ความคิดเห็นที่ 2
เห็น สนใจแต่ข่าว น้ำเน่า มาม่าเซียน กับหน้าตาของผู้นำประเทศ... เปรียบเทียบกับ ผู้นำในอดีตเองหรอ... รู้จักเอาเรื่องความทุกข์ร้อน มาป่าวประกาศบ้างสิ
ไทยยังขาดดุลการค้าต่อเนื่องเดือนที่ 5 กว่า 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในเดือนพฤษภาคม 2548 ประเทศไทยมีมูลค่าการนำเข้าที่สูงถึง 1,0610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.6 โดยนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นมาก มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบสูงถึง 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 124 จากเดือนก่อนหน้าที่มีมูลค่าการนำเข้ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจาก 22 ล้านบาร์เรล ในเดือนเมษายน มาเป็น 48 ล้านบาร์เรล ในเดือนพฤษภาคม จากอัตราการนำเข้าเฉลี่ยประมาณ 27-28 ล้านบาร์เรลต่อเดือน สาเหตุที่นำเข้าน้ำมันมาก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลง จาก 49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ 39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น โรงกลั่นจึงซื้อน้ำมันเข้ามารองรับความต้องการที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคมการนำเข้าน้ำมันมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 15 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด จากร้อยละ 12 ของเดือนก่อนหน้า
นอกจากนี้ ยังพบว่าในเดือนพฤษภาคมมีการนำเข้ารถยนต์ดีเซลเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ขณะที่การนำเข้ารถยนต์เบนซินลดลงร้อยละ 12 ส่วนการนำเข้าสินค้าทุน เหล็ก ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้านการส่งออกมีมูลค่า 8,989 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.1 จึงทำให้ไทยขาดดุลการค้า 1,621 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ของปี รวมยอดขาดดุลการค้าทั้งสิ้น 6,609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดุลบริการและเงินโอนเกินดุลลดลงเหลือ 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชน ซึ่งมีมูลค่า 698 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.4 จำนวนนักท่องเที่ยวในภาคใต้และจังหวัดที่ประสบคลื่นสึนามิยังลดลงร้อยละ 30 ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1,564 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ 5 เดือนแรกของปี ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 4,778 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ธปท.ยอมรับว่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงกว่าที่คาดไว้ สาเหตุเนื่องจากการนำเข้าน้ำมันที่สูงขึ้นผิดปกติ แต่ก็เชื่อว่าการนำเข้าน้ำมันคงไม่เพิ่มขึ้นในระดับเกินร้อยละ 100 อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนจะประหยัดพลังงาน ทำให้ลดการนำเข้าน้ำมันในอนาคตอย่างแน่นอน ส่วนปัญหาการสะสมสตอกน้ำมันของโรงกลั่น เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ดูแล นางสุชาดา กล่าว
ส่วนเงินสำรองระหว่างประเทศสิ้นเดือนพฤษภาคม 2548 อยู่ที่ 48,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจาก 49,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 3.7 เท่าของหนี้ระยะสั้น ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มตามราคาอาหารและเครื่องดื่มและค่าโดยสารสาธารณะที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดีเซล ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.2 ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกของปี เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของนักธุรกิจอยู่ที่ 46.6 ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 เนื่องจากกังวลปัญหาราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคประชาชนขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 เนื่องจากประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย เพราะกังวลต่อราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะมีแรงส่งจากการส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 4 และการเบิกจ่ายงบกลางปี 50,000 ล้านบาท ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้
จากคุณ :
imob
- [
30 มิ.ย. 48 17:01:25
]
|
|
|