เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่า"ปัญหาการก่อการร้ายรายวัน"ในภาคใต้นั้นยังคงระอุครุกรุ่นและดูเหมือนว่าจะไม่มีทางดับมอดไหม้ลงไปได้ง่ายๆในเร็ววัน ... นักวิจารณ์หลายๆท่านก็ดูเหมือนจะชี้นิ้วไปยังรัฐบาลทักษิณทันทีว่าไม่สามารถแก้ไขสถาณการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ได้ทันท่วงทีปล่อยให้ประชาชน ข้าราชการ ทหารตำรวจต้องถูกฆ่าตายรายวัน ... หากการแก้ปัญหาจบได้ด้วย"คำวิจารณ์"ของนักวิชาการหรือนักคอลัมนิสต์ตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจแต่แทนทึ่เราจะมานั่งตำหนิการทำงานของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียวเราในฐานะภาคประชาชนมาเสนอสาเหตุและแนวทางแก้ปัญหาที่ดูมีรูปธรรมมิดีกว่าหรอกหรือ? อดตั้งคำถามนี้ให้กับตัวเองไม่ได้ค่ะเมื่อต้องอ่านเจอแต่คำวิพากษณ์วิจารณ์ของนักคอลัมนิสต์หรือนักวิชาการบางท่านแต่ไร้ซึ่งการชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกัน ...
แม้พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลตอนนี้ก็ยังไม่สามารถที่จะดับไฟใต้ได้หรอกค่ะเพราะเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทุกวันนี้รวมไปถึงทางสามจังหวัดทางภาคใต้ของไทยด้วยคือ"กระแสสากล"ของการสร้าง"มหารัฐอิสลามบริสุทธิ์" ที่ บิน ลาเดนและกลุ่ม Muslim fundamentalists (มิได้หมายถึงมุสลิมทั้งหมดนะคะ) ได้วางระเบิดเอาไว้นั่นเอง ... เราต้องไม่ลืมด้วยค่ะว่า"อิสลามเป็นขบวนการทางการเมืองด้วย" จึงเป็นแรงหนุนนำได้ง่ายที่พวกนักการศาสนาหัวรุนแรงบางคนจะปลุกระดมหาแนวร่วมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมือง หากคิดแต่เพียงว่าอิสลามเป็นศาสนาเพียงอย่างเดียวเหมือนกับ "ศาสนาพุทธ" นั้นเรียกว่ารัฐบาลหลงทางแล้วค่ะ... ด้วยเหตุว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกนักการศาสนา คิดที่จะใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือสร้างความวุ่นวายหรือเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องแล้วรับรองว่าได้ผลเพราะปัจจัยหลายอย่างที่ยังเอื้ออยู่และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ "การศึกษา" เนื่องเพราะในสภาพความเป็นจริงนั้นมีชาวปัตตานีเกือบ 50,000 คนทีเดียวค่ะที่พูด-อ่านภาษาไทยไม่ได้จากประชากรทั้งจังหวัด 600,000 คนสาเหตุเนื่องมาจากในอดีตชาวปัตตานีจะไม่นิยมเรียนสายสามัญและใช้ภาษามลายู (ภาษายาวี) เป็นภาษาท้องถิ่น...
เมื่อมองปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกวันนี้ก็ให้รู้สึกสะท้อนสะท้านใจและเห็นใจประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มากเนื่องเพราะทุกวันนี้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีการสูญเสียชีวิตของประชาชนอันเนื่องมาจากการสร้างความวุ่นวายทุกวันวันละ 1 ศพเป็นอย่างน้อยประชาชนในพื้นที่หวาดผวากับข่าวลือข่าวจริงตลอดเวลา ... และเมื่อเร็วๆนี้กำลังทหาร ตำรวจ ชุด ฉก.22 ปัตตานีกว่า 100 นายบุกค้นหอพัก"ปอเนาะ"ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกและวางแผนการก่อการร้ายอีกทั้งพบ"วิดีโอซ้อมรบของกลุ่มอัลกออิดะห์" พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิด
ค่ะจากข้อเท็จจริงตรงนี้จะเห็นได้ว่าปัญหาภาคใต้มิใช่เป็นแต่เพียงปัญหาของรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียวแต่เป็นปัญหาของชาติที่คนไทยทุกคนมีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ... ดิฉันในฐานะภาคประชาชนวันนี้จึงอยากจะขอเสนอมุมมองของปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้พอสังเขปค่ะ จริงๆก็ติดตามปัญหาทางภาคใต้มานานนะคะแต่เพิ่งจะมีโอกาสตั้งเป็นกระทู้วันนี้เอง โดยส่วนตัวดิฉันคิดว่าการจะเข้าใจปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้ให้ถ่องแท้นั้นต้องเข้าใจ"พื้นฐานของแรงจูงใจ"ของผู้ที่ต้องการสร้างความไม่สงบด้วยค่ะและที่สำคัญรัฐบาลทักษิณต้องไม่หลงทางด้วยค่ะ...
สาเหตุของ "การก่อการร้าย" หรือที่นักข่าวมักจะใช้คำว่า"การก่อความไม่สงบ"ทางภาคใต้นั้นดิฉันคิดว่าประกอบไปด้วย"สองสาเหตุหลักๆ" ด้วยกันคือ:
1. การแพร่ขยายของแนวความเชื่อในการรวมโลกเป็นหนึ่งเดียวภายใต้กฏหมายอิสลามหรือ sharia law(The Great Caliphate)
2. การเมืองของประเทศมาเลเซีย --ซึ่งก็มีแรงจูงใจมาจากข้อที่หนึ่งนั่นเองค่ะ
โดยดิฉันจะขอกล่าวถึงในรายละเอียดข้อแรกก่อนนั่นก็คือ:
1. การแพร่ขยายของแนวความเชื่อในการรวมโลกเป็นหนึ่งเดียวภายใต้กฏหมายอิสลามหรือ sharia law(The Great Caliphate)... ...
ปัจจุบันนี้ในหลายๆประเทศกำลังเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของการทำสงครามศาสนาหรือการใช้ "กองกำลังจีฮัด" ของมุสลิมที่มีแนวทางรุนแรงกลุ่มหนึ่ง(มิได้หมายถึงมุสลิมทั้งหมดนะคะ) ที่มีเป้าหมายในการสร้าง "มหารัฐอิสลามบริสุทธิ์" (Pure Islamic state)ขึ้นมาเหมือนอย่างที่รัฐบาลตาลีับันของอาฟกานิสถานได้พยายามนำมาใช้นั่นเองค่ะ ... และมุสลิมที่มีแนวทางรุนแรงเหล่านี้พยายามส่งเสริมระบอบการปกครองในประเทศต่างๆให้อยู่ภายใต้กฎหมายอิสลาม(The Global Caliphate)โดยใช้ศาสนาเป็นเครื่องชี้นำในทางการเมืองเพราะสำหรับมุสลิมที่มีแนวทางรุนแรงเหล่านี้มีแนวความคิดที่ปฎิเสธระบอบ"การปกครองแบบฆราวาส" (Secular state)โดยสิ้นเชิง...
การใช้ forces of the Jihad นี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การสร้างมหารัฐอิสลามบริสุทธิ์โดยมีเป้าหมายในการแทรกซึมโค่นล้มรัฐบาลและใช้กำลังทหารในการเข้าควบคุมเมื่อรัฐบาลสายฆราวาสถูกขจัดออกออกไปหรือถูกลอบสังหาร...เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นที่ประเทศเลบานอนมาแล้วเมื่อกองทัพของซีเรียเข้ายึดครองเลบานอน... หรือความพยายามในการลอบสังหารอดีตผู้นำของอียิปต์ "อันวา ซาดัด" "กษัตริย์ฮุสเซ็นแห่งจอร์แดน" ประธานาธิบดี"ฮอสนี่ มูบารัค"ของอียิปต์ และประธานาธิบดี"มูชาราฟ"แห่งปากีสถาน ... .... ปากีสถานนี่จะเป็นรางวัลก้อนโตสำหรับกลุ่มก่อการร้ายเลยล่ะค่ะหากพวกเค้าทำสำเร็จเพราะเนื่องจากว่าปากีสถานมี"ระเบิดนิวเคลียร์"เป็นรางวัลตบท้ายให้นั่นเอง... เมื่อหันกลับมามองปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกวันนี้มีแนวทางการทำงานที่ใกล้เคียงกันมากในการเรียกร้องขอเสรีภาพการปฎิบัติศาสนกิจจากรัฐบาลหลายประการโดยใช้"ความแตกต่างทางศาสนา"เป็นเครื่องต่อรอง ข้อเรียกร้องที่น่าวิตกที่สุดเห็นจะเป็น--การผลักดันให้มีการจัดตั้งศาลอิสลาม(shariah courts)แยกอิสระออกจาก"civil courts" กล่าวคือ จัดตั้งศาลอิสลามแทนศาลสากลในส่วนตรงนี้นี่คล้ายกับกรณีที่โต๊ะครู หะยีสุหลง โต๊ะมีนาเรียกร้องต่อรัฐบาลสยามว่าจะต้องแยกศาลชารีอะห์(ศาลอิสลาม) ออกจากศาลจังหวัดตามข้อกำหนดของสมาคมสมางัตปัตตานี (อุดมการณ์ปัตตานี)เลยค่ะ.....การแยกระบบการศึกษาโดยผลักดันให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยอิสลามแทนมหาวิทยาลัยสงขลา(มอ ปัตตานี)...และเรียกร้องให้มีการใช้ภาษายาวีเป็นภาษาราชการ...ข้อเรียกร้องในการผลักดันให้ใช้ "ภาษายาวี" เป็นภาษาราชการมิได้เป็นการลดช่องว่างทางภาษาในการสื่อสารของทั้งราชการและประชาชนในพื้นที่เลยแม้แต่นิดอีกอย่างทางกศน.ปัตตานีเองก็มีนโยบายเปิดสอนภาษายาวีแก่เจ้าหน้าที่รัฐและสอนภาษาไทยแก่ชาวบ้านที่ไม่รู้หนังสืออีกทางหนึ่งอยู่แล้ว
โดยส่วนตัวดิฉันคิดว่านี่คือความพยายามในการสร้างแนวคิดให้คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับความแตกต่างมากกว่าที่จะปรับความแตกต่างของตัวเองเพื่ออยู่ร่วมกับคนส่วนใหญ่แถมเป็นการสร้างรอยร้าวและความแปลกแยกทางวัฒนธรรมให้กับกลุ่มชนสามเชื้อชาติในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งประกอบไปด้วย ไทยพุทธ ไทยมุสลิม คนไทยเชื้อสายจีน และมุสลิมมลายู อย่างช้าๆและเป็นระบบตามอุดมการณ์สานฝันในการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษอันเป็นหนทางนำไปสู่ความเป็น"มหานครรัฐปัตตานี"ในที่สุดหาใช่การรวมเป็นหนึ่งของชนสามเชื้อชาติไม่... แต่คงจะลืมตระหนักในข้อเท็จจริงไปว่ามีชาวไทยมุสลิมจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคอื่นๆของประเทศไทยและในเมืองหลวงประสบความสำเร็จในชีวิตโดยที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้ระบบอิสลามอย่างที่พวกเค้าเรียกร้องเลยอีกทั้งยังมีเสรีภาพในการปฎิบัติศาสนกิจได้อย่างเต็มที่
ประเทศไทยยังคงเผชิญกับเหตุการณ์สำคัญๆ ซึ่งก่อผลสะเทือนต่อการระบบสังคมและเศรษฐกิจ หนึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นได้แก่ การก่อการร้ายภาคใต้ที่ยืดเยื้อมายาวนาน จนเป็นเหตุให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ... มาจะกล่าวบทไปถึงปัญหาความไม่สงบทางภาคใต้นั้นนับว่าเป็นช่วงระยะเวลายาวนานกว่า 40 ปีมาแล้วที่ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ ไทยมุสลิม และคนไทยเชื้อสายจีนต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ปกติสุขในการเผชิญกับความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอันเนื่องมาจากความมุ่งประสงค์ร้ายของบรรดากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ยังคงไว้ซึ่งแนวความคิดหรืออุดมการณ์ใน "การแบ่งแยกดินแดนแล้วปกครองตนเอง" และยังมีความหวังอยู่ในบุคคลบางกลุ่มอย่างไม่เสื่อมคลาย....จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้นั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาในอดีตที่ผ่านมา ความรุนแรงหาได้เกิดเพียงชั่วระยะเวลาที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรเข้ามาบริหารประเทศอย่างที่แกนนำฝ่ายค้าน"พรรคประชาธิปัตย์" "นักคอลัมนิสต์บางท่านซึ่งยังหลงไหลในลัทธิมาร์กซ์ตามหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อดังของเมืองไทย" หรือ "นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย" พยายามชี้แนะไม่... เพราะหากมองย้อนกลับไปในอดีตในราวปี 1993 นั้นโีรงเรียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกเผาไปถึง 36 โรงเลยทีเดียวรวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆที่นับไม่ถ้วน
หรือเมื่อมองย้อนไปไกลกว่านั้นในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรมพวกโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ไม่ใช่ไม่มีและก็ก่อกรรมทำเข็ญทุกปีเหมือนกันแถมยังมีโจรทางภาคใต้อีกกลุ่มที่ปล้นรถทัวร์ รถไฟรายวันจนต้องถึงมือพลเอก หาญ ลีนานนท์มาทำการปราบปราม...ดิฉันคิดว่าตัวการที่จุดชนวนที่ทำให้พวกโจรก่อการร้ายหนักข้อขึ้นทำงานได้สะดวกโยธินมากขึ้นก็คือการที่ประเทศไทยไม่มีความเป็นเอกภาพทั้งในเรื่องความคิดและการปฏิบัติทำให้การแก้ไขปัญหาล้มเหลวสิ่งที่สำคัญคือโจรก่อการร้ายมักจะมีกลุ่มผู้รักสันติภาพ(ฝ่ายเดียว)อย่าง "กลุ่ม NGO" "กลุ่มสว." และ"สมาชิกพรรคปชป.บางท่าน" ออกมาปกป้องเป็นเกราะกำบังให้เสมอเลยทำให้พวกโจรก่อการร้ายนี้ได้ใจเพราะเห็นว่าคนไทยไร้ซึ่งความสามัคคีแถมยังมีหนังสือพิมกระดาษเปื้อนหมึกบางฉบับเห็นการกระทำของพวกผู้ก่อการร้ายเป็นความชอบธรรมไปเลยก็มี
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 48 03:00:42
จากคุณ :
เอื้องอัยราวัณ
- [
23 มิ.ย. 48 00:45:19
]