กลายเป็นว่าเสียงระเบิด มีการบาดเจ็บล้มตายในปัจจุบัน คือการทำงานที่ล้มเหลวของ กอส.
ตอนนี้นายอานันท์ถูกจับให้อยู่ในสถานะของสายล่อฟ้า
การตั้งคณะกรรมการ กอส.ขึ้นมาทำให้รัฐบาลเองมีโอกาสได้เล่นไพ่ได้หลายหน้ามากขึ้น กอส.ชุดที่มีนายอานันท์เป็นประธานบัดนี้ได้กลายเป็นโล่ห์น้ำลายให้แก่รัฐบาลไปเสียแล้ว
ผมมองว่านี่เป็นยุทธศาสตร์อันชาญฉลาดของท่านนาย ก.ทักษิณ
ที่ปล่อยให้ภาพการทำการตลาดในเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติดำเนินไป ทำงานอย่างเปิดเผยเน้นที่ความบริสุทธิใจในการแก้ใขปัญหา เพื่อดึงแนวร่วมจำเป็นของกลุ่มโจรก่อการร้ายกลับคืนมา รวมถึงไม่ทำให้แนวร่วมรุ่นใหม่เข้าไปเป็นพวกกับขบวนการก่อการร้าย..(กอส.ยิ่งทำมากยิ่งดูเหมือนว่าดัดจริต)
ในขณะที่ด้านมืดก็มีหน่วยกองกำลังที่มีความพร้อมคอยปฏิบัติเชิงลึก ออกทำงานกันอย่างเงียบเชียบ รวดเร็วและไร้ร่องรอย
สายเหยี่ยวไม่ได้ไปไหนแต่ถูกทำให้ขนาดนั้นเล็กลงมีความกระชับคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น วันนี้ก็ยังคงอยู่เพียงรอจังหวะในการทำงานที่เหมาะสมอยู่ก็เท่านั้น
อย่าลืมว่ากลุ่ม กอส.ของนายอานันท์มีรัฐมนตรีร่วมคณะถึง 2 คน ปีกนี้คือส่วนหนึ่งของความเห็นที่สะท้อนแนวนโยบายรัฐ จึงอยากให้พวกเราทำใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นหน่อย เพราะนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของการทำงาน และการทำการตลาดในแนวนี้มองแบบผิวผ่านแล้วดูเหมือนไปเห็นอกเห็นใจกลุ่มที่เป็นตัวก่อปัญหา จึงทำให้คนทั่วไปหมั่นไส้และเป็นที่มาของเสียงด่าที่ทวีจำนวนมากขึ้น
ไพ่หน้าแรกเป็นการทำงานเชิงรุกในเรื่องการดึงมวลชนกลับคืนมา การลงมือเสี่ยงต่อการถูกก่นด่าว่าเป็นแนวร่วมที่โง่เขลาของกลุ่มโจรก่อการร้าย การทำงานจึงดูเสมือนหนึ่งเป็นสายล่อฟ้าให้กับรัฐบาลไปในตัวด้วย แต่อย่าลืมว่าเรายังมีไพ่อีกหน้าหนึ่งให้เล่นคืองานปราบปรามซึ่งเป็นหน้าที่ของคนของรัฐเป็นผู้ดูแลจัดการ คณะกรรมการสนานฉันท์ไม่ได้ถือปืนแต่ถืออาวุธทางปัญญาจึงมีสถานะแค่เป็นตัวประกอบด้านทำให้เกิดสีสรรให้งานการแก้ปัญหาให้มันราบรื่นตามแนวทางสันติก็เท่านั้น
.กอส.มีสถานะเพียงยุทธศาสตร์หนึ่งในการแก้ปัญหา ไม่ใช่เป็นภาพใหญ่ของการแก้ไขปัญหาทั้งหมด(รัฐบาลต่างหากคือผู้ที่มีอำนาจแก้ปัญหาที่แท้จริงเพราะมีทั้งงบประมาณและกำลังคนอยู่ในมือ..กอส.มีแต่ความคิดและกำลังในการทำงานเพียงเท่านั้น)
ยุทธศาสตร์ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาควรจะมีความสมบูรณ์พร้อมกันในหลายด้าน งานควรออกมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ป้อง ปราบ ปรับ คือการบูรณาการการแก้ไขปัญหา ซึ่งแต่ละฝ่ายต้องแบ่งเลนกันทำงานให้ชัดเจน งานของใครก็ต้องมุ่งมั่นทำให้เกิดความสมบูรณ์ที่สุด
.ป้อง คือกระบวนการสกัดไม่ให้เกิด Supply ของปัญหาตัวใหม่ ปราบคือกระบวนการทำให้เกิดความเป็นนิติรัฐที่สมบูรณ์ใครผิดก็ต้องถูกลงโทษไม่มีใครอยู่เหนือกฏหมาย ปรับ คือการฟื้นฟูดูแลแก้ไขเยี่ยวยาตามอาการของเหยื่อซึ่งอาจเป็นผู้บริสุทธิที่เกิดมาจากความพลั้งเผลอจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ต้องขจัดเงื่อนไขสงครามปฏิวัติให้หมดไปให้ได้
คงยังจำกันได้กับนโยบาย 66/23 ที่ต้องดำเนินงานในหลายๆด้านพร้อมกันไป เหนื่อยก็ตรงที่ต้องอดทนต่อเสียงด่าและความใจร้อนของสายเหยี่ยว
การเอาชนะคอมมิวนิสต์นั้นมีรายละอียดและความลึกซึ้งของปัญหาที่แตกต่างกันกับปัญหาใต้ ต่างกันมากก็ตรงงานนี้มีในเรื่องเชื้อชาติและศาสนาซึ่งเป็นส่วนละเอียดอ่อนกว่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จึงเป็นงานยากของรัฐบาลที่จะทำอย่างไรจึงจะชี้แจงทำความเข้าใจให้ผู้คนในชาติเห็นพร้องร่วมกันอย่าให้เกิดรอยแยกของความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนามากยิ่งขึ้นไปกว่านี้ และดำเนินการปราบปรามกลุ่มโจรแยกดินแดนตัวจริงโดยไม่เปื้อนปนผู้บริสุทธิพร้อมกัน อย่าไปผลักว่าเป็นงานของคนกลุ่มใด..
จากคุณ :
ไทยพันธุ์แท้
- [
14 พ.ค. 48 07:59:39
]