทำไมคุณน้าเข้าไปได้แต่ผมเข้าไปไม่ได้เล่าครับ”  ตุ๊ดตู่ถามพาซื่อ  ผมอึ้งไปเหมือนกัน “บางที.. ที่นี่เขาก็ไม่ใจดีกับเด็กทุกคนไปหรอกนะ”  ผมพยายามยิ้มปิดท้าย  ตุ๊ดตู่พยักหน้า แต่ผมดูออกว่าเขาสลดลงไป จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 16:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมปล่อยเด็กชายยืนรออยู่ที่ด้านนอกแล้วสัญญากับเขาว่า จะรีบออกมาโดยเร็วที่สุด แล้วผมก็เดินผ่านประตูเข้าไป แวบหนึ่งที่ปากทางเข้า ผมอดชโงกมองซุ้มประตูที่อยู่สูงขึ้นไปไม่ได้ โบสถ์นอตเธอร์แดมเป็นโบสถ์ที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก และจัดองค์ประกอบภายในเหมือนโบสถ์เก่าแก่ของคริสต์ศาสนาทั่วๆ ไป  ตรงกลางจะเป็นห้องโถงใหญ่ มีเก้าอี้เรียงรายมากมายหันหน้าเข้าสู่แท่นประกอบพิธี ซึ่งอยู่ด้านในสุด  ส่วนรอบๆ ทั้งสองฟากผนังจะแบ่งเป็นห้องสวดมนต์ (Chapel) ย่อยๆ  แต่ละห้องก็จะมีนักบุญประจำห้องและชื่อห้อง  มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับนักบุญนั้นๆ ใครประสงค์จะขอพรจากห้องไหนก็เข้าไปด้านใน คุกเข่าขอพรได้ ภายในโบสถ์นอตเธอร์แดมมืดมิด มีเพียงแสงเทียนจากแท่นบูชาและที่ด้านหน้าของห้องสวดมนต์ ซึ่งเทียนเหล่านี้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงินจำนวนสองยูโรต่อเทียนหนึ่งตลับ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเก็บภาพห้องสวดมนต์บางห้องเอาไว้ให้ตุ๊ดตู่ดู จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พร้อมทั้งภาพกระจกสี Stain Glasses ซึ่งที่นี่จัดว่าสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 .. จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่ทางเดินรอบแท่นประกอบพิธี มีภาพสลักเรื่องราวของคริสต์ศาสนาที่สวยงามมาก  โดยเฉพาะการให้อารมณ์ผ่านทางสีหน้าและแววตาของรูปสลัก  เหมือนจริงมาก ผมถ่ายวิดิโอการกำเนิดของพระเยซู และความเป็นมาของพระองค์ท่าน จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายบนไม้กางเขนอย่างละเอียดเพื่อใช้อธิบายให้ตุ๊ดตู่เข้าใจในค่ำวันนี้ หลังจากการเที่ยวชมโบสถ์นอตเธอร์แดมแล้ว  ผมกับตุ๊ดตู่ก็กลับขึ้นรถบัส เรากำลังเดินทางออกจากเมืองปารีสแล้ว จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อมุ่งไปทางใต้เข้าประเทศอิตาลี ผ่านเมืองเวนิช และพักแรมคืนหนึ่งที่เมืองปิซ่า ลาก่อนปารีส จากนี้ไป นั่งรถต่ออีกหลายชั่วโมง ขอหลับบนรถบัสนี่แหละ จากคุณ : *bonny - [ 2 พ.ค. 48 17:52:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาอ่าน......แล้วก็..... มารอดูหอเอนปิซ่า.... จากคุณ : หญ้าหนวดแมว - [ 4 พ.ค. 48 00:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมหลับไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ได้ ตื่นขึ้นมาอีกทีรถบัสก็มาถึงเมืองมิลานแล้ว  มิลานเป็นเมืองใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งกว่ากรุงโรมเสียอีก  แวะพักรถที่มหาวิหารดูโอโมที่น่าตื่นตาตื่นใจ มหาวิหารที่มิลานนี้ เป็นวิหารแบบโกธิคที่ใหญ่เป็นอันดับสามในยุโรป อันดับสี่ของศาสนาคริสต์ สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ตัววิหารสูงถึง 157 เมตร กว้าง 92 เมตร เริ่มสร้างในปี ค.ศ.1386 แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาถึง 500ปีทีเดียว  ถ้านับนิ้วดูแล้ว ที่นี่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ เองนี่นะ จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 14:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ยอดแหลมๆ เหล่านี้มีถึง 135 ยอดเชียวนะ แต่ด้านหน้าและด้านในของวิหารเวลานี้ก็ยังปิดซ่อมแซมอยู่และไม่ให้คนเข้า  คนนำทางบอกว่า ปิดมาเป็นปีแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังตรึมไปหมด  เฉพาะมาเก็บภาพที่ระลึกด้านข้างด้านหลัง พวกเขาก็ยินดีปรีดานักหนาแล้ว คิดแล้วก็อดสะท้อนใจปัญหาการท่องเที่ยวบ้านเราไม่ได้ เมื่อไรหนอ จะมีวาสนาโกยเงินโกยทองแบบของเขามั่ง แต่ก็เพราะเขาปิดเพื่อบูรณะบ่อยๆ นานๆ อย่างนี้นี่แหละ  สถาปัตยกรรมสถานของเขาถึงได้ยืนยง เด่นเป็นสง่ามาจนถึงทุกวันนี้  แม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วเกือบพันปี แต่ดูเหมือนไม่มีร่องรอยความบุบสลายเลย  นึกถึงเมืองเก่า เมืองโบราณของไทย อย่าง วัดในกรุงสุโขทัย  เราเก่าสูสีกับเขา แต่เราขาดคนดูแลเอาใจใส่  ใครอยากลูบก็ลูบ คลำก็คลำ ไม่คลำเปล่า จารึกชื่อตัวเองและคนรักเป็นที่ระลึกเสียอีกแน่ะ  พระพุทธรูปโบราณก็ถูกบั่นเศียรไปขายเสียสิ้น คนที่ไปเที่ยวก็มีแต่ถอนหายใจ  เขาไม่ได้ไปดูความสวยงาม อลังการณ์ของศิลปะกันหรอก เขาไปไว้อาลัยโบราณสถานของเรามากกว่า แล้วอย่างนี้ เราจะไปโทษคนในประเทศและชาวต่างประเทศว่า ทำไมไม่เที่ยวเมืองไทยก็คงจะไม่ได้  บรรพบุรุษเขาทิ้งทรัพย์สมบัติเอาไว้ให้เรากินชั่วลูกชั่วหลาน แต่คนของเราเองทุบหม้อข้าวตัวเอง  ช่างน่าเวทนา แต่ไม่น่าสงสาร เพราะไม่รู้จะสงสารไปทำไม ถ้าต่างชาติมาทำลายก็ว่าไปอย่าง (รูปนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณX-Crossในพันทิป) จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 14:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นี่คือซุ้มที่มีชื่อเสียงของจตุรัสเดล ดูโอโมอันเลื่องชื่อของมิลาน  ถ้าจะเรียกว่า สยามเซ็นเตอร์ของเราก็พอไหวครับ เพราะหนุ่มสาวทุกรุ่นมาชุมนุมกันที่นี่ทั้งวันทั้งคืน ชาวอิตาเลียนคลั่งไคล้ฟุตบอลมาก โดยเฉพาะในเมืองนี้มีสองทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปคือ เอ ซี มิลาน กับ อินเตอร์มิลาน  ห้ำหั่นกันเป็นจ้าวแห่งเมืองมิลาน  ที่ลานหน้าหน้าวิหารซึ่งอยู่ในบริเวณจตุรัสนี้ วันที่ผมเดินทางไป ก็มีการไชโยโห่ร้อง สนุกสนานกันยกใหญ่ นึกว่าเรื่องอะไร แค่นักฟุตบอลทีมอินเตอร์มิลานมาทานกาแฟที่นี่เท่านั้นเอง  ..บ้าบอลกันยิ่งกว่าผมอีก  อิ อิ จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 14:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 29 นี่เป็นอนุสาวรีย์ของผู้สร้างเมืองมิลาน ผมเก็บมาฝาก ในยุโรปนี่  ใครเคยเป็นนายพล เคยสร้างวีรกรรมกับเมืองไหนไว้เขาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ให้ดูแบบนี้แหละ จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แวะทานอาหารกลางวันที่เมืองมิลานเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขึ้นรถหลับต่อ  ก่อนหลับก็เก็บภาพวิวข้างทางของชาวอิตาลีมาฝาก ที่นี่เขามีกฎหมายอนุรักษ์เมืองเก่า  ใครจะสร้างอาคารหลังใหม่ หากทำลายบรรยากาศเก่าๆ เขาก็ไม่ให้สร้าง  บ้านบางหลังอายุหลายร้อยปี  หลังคาผุหมดแล้ว แต่ก็รื้อทิ้งไม่ได้เพราะเป็นมรดกของวัฒนธรรม  บ้านเราถ้าเอาแบบอย่างก็จะดีมาก ทุกวันนี้ อาคารเรือนไม้ของไทยโบราณหายไปเกือบหมดแล้ว กลายเป็นอาคารคอนกรีต ไม่สวยเลย เพราะต่างคนต่างสร้าง ต่างคนต่างออกแบบ  ไม่มีศิลปะของท้องถิ่นเหลืออยู่ จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพระยะใกล้ อาจได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ได้ชัดเจนขึ้น  ก็ไม่ได้งดงามนักหรอกนะ ภูเขาไฟหลายลูกในอิตาลียังไม่ดับสนิทเสียทีเดียว  วันหนึ่งคุขึ้นมา บ้านเรือนเหล่านี้คงเหมือนกับเมืองปอมเปอี จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:13:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมรู้สึกตัวตื่นอีกที ก็ต้องรีบกุลีกุจอลงจากรถ คนนำทางบอกว่าถึงเมืองปิซ่าแล้ว ให้เข้าไปเช็คอินที่โรงแรมได้เลยแล้วลงมาทานอาหารค่ำ  หอเอนปิซ่า สัญลักษณ์ของเมืองนี้อยู่ไม่ไกลเลย มองเห็นได้ลิบๆ จากบริเวณที่พักนี้ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ และค่อนข้างสงบ  โรงแรมที่พักก็เล็กตามไปด้วย เขาแปลงตึกเก่าแก่ที่ยังอยู่ในสภาพดีมาเป็นห้องพักนักท่องเที่ยว โรงแรมหนึ่งๆ ก็จึงมีประมาณ ยี่สิบสามสิบห้องเท่านั้น นอนในห้องพักเหมือนเราอยู่ในบ้านไม้สนเก่าๆ ตามชานเมืองในยุโรปเลย  ที่สะดุดใจอย่างยิ่งน่าจะเป็นเจ้าอ่างล้างหน้านี่แหละ  ทำมั้ย! วาล์วปิดเปิดน้ำถึงไปอยู่ใต้อ่างก็ไม่รู้ ยังงี้เวลาเสียขึ้นมาคงถอดซ่อมลำบากหน่อย จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ชาวเมืองนี้เป็นคนมีสีสัน  ทำอะไรดูจุ๋มจิ๋มน่ารักไปหมด ไม่มีอะไรที่อลังการ อภิมหาฯ ผมมาทานอาหารที่นี่ ห้องอาหารในโรงแรม ที่ผนังเขาติดรูปสวยๆ เปรอะไปหมดโดยไม่จัดระเบียบ แต่ดูแล้วเท่ชะมัด จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เช้าวันรุ่งขึ้น ผมพาตุ๊ดตู่ไปเก็บภาพบรรยากาศหอเอนปิซ่าแต่เช้าตรู่  เขาตื่นเต้นดีใจมาก ยิ่งรู้ว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยิ่งทำให้เขาปลื้มใจนักหนา  ผมเห็นเขาวิ่งวนไปรอบๆ หออย่างสนุกสนาน  รอบๆ หอเอนเหมือนสวนหลังบ้านของเศรษฐีมีสตางค์ในบ้านเรา  มันไม่เล็ก ไม่ใหญ่ แต่น่าวิ่งเล่นชมัด จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หอนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่12 มันเอนมาแล้ว 800 ปี และเชื่อว่า มันจะเอนต่อไปแม้ผมจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะมันมีค่ามหาศาลต่อชาวเมืองนี้ และต่อประเทศอิตาลีด้วย เขาคงไม่ยอมให้มันล้มง่ายๆ หรอก จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ข้างๆ หอเป็นที่ทำการของเจ้าเมืองที่นี่  สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง บรรยากาศน่าอภิรมย์จริงๆ ถ้าได้ทำงานที่นี่ คุณว่าไหม จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 .. จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เราออกเดินทางจากปิซ่าตอนเช้าตรู่ มุ่งสู่ตอนกลางของอิตาลี เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าทรองเก็ตโต เพื่อข้ามไปยังเมืองเวนิส ซึ่งมีสภาพเป็นเกาะอยู่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอิตาลี ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเมืองนี้มาบ้าง พอรู้ว่า สมัยก่อนเวนิสเคยเป็นเมืองอิสระไม่ขึ้นกับใคร ในช่วงระหว่าง คศ.14-15 เป็นศูนย์กลางทางการค้าขายและมีความเจริญระดับหนึ่ง เพราะเป็นเมืองท่าที่ใครจะมาติดต่อค้าขายด้วยก็สะดวกเพราะเหตุที่มีชัยภูมิติดต่อกับทะเล  ทำให้มีเรือสินค้าเข้ามาติดต่อค้าขายได้ง่าย  แต่เพราะชัยภูมิที่ติดทะเลนี่แหละ เวลามีศึกสงคราม หากข้าศึกกรีฑาทัพมาปิดทางออก  เวนิสก็ต้องจนมุม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเวนิสก็คือ มหาวิหารเซนต์มาร์ค  เป็นวิหารที่มีโดม 5 โดม ด้านหน้ามีปฏิมากรรมรูปม้าซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้  ภายนอกและภายในมีความสวยงามและเป็นศิลปะเฉพาะตัวของชาวเมืองนี้ โดยเฉพาะโมเสสหินอ่อนที่นำมาสร้างเป็นศิลปะบนทางเดิน สวยงามมาก จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ที่นี่ผมต้องพบปัญหาเช่นเดียวกันกับที่นอตเธอร์แดม คือ ตุ๊ดตู่ไม่สามารถผ่านประตูวิหารเซนต์มาร์คเข้าไปด้านในได้  คราวนี้ไม่ใช่ตัวกากอยล์ที่คอยขวางกั้น แต่เป็นบาทหลวงในชุดดำ “คุณน้าครับ ผมอยากเข้าไปข้างในจังเลยแต่คุณลุงคนที่หัวล้านๆ ใส่ชุดดำเขาไม่ยอมให้เข้า”  ตุ๊ดตู่บอก “น้าจะเข้าไปเองแล้วถ่ายวิดิโอมาให้หนูชมเหมือนที่เคยทำนะ” “แต่ผมอยากเห็นของจริงนี่นา”  ตุ๊ดตู่เริ่มโยเยแบบเด็กเล็ก กระตุกมือผมหลายครั้ง “งั้นหนูไปขอร้องเขาดีๆ สิจ๊ะ ลองดูนะ บอกว่า หนูเป็นคนของพระเจ้าแล้ว”  ผมแนะนำ ตุ๊ดตู่พยักหน้า เขาเป็นเด็กไทยที่กล้าหาญและไม่กลัวอะไรที่ไร้เหตุผล  เขาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู ยืนคุยกับใครคนหนึ่งซึ่งผมมองไม่เห็น  พักใหญ่เลยทีเดียวก่อนที่จะวิ่งกลับมา จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คราวนี้มาถึงก็กอดเอวผมแน่นแล้วซบหน้านิ่ง  ผมรับรู้ความรู้สึกสะเทือนใจบริเวณที่หน้าของเขาซบอยู่ได้ เขากำลังสะอื้นไห้ “ตุ๊ดตู่..”  ผมพยายามแกะเขาออกมา “บอกน้าซิ ร้องไห้ทำไม”  ผมมองเห็นน้ำใสๆ เคลือบอยู่รอบๆ ดวงตาทั้งสองข้างของเขา  ตุ๊ดตู่เป็นเด็กหน้าตาดี ดวงตาของเขากลมโต  จมูกและปากดูเล็กไปในทันทีที่เขาเบิกตาขึ้น “คุณน้าครับ..ฮือ..อ”  เด็กชายเอามือข้างหนึ่งปาดน้ำตาก่อนจะกล่าวด้วยความยากลำบาก “คุณลุงเขาบอกว่า ผมตายแล้ว...เป็นความจริงหรือครับ”  พูดจบก็ร้องไห้ดังๆ ผมดึงร่างน้อยๆ ของตุ๊ดตู่มากอดไว้ที่พุง ให้เขาซบหน้าร้องไห้ที่ท้องของผมอย่างเต็มที่  ความจริงที่เด็กน้อยไม่เคยล่วงรู้มาก่อนหน้านี้เลยได้ถูกเปิดเผยออกแล้ว  ตอนนี้เขาได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาที่ผมไม่เคยกล้าพูดแล้ว ความรู้สึกของคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองตายน่าเวทนากว่าความรูสึกของคนที่รู้ว่าตัวเองตายแล้ว แต่เด็กคนนี้ต้องรับรู้ความรู้สึกทั้งสองอย่างไว้ในขณะเดียวกัน นี่ย่อมน่าเวทนากว่า จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คงต้องขอพักผ่อนก่อนนะครับ  ใกล้วาติกันเข้าไปอีกนิด.ดแล้ว ต้องขออภัยที่กระทู้ยืดเป็นตังเมด้วยครับ ............................ คุณหญ้าหนวดแมว.. ได้หอเอนปิซ่าแล้ว คราวนี้ไปไหนต่อดีล่ะครับ จากคุณ : *bonny - [ วันฉัตรมงคล 15:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มารายงานตัวค่ะ ว่ายังตามมาอ่าน จากคุณ : ไม่รักไม่มา ...Naka - [ วันฉัตรมงคล 20:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วฉากที่นั่งเรือคอนโดล่าไม่มีมาให้ชมหรือคะ ต่อไปก็ถึงคิวเที่ยว มหาวิหารเซนต์ ปีเตอร์ แล้วมั้ง จากคุณ : หญ้าหนวดแมว - [ วันฉัตรมงคล 23:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาแปะโป้งลงชื่อไว้ก่อน  แล้วจะเข้ามาอ่านอีกทีค่ะ จากคุณ : uggie* - [ 6 พ.ค. 48 00:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีครับเพื่อนๆ คุณNaka..คุณUggie ขอบคุณนะครับที่ยังให้ความสนใจอยู่แม้ตอนแรกจะทำหนังฝรั่งแต่ลงท้ายกลายเป็นหนังอินเดียก็ตาม  มูลเหตุของการยืดยาดมันมาจากตัวผู้กำกับการแสดงเองครับ  จะจบแบบสุกเอาเผากินแบบหนังไทยก็ทำไม่ได้ เพราะที่นี่มีแต่คนไฮคลาส (ฮา) วันปิดกระทู้เรื่องนี้จะมาคุยถึงวิบากกรรมของผู้กำกับครับ รวมถึงฉากหลุด (Oop!) ............ คุณหญ้าหนวดเสือ.. เนี่ย..ถ้าไม่ถูกดักคอไว้ก่อน กะจะโพสต์หอเอนอย่างเดียวสิบรูปเอาตอนที่ลองทิ้งของสองสิ่งให้ตกพื้นลงมาแบบกาลิเลโอมาใส่ไว้ด้วย แต่พอถูกดัก...เอาไปสองภาพพอแล้ว จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 07:46:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ฉากที่นั่งเรือคอนโดลาไม่มีเหรอ? ฮ่า..ฮ่า ฉากโรแมนติกที่นั่งคลอเคลียเอาศีรษะแนบกันแบบนั้น ไม่สามารถนำมาบรรจุไว้ในหนังสยองขวัญเรื่องนี้ได้ฮับ กลัวคนอ่านแปลงอารมณ์เป็นสินทรัพย์ไม่ทันจะกลายเป็นแปลงอารมณ์เป็นไม้ตีพริกง่ะ จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 07:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอทำหน้าที่ต่อสำหรับตอนนี้ให้จบนะครับ ........................................................ (ต่อ) และแล้ว.. จุดหมายปลายทางของการเดินทางของผมก็มาถึง เมื่อรถบัสนำเที่ยวมาถึงกรุงโรมในตอนบ่ายของวันที่ 10 เมษา แต่ก็ยังไม่ได้มุ่งหน้าไปรัฐวาติกันในทันที แวะเวียนสถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบก่อน  และคนที่มาอิตาลี หากไม่มีรูปภาพของโคลอสเซียม สังเวียนประลองยุทธของชาวโรมันในยุคก่อนคริสต์ศตวรรษประมาณนี้ เขาอาจไม่เชื่อว่าคุณมาถึงแล้วก้ได้ จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 48 “คุณน้าครับ เขาพามาที่นี่ทำไมกันครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย นอกจากตึกเก่าๆ ผุๆ เหมือนถูกไฟไหม้”  ตุ๊ดตู่พูดกับผมขณะที่เรายืนต่อคิวเข้าชมภายในโบราณสถานโคลอสเซียม “ก็มาดูความเก่า ความผุพังของมันนี่แหละตุ๊ดตู่ เพราะเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว ที่นี่เป็นสนามกีฬาที่คนโรมันเข้ามาดูพวกทาสสู้กับสิงโต กับเสือ”  ผมไม่แปลกใจที่เด็กจะไม่ชอบดูของประเภทนี้ เพราะเขายังเด็กเกินไปที่จะรู้จักคุณค่าของมัน “แล้วทำไมที่บ้านผม ทั้งเก่า ทั้งพังกว่านี้อีก ถึงไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวเยอะเหมือนที่นี่ล่ะครับ” ตุ๊ดตู่ถามพาซื่อ แต่เป็นการพาซื่อที่ผมตอบไม่ถูกเหมือนกัน  สนามกีฬาฟุตบอลในอิตาลีที่สร้างขึ้นมาใหม่ล่าสุดมีความสวยงามโอฬารตระการตามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว  แต่แปลก ผู้คนจากทั่วโลกกลับเลือกมาชมสนามอิฐหักที่นี่มากกว่า จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เช่นเดียวกันกับโบราณสถานและศาสนสถานทุกแห่งที่เราได้ไปเที่ยวชมมา  จะเห็นนั่งร้านเหล็กเกาะตามผนังตึกอยู่ทั่วๆ ไป แสดงว่ามีการดูแลเอาใจใส่ในทุกระยะโดยผู้เชี่ยวชาญ  โดยมีชาวต่างชาติอย่างพวกเรานี่แหละเป็นคนออกตังค์ให้ (แสบไหมล่ะ) เพราะเขาเก็บค่าเข้าชมแทบทุกแห่งที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากๆ  จะยกเว้นก็เพียงศาสนสถานเท่านั้น  เพราะถือว่ายังเปิดให้บริการต่อคริสตศาสนิกชนได้เข้าไปทำธุรกรรมทางศาสนาอยู่  ถ้าขืนเก็บตังค์คงฝืนความรู้สึกน่าดู  เช่นเดียวกันกับศาสนสถานทั่วโลกนะ ผมว่า..  ดูอย่างที่ฮ่องกงก็ดี หรือ ที่วัดเล่งเน่ยยี่ที่ถนนเจริญกรุงเป็นตัวอย่าง  ถ้าเก็บค่าเข้าไปกราบไหว้ คนคงหายหมด เพราะศาลเจ้าที่บ้านก็มี เทพเจ้าก็จำลองเป็นองค์เล็กๆ ได้ อยู่ไหว้ที่บ้านก็ได้ จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 นี่เป็นประตูชัยสมัยโรมัน ที่อยู่ในบริเวณข้างเคียง ขนาดเล็กกว่าในปารีสแต่สะท้อนภาพแบบเดียวกัน เราในฐานะคนรุ่นหลังดูแล้วไม่เท่าไหร่นี่นา สร้างทำไมไม่รู้ แต่ลองจินตนาการภาพกองทัพที่กลับจากศึกสงครามมา พอเห็นประตูชัยลิบๆ ข้างหน้า มีประชาชนแห่แหนมาต้อนรับ ไชโยโห่ร้องกึกก้อง  มันก็ทำให้ลืมความเลวร้ายในสมรภูมิที่ผ่านมา เปลี่ยนมาเป็นความฮึกเหิมและภาคภูมิใจ เพราะถ้าหากไม่ใช่ผู้ชนะ..ไม่มีสิทธิ์เดินลอดซุ้มประตูนี้ จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เราออกจากโคลอสเซียมแล้วแวะที่น้ำพุเทรวี่สิบห้านาที  น้ำพุ(น้ำตกมากกว่า) แห่งนี้เชื่อกันว่า หากหันหลังให้แล้วโยนเหรียญลงไปพร้อมกับอธิษฐาน คนผู้นั้นจะได้กลับมาเยือนอีก  ผมให้ตุ๊ดตู่โยนเหรียญด้วยอันหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่ายมบาลจะยอมให้เขากลับมาหรือเปล่า จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรื่องของศิลปะเป็นเรื่องของคนมอง  คนหนึ่งมองว่า งดงามจนประเมินคุณค่ามิได้ อีกคนหนึ่งอาจมองว่า ให้ฟรีๆ ก็ไม่เอาหรอก  ได้มาแล้วยังต้องจ่ายเงินค่าบูรณะอีกปีหนึ่งเป็นแสนเป็นล้านบาท  คุณค่าของงานศิลป์จึงอยู่ที่การมองจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่หู จมูก หรือปาก หรือประสาทสัมผัสอื่นๆ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนรักศิลปโบราณมาก อยากมีเวลาชื่นชมนานๆ เพื่อเก็บเกี่ยวรายละเอียดทั้งหมดเอาไว้ ถ้าเรามองดูภาพปฏิมากรรมหรืองานจิตรกรรมอย่างลึกซึ้งแล้ว เราจะอ่านความรู้สึกของจินตนาการของศิลปินผู้นั้นออกว่า เขาต้องการถ่ายทอดอะไรออกมา สรุปแล้วสมบัติของกรุงโรม เป็นมรดกตกทอดที่บรรพบุรุษของที่นี่สร้างเอาไว้ให้ลูกหลานกอบโกยไม่รู้จบทั้งนั้น ไม่มีเทคโนโลยี่ ไม่มีอาคารไฮ-เทค  นับเป็นบุญอย่างยิ่งที่นักการเมืองไทยมิได้มาครอบครองเมืองนี้  ไม่งั้น คงสั่งรื้อประตูชัย โคลอสเซียม เพื่อทำศูนย์การค้ามหึมาไปแล้ว (ซึ่งก็จะเก็บกินได้แค่มื้อเดียว คือ มื้อของยุคตัวเอง) รถยิ่งใกล้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เข้าไป หัวใจของผมก็ยิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ  ภารกิจที่ผมมอบหมายตัวเองให้ทำจะเป็นอย่างไรไม่รู้ชะตากรรมเลย  ถ้าตุ๊ดตู่ไม่สามารถเข้าไปในมหาวิหารได้..  ถ้าดวงวิญญาณพระสันตปาปาไม่อยู่แล้ว.. ถ้าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงทั้งหมด.. ..ผมก็อยากให้เป็นเช่นนั้น.. จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จบตอนที่สามไว้เพียงเท่านี้นะครับ  ขอรับประกันว่าตอนต่อไปเป็นตอนสุดท้ายจริงๆ แล้ว (อาลัยเหมือนกันนะเนี่ย) จากคุณ : *bonny - [ 6 พ.ค. 48 09:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 จากที่แปะ#14 แล้วใช่ว่าไม่ได้ตามอ่านนะคะ ยังตามอ่านอยู่เป็นระยะ ๆ ค่ะ  ฮี่ ๆๆๆ อยากไปยืนอยู่ใต้ปั่นจั่น เอ๊ย ใต้หอไอเฟลอ่ะค่ะ  เคยมี คนบอกว่าหอไอเฟลที่ขึ้นชื่อเนี้ยมองใกล้ ๆ แล้วมันก็ช่าง คล้ายปั้นจั่นบ้านเราจัง  แหมคนก็ช่างค่อนแคะซะเหลือเกิน ศิลป สถาปัตยกรรมที่นั่นดูแล้วให้ความรู้สึกขลังลึก ๆ ไง มะรู้นะคะ จากคุณ : ยี่หร่า@ - [ 7 พ.ค. 48 09:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีครับคุณยี่หร่า.. เล่นแอบอ่านเงียบๆ ๆ ๆ แล้วอยู่ๆ ก็โผล่ออกมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่.. อึ๋ย..ตกใจน่ะสิครับ น่าเสียดาย ภาพหลายภาพไม่สามารถบรรยายความงดงามของศิลปได้เท่าของจริง  ในโบสถ์บรรยากาศขลังๆ ลึกๆ กว่านี้เยอะ เพราะเขาจะเปิดไมค์บทสวดคลอไปด้วยตลอดและมีแค่เสียงเทียนนำทางเท่านั้น จากคุณ : *bonny - [ 7 พ.ค. 48 16:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 56 "เนี่ย..ถ้าไม่ถูกดักคอไว้ก่อน กะจะโพสต์หอเอนอย่างเดียวสิบรูปเอาตอนที่ลองทิ้งของสองสิ่งให้ตกพื้นลงมาแบบกาลิเลโอมาใส่ไว้ด้วย แต่พอถูกดัก...เอาไปสองภาพพอแล้ว" อ้าวไหงเป็นงั้นล่ะ...ถ่ายมา 2 รูปมากกว่ามั้งคะ...(มาให้เราเป็นแพะ.....แบะๆๆๆ) จากคุณ : หญ้าหนวดแมว - [ 8 พ.ค. 48 02:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แหะ..แหะ.. คุณหญ้าหนวดแมว.. รู้ทันไปทุกมุขสิน่า.. จากคุณ : *bonny - [ 8 พ.ค. 48 08:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณบอน...กลับจากเกาะโน้นก็มาเกาะทู้ของคุณ เป็นลูกทัวร์ไปด้วยทั้งยังเหนื่อยๆอยู่ยังงี้แระ อือม์ เท่ากับได้ย้อนรอยทัวร์อีหรอบ ตต. ซึ่ง เคยผ่านมานานแล้วอีกครั้งเหมียนกัล เหมียนใคร? ก๊อเหมียนคุณบอนย้อนรอยสึนามิสิคะ ฮ่าฮ่า เอาคืนมั่ง ตามไก่ไปเรื่อยๆแหละค่ะ จากที่เห็นมายังไม่มี สิ่งใดเปลี่ยนไปมากมาย แต่จากในภาพกรอบที่#18 เอ้อ ชักหนาวๆเสียวๆ แล้วนะเนี่ย บรื๋อว์ส์ แล้วก็คุณบอนไม่ได้ขึ้นไปจนถึงยอดของปราสาท นอตเตอร์ดามด้วยหรือคะ อิชั้นยังตะเกียกตะกาย ไต่ขึ้นไปถ่ายรูปคู่กับเจ้าการ์กอยล์มาแล้วด้วยเรย เจ้านั่นยังดูสวยฝ่าอิชั้นอีก ฮ่ะฮ่ะ...อยากเอารูปที่ ถ่ายด้วยกล้องโบราณมาแปะร่วมบุญด้วยจัง แต่ ขี้เกียจค้น งานใหญ่มั่กๆค่ะ แล้วจะพ่วงเกาะตามไปจนสุดปลายทางด้วยอีกคนนะคะ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 48 19:01:04 จากคุณ : ชญานุช - [ 9 พ.ค. 48 18:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีคุณนุช.. "แล้วก็คุณบอนไม่ได้ขึ้นไปจนถึงยอดของปราสาท นอตเตอร์ดามด้วยหรือคะ อิชั้นยังตะเกียกตะกาย ไต่ขึ้นไปถ่ายรูปคู่กับเจ้าการ์กอยล์มาแล้วด้วย" ไม่กล้าอ่ะครับ.. กลัวรูปออกมา คนดูแยกไม่ออกว่า ตัวไหนกากอยล์ ตัวไหนบอนนี่ ขอบคุณนะครับที่เกาะติด ติดเกาะจนถึงตอนนี้ เหลือกระทู้หน้าอีกนิดเดียว ผมจะหายใจโล่งคอแล้ว จากคุณ : *bonny - [ 10 พ.ค. 48 12:13:35 ]