CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ยิ่งมีเสียงระเบิด ยิ่งนานวัน ยิ่งมีเสียงด่ามากขึ้น…มีหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าคณะกรรมการสนามฉันท์กำลังทำอะไรกันอยู่ ?

    กลายเป็นว่าเสียงระเบิด มีการบาดเจ็บล้มตายในปัจจุบัน คือการทำงานที่ล้มเหลวของ กอส.
    ตอนนี้นายอานันท์ถูกจับให้อยู่ในสถานะของสายล่อฟ้า

    การตั้งคณะกรรมการ กอส.ขึ้นมาทำให้รัฐบาลเองมีโอกาสได้เล่นไพ่ได้หลายหน้ามากขึ้น  กอส.ชุดที่มีนายอานันท์เป็นประธานบัดนี้ได้กลายเป็นโล่ห์น้ำลายให้แก่รัฐบาลไปเสียแล้ว

    ผมมองว่านี่เป็นยุทธศาสตร์อันชาญฉลาดของท่านนาย ก.ทักษิณ
    ที่ปล่อยให้ภาพการทำการตลาดในเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติดำเนินไป ทำงานอย่างเปิดเผยเน้นที่ความบริสุทธิใจในการแก้ใขปัญหา  เพื่อดึงแนวร่วมจำเป็นของกลุ่มโจรก่อการร้ายกลับคืนมา รวมถึงไม่ทำให้แนวร่วมรุ่นใหม่เข้าไปเป็นพวกกับขบวนการก่อการร้าย..(กอส.ยิ่งทำมากยิ่งดูเหมือนว่าดัดจริต)

    ในขณะที่ด้านมืดก็มีหน่วยกองกำลังที่มีความพร้อมคอยปฏิบัติเชิงลึก  ออกทำงานกันอย่างเงียบเชียบ  รวดเร็วและไร้ร่องรอย…สายเหยี่ยวไม่ได้ไปไหนแต่ถูกทำให้ขนาดนั้นเล็กลงมีความกระชับคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น วันนี้ก็ยังคงอยู่เพียงรอจังหวะในการทำงานที่เหมาะสมอยู่ก็เท่านั้น

    อย่าลืมว่ากลุ่ม กอส.ของนายอานันท์มีรัฐมนตรีร่วมคณะถึง 2 คน  ปีกนี้คือส่วนหนึ่งของความเห็นที่สะท้อนแนวนโยบายรัฐ  จึงอยากให้พวกเราทำใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นหน่อย เพราะนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของการทำงาน  และการทำการตลาดในแนวนี้มองแบบผิวผ่านแล้วดูเหมือนไปเห็นอกเห็นใจกลุ่มที่เป็นตัวก่อปัญหา จึงทำให้คนทั่วไปหมั่นไส้และเป็นที่มาของเสียงด่าที่ทวีจำนวนมากขึ้น

    ไพ่หน้าแรกเป็นการทำงานเชิงรุกในเรื่องการดึงมวลชนกลับคืนมา  การลงมือเสี่ยงต่อการถูกก่นด่าว่าเป็นแนวร่วมที่โง่เขลาของกลุ่มโจรก่อการร้าย การทำงานจึงดูเสมือนหนึ่งเป็นสายล่อฟ้าให้กับรัฐบาลไปในตัวด้วย  แต่อย่าลืมว่าเรายังมีไพ่อีกหน้าหนึ่งให้เล่นคืองานปราบปรามซึ่งเป็นหน้าที่ของคนของรัฐเป็นผู้ดูแลจัดการ  คณะกรรมการสนานฉันท์ไม่ได้ถือปืนแต่ถืออาวุธทางปัญญาจึงมีสถานะแค่เป็นตัวประกอบด้านทำให้เกิดสีสรรให้งานการแก้ปัญหาให้มันราบรื่นตามแนวทางสันติก็เท่านั้น….กอส.มีสถานะเพียงยุทธศาสตร์หนึ่งในการแก้ปัญหา  ไม่ใช่เป็นภาพใหญ่ของการแก้ไขปัญหาทั้งหมด(รัฐบาลต่างหากคือผู้ที่มีอำนาจแก้ปัญหาที่แท้จริงเพราะมีทั้งงบประมาณและกำลังคนอยู่ในมือ..กอส.มีแต่ความคิดและกำลังในการทำงานเพียงเท่านั้น)

    ยุทธศาสตร์ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาควรจะมีความสมบูรณ์พร้อมกันในหลายด้าน  งานควรออกมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์  “ป้อง ปราบ ปรับ” คือการบูรณาการการแก้ไขปัญหา ซึ่งแต่ละฝ่ายต้องแบ่งเลนกันทำงานให้ชัดเจน  งานของใครก็ต้องมุ่งมั่นทำให้เกิดความสมบูรณ์ที่สุด….”ป้อง” คือกระบวนการสกัดไม่ให้เกิด Supply ของปัญหาตัวใหม่  “ปราบ”คือกระบวนการทำให้เกิดความเป็นนิติรัฐที่สมบูรณ์ใครผิดก็ต้องถูกลงโทษไม่มีใครอยู่เหนือกฏหมาย  “ปรับ” คือการฟื้นฟูดูแลแก้ไขเยี่ยวยาตามอาการของเหยื่อซึ่งอาจเป็นผู้บริสุทธิที่เกิดมาจากความพลั้งเผลอจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่  ต้องขจัดเงื่อนไขสงครามปฏิวัติให้หมดไปให้ได้

    คงยังจำกันได้กับนโยบาย 66/23 ที่ต้องดำเนินงานในหลายๆด้านพร้อมกันไป  เหนื่อยก็ตรงที่ต้องอดทนต่อเสียงด่าและความใจร้อนของสายเหยี่ยว…การเอาชนะคอมมิวนิสต์นั้นมีรายละอียดและความลึกซึ้งของปัญหาที่แตกต่างกันกับปัญหาใต้ ต่างกันมากก็ตรงงานนี้มีในเรื่องเชื้อชาติและศาสนาซึ่งเป็นส่วนละเอียดอ่อนกว่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย…จึงเป็นงานยากของรัฐบาลที่จะทำอย่างไรจึงจะชี้แจงทำความเข้าใจให้ผู้คนในชาติเห็นพร้องร่วมกันอย่าให้เกิดรอยแยกของความแตกต่างทางเชื้อชาติศาสนามากยิ่งขึ้นไปกว่านี้  และดำเนินการปราบปรามกลุ่มโจรแยกดินแดนตัวจริงโดยไม่เปื้อนปนผู้บริสุทธิพร้อมกัน  อย่าไปผลักว่าเป็นงานของคนกลุ่มใด..

    จากคุณ : ไทยพันธุ์แท้ - [ 14 พ.ค. 48 07:59:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป