ความคิดเห็นที่ 1 โอ้วววว มาได้ไงเนี๊ยะ วันพระน่ะ จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 10:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ดิฉันได้เซฟข้อความที่ดิฉันเขียนไว้ทั้งหมดค่ะพันทิพที่รัก หากคณะกรรมการของพันทิพย์ผ่านมาอ่านเจอแล้วช่วยชี้แจงแถลงไขให้ทราบหน่อยค่ะ ลองมาวิเคราะห์ดูก็ได้ว่าเนื้อหาในกระทู้นั้นหมิ่นเหม่ตรงไหน? ดิฉันยังเชื่อมั่นในอิสระเสรีภาพทางความคิดที่พันทิพมอบให้กับสมาชิกอยู่นะคะ หรือนิยามคำว่า "Freedom of Speech" ของทางพันทิพกับดิฉันมีความหมายไม่ตรงกันหรืออย่างไรจะได้รับทราบไว้ค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 10:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมล์ไปถามเลยดีกว่ามั้ง ถามในนี้กว่าจะตอบ ให้คุณเมล์ไปถามเป็นการส่วนตัว แล้วคงจะทราบคำตอบได้เร็วกว่า วันพระ ทำจิตใจให้ผ่องใส น่ะจ๊า จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 10:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่าถามหาความถูกต้องจากที่นี่เลยค่ะ มั่วๆพิกล http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P3617595/P3617595.html จากคุณ : ตำใจ - [ วันเข้าพรรษา 11:16:06 A:61.91.145.121 X: TicketID:103749 ]

ความคิดเห็นที่ 5 #3 เคยเมล์ไปถามแล้วนะคะแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบค่ะ มีเพื่อนสมาชิกที่นี่บอกว่า เมล์ไปถาม webmaster ไม่ค่อยตอบหรอกเพราะเมล์ที่นี่วันละหลายร้อยฉบับเปิดอ่านทันก็เก่งแล้ว ข้อมูลที่ถูกลบนั้นเอื้องบันทึกไว้หมดล่ะค่ะเพราะเคยมีประสบการณ์มาก่อนเพียงแต่อยากทราบเท่านั้นเองว่าเวปมาสเตอร์ลบเพราะสาเหตุอะไร?เพราะเมื่อวานพันทิพก็ลบกระทู้ "เหตุระเบิดที่ลอนดอน" ทิ้ง เป็นยังไงคะวันนี้มีระเบิดที่อังกฤษอีกแล้ว....เอื้องคิดว่าตัวเองจิตใจผ่องใสนะคะแต่คนที่แจ้งลบนี่ท่าทางจิตใจจะร้อนรุ่มดั่งไฟสุมขอนค่ะ และเอื้องมั่นใจค่ะว่าสิ่งที่เอื้องเขียนในกระทู้ "น้ำมันแพงเพราะอะไร" ไม่เข้าข่ายกฏทั้งสามข้อของพันทิพแน่นอน... จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 11:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คห 3 ^ ถ้าคุณเขียนออกมาจากใจแบบนั้น ก็เชิญไปที่อื่นเลยครับ ไม่มีใครห้ามหรอก แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 11:21:20 จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 11:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บังเอิญ เป็นวันหยุดมั้ง คิดว่าคงมี เจ้าหน้าที่แหละ แต่คงลดจากวันปกติ หรือไม่ก็โทรไปถามเลยก็ได้นี่ครับ ก็จะได้รับคำตอบโดยเร็ว จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 11:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #4 ค่ะคุณตำใจ เอื้องคิดว่าหากความคิดเห็นใดในกระทู้อ่านดูแล้วเข้าข่ายกฏสามข้อของพันทิพนี่ก็น่าจะลบเพียงความคิดเห็นนั้นนะคะเพราะบางความคิดเห็นนี่ก็มีประโยชน์มาก ไม่น่าต้องลบทั้งกระทู้เลย แต่เรื่องมีมาเฟียประจำห้องนี่มีแน่นอนค่ะ อันนี้ไม่ได้หมายความว่าพันทิพตั้งขึ้นนะคะแต่สมาชิกเหล่านั้นอาจเป็นเพื่อนกันมาก่อนหรือมีมุมมองการเมืองที่เหมือนกันและมีความอดกลั้นต่ำคุณก็อาจจะโดนลบกระทู้หรือยึดอมยิ้มหากคุณเป็นคนพูดตรงและแทงใจดำใครเข้า เอื้องเองก็เคยเมลล์ไปพูดคุยกับ คุณวรพจน์(webmaster) นะคะเพราะช่วงนั้นโดนด่าหยาบคายบ่อย webmaster ก็น่ารักเอาใจใส่สมาชิกดีค่ะแต่ตอนนี้เอื้องคิดว่าการลบกระทู้มีมาตรการเปลี่ยนไปค่ะ(ไม่รู้จริงหรือเปล่า) แต่เอื้องคิดว่าคนกลุ่มนี้ขี้ขลาดค่ะเำพราะชอบลอบกัดข้างหลัง(ขอแขวะหน่อยนะจ๊ะ ) แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 11:49:50 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 11:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไหนๆ ก๊อบ มาใหม่สิ คุณเอื้อง อยาก ยล เช่นกัน จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 11:52:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 P3577981  น้ำมันแพงเพราะอะไร?   ดูเลขกระทู้หน่อยเป็นไง กระทู้เก่าที่โหวตเก็บเข้าคลังเท่านั้นแหละถึงจะอยู่ แม่คุณ ........จะว่าโง่หรือ เจ้าเหล่ห์สไตล์ยิวดีหละ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 11:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อยากรู้ข้อความในกระทู้ครับช่วยสงเคราะให้อ่านหน่อยครับคุณจขกท แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 12:40:07 จากคุณ : วิหคเหิรฟ้า - [ วันเข้าพรรษา 12:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #10 โดนลบแน่นอนค่ะเซฯเพราะกระทู้น้ำมันแพงเพราะอะไรนั้นเอื้องโหวตเก็บเข้าคลังเรียบร้อยแล้วจ๊ะแต่ไม่มีในคลังเลยและที่สำคัญกระทู้น้ำมันแพงเพราะอะไรเพิ่งตั้งหลังกระทู้ "หนังสือน่า่อ่านประจำสัปดาห์: The Case For Democracy"  และก็วันที่อัพเดทกระทู้นั้นก็ยังเป็นวันล่าสุดกว่ากระทู้ "หนังสือน่า่อ่านประจำสัปดาห์" อีกนะ ว่าแต่เซฯไปได้ "หมายเลขของกระทู้" มาได้ยังไงคะ? เซฯรู้รึเปล่าว่าการที่เซฯกล่าวว่า "เจ้าเหล่ห์สไตล์ยิวดีหละ" นี่แหละคือการพูดเหยียดชาวยิวทั้งเชื้อชาติมุสลิมนี่พูดบ่อยนะคะ น่าน้อยใจนะคะพันทิพที่รักที่ชาวยิวทั้งโดนด่าั้โดนกล่าวหาแบบเหมารวมอยู่บ่อยๆแต่ไม่ได้รับการเหลียวแลเลย เซฯรู้มั๊ยว่าชาวยิว ชาวอิสราเอลที่มุสลิมอย่างเซฯเกลียดนี่แหละที่เป็น"ประเทศแรกในโลก(ประเทศ "อิสราเอล")" ที่ให้ที่พักพิงและ"citizenship" แก่ Bosnian Muslim refugees ที่จำเป็นต้องทิ้งบ้านเรือนและที่อยู่อาศัยในประเทศยูโกสลาเวีย(ภายใต้ผู้นำเผด็จการ)อันเนื่องมาจากสงครามกลางเมืองมา และเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2545 ที่ผ่านมาแรบไบจากอิสราเอลร่วมกับ Chabad Houses ในเมืองไทยขนของไปแจกเด็กๆที่ภาคใต้ด้วยเด็กๆเหล่านั้นก็เป็นเด็กมุสลิมนั่นเองเซฯเคยเห็นภาพเหล่านั้นไหม? มีสื่อเคยลงบ้างไหม? จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 12:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 #7 ขอบคุณนะคะคุณCSI:ส่ายหน้า...สำหรับคำแนะนำหากเอื้องอยู่เมืองไทยก็คงจะโทรไปล่ะค่ะแต่นี่เอื้องอยู่ต่างประเทศค่ะคงจะลำบาก จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 13:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อิอิ งั้นก็เมล์ละกัน ไม่งั้นก็ post ใหม่ ให้ไฉไลกว่าเดิม จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 13:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ว่าแต่คุณ เซคริยาห์ คนฉลาดช่วยบอกคนโง่อย่างเอื้องอัยราวัณทีเถิดค่ะว่าคุณเซฯไปได้หมายเลขกระทู้ " น้ำมันแพงเพราะอะไร"(P3577981) มาได้ยังไงคะ? อิอิ ช่วยอธิบายเป็นวิทยาทานหน่อยเถิดค่ะ คุณขร๋า  เอื้องจะได้ทราบว่าหมายเลขกระทู้ "เหตุระเบิดที่ลอนดอน" คือหมายเลขอะไรด้วยนะเพราะเอื้องจะนำหมายเลขกระทู้ลองเขียนไปถามคุณวรพจน์อีกครั้งนึงค่ะแต่ก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบหรอก และสำหรับชาวยิวแล้วนะคะเซฯเราถือว่า "Pray as though everything depended upon God. Act as though everything depended upon you." แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 14:46:38 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 14:23:16 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 14:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 งั้นเอื้องอัยราวัณก็บอกพ่อยิวรับชาวปาเลสไตน์ที่ลี้ภัยสงครามอยู่ในประเทศอาหรับเป็นล้าน ให้กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วยซิ แถวเบอร์ชิบา อักกา หรือนาราเรธ เยรูซาเลมตะวันออก ไฮฟา บ้านเดิมเขาทั้งนั้นแหละ ไม่รู้มียิวที่ใหนบุกเข้าไปยึดบ้านพวกเขา http://search.pantip.com/cgi-bin/ss?query=%E0%CD%D7%E9%CD%A7&group=%C3%D2%AA%B4%D3%E0%B9%D4%B9&grp=&search=&submit=&age=all&x=32&y=9 จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 14:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณคุณ วิหคเหิรฟ้า และคุณ  CSI:ส่ายหน้า นะคะที่สนใจอยากอ่านอีกสักครู่จะนำมาแปะไว้ที่กระทู้นี้ก็แล้วกันนะคะ หรือถ้าอยากให้ตั้งใหม่ก็บอกด้วยนะคะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 14:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตั้งใหม่ไปเลยครับ จากคุณ : CSI:ส่ายหน้า - [ วันเข้าพรรษา 15:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เจ้าของกระทู้ โหวตกระทู้ตนเองเข้าคลังได้หรือครับ พึ่งรู้นะเนี่ย จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 #16 คุณพ่อไม่ได้เป็นคนยิวค่ะเซฯ คุณพ่อเป็นคนไทยเชื้อสายจีนค่ะ ว่าแต่มุสลิมอย่างเซฯนี่มีพ่อเป็นปาเลสไตน์หรือคะถึงเดือดร้อนแทนชาวปาเลสไตน์นัก หุหุ คนไทยในสามจังหวัดภาคใต้ตายรายวันนี่มุสลิมอยางเซฯเงียบเป็นเป่าสาก เห็นสงครามอิรักเต้นเหยงๆจะไปตายแทน เหอ เหอ คำว่าปาเลสไตน์นี่เซฯรู้รึเปล่าว่าพวกโรมันใช้เรียกแทนคนยิวค่ะ ชาวยิวไม่เคยไปปล้นแผ่นดินใครค่ะมีแต่พลิกผืนทะเลทรายให้เป็นสีเขียวและพวกอาหรับอยากได้ทีหลัง คนไทยอ่านประวัติศาสตร์ Israel-Palestine เวอร์ชั่นอิสลามเยอะค่ะ แม้แต่ Edward Said ยังถูกจับได้ว่าโกหก จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 15:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #19 แปลกหรือที่จะโหวตกระทู้ตัวเองเข้าคลัง ชอบอ่ะ ฮ่าๆ ว่าแต่คุณเซฯว คนฉลาดจะไม่ยอมเผยหรือว่าได้หมายเลขกระทู้ " น้ำมันแพงเพราะอะไร"(P3577981) มาได้ยังไงคะ?...แล้วลิ้งค์ข้างบนในความคิดเห็นที่ 16 นั้นชี้ให้ไปดูอะไรคะเซฯเห็นแต่ชื่อ "เอื้องอัยราวัณ" เต็มไปหมด งง ค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 15:35:18 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รึครับ ผมไปเจอเว็บของปาเลสไตน์จากเว็บมุสลิมไทย เห็นชาวปาเลสไตน์หนีลงทะเลหัวซุกหัวซุน ตอนที่ยิวจะยึดเมืองจัฟฟา อย่างนี้ เขาไม่เรียกว่า "ปล้น" หรือครับ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:39:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นั่นแหละ... search engine ของ pantip ไว้หากระทู้หรือข้อความที่ต้องการ กระทู้ P3577981 อยู่หน้าสองของคำค้น "เอื้อง" คลิ๊กไปดูซิ ก็สมควรแล้วที่ pantip จะลบ เพราะเป็นกระทู้เก่า จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบไม่ชอบ ไม่สำคัญ แต่โหวตกระทู้ตนเองเข้าคลัง pantip เขาจะเก็บไว้รึ อย่างนี้ทุกคนตั้งกระทู้เสร็จ ก็โหวตเข้าคลัง กระทู้มันไม่เฟ้อรึ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ลำดับที่ 24 หน้าสอง 24:  P3577981  น้ำมันแพงเพราะอะไร?   ... เป็นปริมาณสูงนั่นเอง สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลค่ะที่ประกาศให้เรื่องพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ มาร่วมกันประหยัดพลังงานกันได้แล้วค่ะคนไทยที่รักทั้งหลาย ..   <<< เอื้องอัยราวัณ สำหรับผู้ที่คิดว่ากองทุน Hedge Fund มีส่วนในการทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นลองอ่าน ข่าวนี้เรียกน้ำย่อยไปก่อนนะคะเดี๋ยวมีรายละเอียดตามมาทีหลังค่ะ อิอิ High จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าชาวยิวใจดีเหมือนที่เอื้องว่าจริง ก็คืนบ้านหลังที่เห็นในรูปคืนแก่ชาวปาเลสไตน์ด้วยซิ ตอนนี้ก็ยังอยู่ แต่พวกยิวอพยบครองครองอยู่ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 "ประเทศแรกในโลก(ประเทศ "อิสราเอล")" ที่ให้ที่พักพิงและ"citizenship" แก่ Bosnian Muslim refugees ที่จำเป็นต้องทิ้งบ้านเรือนและที่อยู่อาศัยในประเทศยูโกสลาเวีย(ภายใต้ผู้นำเผด็จการ)อันเนื่องมาจากสงครามกลางเมืองมา จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 15:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 28 #23 เหอะ เหอะ กระทู้นั้นนะคะเซฯไม่มีอะไรสมควรที่จะต้องลบเลยค่ะพูดคุยถกกับอาจารย์ ktm เรื่องน้ำมันธรรมด๊า ธรรมดาคนที่แจ้งลบคือคนที่ไม่ยอมรับความจริงหรือคนที่ต้องการเบี่ยงประเด็นให้เอื้องอัยราวัณหันเหไปพูดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องก่อการร้าย หรือพวกที่ต้องการปกป้องโอเปค .หุหุ ตอนนี้เขียนเรื่องข้อหักล้างที่ว่าทำไมทฤษฏี Peak Oil ของ Hubert มีข้อบกพร่อง เสร็จแล้วก็กำลังจะนำมาลงในกระทู้นะคะก็ปรากฏว่ากระทู้อันตระธานหายไปเสียนี่ มีมือดีแอบมาแจ้งลบซะแล้ว กระทู้เก่าหรือคะเซฯ ลองมาดูนี่หน่อยเป็นไร P3566471: หนังสือน่า่อ่านประจำสัปดาห์: The Case For Democracy เปรียบเทียบกับ P3577981: น้ำมันแพงเพราะอะไร? กระทู้อันไหนเก่ากว่ากันคะ? P3566471 or P3577981 แต่กระทู้หมายเลข P3566471 ยังอยู่ ทั้งที่เก่ากว่าสมมติฐานของคุณผิดแล้วค่ะเซฯ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 16:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #24 "ชอบไม่ชอบ ไม่สำคัญ แต่โหวตกระทู้ตนเองเข้าคลัง pantip เขาจะเก็บไว้รึ อย่างนี้ทุกคนตั้งกระทู้เสร็จ ก็โหวตเข้าคลัง กระทู้มันไม่เฟ้อรึ" เซฯเป็นหนึ่งใน webmaster ของพันทิพย์หรือจึงรู้กฏของพันทิพที่ว่ากระทู้ใดควรและไม่ควรเก็บ หรือเดาเอาเอง? จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 16:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 #25 "24:  P3577981  น้ำมันแพงเพราะอะไร?   ... เป็นปริมาณสูงนั่นเอง สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลค่ะที่ประกาศให้เรื่องพลังงานทดแทนเป็นวาระแห่งชาติ มาร่วมกันประหยัดพลังงานกันได้แล้วค่ะคนไทยที่รักทั้งหลาย ..   <<< เอื้องอัยราวัณ สำหรับผู้ที่คิดว่ากองทุน Hedge Fund มีส่วนในการทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นลองอ่าน ข่าวนี้เรียกน้ำย่อยไปก่อนนะคะเดี๋ยวมีรายละเอียดตามมาทีหลังค่ะ อิอิ High " คุณกล่าวว่ากระทู้ "น้ำมันแพงเพราะอะไร?" สมควรลบใช่ไหม? ประโยคข้างบนนั้นผิดกฏข้อไหนของพันทิพคะเซฯ: 1. กระทู้ที่วิจารณ์ล้ำเส้นไปถึง เรื่องส่วนตัวของบุคคลสาธารณะ 2. กระทู้ที่ใช้วิธีด่าทอ เสียดสี เพียงเพื่อความสะใจ โดยไม่มีข้อคิดหรือสาระใดๆ 3. กระทู้ที่ตั้งขึ้นเพียงเพื่อ เปิดประเด็นให้มีการทะเลาะกันเอง ภายในเว็บ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 16:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่แน่นะวันพรุ่งนี้กระทู้ "P3566471: หนังสือน่า่อ่านประจำสัปดาห์: The Case For Democracy" อาจโดนแจ้งลบอีก เหอ เหอ แต่กระทู้ที่ด่าบุช ด่าอเมริกา ด่าอิสราเอลนี่อยู่ยาวค่ะ อย่างว่านะคะพื้นฐานการเรียนรู้อยู่ในโลกประชาธิปไตย ความอดกลั้นต่อทัศนะคติที่แตกต่างถูกปลูกฝังมาต่างกัน จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 16:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อยากเห็นกระทู้นั้นจริงๆ นะ ไม่รู้เกี่ยวกับอะไร แต่ผมอยากถามคุณเอื้องฯ ว่า ประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน ยิวได้แต่ใดมา จากคุณ : ridkun - [ วันเข้าพรรษา 16:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #16 "งั้นเอื้องอัยราวัณก็บอกพ่อยิวรับชาวปาเลสไตน์ที่ลี้ภัยสงครามอยู่ในประเทศอาหรับเป็นล้าน ให้กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของเขาด้วยซิ แถวเบอร์ชิบา อักกา หรือนาราเรธ เยรูซาเลมตะวันออก ไฮฟา บ้านเดิมเขาทั้งนั้นแหละ ไม่รู้มียิวที่ใหนบุกเข้าไปยึดบ้านพวกเขา" และที่คุณกล่าวว่ายิวไปขับไล่หรือแย่งที่ชาวปาเลสไตน์นั่นไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเป็นการมองมุมเดียวแบบในมุมของอิสลามเท่านั้นเพราะไม่เคยมีประเทศปาเลสไตน์เลยในอดีตที่ถูกปกครองโดยชาวปาเลสไตน์ .. คำว่า "ปาลสติเนี่ยน" นั้นเป็นคำที่มาจากคำว่า "Palestina" พวกโรมันใช้คำนี้เรียกผู้คนที่อาศัยที่อยู่ในประเทศ, พื้นที่หรืออาณาจักรที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยนซึ่งก็คือประเทศอิสราเอลในปัจจุบันซึ่งในตอนนั้นตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอาณาจักรโรมันช่วงปี 63 BCE- 313CEและผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยในแถบนั้นก็คือชาวยิวนั่นเอง(predominantly Jewish)เหตุที่โรมันใช้คำว่า"Palestina" เข้ามาทดแทนคำว่า "Judea" นั้นก็เพื่อทำลายสัญญลักษณ์หรือสิ่งที่บ่งบอกถึงว่าชาวยิวเป็นผู้ปกครองแผ่นดินในแถบนี้มาก่อนนั่นเองภายหลังต่อมาอังกฤษเข้ามาปกครองในดินแดนแถบนี้ในช่วงปี 1917-1948 จึงได้รับเอาคำว่า "Palestina" มาใช้เรียกแทนคนท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นซึ่งต่อมามีทั้ง Arabs, Berber, Bedouin, Druze and JEWS.และในช่วงปี 1948-1967หลังจากที่มีการสถาปนารัฐอิสราเอลขึ้นมาแล้วนั้นคำว่า "Palestinian"ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในการอ้างอิงถึงชาวปาลสไตน์เลยเหมือนอย่างที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ ..ชาวกาซัน(Gazans) ถูกรู้จักกันดีในนามว่าเป็นชาวอียิปต์ ชาวWest Bank Arabsถูกเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่าเป็นจอร์แดเนี่ยน และคำว่า"Palestinian Arabs"นั้นถูกใช้ในการอ้างถึงแหล่งทำเลที่ตั้งไม่ใช่หลักฐานรูปพรรณที่บ่งบอกถึงว่าเป็นชาวปาเลสติเนี่ยนคำว่าปาเลสติเนี่ยนนั้นเพิ่งจะถูกใช้กันแพร่หลายต่อมาไม่นานมานี้เองซึ่งเป็นผลมาจากสงครามหกวันในปี 1967นั่นเองเมื่อบรรดาเหล่าผู้นำอาหรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดี Nasser แห่งอียิปต์ตัดสินใจที่จะนำยุทธวิธีการรบแบบกองโจรเข้ามาต่อสู้เพื่อทำลายรัฐอิสราเอลและก็เป็นความพยายามของนาสเซอร์คนนี้นี่เองที่จัดแจงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มกองโจรให้กับยัตเซอร์ อาราฟัตผู้ซึ่งต่อมาใช้ศิลปะโวหารแห่งการพูดบนเวทีโลกเพื่อจูงใจให้ประชาคมโลกมีความเข้าใจว่าตัวเค้าเองกำลังต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเสรีภาพให้กับชาวปาเลสไตน์ทั้งที่บรรดาชาติอาหรับเป็นฝ่ายปฎิเสธการแบ่งประเทศของยูเอ็นมาตั้งแต่แรกและด้วยเหตุนี้เองคำว่า "Palestinian people" จึงถือกำเนิดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างมากที่มีหลายคนกล่าวหาว่าอิสราเอล ขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปในช่วงสงครามประกาศเอกราชของอิสราเอลการตั้งประเทศของอิสราเอลนั้นไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการที่จะขับไล่ปาเลสไตน์ออกไปแต่อย่างใดเป็นเพียงการเข้าไปอยู่ร่วมกันของประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นซึ่งจริงๆแล้วชุมชนชาวยิวที่เคยอยู่มาก่อนนานนับพันปีจากรุ่นสู่รุ่นก็ยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นมาจนถึงทุกวันนี้และก็อย่าลืมด้วยว่าลุงของยัตเซอร์อาราฟัตเอง (Hajj Amin al Husseini, the Grand Mufti of Jerusalem) เมื่อครั้งสมัยยังเป็นวัยรุ่นก็ยังเคยทำงานเป็นคนงานรับใช้ให้กับพ่อค้าชาวยิวซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ ณ กรุงเยรูซาเล็มก่อนที่ลุงของอาราฟัตจะเกิดเสียด้วยซ้ำรวมไปถึงเอเรี่ยล ชาโรนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของอิสราเอลเองก็เกิดที่หมู่บ้าน Kfar Malal village, อิสราเอลเช่นกันในขณะที่อาราฟัตผู้ซึ่งตราหน้ายิวว่าเป็นผู้รุกรานนั้นเป็นชาวอียิปต์โดยกำเนิดและไม่ได้เกิดที่อิสราเอลเสียด้วยซ้ำ สาเหตุหลักที่ชาวปาเลสไตน์ต้องทิ้งที่พำนักอาศัยเดิมที่ตัวเองเคยอยู่นั้นก็เนื่องมาจากความทะนงตนของเหล่าบรรดาผู้นำชาติอาหรับที่อยู่รายรอบนั่นเองที่เป็นผู้ยุแหย่ปาเลสไตน์ให้ละทิ้งจากดินแดนที่พวกเค้าเคยอยู่ร่วมกันกับชาวยิวเพื่อที่กองทัพอาหรับจะได้ทำลายรัฐอิสราเอลได้สะดวกเนื่องจากพวกอาหรับต้องการขับไล่อิสราเอลออกไปจากดินแดนปัจจุบันนี้และสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรับรองฐานะของชาวปาเลสไตน์ให้ทัดเทียมกับพลเมืองของตน .ปัจจุบันนี้ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ก็ยังไม่ได้การยอมรับให้เข้าเป็นพลเมืองของประเทศอาหรับเหล่านั้นเลย บรรดาผู้นำชาติอาหรับไม่เคยคิดว่าชาวยิวที่เพิ่งได้รับบาดแผลจากโศกนาฎกรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธ์จากนาซีของฮิตเลอร์ 6 ล้านคนจะสามารถต้านทานกองทัพอันเกรียงไกรของอาหรับได้แต่พวกเค้าคิดผิดค่ะเพราะชาวยิวถอยไปไม่ได้อีกแล้วอิสราเอลต้องรบจนตัวตายไม่ว่าชายหรือหญิง และมีภาษิตหลักที่ชาวยิวทุกคนรู้กันนั่นก็คือ " NEVER AGAIN " ถ้าหากอิสราเอลต้องการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปเมื่อครั้งสงครามสิ้นสุดลงในปี1948 อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจคนเหล่านั้นอาจต้องถามตัวเองแล้วว่าทำไมจึงยังมีชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับตั้งล้านกว่าคนที่อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลปัจจุบันนี้โดยได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทัดเทียมกับชาวยิวด้วยประการทั้งปวงในขณะที่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งเลือกที่จะอพยพออกไปเพราะเชื่อฟังบรรดาพี่น้องอาหรับด้วยกันที่อาศัยอยู่ใน เลบานอน จอร์แดน และซีเรียกลับยังคงสถานภาพผู้อพยพมายาวนานกว่าห้าสิบปีมิมีเปลี่ยน แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 17:07:21 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 17:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 28 ผมไม่ได้เป็นคนแจ้งลบครับ ไม่เคยได้อ่านด้วยซ้ำ อาศัยค้นจาก search engine ของ pantip ถึงได้รู้ ลองคลิ๊กลิงค์ next 700 >> ข้างล่างดูซิ กระทู้หลังๆ ตอนนี้อยู่ที่หมายเลขอะไรแล้ว จะเหลือกระทู้เก่าๆ ที่ยังอยู่ก็เข้าใจว่าเป็นกระทู้ที่คนอื่นเขาโหวตเข้าคลังกระทู้เก่าเท่านั้นเอง จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 17:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 33 ถามสั้นๆ หากเป็นเช่นนั้นทำไมยิวปัจจุบันถึงปฏิเสธสิทธิในการเข้ากลับไปยังถิ่นฐานเดิมของตน (Right of Return)ที่มีมาก่อน 1948 จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 17:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เหตุการณ์สังหารหมู่ชาวอาหรับที่ดีรยาซีน โดยฝีมือผู้ก่อการร้ายยิว ที่มีเมนาฮิม เบกิน อดีตนายกรัฐมนตรีร่วมอยู่ด้วย เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้พวกปาเลสไตน์จนต้องหนีออกจากประเทศ แสดงว่าพวกยิวต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างนั้นรึ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 17:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คำว่า "Palestine" นั้นเดิมทีถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดยพวกโรมันในศตวรรษที่2ก่อนการกำเนิดของพระเยซูคริสต์ในความพยายามที่จะลบร่องรอยทางประวัติศาสตร์การปรากฏอยู่ของชนชาติยิวในดินแดนอิสราเอลออกทั้งหมด (Eretz Israel)และคำว่า Palestine ปกติจะใช้อ้างถึงพื้นที่หรือดินแดนของชายฝั่งทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งกินอาณาบริเวณจากทะเลไปถึงหุบเขาจอร์แดนและจากทางตอนใต้ของทะเลทรายเนเกฟไปจนถึงทะเลสาปกาลิลีทางตอนเหนือ ชื่อ "Palestine" นั้นมีรากศัพท์เริ่มต้นมาจากภาษาฮิบรูในคำว่า "plishtim" ซึ่งได้กลายมาเป็นคำว่า "Philistines"(From Middle English)ในภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะโดยออกเสียงว่า "ฟีลีสทีน"....ซึ่งพวกฟีลีสทีนนี้(Philistines)เป็นศัตรูเก่าแก่ของชนชาติยิวในยุคนั้นที่พ่ายแพ้ในสงครามและเป็นชนชาติที่สาบสูญหายไปในที่สุด.... ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์3200 ปีก่อนนั้นพวกฟีลีสทีนได้เข้ามารุกรานและยึดครองผืนที่ดินเล็กๆระหว่างเมืองเทลอาวีฟและฉนวนกาซ่าในปัจจุบันโดยพวกชนเผ่าฟีลีสทีนนี้ได้อพยพเข้ามาทางชายฝั่งตอนใต้ของอิสราเอลหลายระลอก....โดยที่ฟีลีสทีนกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาสู่ดินแดนอิสราเอลก่อนยุคพระสังฆบิดร(patriarchal period)และลงหลักปักฐานตั้งรกรากทางตอนใต้ของเมืองBeersheba ใน Gerar ที่ซึ่งพวกฟีลีสทีนได้เข้าทำการสู้รบกับอับราฮัม ไอแซคและอิชมาเอล.....ขณะที่ฟีลีสทีนอีกกลุ่มหนึ่งที่รอนแรมเข้ามายังดินแดนแห่งพันธะสัญญานั้นมาจากคริทิ(Crete) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกรีซในปัจจุบันตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั่นเองค่ะ..ฟีลีสทีนกลุ่มนี้ถูกขับไล่มาจากอียิปต์ในปี1194 ก่อนคริสตศักราชหลังจากการรุกรานที่ล้มเหลวโดยมี Ramesesที่3 เป็นจอมทัพได้เข้าทำการยึดครองพื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้และก่อตั้งชุมชนขึ้นมาห้าแห่งอันได้แก่บริเวณที่เป็นฉนวนกาซ่าในปัจจุบัน Ascalon, Ashdod, Ekron และ Gat. ชนเผ่าฟีลีสทีนนี้ไม่ใช่พวกอาหรับหรือ Semites แต่อย่างใดค่ะพวกฟีลีสทีนนี้มีความใกล้ชิดกับพวกกรีกซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเอเชียไมเนอร์และชาวกรีกท้องถิ่นมากที่สุด พวกฟีลีสทีนนี้ไม่ได้พูดภาษาอาระบิกและก็ไม่มีความเกี่ยวดองทางเชื้อสาย ภาษาหรือประวัติศาสตร์กับชาวอาหรับแต่อย่างใดในบันทึกทางประวัติศาสตร์...Herodotus นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกในสมัยศตวรรษที่5ก่อนคริสตศักราชในยุคอาณาจักรกรีกโบราณได้บันทึกไว้ว่า ชาวกรีกเรียกพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนว่า "The Philistine Syria"....และหลังจากการปฏิวัติของกลุ่ม Bar Kochba ซึ่งเป็นการลุกฮือขึ้นต่อต้านโรมครั้งที่สองของชาวยิวที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของโรมัน...ในตอนนั้นจักรพรรดิเฮเดรียนแห่งโรมันต้องการลบชื่อ "Provincia Judaea"ออกเพื่อลบร่องรอยอาณาจักรจูเดียทิ้งเสียและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "Provincia Syria Palaestina"แทนซึ่งเป็นชื่อในภาษากรีกเวอร์ชันลาตินและถูกนำมาใช้ในหน่วยบริหารราชการเป็นครั้งแรก..... ชื่อ "Provincia Syria Palaestina" ต่อมาถูกเรียกเพียงสั้นๆว่า 'Palaestina' และคำว่า 'Palaestina'ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นคำในภาษาอังกฤษสมัยใหม่คือคำว่า"Palestine" ในเวลาต่อมานั่นเองค่ะ   มีการนำเอาคำว่า Palestine (Syria Palaestina) มาใช้แทนคำว่า Judaea หลังจากสงคราม Judean ครั้งสุดท้ายเมื่อกองทัพของโรมันซึ่งประกอบไปด้วยไพร่พลและกำลังอาวุธที่เหนือกว่าสามารถเอาชนะชาวยิวได้หลายครั้งจนกระทั่งทรัพยากรในดินแดนอิสราเอลถูกนำมาใช้หมดสิ้นไม่มีเหลือ.....ชื่อของนครเยรูซาเล็มเองก็ถูกเรียกว่า "Aelia Capitolina" แทนแต่โชคดีค่ะที่ชื่อนี้ไม่กลายเป็นที่นิยมใช้แพร่หลายและถูกลืมเลือนไปในที่สุดเราจึงยังคงเห็นชื่อกรุงเยรูซาเล็มปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้... หลังจากสิ้นยุคโรมันเรืองอำนาจชื่อ 'ปาเลสไตน์' นั้นไม่ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการอีกเลย...อย่างไรก็ตามคำว่า Palestine ได้ถูกรื้อฟื้นกลับนำมาใช้ใหม่เพื่อกำหนดบริเวณที่ถูกอังกฤษปกครองโดยสันนิบาติแห่งชาติหลังจากการเสื่อมของอาณาจักรออตโตมัน Mandatory Palestine มีความหมายถึงบริเวณพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกและพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนหรือเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อทรานส์จอร์แดนและอิสราเอล...อังกฤษในตอนนั้นถูกกล่าวหาว่า "...นำพาประเทศไปตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางด้านการเมือง การบริหารและเศรษฐกิจเพื่อคุ้มครองการสถาปนา Jewish national home.." ต่อมาไม่นานอังกฤษก็ได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับยิวที่ว่าไว้ว่า "...อังกฤษจะยังคงรักษาข้อตกลงอันเดิมซึ่งระบุไว้ว่าอังกฤษยอมรับและเห็นชอบถึงความผูกพันทางประวัติศาสตร์ของชนชาติยิวกับดินแดนปาเลสไตน์โดยวางข้อตกลงอยู่บนพื้นฐานสำหรับการสร้างชาติใหม่ในปาเลสไตน์..." หลังจากที่อังกฤษตัดสินใจก่อตั้ง 'Arab state' ในปาเลสไตน์...ค่ะถ้าพูดให้ง่ายๆสั้นๆให้เข้าใจก็คือแรกเริ่มเดิมทีเลยอังกฤษนั้นมีแผนที่จะจัดตั้งประเทศให้กับยิว(Jewish national home) เท่านั้นโดยไม่เคยมีการพูดถึงการสถาปนารัฐอาหรับในปาเลสไตน์เลย.. คำว่า Palestineนั้นยังเคยถูกใช้แสดงถึงชาวยิวที่อาศัยอยู่ในปาเลสไตน์ขณะที่ปฏิเสธชาวยิวที่อาศัยอยู่นอกอิสราเอล(diaspora) ในขณะที่พวกอาหรับได้เริ่มประยุกต์ใช้คำว่า Palestinians นี้กับพวกเค้าเองเพียงหลังจากการสถาปนารัฐอิสราเอลเท่านั้นเมื่อเป้าหมายสูงสุดของพวกอาหรับ(ที่ไม่ต่างจากพวกโรมันในอดีต)คือการกำจัดยิวจาก "Filastyn"(เป็นคำที่ใช้เรียกปาเลสไตน์ในเวอร์ชั่นภาษาอาระบิก)ซึ่ง คำว่า'Filastyn' นี้พวกอาหรับใช้อ้างถึงกลุ่มคนที่ทิ้งปาเลสไตน์ไปหลังการเกิดรัฐใหม่อิสราเอล..ชาวอาหรับเหล่านี้เชื่อฟังคำเรียกร้องของผู้นำพวกเค้าที่แนะให้ทิ้งปาเลสไตน์ไปเสียและสัญญาว่าชาวอาหรับที่ยอมทิ้งปาเลสไตน์จะได้รับทุกสิ่งทุกอย่างเป็นการตอบแทนหลังจากที่ยิวถูกขับไล่ลงทะเลไป...อุอุอุ โหดจังเลยค่ะ...ซึ่งบางคนก็เห็นด้วยกับข้อเสนออันนี้ของเหล่าบรรดาผู้นำอาหรับเพราะกลัวว่าชาวยิวที่ได้รับชัยชนะจะทำอย่างที่พวกเค้าตั้งใจทำกับคนยิวนั่นคือชาวอาหรับปาเลสไตน์กลุ่มนี้เกรงว่าชาวยิวที่ชนะสงครามเหล่านี้จะถูกเสี้ยมสอนเหมือนอย่างที่พวกเค้าถูกอามิน อัล ฮุสเซนีซึ่งเป็นเพื่อนใกล้ชิดของฮิตเลอร์ เป็นผู้นำของชาวปาเลสไตน์และเป็นบรรพบุรษของอาราฟัตเสี้ยมสอนถึงการใช้ความรุนแรงและความเป็นปรปักษ์ระหว่างยิวและอาหรับ ณ....ปัจจุบันนี้ชาวอาหรับเหล่านี้ยังคงอยู่ในสถานะภาพผู้อพยพและอาศัยอยู่ในเรฟูจีแคมป์ด้วยอภินันทนาการจากเหล่าบรรดาน้องพี่ชาติอาหรับบ้านใกล้เรือนเคียงที่นำเอาผู้อพยพเหล่านี้มาเล่นเกมส์สกปรกทางการเมืองโดยใช้วิธีเพาะบ่มความเกลียดชังและการก่อการร้ายลงไปเพื่อทำลายล้างรัฐยิว...หากย้อนอดีตกลับไปได้แน่นอนว่าจะไม่มีคำว่า "ผู้อพยพ" ถ้าหากกองทัพอาหรับไม่โจมตีอิสราเอลและไม่พ่ายแพ้ต่ออิสราเอลในสงครามประกาศเอกราชเมื่อปี 1948 และก็จะไม่มีเรฟูจีเทอมใดๆหากชาติอาหรับรับอาหรับปาเลสไตน์เหล่านี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของพลเรือนในประเทศของตนเหมือนอย่างที่อิสราเอลรับชาวยิวหลายแสนคนที่อพยพมาจากชาติอาหรับทั้งหลายที่ไม่แม้แต่จะชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้อพยพชาวยิวเหล่านี้ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 17:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่ต้องย้อนกลับไปเป็นพันๆปีหรอกจ้ะเอื้อง ไม่งั้นมั่วอีรุงตุงนังเหมือนที่เกิดที่ภาคใต้นี่แหละ ไม่ต้องอื่นไกล ทำไมยิวไม่ยอมรับ Right of Return ของชาวปาเลสไตน์นับล้าน  บางคนยังมีใบภาษีที่เสียให้อังกฤษ แสดงการครอบครองที่ดินของเขาตรงนั้น ตรงนี้ แต่ยิวไม่ยอมรับ ปฎิเสธ Right of Return จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 17:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ย้อนกลับไปให้เซฯดูไงว่าชาวยิวไม่ได้ปล้นปาเลสไตน์ที่สำคัญต้องถามว่าเมื่อยูเอ็น(UN) แบ่งประเทศให้ครั้งแรกทำไมอาหรับจึงปฏิเสธล่ะเซฯถ้าหากไม่ใช่อาหรับอ้างตัวเองว่าอยู่มาก่อน จริงไหม ใครกันแน่อ้างประวัติศาสตร์? ..หากอิสราเอลยอมรับเงื่อนไข right of return ก็โง่แล้วล่ะเซฯเพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะว่าอิสราเอลเป็นประเทศประชาธิปไตยหากรับพวกปาเลสไตน์ที่อยู่ใน เลบานอน จอร์แดน และซีเรีย กลับมาคืนสถานะ Jewish State จะหมดไปทันทีเพราะชาวยิวมีแค่ห้าล้านคนไง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกผู้นำอาหรับถึงได้เอาเรื่อง right of return มาต่อรอง เอื้องบอกได้เลยว่าไม่มีทางสำเร็จใครจะยอมกลายเป็นชนส่วนน้อยคะ แล้วพี่น้องเรือนร่างเดียวกันล่ะทำไมไม่รับพวกปาเลสไตน์เอาไว้ ไหนสัญญาว่าจะให้ citizen แก่ปาเลสไตน์ไง พวกผู้นำอาหรับก็เอาชาวปาเลสไตน์มาเป็นลูกเล่นทางการเมืองเท่านั้นเองจ๊ะเซฯ แล้วชาวยิวหลายแสนคนที่ต้องหนีออกมาจากชาติอาหรับทั้งหลายหลังปี 1948 ผู้นำอาหรับเคยไหมคิดที่จะชดใช้ทรัพย์สินให้พวกเค้าเหล่านี้.. แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:20:06 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 17:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วทำไมปาเลสไตน์ถึงไม่ยอมรับเงื่อนไขอพยพชาว Israeli Arabs ล้่านกว่าคนไปอยู่เวสแบ้งค์และกาซ่าแลกกับที่อิสราเอลนำ Settlers กลับมาคืน จะบอกอะไรให้นะเซฯ Settlers บางส่วนนั้นเค้าอยู่ที่นั่นมานานกว่าพวกอาหรับปาเลสไตน์บางกลุ่มเสียอีก ที่ตลกคืออะไรรู้ไหมมีการทำโพลล์ออกมาปรากฏว่าพวก Israeli Arabs ส่วนใหญ่นี่ยืนยันที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของอิสราเอลมากกว่าไปอยู่ประเทศปาเลสไตน์ที่จะจัดตั้งขึ้น เหอ เหอ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 18:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ..หากอิสราเอลยอมรับเงื่อนไข right of return ก็โง่แล้วล่ะเซฯเพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะว่าอิสราเอลเป็นประเทศประชาธิปไตยหากรับพวกปาเลสไตน์ที่อยู่ใน เลบานอน จอร์แดน และซีเรีย กลับมาคืนสถานะ Jewish State จะหมดไปทันทีเพราะชาวยิวมีแค่ห้าล้านคนไง .............................. ตกลงยอมรับแล้วรึว่าไปปล้นประเทศเขามา แล้วขับไล่คนที่อยู่เดิมออก ในยิวแค่ห้าล้านคนนั้น ส่วนใหญ่ก็พวกอพยบมาจากที่อื่น คนที่อยู่เดิมมาแต่บรรพบุรุษมีไม่ถึง 5 เปอร์เซนต์ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:35:08 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:30:54 จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 18:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ที่ตลกคืออะไรรู้ไหมมีการทำโพลล์ออกมาปรากฏว่าพวก Israeli Arabs ส่วนใหญ่นี่ยืนยันที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของอิสราเอลมากกว่าไปอยู่ประเทศปาเลสไตน์ที่จะจัดตั้งขึ้น เหอ เหอ .................... ก็ที่อยู่เดิมของเขาทั้งนั้น ทั้งที่ซาเฟด นาซาเรธ อักกา ขืนยอมรับสัญชาติปาเลสไตน์ก็โง่แล้ว เพราะอิสราเอลต้องหาเรื่องขับไล่พวกเขาออกจากบ้านทันที แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:34:39 จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 18:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ลองให้ยิวอบยพกลับบ้านเกิดเมืองนอนดั้งเดิมของตนซิ จะเหลือยิวในปาเลสไตน์ซักกี่คน จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 18:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ปล้นประเทศหรือ? ปาเลสไตน์เคย เป็นประเทศหรือ? นายกชื่ออะไรบอกหน่อยได้ไหม? แล้ว Palestinian ที่อยู่นี่เซฯรู้ไหมว่าอพยพมาจากประเทศอาหรับทั้งนั้น จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 18:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าหากอิสราเอลต้องการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปเมื่อครั้งสงครามสิ้นสุดลงในปี1948 อย่างที่เซฯเข้าใจ เซฯอาจต้องถามตัวเองแล้วว่าทำไมจึงยังมีชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับตั้งล้านกว่าคนที่อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลปัจจุบันนี้โดยได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทัดเทียมกับชาวยิวด้วยประการทั้งปวงในขณะที่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งเลือกที่จะอพยพออกไปเพราะเชื่อฟังบรรดาพี่น้องอาหรับด้วยกันที่อาศัยอยู่ใน เลบานอน จอร์แดน และซีเรียกลับยังคงสถานภาพผู้อพยพมายาวนานกว่าห้าสิบปีมิมีเปลี่ยน มุสลิมอย่าวาดภาพตัวเองตกเป็นเหยื่อนักเลย แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:39:20 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 18:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 #22 " รึครับ ผมไปเจอเว็บของปาเลสไตน์จากเว็บมุสลิมไทย เห็นชาวปาเลสไตน์หนีลงทะเลหัวซุกหัวซุน ตอนที่ยิวจะยึดเมืองจัฟฟา อย่างนี้ เขาไม่เรียกว่า "ปล้น" หรือครับ " ขอที่มาของรูปภาพหน่อยไม่ใช่เว็บไซท์มุสลิมไทยนะอยากรู้ว่าเว็บไซท์มุสลิมไทยเอามาจากไหน? เอื้องก็มีค่ะภาพสมัยก่อน เยอะมากด้วยเดี๋ยวจะนำมาโพสต์ให้เซฯดูนะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 18:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 47 " ลองให้ยิวอบยพกลับบ้านเกิดเมืองนอนดั้งเดิมของตนซิ จะเหลือยิวในปาเลสไตน์ซักกี่คน" เหอ เหอ อันนี้ก็ต้องบอกว่าลองให้ปาเลสไตน์าอาหรับ อพยพกลับประเทศอาหรับดูซิจะเหลือซักกี่คน เห็นรึเปล่าว่ามุสลิมนี่แหละที่ชอบอ้างประวัติศาสตร์ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 18:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 48 "ก็ที่อยู่เดิมของเขาทั้งนั้น ทั้งที่ซาเฟด นาซาเรธ อักกา ขืนยอมรับสัญชาติปาเลสไตน์ก็โง่แล้ว เพราะอิสราเอลต้องหาเรื่องขับไล่พวกเขาออกจากบ้านทันที" อย่าพูดแบบไม่รู้ข้อเท็จจริงหน่อยเลยเซฯเคยไปเหยียบอิสราเอลไหม? หรืออ่านแต่จากเว็บไซท์มุสลิม?  แล้วชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับตั้งล้านกว่าคนที่อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลปัจจุบันนี้โดยได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทัดเทียมกับชาวยิวด้วยประการทั้งปวงนี้ล่ะทำไมยังแพร่พันธ์ได้เยอะแยะ?  อิสราเอลไล่ไปหรืออย่างไร? ในขณะที่ชาวยิวในอิหร่านนั้นไม่มีสิทธิติดต่อกับญาติของตนในอิสราเอลเลย แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:56:55 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 18:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ก่อนที่อังกฤษจะยึดปาเลสไตน์จากออตโตมัน ตรงนั้นคือถิ่นที่อยู่ของชาวปาเลสไตน์ แต่พอให้เอกราช กลับไปให้ยิว เอาง่ายๆ ลองให้ชาวปาเลสไตน์เดิมเขากลับไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอนของตน แล้วให้ยิวอพยบจากรัสเซีย เอธิโอเปีย ยุโรป ฯลฯ กลับบ้านของตนไป ปัญหาก็จบ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 18:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้าหากอิสราเอลต้องการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกไปเมื่อครั้งสงครามสิ้นสุดลงในปี1948 อย่างที่เซฯเข้าใจ เซฯอาจต้องถามตัวเองแล้วว่าทำไมจึงยังมีชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับตั้งล้านกว่าคนที่อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอลปัจจุบันนี้โดยได้รับสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทัดเทียมกับชาวยิวด้วยประการทั้งปวงในขณะที่ชาวปาเลสไตน์ซึ่งเลือกที่จะอพยพออกไปเพราะเชื่อฟังบรรดาพี่น้องอาหรับด้วยกันที่อาศัยอยู่ใน เลบานอน จอร์แดน และซีเรียกลับยังคงสถานภาพผู้อพยพมายาวนานกว่าห้าสิบปีมิมีเปลี่ยน มุสลิมอย่าวาดภาพตัวเองตกเป็นเหยื่อนักเลย .............. หึหึ สั้นๆ งั้นตอบให้ได้ว่าทำไมไม่ยอมรับ right of return สิทธินั้นยังอยู่ครบตามข้อตกลงเจนิวาและมติสหประชาชาติ ไม่ใช่การต่อรองใดๆ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 18:58:17 จากคุณ : เซคริยาห์ - [ วันเข้าพรรษา 18:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เซฯรู้ไหมเมื่อตอนที่ยูเอ็นแบ่งประเทศให้นั้นเค้ายึดถือตามจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่แล้วตรงเวสแบ้งค์และกาซานั่นล่ะที่ประชากรอาหรับเป็นชนส่วนใหญแต่ในส่วนทีให้กับยิวนั้นมียิวเป็นประชากรส่วนใหญ่ของพื้นที่นั้นพวกอาหรับโลภมากอยากได้หมด ทำไมยิวจะต้องอพยพออกไปอิสราเอลคือดินแดนพันธะสัญญาของยิวค่ะพอเค้าสร้างประเทศเจริญแล้วอยากได้ ไม่มีทางสำเร็จค่ะเซฯเหมือนกับที่อิสลามไม่สามารถกลืนยูดายได้นั่นเอง จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 19:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 52 #50 เหรอเซฯ  เซฯ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ในความเป็นจริงนั้นผู้อพยพปาเลสไตน์ไม่มีสิทธิได้ right of return เลยค่ะไม่ว่าจะภายใต้ international conventions มติสหประชาชาติ หรือข้อตกลงหลายๆข้อระหว่างกัน และที่สำคัญนิยามคำว่า "refugee" ในทางกฏหมายนี่ต้องตีความด้วยนะคะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 19:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ปล้นประเทศหรือ? ปาเลสไตน์เคยเป็นประเทศหรือ? นายกชื่ออะไรบอกหน่อยได้ไหม? จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 19:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อืมมมม รู้อะไรอีกเยอะเลย ขอบคุณคับผม จากคุณ : ปีกซ้ายตัวจี๊ด - [ วันเข้าพรรษา 20:11:35 A:203.156.114.13 X: TicketID:104739 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เฮ้อ.......เถียงกับใครไม่เถียง เซคริยาห์ เรื่องนี้ เถียงกับเอื้องยิวไม่เคยจบหรอก บังมีประสบการณ์มาแล้ว .... อิอิ สรุปให้สั้นๆให้ก็ได้นะว่า ยิวมันไปแย่งสิทธิตรงแผ่นดินนั้น ด้วยอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ด้วยความช่วยเหลือของมหาอำนาจ ทำสงคราม ขับไล่คนปาเลสไตน์ออกไป แล้วเอายิวอพยบมาจากที่อื่น ตอนอังกฤษยึดจากอุสมานิยะห์ (ออตโตมัน) หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 มียิวไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ   แต่เราต้องยอมรับความจริงว่าทำไงได้ อเมริกาหนุนหลังมันอยู่ จะอ้างกฏหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา หรืออะไรก็แล้วแต่ มันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะอเมริกาก็จะใช้สิทธิวีโต้ความเห็นนั้นๆ ทุกครั้ง ก็อยู่ที่ประเทศมุสลิมเท่านั้นแหละว่าจะรวมพลังเพื่อการนี้ได้มากน้อยแค่ใหน เพราะถ้าปัญหาปาเลสไตน์ยังไม่สิ้นสุด ก็จะยังเป็น International Issue ต่อไปอีกนาน ก็ยิวครองอเมริกาอยู่นี่ ยิวก็เหมือนกาฝากนั่นแหละ แต่ใหนแต่ไรแล้ว อยู่เยอรมัน ก็เป็นกาฝากในสังคมเยอรมัน จนฟาสซิสต์เกลียดเข้าไส้ อยู่รัสเซียก็เป็นกาฝากในสังคมรัสเซีย จนคอมมิวนิสต์เกลียดเข้าไส้อีกเหมือนกัน มาตอนนี้อยู่อเมริกา คงไม่นานหรอก พอทุนนิยมอเมริกาถึงจุดสูงสุด สำคัญว่า ในกลุ่มมุสลิมก็ต้องพยายามสกัดๆ กลุ่มสุดโต่งที่สุดขั้วกับยิว หรือไม่ต่างกับยิวให้ได้ มิฉะนั้น เรื่องความชอบธรรมตรงนี้ จะถูกมองข้ามไป ที่ว่าเรื่องประเทศปาเลสไตน์นั้น ก็เหมือนกัน ไม่เห็นว่าก่อนอังกฤษจะยึดครอง มีประเทศยิวอยู่ซะเมื่อไหร่ นายกรัฐมนตรียิวชื่ออะไร ? อย่ามาอ้างนะว่า โมเสสหรือกษัตริย์โซโลมอน นั่นมันเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว การอ้างเช่นนั้น มันก็จะทำให้ข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยพรมแดนยุ่งเหนิงแน่ๆ สำคัญคือที่ตรงนั้น ก่อนอังกฤษยึดครอง มียิวพื้นเมืองไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ ส่วนข้ออ้างเรื่อง right of return นั้น ไม่ต้องไปตีความให้มันยุ่งยากหรอก ผลของการก่อร่างสร้างประเทศอิสราเอลขึ้นมา ทำให้ชาวปาเลสไตน์ 1 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัย ปัจจุบันคลอดลูกออกหลาน ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านอยู่ทั่วประเทศอาหรับ แต่ทั้งหมดถือพาสปอร์ตปาเลสไตน์ และพอจะมีมติเพื่อให้มติ UN Resolution 194 มีผลในทางปฎิบัติ อเมริกาก็วีโต้ซะงั้นแหละ อเมริกาชาติเป็นเดียวที่ให้สิทธิวีโต้มากที่สุด และเป็นเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอลมากที่สุดด้วย จากคุณ : โมเสส - [ วันเข้าพรรษา 21:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตกลงว่าที่เถียงกันมานี่ เรื่องการลบกระทู้ใช่ใหม คุณ ktm ยังอยู่หรือครับเนี้ย เรื่องน้ำมันเสียด้วย อยากดูกระทู้นั้นเสียแล้วซิ ช่วยเอามาโพสต์ใหม่ซิครับ อยากรู้ว่าที่ปั่นๆราคาน้ำมันทุกวันนี้ ยิวอย่างโซรอสมันได้กำไรไปเท่าไหร่ ? จากคุณ : โมเสส - [ วันเข้าพรรษา 21:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 57 และเอื้องขอบอกตรงๆนะคะว่าเถียงกะมุสลิมโมเสสจอมโวนี่ต้องระวังค่ะเพราะแกบิดเบือนข้อเท็จจริงบ่อยๆ..อิอิ มุสลิมนี่ก็วาดตัวเองเป็นเหยื่อทั้งปีล่ะค่ะ เรียกว่าฉันถูกกดขี่ข่มเหง ฉันถูกรังแกนะเพราะะนั้นต้องบอมบ์ เหอ เหอ ขอตอบมุสลิมโมเสสและคุณridkun ดังนี้นะคะ ว่าอิสราเอลได้ประเทศมาอย่างไร ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลปาเลสไตน์นั้นเริ่มขึ้นก่อนปี 1948อีกค่ะ ผู้บุกเบิกชาวยิวจากศตวรรษที่สิบเก้านั้นได้เริ่มลงมือสร้างบ้านให้กับชาวยิว (Jewish homeland) โดยการซื้อที่ดินจากกษัตริย์ของอาณาจักรออตโตมันหรืออาณาจักรตุรกี จากเจ้าของที่ดินชาวตุรกี และจากเจ้าของที่ดินชาวอาหรับ(Effendi) ที่ยอมขายให้แต่โดยสดุดีในราคาที่แสนแพงลิบลิ่ว .ไม่มีการรุกราน ไม่มีการสู้รบ ไม่มีการขโมยที่ดินของชาวอาหรับใดๆทั้งสิ้นค่ะและแน่นอนไม่มีชาวปาเลสไตน์ภายใต้การปกครองของตุรกี ชาวยิวได้ทำการซื้อที่ดินเป็นจำนวนมาก ไม่มีคำบ่นว่ามีการขโมยที่ดินก็เพราะว่ามันไม่มีไงคะ ไม่มีชาวอาหรับถูกไล่ออกจากบ้าน อันที่จริงแล้วอัตราการเพิ่มของจำนวนประชากรอาหรับ(อพยพมาจากประเทศอาหรับรอบๆ) มีอัตราการเพิ่มที่สูงขึ้นมากนั้นนั่นเป็นเพราะว่าในช่วงนั้นมีการบุกเบิก มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของไซออนนิสต์ยิวนั่นเองค่ะ เพราะไซออนนิสต์ยิวนี่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีทักษะทางวิชาการด้วยกันทั้งสิ้น   ดังนั้นระหว่าง 1514 AD และคริสตศักราชย์ 1850 จำนวนประชากรอาหรับภายใต้การปกครองของตุรกีจึงมีประมาณ 34,000 และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีค.ศ. 1855 และ 1947 จำนวนประชากรหยุดอยู่ที่ประมาณ 1,300,00 คน ค่ะดูจากตรงนี้จะเห็นได้ว่าห่างไกลจากข้อกล่าวหาที่บอกว่ายิวไปขับไล่อาหรับ ขโมยที่ดินอาหรับหรือทำลายเศรษฐกิจอาหรับนี่เป็นผลงานของผู้บุกเบิกชาวยิวในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ที่มีส่วนทำให้ประชากรอาหรับเพิ่มขึ้นมากมาย นำระบบเศรษฐกิจเข้าสู่พื้นที่และสังคม  ซึ่งไม่เกิดการพัฒนาใดๆขึ้นเลยในพื้นที่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรออตโตมาน มีชาวอาหรับมากมายทึ่ มาทำงานในโรงงานที่มีชาวยิวเป็นเจ้าของหรือทำงานในฟาร์มในชุมชนชาวยิวโดยใช้เทคโนโลยียุคกลาง ชาวอาหรับมีรายได้สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชีวิตอัตราการตายของทารกแรกเกิดชาวอาหรับนั้นมีอัตราการตายที่ลดต่ำลงมากและมีช่วงชีวิตที่ยืนยาวกว่าเดิมเพราะชาวยิวได้นำเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่เข้ามาช่วยนั่นเอง อันนี้ต้องไปอ่านเจอร์นัลทางด้านเศรษฐศาสตร์การพัฒนาของมหาวิทยาลัยค่ะ   ที่ดินส่วนใหญ่ที่ชาวยิวไซออนนิสต์ซื้อมานั้นจะมีลักษณะเป็นทะเลทราย เป็นบ่อ เป็นหนองน้ำ เป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกและไร้ซึ่งผู้คนอาศัยเพราะถูกพิจราณาจากชาวอาหรับแล้วว่าไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย แต่ด้วยเทคนิคทางด้านการเกษตรสมัยใหม่ ด้วยเลือด ด้วยหยาดเหงื่อของไซออนนิสต์ยิวนับพันที่มีความฝัน ต้องการสร้างบ้าน และเปลี่ยนผืนแผ่นดินไปสู่สิ่งปลูกสร้างที่ทันสมัย  มีการเจริญเติบโตผุดขึ้นของฟาร์มมากมาย การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของชุมชน  มีเทคโนโลยีสมัยใหม่และมีเศรษฐกิจการตลาดที่รุ่งเรืองเกิดขึ้นในที่สุด ด้วยเหตุนี้เองค่ะจึงเป็นผลทำให้ชาวอาหรับจากเพื่อนบ้านที่อยู่รายรอบนับร้อยนับพันคนอพยพเข้ามาในพื้นที่ที่เรียกว่าอิสราเอลในปัจจุบันนี้ เพื่อเสาะแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า หากจะพูดว่าจำนวนประชากรอาหรับส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในอิสราเอล ปัจจุบันนี้เป็นผลมาจากความมานะ บากบั่นของคนยิวก็คงจะไม่ผิดนัก จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 21:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 #56 โธ่เอ๊ยบังโมอย่าเสแสร้งทำเป็นไม่เคยอ่านหน่อยเล๊ยบังกับอาจารย์ ktm ก็เป็นลูกคู่กันดีอยู่แล้ว อิอิ บังชอบจะตายที่เห็น อาจารย์ ktm มาถกมาฉะกับเอื้อง ก็เพิ่งรู้เร็วๆนี้ล่ะค่ะว่าคุณktm เป็นอาจารย์สอนนักศึกษา บังกะจะเอาโซรอสมาพูดให้คนเกลียดยิวล่ะสิเหอ เหอ นักศึกษาอย่างเอื้องขอถามอาจารย์โมเสสหน่อยว่าวิธีปั่นราคาน้ำมันนั้นเค้าทำอย่างไร? แล้วบังคิดว่าแขกหน้าเลือดโอเปคไม่มีส่วนเลยหรือ? แต่พวกที่สั่งลบกระทู้นี่ตาขาวนะคะบังยอมรับความจริงไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 21:48:03 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 21:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ยิวในปาเลสไตน์มีไม่ถึง 8,000 คน แต่เพิ่มเป็นแสนในปี 1947 พวกนั้นมาจากใหนหรือครับเอื้อง ยิซซาค ราบิน, เมนาเฮม เบกิน พวกนี้เป็นยิวดั้งเดิมหรือว่าพวกอพยบมาจากโปแลนด์และยูเครน คุณเอื้องก็น่าจะรู้ดี ที่ว่าซื้ออย่างเดียว ไม่เข่นฆ่า ทำให้หวาดกลัวจนต้องอพยบ การสังหารหมู่ที่ Dir Yasin โดยผู้ก่อการร้ายยิว คืออะไรละครับ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยซิ จากคุณ : โมเสส - [ วันเข้าพรรษา 21:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 60 " ก็ยิวครองอเมริกาอยู่นี่ ยิวก็เหมือนกาฝากนั่นแหละ แต่ใหนแต่ไรแล้ว อยู่เยอรมัน ก็เป็นกาฝากในสังคมเยอรมัน จนฟาสซิสต์เกลียดเข้าไส้ อยู่รัสเซียก็เป็นกาฝากในสังคมรัสเซีย จนคอมมิวนิสต์เกลียดเข้าไส้อีกเหมือนกัน มาตอนนี้อยู่อเมริกา คงไม่นานหรอก พอทุนนิยมอเมริกาถึงจุดสูงสุด สำคัญว่า ในกลุ่มมุสลิมก็ต้องพยายามสกัดๆ กลุ่มสุดโต่งที่สุดขั้วกับยิว หรือไม่ต่างกับยิวให้ได้ มิฉะนั้น เรื่องความชอบธรรมตรงนี้ จะถูกมองข้ามไป " เอื้องคิดว่ามุสลิมหัวรุนแรงมากกว่าค่ะบังโมที่เป็นกาฝากและทำตัวเหมือนพวกกินบนเรือนขี้รดหลังคาในยุโรปและอเมริกาปัจจุบันนี้ แถมพวกหัวรุนแรงเหล่านี้ยังได้รับ welfare checks เป็นประจำจากผู้เสียภาษีชาวอังกฤษ(ตอนนี้ต้องบอกว่าเสียเลือดด้วย ค่ะ) ด้วยนะคะนี่ต้องบอกว่าเป็นแขกเนรคุณจริงๆ .จะเรียกว่าเป็นกรรมของยุโรปก็คงไม่ผิดล่ะค่ะบังโมที่ดั๊นชอบเลี้ยงงูเห่าไว้กัดตัวเอง อิอิ การที่เอื้องพูดว่ามุสลิมหัวรุนแรงนี่มิได้หมายถึงมุสลิมทั้งหมดนะคะซึ่งต่างจากบังโมที่ใช้คำพูดด่าเหมารวมคนยิวทั้งเชื้อชาติ นี่เป็นอาจารย์สอนเด็กหรือนี่ห่วงอนาคตเด็กไทยจริงๆ สกัดยิวน่ะเชื่ออยู่แล้วเพราะนั่นคือเป้าหมายหลักของมุสลิมในพันทิพที่มีบังโมเป็นหัวหอก...แต่ บังโมน่ะหรือที่จะสกัดมุสลิมสุดโต่ง คุณโมเสสนี่แหละจอมปกป้องบิน ลาเดน แต่ไหนแต่ไรมา ดังนั้นเวลาโมเสสพูดนี่ต้องหารสองค่ะ...ฮ่าๆ ตอนนี้บังโมต้องวาดภาพให้ตัวเองเป็นมุสลิมสายกลางก่อนเพื่อหาแนวร่วมในการกลับมาตั้งกระทู้ด่าอเมริกาใช่ไหมบัง...อิอิ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 22:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ktm เขาหายหน้าหายตาไปปีกว่าแล้ว เลยไม่ค่อยได้เข้าไปห้องต่างประเทศ แต่ก็ดีที่รู้ว่ายังแวะเวียนมา เอามาโพสต์ใหม่ซิ เท่าที่อ่านจากข้างบน รู้สึกว่ายิวเอื้องจะเข้าใจผิดนะ กระทู้ในนี้ กระทู้เก่าๆ เขาก็จะลบไปเองแหละ หน้าแตกแล้ว ยังทำเป็นไม่ยอมรับอีก.... อิอิ จากคุณ : โมเสส - [ วันเข้าพรรษา 22:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ก็ยิวครองอเมริกาอยู่นี่ ยิวก็เหมือนกาฝากนั่นแหละ แต่ใหนแต่ไรแล้ว อยู่เยอรมัน ก็เป็นกาฝากในสังคมเยอรมัน จนฟาสซิสต์เกลียดเข้าไส้ อยู่รัสเซียก็เป็นกาฝากในสังคมรัสเซีย จนคอมมิวนิสต์เกลียดเข้าไส้อีกเหมือนกัน มาตอนนี้อยู่อเมริกา คงไม่นานหรอก ----------------------- เออ... ความจริงที่ยิวไม่ยอมรับ จากคุณ : โมเสส - [ วันเข้าพรรษา 22:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ดูมหาเดร์ซิครับ มีใครว่ามหาเดร์สนับสนุนบินลาดินมั้ย ไม่ ...ปราบปรามพรรคพวกของบินลาดินในประเทศด้วยซ้ำ แต่แกก็พยายามออกมาแฉ เปิดเผยความจริงว่าตันตอทั้งหมด มันมีปัญหามาจากพวกยิว บังชอบสไตล์ของแกหวะ จริงๆ เรื่องอเมริกากับยิวตอนนี้ บังไม่จำเป็นต้องตั้งกระทู้ด่าหรอก เพราะยังงัยๆ ตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถาน มาจนสงครามอิรัค อเมริกาก็ได้เผยให้เห็นธาตุแท้ของตนเองหมดแล้ว คนไทยรับรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช่หรือครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 48 22:43:23 จากคุณ : โมเสส - [ วันเข้าพรรษา 22:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 64 และด้วยความสำเร็จในการสร้างประเทศที่เกิดจากความมานะ อุตสาหะของชาวยิวจริงๆค่ะที่ทำให้ผู้นำอาหรับทั้งโกรธและกลัว...ด้วยความก้าวหน้่าทางด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจของไซออนนิสต์ยิวและความเต็มใจที่จะแชร์เทคโนโลยีกับเพื่อนบ้านอาหรับนั่นเองที่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อกลุ่ม Effendi ยุคกลาง ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน อาหรับหรือปัจจุบันนี้ที่เรียกว่าอิสราเอลนั้นไม่ปรารถนาที่จะเสี่ยงในการขัดแย้งกับอาณาจักรออตโตมาน มาตราการหรือวิธีการที่พวกตุรกีใช้จัดการให้เกิดความสงบภายใต้การปกครองของสุลต่านนั้นค่อนข้างโหดร้ายพอสมควร..อังกฤษดีกว่าเยอะค่ะ...ดังนั้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง(WWI) เมื่ออังกฤษและฝรั่งเศสได้มีชัยชนะเหนืออาณาจักรออตโตมาน (สนธิสัญญา Sykes-Picot  ในปี 1916) และอังกฤษได้เข้ามาปกครองปาเลสไตน์ (ที่ซึ่งปัจจุบันนี้คือประเทศอิสราเอลและจอร์แดน) ในเวลาต่อมา ผู้นำอาหรับพบว่าตัวเองมีอิสระมากกว่าสมัยสุลต่านออตโตมานเยอะ จึงมีหนทางสะดวกโยธินในการปลุกระดมความเกลียดชังทางด้านศาสนา ปลุกปลั่นให้ชาวนาอาหรับมีความรู้สึกเกลียดชาวยิวด้วยการโกหกว่าชาวยิวต้องการทำลายศาสนาอิสลาม(เหมือนปัจจุบันนี้เลยค่ะที่พวกมุสลิมหัวรุนแรงและผู้นำอาหรับใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือในทางการเมือง ) กลุ่มตัวแทนของผู้นำตระกูล Effendi ซึ่งนำโดย Hajj Amin el-Husseini (ลุงของอาราฟัต) ได้เริ่มแคมเปญการฆ่าสังหารหมู่ชาวยิวอย่างต่อเนื่อง...ค่ะจะเห็นได้ว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอาหรับนั้นเกิดขึ้นก่อนสงครามประกาศอิสระภาพของอิสราเอลในปี 1948เสียอีก จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 23:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 65 #61 เหรอคะบังโม คุณktm ไม่ได้หายไปไหนหรอกแกใช้ชื่อว่า"ปักษาวายุ" แทนค่ะ ที่ คุณktm หายไปช่วงหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าเอื้องอัยราวัณห่างหายไปจากพันทิพกว่าครึ่งปีนั่นเองอาจารย์ktm เลยไม่มีคนมาถกด้วยแต่ก็แปลกนะับังโมอาจารย์แกไม่ค่อยด่าแขกหรอกหลายคนเคยบอกว่าแกตั้งกระทู้ด่าแขกแต่เอื้องคิดว่าแกเกลียดฝาหรั่งมังค่ามากกว่าแขกก่อการร้ายนะ อิอิ (ขอนินทาหน่อย) ไม่เข้าใจผิดหรอกบังคนโง่หรือคนแจ้งลบเท่านั้นแหละถึงคิดว่าเป็นกระทู้เก่าแล้วพันทิพลบทิ้งอ่านความเห็นที่ 28 ของเอื้องอีกทีนะจ๊ะบัง อิอิ หน้่าแตกคือคนที่ตอบคำถามความเห็นที่ 28 ไม่ได้มากกว่าจ๊ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 23:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 66 #63 นิสัยมหาธีร์ก็คือหมาจิ้งจอกดีๆนี่เองบัง บังรู้มั๊ยเพื่อนสนิทของหาธีร์ก็เป็นนักธุรกิจเชื้อสายยิวนะจ๊ะ ก็เพราะกล่าวว่าต้นตอทั้งหมดมาจากยิวน่ะซี้ ประเทศมุสลิมจึงขว้างงูไม่พ้นคอถูกพวกมุสลิมหัวรุนแรงทุบเอาภายในบ้าน แต่ก็เข้าใจนะว่าทำไมมุสลิมถึงคิดอย่างนี้ต้นตอก็เกิดจากคัมภีร์อัลกุระอ่านนั่นเอง จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 23:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ยิวไปอยู่ที่ไหนนี่มีแต่ทำความเจริญให้ค่ะบังโมต่างกับมุสลิมที่ไปอยู่ที่ไหนมีแต่สร้างความเดือดร้อน พอรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่หน่อยก็สร้างเงื่อนไขให้กับเจ้าของประเทศทันที คิดแบ่งแยกดินแดน เหมือนกับที่ภาคใต้เผชิญอยู่นี่แหละบัง เมื่อวานลอนดอนก็ระเบิดตูมอีกแล้ว ผู้ต้องหาล้วนแล้วแต่เป็นบ่าวของอัลเละห์ทั้งนานน..มุสลิมหัวรุนแรงนี่แหละที่สมควรถูกเรียกว่ากาฝากของแท้เพราะไปสร้างแต่ปัญหาให้เค้าไม่หยุดหย่อน  ยุโรปนั้นเจริญได้ก็เพราะชนชั้นปัญญาชนของยิวมีส่วนอย่างมาก ชาวยิวทั้งนั้นที่ทำให้ศิลปะวิทยาการของยุโรปก้าวหน้า .พวกนาซีนี่ปล้นสดมส์ทรัพย์สินของชาวยิวไปอย่างหน้าด้านๆ ค่ะบัง ผิวเหลืองๆตาดำๆอย่างบังนี่ก็อาจโดนนาซีจับเข้าห้องรมแก๊สพิษก็ได้นะจ๊ะโทษฐานไม่ใช่ชนเผ่าอาระยัน ส่วนพวกอาหรับหรือมุสลิมหัวรุนแรงนี่มีลักษณะของฟาสซิสต์อย่างที่เอื้องเคยเขียนไว้ในกระทู้ "เหตุระเบิดที่ลอนดอน" ที่โดนลบทิ้งนั่นล่ะจ๊ะดังนั้นพวกมุสลิมหัวรุนแรงเค้าจึงเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Islamofascist ไงล่ะบัง จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ วันเข้าพรรษา 23:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 บังรู้มั๊ยเพื่อนสนิทของหาธีร์ก็เป็นนักธุรกิจเชื้อสายยิวนะจ๊ะ --------------- บอกหน่อยซิ ว่าชื่ออะไร ครุกแมนหรือ คงไม่ใช่เพื่อนสนิทหรอก มหาเดร์ยืมทฤษฎีเขามาใช้ แต่ที่แน่ๆ จอร์จ โซรอส เป็นยิวแน่นอน และสตาลินก็มีแม่เป็นยิวด้วยซิ คนที่มีบทบาทในการบุกอิรัคในรัฐบาลของบุชก็เป็นยิว ก็ไม่รู้นะว่าใครที่ก่อเรื่องระราน รุกรานคนอื่นเขาไปทั่วโลก ทำให้คนตายเป็นหมื่นเป็นแสน ก็แสดงว่าคนที่มีบทบาทต่อรัฐบาลนั้นแหละชี้นำทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้   ส่วนที่บอกว่ายิวไปอยู่ที่ไหนนี่มีแต่ทำความเจริญให้ คงจะจริงหรอกนะ ไม่งั้นชาวยุโรปคงไม่ขับไสไล่ส่งยิว ตั้งแต่สมัยกลางหรอกนะ   ....เออ...ผิดแล้ว..... ตั้งแต่สมัยบาบิลอนแล้วด้วยซ้ำที่เป็นอย่างนี้ เดี่ยวก็ถูกจับไปนั่น  ถูกเนรเทศไปนี่  คิดแล้วก็น่าสงสาร เขาว่ากันว่า เพราะชาวยิวนั่นหยิง จองหอง พระเจ้าจึงลงโทษบ่อยๆ อะไรกัน เกิดมาก่อนคริสต์และอิสลามด้วยซ้ำ แต่ปัจจุบันทั้งโลกมีไม่ถึง 15 ล้านคน บังยังแปลกใจอยู่เลย สมัยคริสต์ยึดดินแดนสเปญคืนจากพวกอาหรับ จริงๆก็น่าจะประกาศเนรเทศอาหรับเท่านั้น แต่ดั้นพ่วงยิวเข้าไปด้วย ทั้งๆที่ตอนรบ อาหรับกับคริสเตียนเท่านั้นที่รบกัน ยิวไม่น่าเกี่ยวด้วย แต่พอมาดูนิสัยดูถูกดูแคลน ชอบอวดอ้างว่าข้าเก่ง เอ็งโง่อย่างยิวเอื้องนี่ ก็เลยเข้าใจแล้วว่าทำไม แต่ เออ... ใช่ซิ รู้สึกว่าจะมีอยู่สองที่ที่ยิวไปสร้างความเจริญให้ ก็สมัยจักรวรรดิ์โรมันไง ที่จักรวรรดิ์โรมันเจริญขึ้นมาได้ก็เพราะทาสชาวยิวนี่แหละช่วยพายเรือ ช่วยสร้างก่ออิฐถือปูนให้ รวมทั้งสมัยอียิปต์ด้วย ปิระมิดนั้นก็ฝีมือยิวล้วนๆ เลยหละ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 00:18:27 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 00:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เออ... แล้วไม่คิดหรือครับว่ากระทู้ที่เก่ากว่า แต่ยังอยู่นั้น มีคนอื่นเข้าโหวตเข้าคลังให้ นานๆที ได้เถียงกับเอื้อง สนุกอย่างนี้แหละ อิอิ จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 00:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 "จริงๆ เรื่องอเมริกากับยิวตอนนี้ บังไม่จำเป็นต้องตั้งกระทู้ด่าหรอก เพราะยังงัยๆ ตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถาน มาจนสงครามอิรัค อเมริกาก็ได้เผยให้เห็นธาตุแท้ของตนเองหมดแล้ว คนไทยรับรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช่หรือครับ" อย่าดูถูท่านบุชของเอื้องนะึคะบัง อเมริกากำลังทำให้พวก Islamofascist หวั่นเกรงอย่างหนักค่ะบังตอนนี้เพราะพวกนี้จะไม่ยอมรับสถาบันเสรีประชาธิปไตยใดๆทั้งสิ้น ในโอกาสครบรอบ 2 ปีสงครามอิรัก ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐได้ออกมากล่าวว่าการที่เขาสั่งให้เริ่มปฏิบัติการณ์ปลดปล่อยชาวอิรักนั้นก็เพื่อปลดอาวุธระบอบการปกครองที่โหดร้าย เพื่อปลดปล่อยชาวอิรักและเพื่อป้องกันโลกจากภัยอันตรายที่ร้ายแรงชัยชนะแห่งเสรีภาพในอิรักทำให้สงครามปราบปรามการก่อการร้ายแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและยิ่งทำให้เกิดการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยไปทั่วตะวันออกกลางและท่านประธานาธิบดีบุชยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่าปัจจุบัน -ผู้หญิงในอัฟกานิสถานสามารถที่จะเลือกตั้งได้ สมัยตาลีบันห้ามผู้หญิงเรียนหนังสือน๊ะจ๊ะ ฟังเพลงก็ไม่ได้บ้าไหม -ชาวปาเลสไตน์มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในการเลิกความรุนแรงรูปแบบเดิมๆ อับบาสนี่ดีกว่าเกย์เฒ่าอาราฟัตเยอะค่ะบังยังพอคุยกันได้ -และชาวเลบานอนหลายแสนคนกำลังเรียกร้องอำนาจอธิปไตยและสิทธิทางประชาธิปไตยของพวกเขา สิ่งเหล่านี้คือเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งเสรีภาพท่านพูดถูกแล้วค่ะนี่คือวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลในการเป็นผู้นำของท่านค่ะ มิใช่มีอยู่แค่การสาละวนค้นหา บิน ลาเดนบริเวณเทือกเขาสลับซับซ้อนในอาฟกานิสถาน สงครามในการโค่นล้มรัฐบาลตาลีบันและสงครามอิรัก(ซึ่งสงครามทั้งสองเกิดขึ้นด้วยความชอบธรรมทางด้านกฏหมายด้วยประการทั้งปวง)ในการโค่นล้มซัดดัมครั้งนี้นั้นถือว่ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างน่าจับตามองทีเดียวเลยล่ะค่ะ...  คนไทยที่มีอคติต่ออเมริกาเท่านั้นจึงมองว่าสงครามในอิรัคและอาฟกานิสถานเป็นเรื่องน้ำมัน ท่านบุชมองออกแต่แรกแล้วค่ะว่าสิ่งที่จะปราบพวกมุสลิมหัวรุนแรงได้นั้นก็คือ "ประชาธิปไตย" นี่เองนั่นทำไมเจ้าโจรชั่ว อัล ซาคา์ร์วี่ถึงออกมาประกาศว่าประชาธิปไตยคือ "ปีศาจร้าย" ไงคะไม่มีใครเฉลียวใจเลยหรือ? แนะนำให้บังไปอ่านหนังสือ The Case For Democracy ของชารานสกี้นะจ๊ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 00:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 71 "บังยังแปลกใจอยู่เลย สมัยคริสต์ยึดดินแดนสเปญคืนจากพวกอาหรับ จริงๆก็น่าจะประกาศเนรเทศอาหรับเท่านั้น แต่ดั้นพ่วงยิวเข้าไปด้วย ทั้งๆที่ตอนรบ อาหรับกับคริสเตียนเท่านั้นที่รบกัน ยิวไม่น่าเกี่ยวด้วย แต่พอมาดูนิสัยดูถูกดูแคลน ชอบอวดอ้างว่าข้าเก่ง เอ็งโง่อย่างยิวเอื้องนี่ ก็เลยเข้าใจแล้วว่าทำไม" เฮ้อ! บังโมคะอย่าพูดบิดเบือนความจริงค่ะเอื้องไม่ได้ดูถูกใครทั้งนั้นค่ะแต่พูดไปตามความจริง บังและพรรคพวกนั่นแหละที่พูดดูถูกเอื้องตลอดเวลาเรียกเอื้องว่า "เคี้ยวเอื้อง" นี่ใครตั้งให้น๊อ? .อย่าแปลกใจเลยบังในคริสตจักรยุคกลาง Tomas de Torquemada เป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากและเป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังบัลลังก์ของกษัตริย์เฟอร์ดินานและราชินีอิสซาเบลล่าแห่งสเปนที่สั่งให้มีการเผาชาวยิว ชาวมุสลิมและชาวคริสเตียนผู้ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของ Torquemada แต่ศาสนาคริสก็ได้ผ่านพ้นยุคมืดมาแล้ว บิน ลาเดนเป็น religious supremacist เป้าหมายหลักของเค้าคือเค้าต้องการสร้างอุดมการณ์ Great Caliphate ในโลกตะวันตกและและทุกๆที่ในโลกและสามารถฆ่าใครก็ได้ที่ไม่เห็นด้วยกับเค้าได้อย่างไม่ต้องกลัวบาป บิน ลาเดนก็ไม่ต่างอะไรกับ Torquemada ที่ประกาศฆ่าคนในนามของคริสเตียนค่ะบังโม จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 00:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ค่ะบิน ลาเดนไม่ได้ทำเพื่อคนมุสลิมหรอกบังโม..บิน ลาเดนกำลังคิดว่าตัวเองเป็นจอมพลในสนามรบแห่งเกรนาดา(battle of granada) ในปี1492 ต้องการล้างแค้นคริสเตียนและขับไล่ คริสเตียนออกจากแผ่นดินยุโรปและอเมริการวมถึงในบริเวณภูมิภาคอื่นๆของโลกที่มีมุสลิมสร้างมหารัฐอิสลามบริสุทธิ์รวมโลกเป็นหนึ่งภายใต้กฏหมายอิสลาม..battle of Granada และ battle of Tours ที่ Charls Martel ของฝรั่งเศสรบกับมุสลิมและสามารถเอาชนะได้นั้นคือการสิ้นสุดยุค "First Great Jihad" นั่นเองค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 00:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ไม่ทราบอิรัคตอนนี้ มันดีกว่าสมัยซัดดัมตรงใหน มิคสัญญี วุ่นวาย อนาธิปไตยกว่าด้วยซ้ำ เออ ไม่พูดถึงอิหร่านบ้างละจ้ะ แนวคิดประชาธิปไตยในมุมมองของอิสลามแบบอิหร่าน ที่ผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทได้มากกว่าสมัยชาห์ ลูกกะโป้กของอเมริกาเป็นใหนๆ   และไม่ทราบว่าทำไม ตอนนี้อเมริกายังสนับสนุนผู้ปกครองเผด็จการของซาอุดิอราเบีย คูเวต เอมิเรทและโอมานกดขี่กลุ่มนิยมประชาธิปไตยในประเทศอยู่ละครับ หรือว่าพวกนี้ยังมีประโยชน์อยู่ ไม่เหมือนซัดดัมที่ชอบทำตัวนอกคอก ที่เลบานอน อิสราเอลไปยึดดินแดนภาคใต้ของเลบานอนอยู่เป็นสิบๆปี ไม่เห็นสื่อของอเมริกาประโคมข่าวกดดันเหมือนคราวของซีเรียหนนี้เลย แต่ชาวเลบานอน กลุ่มฮิซบุลลอฮ ที่มีซีเรียหนุนหลัง และที่ยิวว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนั่นแหละ กล้าต่อสู้กับยิวจนต้องวิ่งแจ้นหนีกลับประเทศแทบไม่ทัน จำได้หรือเปล่า สมัยเอฮุด บารัคนั่นไง นี่ถ้าไม่มีฮิซบุลลอฮฺ ภาคใต้ของเลบานอนก็คงถูกยิวกลืนไปแบบที่ราบสูงโกลานแล้วหละ สื่ออเมริกาคงไม่ประโคมข่าวเหมือนซีเรียตอนนี้หรอก จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 00:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 74 #71 ที่ Tomas de Torquemada เกลียดยิวก็เพราะนิสัยจองหอง ปลิ้นปล้อนนี่แหละ ทำตัวเป็นงูสองหัว เดี่ยวเข้าข้างคริสเตียน เดี่ยวเข้าข้างอาหรับ พอเขายึดหมด เลยถูกเหมาไปด้วย จริงๆ มันเป็นตั้งแต่พวกคริสตเตียนยึด Toledo ในปี 1055 แล้วด้วยซ้ำ แล้วทราบหรือเปล่า ว่าไม่ใช่มุสลิมโมรอคโคและอาณาจักรออตโตมันหรอกหรือ ที่อ้าแขนรับพวกยิวที่หัวซุกหัวซุนไม่มีที่อยู่นี้เอาไว้ ไม่น่าเชื่อ ในอีกไม่กี่ร้อยปีต่อมา ยิวโมรอคโค และยิวในโลกอาหรับที่ออตโตมันรับไว้นี่แหละ จะทรยศหักหลังออตโตมัน รวมทั้งมีส่วนในการอพยบเข้าไปขับไล่ชาวปาเลสไตน์ เหมือนเลี้ยงงูไว้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 01:02:16 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 00:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 75 บิน ลาเดนกำลังคิดว่าตัวเองเป็นจอมพลในสนามรบแห่งเกรนาดา(battle of granada) ในปี1492 -------------------------- แล้วแน่ใจ หรือว่า Bush ที่มียิวสนับสนุน กำลังทำเพื่อประชาธิปไตย จริงๆ แล้ว Bush ไม่ต่างจาก Francisco Pizarro แม่ทัพสเปญที่นำกำลังบุกอาณาจักรโบราณอินคาจนสูญพันธุ์ มองพวกอินคาว่าต่ำต้อย ไร้ศาสนา ต้องยอมรับอารยธรรมของสเปญเท่านั้นถึงจะเจริญ Pirazzo บุกอเมริกาใต้ก็เพื่อการค้าของสเปญ เหมือนๆกับที่บุชกำลังยัดเยียดประชาธิปไตยที่มากับบริษัทน้ำมันในเครือให้กับอิรัคตอนนี้แหละ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 01:00:39 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 00:58:12 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 00:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 76 " เหมือนๆกับที่บุชกำลังยัดเยียดประชาธิปไตยที่มากับบริษัทน้ำมันในเครือให้กับอิรัคตอนนี้แหละ " ได้ยินมาจนเกร่อค่ะว่า อเมริกา"ยัดเยียด"ประชาธิปไตยไปให้ประเทศในตะวันออกกลางจากเหตุการณ์ทางการเมืองในตะวันออกกลางที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ได้เริ่มพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าอเมริกานั้นไม่ได้ยัดเยียดประชาธิปไตยไปให้ประเทศใดๆอย่างที่บังโมและนักคอลัมนิสต์มุลิมกล่าวหาแต่อย่างใดเลยค่ะ หากแต่เป็น"การส่งเสริม"ประชาธิปไตยในแดนตะวันออกกลางทั้งผองลองตรองดูเถิดค่ะว่าประชาธิปไตยไม่ได้เกิดจากจิตใจแล้วไซร้จะยั่งยืนได้อย่างไร เปรียบไปก็ เหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้านั่นล่ะค่ะ เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การจัดเลือกตั้งและประชาธิปไตยนั้นมันบังคับกันให้รักไม่ได้ด้วยค่ะ อเมริกาจะสามารถบังคับคนอาหรับทั้ง 250 ล้านคนได้อย่างไรแต่อเมริกาหวังให้ชาวอาหรับได้ค่อยๆเรียนรู้หรือแสวงหาคำถามให้กับตัวของพวกเค้าเองว่าทำไม "dignity" และ "freedom" ของพวกเค้าถึงถูกปฏิเสธจากผู้ปกครองของพวกเค้าเอง .ชาวอิรักออกไปเลือกตั้งอย่างล้นหลามบังก็เห็นแล้วนะว่าพวกเค้าปฏิเสธทรราชย์   ดังที่นักคอลัมนิสต์ของ"The star"เขียนไว้อย่างตรงจุดตรงประเด็นว่า: He(Bush) understood, in other words — *instinctively* rather than intellectually — that the only way to win a war against terrorism was to turn it into a war for democracy. เอื้องคิดว่าพวกที่ำำไม่อยากให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นในตะวันออกกลางอยากเห็นความรุนแรงให้คงอยู่ต่อไปเรื่อยๆเพราะกลัวอเมริกาจะทำสำเร็จหรือกลัวบุชจะได้รับเครดิต เอื้องถือว่าพวกนี้เป็นคนที่ใจดำและใจบาปมากค่ะบังโม จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 01:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 77 "ที่เลบานอน อิสราเอลไปยึดดินแดนภาคใต้ของเลบานอนอยู่เป็นสิบๆปี ไม่เห็นสื่อของอเมริกาประโคมข่าวกดดันเหมือนคราวของซีเรียหนนี้เลย แต่ชาวเลบานอน กลุ่มฮิซบุลลอฮ ที่มีซีเรียหนุนหลัง และที่ยิวว่าเป็นผู้ก่อการร้ายนั่นแหละ กล้าต่อสู้กับยิวจนต้องวิ่งแจ้นหนีกลับประเทศแทบไม่ทัน จำได้หรือเปล่า สมัยเอฮุด บารัคนั่นไง นี่ถ้าไม่มีฮิซบุลลอฮฺ ภาคใต้ของเลบานอนก็คงถูกยิวกลืนไปแบบที่ราบสูงโกลานแล้วหละ สื่ออเมริกาคงไม่ประโคมข่าวเหมือนซีเรียตอนนี้หรอก" บังโมนี่เข้าข้างกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงประจำเลยนะแล้วเอื้องจะแน่ใจได้อย่างไรเนี่ยว่าบังไม่เสี้ยมสอนให้เด็กปอเนาะไม่รัก บิน ลาเดน อิอิ ..."เหตุเกิดที่เลบานอน" เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการเสียชีวิตของ นายราฟิก ฮาริรี อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนได้จุดชนวนกระแสประท้วงจากประชาชนชาวเลบานอนทั่วประเทศถือว่าเป็นจุดพลิกผลันครั้งใหญ่เลยทีเดียวค่ะเมื่อ"กระแสลมแห่งประชาธิปไตย"ได้โถมพัดเข้าใส่ประเทศนี้อย่างไม่หยุดยั้ง ชาวเลบานอนนับล้านคนแสดงพลังต่อต้านซีเรียเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยการชุมนุมประท้วงบริเวณมัสยิดโมฮัมหมัด อัล อามิน ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของอดีตนายกรัฐมนตรีราฟิก ฮาริรี่ ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอนเพื่อกดดันให้ซีเรียยุติบทบาททางทหารและแทรกแซงการเมืองภายในของเลบานอนที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ...ซีเรียนี่ยึดครองเลบานอนอย่างผิดกฏหมายนะคะบัง ชาวเลบานอนนี่เค้าไล่ส่งกองทัพซีเรียแล้วบังโมยังไม่เห็นอีกหรือนี่? ในหัวมุสลิมนี่มีแต่ยิวทำผิดทั้งน้านนน ฮ่าๆ...จะบอกอะไรให้นะคะบังเพราะการเมืองภายในและอเมริกากดดันอิสราเอลไว้หรอกอิสราเอลจึงได้ถอนทหารออกจากพื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอนที่ตอนนี้กลุ่ม Hezbollah ครอบครองอยู่ทั้งหมดในเดือนพฤษภาคมปี 2000 เพื่อให้เป็นไปตาม มติสหประชาชาติที่ 425 (Resolution 425) ที่ระบุการกลับมาฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงระหว่างทั้งสองประเทศ ตามมติของสหประชาชาติที่ 425 ฉบับนี้นั้นได้ระบุให้รัฐบาลของเลบานอนยึดมั่นในหลักการที่ว่าด้วยเรื่องของความปลอดภัยตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศรับผิดชอบในส่วนของการป้องกันการโจมตีของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่มุ่งลอบโจมตีตามแนวพรมแดนทางตอนเหนือของอิสราเอลจากภายในเขตแดนของเลบานอนหลังจากการถอนทหารของอิสราเอลมาถึงตรงนี้ก็เห็นได้ชัดเจนว่าการถอนทหารของอิสราเอลออกจากตอนใต้ของเลบานอนก็เป็นพียงการเข้ามาครอบครองพื้นที่ของกลุ่ม Hezbollahแทนเท่านั้นแถมความปลอดภัยตามแนวชายแดนก็ถูกละเมิดโดยกลุ่ม Hezbollah ที่ยิงจรวดข้ามชายแดนเข้ามาเป็นประจำหรือความพยายามที่จับจะทหารอิสราเอลที่ลาดตระเวณตามแนวชายแดนหรือพลเรือนไปเป็นตัวประกันเพื่อเดินหมากในการต่อรองทางการเมือง และก็เป็นสหประชาชาติเองที่ไม่สามารถบังคับใช้มติที่ตัวเองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 01:31:56 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อเมริกาในอิรัคตอนนี้ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากกว่า ลองเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ไม่นานก็เหมือนอิหร่าน อเมริกาจะยอมหรือ ??? สมดุลที่อเมริกาต้องการตอนนี้ก็คือความวุ่นวายและสงครามกลางเมือง ลองอเมริกาถอนออกมาซิ ไม่นานเกินรอเป็นอิหร่านแห่งที่สองแน่ นั่นแหละชีอะห์ในอิรัคถึงได้เงียบๆ เพราะรู้จุดนี้ ขณะที่สุนนี่ก็พยายามเกาะซาอุดิเอาไว้ ส่งเสริมประชาธิปไตยนี่ เหมือนกับที่อเมริกาส่งเสริมให้เวียดนามใต้ ส่งเสริมรัฐบาลทหารไทยยุคต่อสู่คอมมิวนิสต์ ส่งเสริมให้พรรคบาธในอิรัค(พรรคของซัดดัม)โค่นรัฐบาลสังคมนิยม หรือที่อเมริกาส่งเสริมให้ชาห์ล้มรัฐบาลอิหร่านที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 1953 หรือเปล่าครับ ไม่แตกต่างกันเลยใช่ใหมครับ การส่งเสริมที่ว่านี้ ด้วยความรุนแรง ด้วยสงคราม ใช่ใหมครับ อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าส่งเสริมหรอกครับ ยัดเยียดนั่นแหละถูกแล้ว สงครามอิรัค แรกๆก็ด้วยข้ออ้างสงครามต่อต้านการก่อการร้าย พอข้ออ้างซัดดัมกับอัลกออิดะห์ฟังไม่ขึ้น ก็อ้างอาวุธร้ายแรง พอหาอาวุธร้ายแรงไม่เจอ ก็เอาข้ออ้างประชาธิปไตยนี่แหละ การเมืองระหว่างประเทศมันก็หน้าด้านอย่างหนาอย่างนี้แหละ ถึงจะกอบโกยน้ำมันได้เต็มที่ ใช่มั้ยเอื้อง ยิวที่ปรึกษาบุชน่าจะแนะนำให้มันแยบยลกว่านี้หน่อย ....แต่คงไม่เป็นไร เพราะอะไรก็ไม่มีใครกล้าขวางแล้วนิ จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 01:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 79 การแสดงออกของชาวเลบานีสที่ชุมนุมประท้วงใหญ่ในครั้งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีค่ะค่ะบังโมว่าพวกเค้าต้องการเป็นอิสระจากการครอบงำของซีเรียทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ซีเรียได้ทำลายความรุ่งเรืองของประเทศนี้มานานเกือบสามทศวรรษ ..ประธานาธิบดี Bashar al-Assad ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจถอนกองกำลังออกจากซีเรียตามมติสหประชาชาติและแรงกดดันของนานาชาติทั้งจากฝรั่งเศส อเมริกาและประชาคมยุโรปนั้นก็พยายามเรียกร้องขอแรงสนับสนุนจากชาติอาหรับโดยเฉพาะซาอุฯแต่ก็ล้มเหลวค่ะและมีเพียงชาติเดียวเท่านั้นที่สนับสนุนซีเีรียยึดครองเลบานอนต่อไปคือ"อิหร่าน"นั่นเองค่ะและการยึดครองเลบานอนนั้นจริงๆมันก็ผิดกฏหมายระหว่างประเทศ(illegal occupation)ด้วยนะคะแต่ด้วยความอ่อนแอของยูเอ็นนั่นเองค่ะที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ...สภาวะการยึดครองเลบานอนของซีเรียคนเลบานอนนี่เค้าเรียกว่า "ruthless" เลยนะคะบังเพราะ Gestapo-like secret intelligence serviceของซีเรียนี่อยู่เบื้องหลังการระเบิดหลายครั้งในเบรุตและชาวเลบานอนส่วนใหญ่เค้าก็เชื่อว่าซีเรียอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารอดีตนายกราฟิก ฮาริรี ด้วยค่ะ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมโคฟี อันนันแถลงว่าจะยังไม่ยืนยันว่าซีเรียถอนทหารทั้งหมดออกจากเลบานอนจริงจนกว่าจะได้รับรายงานของคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคที่เข้าไปตรวจสอบเสียก่อนคืออันนันทราบดีค่ะว่าซีเรียอาจจะยังทิ้งGestapo-like secret intelligence serviceฝังตัวไว้ในเลบานอนต่อไปเพื่อประสานการทำงานกับกลุ่มฮิซบอลล่าห์ในการสร้างความวุ่นวายให้กับรัฐบาลชุดใหม่ .. แน่นอนค่ะว่าการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยในเลบานอนนั้นยังคงมีอุปสรรคขวางกั้นอยู่แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดค่ะ Progress requires some instability especially when the rigidity that was in place was oppressive and reactionaryค่ะรวมไปถึงกลุ่มฮิซบอลล่าห์ที่ยึดครองทางภาคใต้ของเลบานอนเป็นฐานฝึกฝนการก่อการร้ายต่อไปแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่ด้วยค่ะว่าจะจัดการยังไงนี่ล่ะค่ะคือสิ่งที่กลุ่มฮิซบอลล่าห์กลัวในการสูญเสียอำนาจเพราะใครๆก็รู้ว่า Omar Karami อดีตนายกรัฐมนตรีของเลบานอนที่ลาออกเพราะการชุมนุมประท้วงใหญ่ของประชาชนนั้นเป็นSyrian-installed puppet government ย่อมต้องเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มฮิซบอลล่าห์อยู่แล้วจริงๆนายก Karami คนนี้เคยลาออกมาครั้งนึงแล้วค่ะเมื่อประมาณ13ปีที่แล้วจากการประท้วงใหญ่ของประชาชนเช่นกันจากนโยบายที่ล้มหลวทางเศรษฐกิจของเค้าเป็นเหตุให้ Lebanese currencyต้อง collapsedลงในที่สุด .. จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 01:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ไม่มีใครรู้ว่าใครฆ่าฮะริรีย์ แต่คนที่ได้ประโยชน์คืออเมริกาและยิว เพราะใช้เป็นข้ออ้างให้ซีเรียถอนออกจากเลบานอน เอ... ไม่ใช่ซีเรียหรอกหรือ ที่เข้าไปควบคุมกองกำลังกลุ่มต่างๆในเลบานอนที่รบพุ่งกันเอง จนสงบ ขอยืนยันว่า ฮิซบุลลอฮฺเป็นกลุ่มการเมืองหนึ่งในรัฐบาลเลบานอน ได้คะแนนจากการเลือกตั้งมาอันดับสองด้วยซ้ำ แต่ที่ยิวพยายามกดดันอเมริกาให้ตั้งข้อหาว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ก็เพราะความพ่ายแพ้ครั้งแรกของยิว จากเพราะกลุ่มนี้   อิสราเอลที่ยิ่งใหญ่(ด้วยอาวุธอเมริกา) เอาชนะชาติใหญ่อย่างอียิปต์และซีเรียใน 6 วัน ต้องมาแพ้ให้กับกองทัพกระจอกๆอย่างฮิซบุลลอฮฺ พอเจอกับคนที่สู้จริง ได้รู้แหละว่าเป็นไง ส่วน Resolution 425 ของ UN ไม่ต้องมาอ้างหรอก UN ออกตั้งแต่ปีมะโว้ March 19, 1978 แล้ว ถ้าอิสราเอลมันอยากทำตามมตินั้นจริงๆ มันถอนออกมาตั้งนานแล้ว จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 01:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 81 "ไม่ทราบอิรัคตอนนี้ มันดีกว่าสมัยซัดดัมตรงใหน มิคสัญญี วุ่นวาย อนาธิปไตยกว่าด้วยซ้ำ เออ ไม่พูดถึงอิหร่านบ้างละจ้ะ แนวคิดประชาธิปไตยในมุมมองของอิสลามแบบอิหร่าน ที่ผู้หญิงเข้าไปมีบทบาทได้มากกว่าสมัยชาห์ ลูกกะโป้กของอเมริกาเป็นใหนๆ  " บังยังแยกไม่ออกอีกหรือว่าการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในอิรักทุกวันนี้มันเป็นเพราะกลุ่มโจรชั่วอัลไคด้าไม่ได้เกิดจากรัฐบาลอิรัก สมัยเจ้าซัดดัมนั้นเป็นรัฐบาลที่กดขี่ข่มเหงประชาชนของตัว ฆ่าประชาชนของตัว ในการเริ่มสร้างประเทศไปสู่วิถีทางแห่งประชาธิปไตยนั้นความวุ่นวายจะต้องเกิดขึ้นในช่วงแรกๆย่อมต้องมีแน่นอนค่ะเพราะ Progress requires some instability ในอดีตสังคมอิีัรักที่มั่นคงสมัยเจ้าซัดดัมนั้นเพราะอำนาจทั้งหมดถูกรวมไว้ในอุ้งมือของเผด็จการซัดดัมแต่เพียงผู้เดียว มันจึงเป็นความมั่นคงที่วางอยู่บนรากฐาน"ความสมดุลย์ที่เปราะบางระหว่างความหวาดกลัวและรางวัลตอบแทน" ค่ะแต่ความเป็นอยู่ของชาวอิรักโดยแก่นแท้มิได้มั่นคงเพราะเสียงของชาวอิรักเองแต่ถูกคุกคามทางเสรีภาพเป็นเวลากว่าสามสิบปี และหากมองย้อนไปในอดีตจะเห็นได้ว่าอิรักมิได้เป็นเพียงชาติแรกเท่านั้นค่ะที่เข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านการปกครองจาก "thugocracy" ไปเป็น"Democracy"ยังมีหลายประเทศที่ล้มลุกคลุกคลานกับประชาธิปไตยมาก่อนยกตัวอย่างเช่นประเทศสเปน เยอรมันนีและอิตาลีที่ซึ่งอิสระภาพ เสรีภาพสามารถก้าวพ้นผ่านเผด็จการทรราชย์ ไปได้นำมาซึ่งการเบ่งบานชูช่อของเสรีภาพขึ้นอีกครั้ง .ชาวเยอรมัน สแปนิชและอิทาเลี่ยนนั้นมีความมุ่งหวังและโหยหาในเสรีภาพ พวกเค้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะให้ได้มันมา. เอื้องเห็นชาวอิรักมากมายที่ออกไปเลือกตั้งครั้งนี้ทั้งในและนอกราชอาณาจักรอิรัก..เอื้องคิดว่านี่คือสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีค่ะที่อย่างน้ิอยชาวอิรักตระหนักในสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของตัวเองว่าพวกเค้ามีสิทธิอันชอบธรรมในการเลือกผู้นำที่จะสามารถเป็นปากกระบอกเสียงให้กับพวกเค้าได้จริงๆวันนี้แม้ชาวอิรักอาจจะยังไม่คุ้นเคยหรือรู้จักคอนเซ็ปของประชาธิปไตยอย่างถึงแก่นแต่พวกเค้าก็ได้แสดงให้ประชาคมโลกเห็นแล้วว่าพวกเค้าพร้อมที่จะเรียนรู้สเต็ปแรกของคำว่า"ประชาธิปไตย" โดยเดินเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งพร้อมกับความหวังในใจที่จะเห็นประเทศก้าวผ่านอุปสรรคที่กำลังเผชิญอยู่ แล้วทำไมประชาคมโลกจึงจะคิดว่าพวกเค้าทำไม่ได้ล่ะคะจริงมั๊ย? สถาณการณ์ในอิรักตอนนี้หลายๆสิ่งอาจจะยังดูไม่เข้ารูปเข้ารอยอยู่สักระยะในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ชาวอิรักเองจำเป็นต้องค้นหาสิทธิอันพึงได้สำหรับตัวของพวกเค้าเอง ..แน่นอนว่าจะยังมีพวกที่มองหาการขู่กรรโชกและความไม่มีเสถียรภาพเป็นอาวุธแห่งอำนาจที่จะกดขี่ชาวอิรักต่อไป They're trying to shake the WILL of the Iraqi people ka แต่อาวุธแห่งอำนาจนี้จะมลายสูญสิ้นไปเมื่อการรับรู้สิทธิอันพึงมีของคนอิรักได้กลายมาเป็น"จิตสำนึก"ที่ชาวอิรักสามารถเรียกร้องได้โดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ อีกต่อไป นี่ล่ะค่ะที่เค้าเรียกว่า power of freedom และเป็น freedom ที่กลุ่มของ Zarqawiกลัวที่สุดนั่นเอง นั่นทำไมเค้าจึงประกาศก้องว่าประชาธิปไตยคือ"ปีศาจร้าย"ตามคำนิยามของพวกMuslim fundamentalists ที่คิดว่า "Islamic theocracy"เท่านั้นที่ควรเป็นอำนาจเบ็จเสร็จเด็ดขาดและไม่ควรมาจากเสียงของประชามติส่วนใหญ่ "อำนาจ"ที่ Zarqawi กล่าวถึงนั้นจึงต้องการ"ความจงรักภักดีและการเชื่อฟังน้อมรับ" ไม่ใช่ได้มาจาก"ความคิดอิสระ"ของประชาชนนั่นเองค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 01:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อ้อ...แล้วก้ออย่าบอกนะว่าเฉพาะหน่วยสืบราชการลับของซีเรียเท่านั้น ที่อยู่เบื้องหลังการระเบิดหลายครั้งในเบรุต จำได้หรือเปล่า 24 มกราคม 2002 Elie Hobeika อดีตผู้นำทหารของฝ่ายคริสเตียนเลบานอนถูกลอบสังหารจากการระเบิดรถยนต์ หลังจากที่เขารับปากจะไปให้การกับศาลเบลเยี่ยม ในข้อหาที่เขามีส่วนในการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์อย่างโหดเหี้ยมในค่ายชาติลล่าและซาบร่าเมื่อปี 1982   ญาติของเหยื่อที่ถูกสังหารหมู่ฟ้องศาลเบลเยี่ยมเพื่อเอาผิดกับนายชารอน  Hobeika เป็นคีย์สำคัญที่จะบอกถึงบทบาทของอิสราเอลในการสังหารหมู่คราวนั้น ใครได้ใครเสียจากการตายของ Elie Hobeika ?????? หรือกรณีของฮิซบุลลอฮฺที่จับสายลับยิว 3 คนที่เข้าไปในเลบานอนเมื่อหลายปีก่อน แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:04:06 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 01:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 83 "เอ... ไม่ใช่ซีเรียหรอกหรือ ที่เข้าไปควบคุมกองกำลังกลุ่มต่างๆในเลบานอนที่รบพุ่งกันเอง จนสงบ" ในความเป็นจริงแล้วซีเรียได้ยาตราทัพเข้าสู่เลบานอนก่อนที่จะได้รับการอนุมัติจากสันนิบาติอาหรับก่อนหน้านั้นแล้ว..ข้ออ้างที่ทางดามัสกัสต้องการเข้าแทรกแทรงเลบานอนในปี 1976 นั้นก็คือการปฏิเสธการหยุดยิงของKemal Jumblatt warlordชาวเลบานีสเชื้อสาย"ดรูซ"ต่อข้อเรียกร้องของ"ประธานาธิบดีฮาเฟส อัสซาด"แห่งซีเรียที่เรียกร้องให้ Kemal Jumblatt ทำการหยุดยิงในสงครามกลางเมือง(ระหว่างอาหรับมุสลิมและเลบานีสคริสเตียน).แต่ Kemal Jumblatt ได้ปฏิเสธคำร้องขอของประธานาธิบดีฮาเฟส อัสซาดจริงๆแล้วซีเรียนั้นรู้อยู่แก่ใจดีค่ะว่า Jumblatt ไม่มีทางที่จะยอมสงบศึกกับเลบานีสคริสเตียนอยู่แล้วการปฏิเสธการหยุดยิงของJumblatt นี่เองที่อัสซาดนำมาเป็นข้ออ้างในการกรีฑาทัพเข้าแืทรกแซงเลบานอน... จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 01:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ช่วงประมาณปี1976 นั้นเลขาธิการสันนิบาตแห่งชาติอาหรับได้มีการจัดประชุมฉุกเฉินสี่ฝ่ายคือซีเรีย ลิเบีย ซาอุดิอาระเบียและซูดานโดยผลของการประชุมดังกล่าวนั้นสรุปว่าทั้งสี่ประเทศตกลงยินยอมพร้อมใจกันที่จะส่งกองกำลังของตนเขาไป "รักษาสันติภาพ" (peacekeepers) ในเลบานอนแต่อัสซาดกลับส่งกองกำลังทหารของตนกว่า 40,000 นายเข้าไปในเลบานอนมากกว่าใครในหมู่เหล่าขณะที่ประเทศอื่นส่งเพียงไม่กีร้อยนายการลงนามยินยอมของสันนิบาตแห่งชาติอาหรับอย่างทันทีทันใดไม่มีอะไรมากไปกว่าการยอมรับสิ่งที่ซีเรียได้ทำไปแล้วแต่เมื่อซีเรียได้เข้าไปตั้งหลักในเลบานอนทางฝ่ายดามัสกัสกลับเปลี่ยนข้างสนับสนุนโดยทางดามัสกัสเลือกที่จะสนับสนุนกองกำลังผสมฝ่ายซ้ายจัดแห่งปาเลสไตน์ ดรูซและมุสลิมหันกลับมาต่อต้านคริสเตียนเลบานีสโดยก่อนหน้านี้ยังจำกันได้รึเปล่าคะว่าประธานาธิบดีอัสซาดแห่งซีเรียเรียกร้องให้ Kemal Jumblatt ทำการหยุดยิงกับเลบานีสคริสเตียนเองนั่นคือแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อ Jumblattนั่นเอง... จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 01:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 85 หลังจากนั้นไม่นานกองทัพของซีเรียสามารถเข้ายึดครองพื้นที่สองในสามของประเทศเลบานอนได้เกือบทั้งหมดซีเรียได้ทำการเคลื่อนกำลังพลพร้อมขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศไปอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะต่อสู้ นโยบายของซีเรียไม่เคยเป็นความลับนั่นก็คืออณุญาติให้"องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์(PLO)"ของ"godfather of terror" ยัตเซอร์ อาราฟัต รวมไปถึง กลุ่ม Palestinian Islamic Jihad,  PFLP(Popular Front for the Liberation of  Palestine), DFLP และ Hizballah ใช้พื้นที่ทางตอนใต้ของเลบานอนเป็นศูนย์บังคับบัญชา ค่ายฝึกฝนการก่อการร้ายเพื่อโจมตีอิสราเอลซึ่งได้รับอาวุธและเงินทุนจากท่าน "Mullahs แห่งอิหร่าน"ผ่านมาทางซีเรียนั่นเองค่ะ ซึ่งนโยบายสนับสนุน PLO ของอัสซาดนี่เองที่เป็นตัวกระตุ้นนำไปสู่สงครามเลบานอนในปี1982 ในที่สุด.... จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 86 #81 เออ........ ไม่ทราบว่าทำไม ผู้นำชีอะห์ ซึ่งอเมริกาก็ตราหน้าว่าเป็นพวก Islamic Fundamentalist เหมือนกัน ถึงสนับสนุนให้ชาวอิรัคออกไปเลือกตั้งละครับ   ให้อิรัคเป็นประชาธิปไตยนั่นแหละดีแล้ว ไม่นานก็กลายเป็นอิหร่านแห่งที่สอง ส่วนกลุ่มของ Zarqawi เป็นเพียงกลุ่มต่อต้าน ที่อเมริกาเอาเป็นข้ออ้างในการคงอยู่เท่านั้น จริงๆ การต่อต้านของพวกสุนนี่ ซึ่งรู้ว่าจะเสียอำนาจ มีกระจัดกระจายหลายพวกหลายกลุ่ม ระดับท้องถิ่นก็มี  ไม่ได้เป็นกลุ่มเดียว มีแม้แต่กลุ่มมิจฉาชีพ บางพวกไม่ได้มีอุดมการณ์อะไรด้วยซ้ำ แต่ที่พวกเขาถูกยกระดับขึ้นมา ก็เพื่อประโยชน์ในการคงอยู่ของอเมริกา เอาไว้ถ่วงดุลย์กับชีอะห์ ถามว่า Zarqawi ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทั่วไปในโลกมุสลิมมั้ย ตรงนี้ เอิ้องอย่าเข้าใจผิด และอย่าเอามาเป็นข้ออ้างว่าการต่อสู้ของ zarqawi คือตัวแทนของอิสลาม มองด้วยซ้ำว่าคือหมากตัวหนึ่งที่อเมริกาเอาไว้ถ่วงดุลย์กับชีอะห์ ไม่มีความจริงใจในการสร้างประชาธิปไตยในอิรัคหรอก แต่ก็ไม่แน่นะ น้ำมันอิรัคหมดลงเมื่อไหร่ อเมริกาอาจจะจริงใจ ปล่อยอิรัคให้เลยตามเลยก็ได้   แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:18:43 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:17:35 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 02:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 87 #83-85 บังหมายถึงเหตุการณ์หลังจากอิสราเอลถอนตัวออกจากเลบานอน(ยกเว้นภาคใต้)แล้ว เพราะทหารซีเรีย 40,000 นาย ทำให้เลบานอนเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง มาจนทุกวันนี้ ไม่ใช่หรือ ?? จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 02:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 88 " ขอยืนยันว่า ฮิซบุลลอฮฺเป็นกลุ่มการเมืองหนึ่งในรัฐบาลเลบานอน ได้คะแนนจากการเลือกตั้งมาอันดับสองด้วยซ้ำ แต่ที่ยิวพยายามกดดันอเมริกาให้ตั้งข้อหาว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ก็เพราะความพ่ายแพ้ครั้งแรกของยิว จากเพราะกลุ่มนี้  " เหอะ เหอะ บังโมจ๊ะไอ้กลุ่มก่อการร้ายเฮซบอลล่าห์นี่อ้างหน้าฉากว่าตัวเอง เป็นกลุ่มการเมืองตอนนี้แคนาดาได้พิจราณาถอนความช่วยเหลือแล้ว แคนาดาที่ใจบุญมานานค่ะกับงูเห่าพวกนี้ Hezbollah cellsนั้นมีฐานปฎิบัติการอยู่ในยุโรป อาฟริกาอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือด้วยนะจ๊ะ มาดูผลงานกลุ่มการเมืองของบังโมหน่ิอยเป็นไร -ทำการลักพาตัวชาวตะวันตกหลายคนในเลบานอนรวมไปถึงชาวอเมริกันด้วยในชวงปี 1980 -ในปี 1985 ทำการปล้นจี้เครื่องบิน TWA flight 847 -ในปี 1990 โจมตีชุมชนชาวยิวในอาร์เจนติน่า ระเบิดสถานฑูตอิสราเอลมีผู้เสียชีิวิตจำนวน 24 คนและระเบิดศูนย์กลางชุมชนชาวยิวทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 95 คน นี่น่ะหรือที่เรียกว่ากลุ่มการเมือง กลุ่มก่อการร้ายใช้วิชาลอบกัดอันเป็นแทคติคที่พวกมุสลิมหัวรุนแรงถนัดที่สุด เหอๆ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:27:00 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 89 " ให้อิรัคเป็นประชาธิปไตยนั่นแหละดีแล้ว ไม่นานก็กลายเป็นอิหร่านแห่งที่สอง " บังดูถูกอเมริกาเกินไปม๊่าง บังเคยอ่านรัฐธรรมนูญฉบับเต็มของอิรักรึยังจ๊ะ? จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ในเลบานอน Hizbullah คือพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นตัวแทนของชาวเลบานอน แล้วเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ว่า อิสราเอลมีหลักฐานใหนว่าเป็นฝีมือกลุ่มฮิซบุลลอฮฺ ไม่ใช่กลุ่มก่อการร้ายอื่น ถ้าแน่ใจจริงก็ฟ้องศาลโลก หรือศาลเบลเยี่ยมอย่างที่ปาเลสไตน์ฟ้องซิ  ไม่ใช่กล่าวหาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เดี่ยวมันจะเป็นเหมือนที่อเมริกากล่าวหาซัดดัมว่ามีอาวุธร้ายแรง/มีความสัมพันธ์กับอัลกออิดะห์นั่นแหละ ตอนนี้เจอหรือยังจ้ะ เห็นก่อนบุก ก็อ้างหลักฐานมากมายเหมือนที่อิสราเอลและอเมริกากล่าวหาฮิซบุลลอฮฺว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายนี้แหละ กรณีแคนาดา มันก็ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าเรื่องของการเมือง ที่เกิดจากการล๊อบบี้ขององค์กรยิวชื่อ the Jewish Benai Bruth organization  งานแบบนี้ยิวถนัดนัก ไม่มีหลักฐานใดๆที่ว่ากลุ่มฮิซบุลลอฮฺดำเนินการหรือเคลื่อนไหวในแคนาดาแต่อย่างใด แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:38:56 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 02:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 91 "สงครามอิรัค แรกๆก็ด้วยข้ออ้างสงครามต่อต้านการก่อการร้าย พอข้ออ้างซัดดัมกับอัลกออิดะห์ฟังไม่ขึ้น ก็อ้างอาวุธร้ายแรง พอหาอาวุธร้ายแรงไม่เจอ ก็เอาข้ออ้างประชาธิปไตยนี่แหละ" อเมริกาไม่เคยอ้างว่าบุกอิรักเพราะเหตุผลเรื่องอาวุธร้ายแรงเพียงอย่างเดียวค่ะนั่นเป็นสิ่งที่พวกต่อต้านสงครามจงใจเขียนโดยพยายามชี้นำสาธารณะชนไปในทาง ที่ผิด คุณเซี่ยงแหละหนึ่ง อิอิ เหตุผลที่บุชให้ในการบุกอิรักนั้นประกอบไปด้วย 4 ข้อค่ะมิใช่ข้อใดข้อหนึ่งเพียงข้อเดียวอย่างที่พวกต่อต้านสงครามกล่าวหาเหตุผล 4 ข้อในการบุกอิรักนั้นมันก็ชัดเจนนะคะที่บุชเคยกล่าวไว้คือ: 1. ซัดดัมละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ทำไว้กับยูเอ็นในเรื่องเกี่ยวกับอาวุธ (Saddam's material breach of the cease fire accords concerning weapons). 2. ซัดดัมให้การสนับสนุนการก่อการร้่ายสากล (Saddam's sponsorship of international terrorism). 3. เพื่อปลดปล่อยชาวอิรักให้พ้นจากการปกครองในระบบทรราชย์ของเผด็จการซัดดัมและพรรค บาธ (To liberate the Iraqi People). 4. เพื่อเสริมสร้างความมีเสถียรภาพในตะวันออกกลาง(To remove the instability caused by Saddam in the Middle East) จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ดังนั้นความคิดสำหรับบังโมที่มีความเข้าใจว่า "WMDเป็นเหตุผลเดียว" ที่บุชใช้บุกอิรักนั้นเป็นการมองข้ามข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิงค่ะและเหตุผลทั้งสี่ข้อนี้อเมริกาก็กำลังทำตามทุกข้อเลยค่ะทำไมบังโมถึงปฏิเสธข้อเท็จจริงเหล่านี้ล่ะคะ? เอื้องเห็นคนที่กล่าวโจมตีประธานาธิบดีบุชเรื่อง WMD นี่ล่ะคะแต่ไม่เคยหาหลักฐานแม้แต่หนึ่งประโยคมาสนับสนุนว่าบุชตัดสินใจบุกอิรักเพราะWMDเพียงเรื่องเดียว หรือบังโมสามารถหาหลักฐานสุนทรพจน์ของบุชมายืนยันได้ว่าบุช อิรักเพราะWMDเพียงเรื่องเดียว? และที่สำคัญนะคะบังโมเหตุผลข้อที่หนึ่งที่เขียนว่า:Saddam's material breach of the cease fire accords concerning weapons นั้นหากคนที่อ่านภาษาอังกฤษแตกจะเข้าใจทันทีว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร? เหตุผลข้อที่หนึ่งนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าเหตุผลเรื่อง"WMD"นี่จริงๆแล้วไม่ใช่เป็นเรื่อง * presence of WMD* ขอย้ำอีกคราแต่เป็นเรื่องของ*absence of evidence* ค่ะ เหตุผลข้อแรกที่บุชกล่าวถึงเรื่องละเมิดมติยูเอ็นในเรื่องเกี่ยว กับWMDนั้นพูดภาษาชาวบ้านง่ายๆให้เข้าใจก็คือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธของยูเอ็น"ตามหา"อาวุธที่อิรักไม่ยอมรายงานต่อสภาความมั่นคงให้ครบนั่นเองนั่นทำไมถึงเรียกว่า"absence of evidence"...หากบังโมเข้่าไปอ่านรายละเอียดแล้วจะทราบทันทีว่าทั้ง Res.1441, Res.687, Res.678 และแทบทุกๆ Res.ของยูเอ็นระบุว่า show us your arms and destroy them(all), or your programs and destroy them(all). นั่นทำไมอเมริกาจึงให้เหตุผลว่า: Saddam's material breach of the cease fire accords concerning weapons ซึ่งก็ถูกต้องที่สุดแล้วค่ะเพราะอิรักเคยมีและเคยครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงมาแล้วไงคะยูเอ็นจึงต้องติดตามตรวจสอบอาวุธที่มีอยู่และหลงเหลือและทำลายอาวุธเหล่านั้นให้หมด จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 93 #91 ข้อที่ 1 หาเจอหรือยัง ใหนหลักฐาน ? ข้อที่ 2 หาเจอหรือยัง ใหนหลักฐาน ? ข้อที่ 3 แล้วใครกันหว่า ที่ส่งส่วนประกอบการผลิตอาวุธเคมี สมัยที่ซัดดัมยังทำสงครามปราบพวกเคอร์ด ? ใครกันหว่ากดดัน UN จนเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนของอิหร่านที่กล่าวหาว่าอิรัคใช้อาวุธเคมี ? ข้อที่ 4 ตอนนี้ ก็เห็นๆกันอยู่ ว่าเสถียรภาพในตะวันออกกลางและอิรัคเป็นยังไง แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:45:55 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 02:44:43 ]

ความคิดเห็นที่ 94 แล้วก็ต้องไม่ลืมด้วยค่ะว่าอิรักเคยใช้ WMD มาแล้วด้วยในอดีตและซัดดัมก็เป็นเพียงผู้นำ(ที่มีชีวิตอยู่) ในโลกเพียงคนเดียวที่ใช้อาวุธทำลายล้างสูงเข่นฆ่าประชาชนของตัวมาแล้ว(The use of WMD by Saddam on civilians) ดังนั้นการที่มีหลายคนยกคำถามขึ้นมา(เพื่อต้องการเน้นว่ารัฐบาลบุชdouble standard ) ว่าทำไมอเมริกาไม่บุก"อิหร่าน" ทำไมอเมริกาไม่บุก"เกาหลีเหนือ" ทำไมอเมริกาไม่บุก"ปากีสถาน" ทำไมอเมริกาไม่บุก"อินเดีย" ฯลฯ นั้นล้วนแล้วแต่ตีความหมายของเหตุผลข้อที่หนึ่งผิดไปค่ะ อีกอย่างรายชื่อประเทศที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน เกาหลีเหนือ ปากีสถานไม่เคยใช้อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง(WMD) ในการเข่นฆ่าประชาชนของตัวเองแบบที่ซัดดัมไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าชาว Iraqi Kurds เลยค่ะที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคนมาแล้วในอดีตแล้วหากซัดดัมมีโอกาสครอบครองอาวุธเหล่านั้นอีกคนที่ต่อต้านสงครามมีอะไรมาการันตีว่าซัดดัมจะไม่ใช้อีกในเมื่อเค้าเคยใช้มาแล้ว ตรงนี้ล่ะค่ะคือข้อแตกต่างระหว่างซัดดัมและผู้นำอย่างคิม จอง อิล มูชาราฟและคาตามี.. ซัดดัมเคยมีWMDและเคยใช้มาแล้วอย่างไม่ลังเลตรง นี้ล่ะค่ะที่ทำให้เค้าต่างจากผู้นำเผด็จการคนอื่น แล้วปากีสถาน เกาหลีเหนือ อิหร่านเคยใช้WMDเข่นฆ่าประชาชนของตัวเองรึเปล่าคะ? ด้วยเหตุนี้แค่เหตุผลข้อที่หนึ่งปากีสถาน เกาหลีเหนือ อิหร่านก็ไม่เข้าข่ายแล้วค่ะ ใช่ค่ะบังโมจากข้อเท็จจริงตรงนี้ล่ะค่ะไม่ใช่(ทัศนคตินะคะ)ที่เอื้องคิดว่ามันตลกสิ้นดีที่บังโมกล่าวว่า อเมริกาขาดหลักฐานเป็นสิ่งเลื่อนลอยในการบุกอิรัก จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:44:56 ]

ความคิดเห็นที่ 95 แล้วก็ต้องไม่ลืมด้วยค่ะว่าอิรักเคยใช้ WMD มาแล้วด้วยในอดีตและซัดดัมก็เป็นเพียงผู้นำ(ที่มีชีวิตอยู่) ในโลกเพียงคนเดียวที่ใช้อาวุธทำลายล้างสูงเข่นฆ่าประชาชนของตัวมาแล้ว(The use of WMD by Saddam on civilians) --------------- ใช่ ตอนที่ซัดดัมใช้อาวุธเคมีปราบเคอร์ดอยู่นั้น ไม่รู้ใครไปจับมือกับซัดดัม ดังรูปข้างล่างนี่แหละ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 02:48:26 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 02:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 96 " ข้อที่ 1 หาเจอหรือยัง ใหนหลักฐาน ?" บังอ่านภาษาไทยแตกรึเปล่าคะ? เอื้องเขียนว่าอย่างนี้นะคะ เหตุผลข้อที่หนึ่งนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าเหตุผลเรื่อง"WMD"นี่จริงๆแล้วไม่ใช่เป็นเรื่อง * presence of WMD* ขอย้ำอีกคราแต่เป็นเรื่องของ*absence of evidence* ค่ะ เหตุผลข้อแรกที่บุชกล่าวถึงเรื่องละเมิดมติยูเอ็นในเรื่องเกี่ยว กับWMDนั้นพูดภาษาชาวบ้านง่ายๆให้เข้าใจก็คือเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธของยูเอ็น"ตามหา"อาวุธที่อิรักไม่ยอมรายงานต่อสภาความมั่นคงให้ครบนั่นเองนั่นทำไมถึงเรียกว่า"absence of evidence"...หากบังโมเข้่าไปอ่านรายละเอียดแล้วจะทราบทันทีว่าทั้ง Res.1441, Res.687, Res.678 และแทบทุกๆ Res.ของยูเอ็นระบุว่า show us your arms and destroy them(all), or your programs and destroy them(all). นั่นทำไมอเมริกาจึงให้เหตุผลว่า: Saddam's material breach of the cease fire accords concerning weapons ซึ่งก็ถูกต้องที่สุดแล้วค่ะเพราะอิรักเคยมีและเคยครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงมาแล้วไงคะยูเอ็นจึงต้องติดตามตรวจสอบอาวุธที่มีอยู่และหลงเหลือและทำลายอาวุธเหล่านั้นให้หมด จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 97 " ใช่ ตอนที่ซัดดัมใช้อาวุธเคมีปราบเคอร์ดอยู่นั้น ไม่รู้ใครจับมือกับซัดดัม ดังรูปข้างล่างนี่แหละ " แค่ภาพ จับมือพิสูจน์อะไรได้คะบังอย่ากล่าวหาโดยปราศจากหลักฐานค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คณะมนตรีความมั่นคงนั้นได้ผ่านร่างมติสหประชาชาติฉบับที่1441อย่างเป็นเอกฉันท์ซึ่งมีคำสั่งให้คณะผู้ตรวจสอบอาวุธชุดใหม่เข้าไปตรวจค้นอาวุธทำลายล้างสูงในอิรักและกำจัดอาวุธต้องห้าม(WMD) เหล่านั้นทิ้งให้หมดในส่วนตรงนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ายูเอ็นเองก็เชื่อว่าอิรักยังคงมีศักยภาพครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงอยู่ หากยูเอ็นคิดว่าซัดดัมหมดเขี้ยวเล็บจริงแล้วยูเอ็นออกRes.1441 ฉบับนี้มาทำไมล่ะคะจริงมั๊ย? ไม่ใช่เพียงแค่อเมริกาเท่านั้นที่คิดว่าซัดดัมมีWMD UN เองก็โหวตด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ให้กับ resolution 1441 เพื่อบังคับให้ซัดดัมกำจัดอาวุธต้องห้ามที่มีไว้ในครอบครองทิ้งเสียถ้าหากคณะมนตรีความมั่นคงไม่เชื่อว่าอิรักมี ทำไมถึงโหวตให้กับ resolution 1441 อย่างเป็นเอกฉันท์อย่างท่วมท้น?  ตรงนี้สิคะที่คนที่กล่าวหาว่าอเมริกามีข้อมูลไม่เพียงพอว่าอิรักมีอาวุธร้ายแรงอย่างบังโมต้องตอบให้ได้ก่อน แม้กระทั่งฝรั่งเศสที่ต่อต้านสงครามเหยงๆยังโหวตให้กับ resolution 1441เลยค่ะ เพราะRes.1441ฉบับนี้นั้นออกมาก่อนอเมริกาบุกอิรักเพียงสามเดือนเท่านั้นเองค่ะนี่คือข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ให้เห็นว่า อิรักมีอาวุธร้ายแรงไว้ในครอบครองนั้นถูกเชื่อโดยทุกคนที่มีส่วนในการ"สนับสนุน"และ"ต่อต้าน"สงครามอิรักในครั้งนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้แต่ Hans Blix เองก็ยังกล่าวให้การต่อคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อปี 2003 กล่าวถึงซัดดัมว่า Saddam Hussein's regime นั้นไม่ได้ปฏิบัติตามมติของยูเอ็นเลยอีกทั้งไม่ให้ความร่วมมือกับคณะผู้ตรวจสอบอาวุธด้วย..โปรดอย่าลืมด้วยนะคะว่า Blix แถลงคำพูดของเค้าในเดือนมีนาเดือนเดียวกับที่อเมริกาบุกอิรักหาก Blix มั่นใจว่าซัดดัมไม่มีอาวุธจริงแล้วพูดออกมาทำไมคะ? แต่จะมีนักวิพากษณ์วิจารณ์สงครามสักกี่คนที่มองข้อเท็จจริงตรงนี้ แต่จะขอยืนยันกระต่ายขา้เดียวแบบไร้ข้อเท็จจริง สนับสนุนว่าอเมริกาโกหกอย่างเดียว หากว่าอเมริกาโกหกแล้วยูเอ็นทั้งองค์กรนั่นล่ะค่ะก็ต้องจัดเข้าข่ายว่าโกหกด้วยเช่นกัน .เหอ เหอ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 99 " ข้อที่ 2 หาเจอหรือยัง ใหนหลักฐาน ?" การสนับสนุนการก่อการร้ายของอิรักภายใต้ผู้นำอย่างซัดดัมฮุสเซ็น - เมื่อวันที่ 28 เดือนมีนาคม 2535 หน่วยข่าวกรองของอิรักได้รวบรวมเอกสาร 20 หน้าที่บันทึกรายชื่อของพวกผู้ก่อการร้ายที่รัฐบาลซัดดัมพิจราณาแล้วว่าเป็น* intelligence assets* ส่วนบนของแต่ละหน้าในรายงานฉบับนั้นได้มีการเขียนกำกับไว้ว่าเป็นเอกสารลับสุดยอด หรือ "Top Secret." ในหน้าที่14ของเอกสารฉบับนี้นั้นมีรายชื่อของศัตรูหมายเลขหนึ่งของอเมริกาคือ โอซามา บินลาเดนนั่นเองรายงานของหน่วยข่าวกรองอิรักในเอกสารฉบับนี้นั้นยังได้ระบุอีกว่า "..บินลาเดนมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายความร่วมมือของเราในซีเรีย "..แปลกใจรึเปล่าคะว่าทำไมถึงไปโยงกับซีเรียได้ถ้าหากหลายคนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของพรรคบาธแล้วจะเข้าใจว่าพรรคบาธของซัดดัมฮุสเซ็นกับกลุ่ม Barth Partyในซีเรียนั้นก็คือพี่น้องเรือนร่างเดียวกันนั่นเอง เพราะพรรคบาธนั้น (The Baath Party) ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นปี1940sโดยนักศึกษาชาวซีเรียสองคนคือ Michel Aflaq และ Salah ad Din al Bitar นั่นเองค่ะและปัจจุบันบาธในซีเรียและบาธของซัดดัมก็ยังคงร่วมอุดมการณ์เดียวกันอยู่มีิติการมองการเมืองที่เหมือนกัน และเอกสารฉบับนั้นก็ถูกตรวจสอบและลงนามโดย Defense Intelligence Agency ความมีอยู่ของเอกสารฉบับนี้ถูกรายงานครั้งแรกในรายการ 60 Minutes ทางช่อง CBS แต่ถูกละเลยโดยคนหลายคนไปอย่างน่าเสียดายค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 02:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ยูเอ็นจึงต้องติดตามตรวจสอบอาวุธที่มีอยู่และหลงเหลือและทำลายอาวุธเหล่านั้นให้หมด ------------------ อ้าว.... แล้วตอนที่เพาเวลล์ไปจ้ออยู่ที่ UN พูดถึงอาวุธร้ายแรงของอิรัค เรื่องรถลำเลียงผลิตอาวุธเคมี เรื่องท่ออลูมิเนียมบรรจุกากนิวเคลียร์ นั่นหละ ก็โกหกตอแหลนะซิ คืนนั้น บังอุตสาห์ทนฟังซะนานว่าหลักฐานที่อเมริกาจะบุกอิรัคคืออะไร จริงๆ ไม่ต้องตอแหลขนาดนั้นก็ได้ อเมริกาจะบุกซะอย่าง UN ก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะอเมริกาคือ "รัฐอันธพาล" ตัวจริง จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 02:59:17 ]

ความคิดเห็นที่ 101 การสนับสนุนการก่อการร้ายของอิรักภายใต้ผู้นำอย่างซัดดัมฮุสเซ็น ซัดดัม ฮุสเซ็นทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสำหรับกลุ่มก่อการร้ายในแบกแดดอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาในช่วงปี 1990s. Mark Fineman ผู้สื่อข่าวประจำหนังสือพิมพ์ลิเบอร์รัล Los Angeles Times ยังได้รายงานถึงการประชุมนั้นในครั้งนี้ในบทความของเค้าเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2536 ว่า ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากองค์กร Islamic organizations on Earth Mark ได้เขียนในบทความของเค้าอีกว่า "...อาฟกันมูจาฮีดีน(นักรบศักดิ์สิทธิ์), Palestinian militants, Sudanese fundamentalists, และ Islamic Brotherhood Pakistan's Party of Islam." ได้เข้าร่วมในการประชุมกลุ่มก่อการร้ายอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีผู้พูดในที่ประชุมคนหนึ่งได้กล่าวสรรเสริญซัดดัมฮุสเซ็นว่า: "...มูจาฮิดซัดดัม ฮุสเซ็นผู้นำอันทรงพลังของประเทศอิรักได้กระทำความกล้าหาญในการต่อต้านพวกนอกศาสนาพวกไม่เชื่อในองค์อัลเลาะห์มุสลิมทุกๆคนมีหน้าที่ๆจะต้องทำคือต่อต้านสหรัฐอเมริกา " ค่ะมาดูว่าอัล ซอวาฮิรีย์ ผู้นำอันดับที่ 2 ของอัลกออิดะห์รองจากมือขวาของ บิน ลาดินกล่าวกับประชาชนชาวอเมริกันและกลุ่มพันธมิตรว่าอย่างไรบ้าง: ไอมาน อัล ซอวาฮิรีย์ได้กล่าวเรียกร้องให้หนุ่มสาวมุสลิมทั่วโลกลุกขึ้นต่อสู้กับสหรัฐฯและพันธมิตรเหมือนกับการต่อต้านในอิรัก อัฟกานิสถาน ปาเลสไตน์ ตลอดจนในดินแดนเชชเนีย ถึงแม้นว่าบรรดาแกนนำของอัลกออิดะห์ บินลาเดนจะมอดม้วยมรณาหรือถูกจับตัวไปก็ตาม "... เราไม่ควรรอจนกระทั่งกองทัพ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส ยิว เกาหลีใต้ อังการี โปแลนด์บุกเข้าอียิปต์ คาบสมุทรอาหรับ เยเมน และอัลจีเรีย ก่อนที่เราจะลุกขึ้นต่อต้าน ..." "...พวกเราจงลุกขึ้นกันต่อสู้บัดนี้ ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส โปแลนด์ นอร์เวย์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นแผ่ขยายไปทั่วทุกหนแห่ง พวกเขาทั้งหมดมีส่วนร่วมการบุกอัฟกานิสถาน อิรัก เชชเนีย และช่วยทำให้อิสราเอลอยู่รอดได้.." ซอวาฮิรีย์กล่าว ค่ะสงครามควรเป็นทางเลือกสุดท้ายแต่ก็ต้องไม่ลืมว่าสงครามเป็นหนทางเลือกทางเดียวของผู้ก่อการร้ายเสมอนั่นทำไมโลกเสรีประชาธิปไตยจึงก้าวช้ากว่าก้าวของผู้ก่อการร้ายเราจึงได้เห็นการหลั่งเลือดและน้ำตาให้กับคนบริสุทธิ์ที่ต้องจบชีวิตไม่เคยจางหายไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...จากคำพูดของซอวาฮิรีย์นั้นพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อุ้ย...รูปผิด เอาใหม่ จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 03:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 103 " จริงๆ ไม่ต้องตอแหลขนาดนั้นก็ได้ อเมริกาจะบุกซะอย่าง UN ก็ห้ามอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะอเมริกาคือ "รัฐอันธพาล" ตัวจริง " มั่วอีกแล้วนะจ๊ะบังโม...เคยเข้าไปอ่านมติยูเอ็นที่เค้าเขียนหรือเปล่าหรือเห็นอะไรก็หลับหูหลับตาเชื่ออย่างเดียวตามสไตล์มุสลิม อิอิ มิน่าโดนหลอกง๊ายง่าย เหอ เหอ สงครามไม่ได้เกิดขึ้นง่ายเหมือนการปอกกล้วยเข้าปากหรอกค่ะมาดูข้อเท็จจริงกันหน่อยเป็นไร? จริงๆแล้วมันก็มี การคานอำนาจกันอยู่ในยูเอ็นอยู่แล้วล่ะค่ะแต่ันักวิพากษณ์วิจารย์หลายคนมักจะชี้นิ้วไปเรื่องสงครามอิรักและกล่าวโทษอเมริกาว่าทำตัวกร่างไม่เคารพองค์กรนานาชาติแห่งนี้จริงๆแล้วหากอเมริกามีอำนาจสามารถบังคับยูเอ็นได้จริงอย่างที่หลายๆคนกล่าวหาก่อนสงครามอิักจะเริ่มขึ้น second resolution คงผ่านไปด้วยดีแล้วล่ะค่ะจริงๆต้องบอกว่าอเมริกานี่ยังเคารพยูเอ็นอยู่นะถึงได้พยายามออก second resolution มีหลายคนรวมทั้งบังโมเข้าใจว่าอเมริกาไม่ฟังเสียงยูเอ็นหรือให้ความสำคัญกับยูเอ็นน้อยลงซึ่งตรงนี้ไม่เป็นความจริงเลยค่ะและยังมีกลุ่มที่คัดค้านสงคราม(อาจไม่รักสันติ จริงตามลมปากคือคัดค้านแต่สงครามอิรักแต่สงครามในแอฟริกากลับนิ่งเฉย)ได้กล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงว่าอิรักยอมปฏิบัติตามคำเรียกร้องของยูเอ็นโดยสดุดี(หลังจากที่ถูกอเมริกาภายใต้คลินตันและอังกฤษบอมบ์ทางอากาศผู้แทนชาติสมาชิกของยูเอ็นบางชาติออกมาประณามการตัดสินใจบอมบ์ของบิลคลินตันครั้งนี้ด้วยค่ะอาจารย์) แต่จริงๆแล้วหากไปอ่านในรายละเอียดของรายงานในยูเอ็นจริงๆแล้วหาเป็นเช่นกลุ่มที่คัดค้านสงคราม ต่อต้านอเมริกา กล่าวหาค่ะเพราะหลังจากที่มีการดีเบทกันอย่างเผ็ดมันท่ามกลางSecurity Council membersในการแก้ไขสถานการณ์ในอิรัก(ในปี1999)เพื่อหาทางออก นั้นอเมริกาและอังกฤษยืนยันว่าอิรักจำต้องถูกปลดอาวุธให้เรียบร้อยเสียก่อนก่อนที่จะมีการยกเลิกการคว่ำบาตรแต่จีน ฝรั่งเศส และรัสเซียก็ยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าอิรักถูกปลดอาวุธเรียบร้อยแล้วและแย้งว่าควรจะมีการผ่อนปรนการคว่ำบาตรควรเพื่อโน้มน้าวให้อิรักกระทำตามข้อเรียกร้องยูเอ็นเป็นครั้งสุดท้ายในส่วนตรงนี้ตัวแทนของอิรักกล่าวยืนยันว่าจะต้องยกเลิกการคว่ำบาตรเสียก่อนก่อนจึงจะยอมให้มีการกลับเข้าไปปลดอาวุธของ inspectorsในอิรักอีกครั้ง ที่เห็นชัดเจนตรงนี้ก็คือชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแบ่งออกเป็นสองฝ่ายและอิรักยังคงไม่ยอมให้คณะผู้ตรวจสอบอาวุธของยูเอ็นกลับเข้าไปในอิรักจนกว่าจะมีการยกเลิกการคว่ำบาตรนั่นเอง เมื่อเป็นเช่นนี้Security Councilจึงได้ออกResolution 1284เพื่อแต่งตั้งทีมรับช่วงการทำงานต่อจากUNSCOMซึ่งประกอบไปด้วยทีมUN Monitoring การพิสูจน์หาหลักฐาน ของอาวุธทำลายล้างสูงที่ขาดหายไปโดยไร้ร่องรอย และทีมInspection Commission (UNMOVIC)แต่จีน ฝรั่งเศสและรัสเซียกลับงดเว้นไม่ลงคะแนนเสียงให้กับRes.1284ฉบับนี้ค่ะ.... จะว่าไปแล้วเนื้อหาในResolutionฉบับนี้ได้เอื้อประโยชนให้กับอิรักในการขายน้ำมันภายใต้โครงการ"น้ำมันแลกอาหาร(ที่ลูกชายนายโคฟี อันนันกำลังถูกกล่าวหาว่ามีเอี่ยวด้วย)" อย่างไม่มีวงจำกัดเสียด้วยซ้ำและเงื่อนไขการยกเลิกมาตรการการคว่ำบาตร จะถูกเพิ่มขยายเป็นเวลายาวนานถึง4เดือนหากเพียงอิรักร่วมมือกับคณะผู้ตรวจสอบอาวุธชุดใหม่ซึ่งResolutionฉบับนี้ให้สิทธิ new UN teamเข้าไปตรวจไซท์ทุกๆแห่งในอิรัคที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นแหล่งสะสมอาวุธต้องห้าม(เหตุผลเรื่องWMDนั้นไม่ใช่เป็นเรื่อง presence of WMD แต่เป็นเรื่องของ * absence of evidence* ค่ะและ Res.1284ก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว ว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ) Res.1284ฉบับนี้ยังเรียกร้องคณะผู้ตรวจสอบอาวุธชุดใหม่UNMOVICและIAEA สรุปรายงานรายการของอาุวุธต้องห้ามที่ยังไม่ถูกกำจัดหรือทำลายภายในเวลา60วัน เพื่อว่าอิรักจะได้เข้าใจถึงบทบาทของตัวเองว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์ที่ยูเอ็นต้องการ แล้วเกิดอะไรขึ้นคะทีนี้? อิรัคปฏิเสธ Res.1284ฉบับนี้ค่ะ.. หากยังจำกันได้เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีบุชกล่าวสุนทรพจน์ ในปี2002และ ยกให้อิรักภายใต้ซัดดัมเป็นหนึ่งในสมาชิก "อักษะแห่งความชั่วร้าย"ร่วมกับอิหร่านและเกาหลีเหนือซึ่งก็ไม่ผิดจากความจริงแต่ประการใดนักยกเว้นกลุ่มที่ต่อต้านอเมริกาและคณะรัฐบาลบุชอย่างสุดโต่งเท่านั้นถึงจะมองตรงข้ามอย่างขวางหูขวางตา จริงๆคำกล่าวของบุชนี่ในทางการมืองแล้วถือว่าเป็นการทำสงครามจิตวิทยาักับพวกเผด็จการโดยตรงเลยล่ะค่ะ เพราะหลังจากนั้น เพียงเดือนเดียวเจ้าหน้าที่ของอิรักก็รีบแจ้นมาพบกับ Secretary-general Annan และ UNMOVIC Executive Chairman Blix เพื่อถกกันเรื่องการตรวจสอบอาวุธอิรักเป็นครั้งแรกหลังจากปี1998 แต่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นล้มเหลวในการเจรจาครั้งนี้ค่ะในการที่จะนำ inspectorsกลับเข้าไปในอิรักคืนรวมไปถึงความล้มเหลวในการเจรจากับอิรักที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาและกรกฏาปีเดียวกัน(2002)ด้วยเพราะอิรักสร้างเงื่อนไขไว้เยอะมากค่ะพูดง่ายๆก็คือต้อง การเล่นแง่เพื่อยืดระยะเวลาออกไปเท่านั้นเอง . หลังจากการเจรจาที่ล้มเหลวของยูเอ็นประธานาธิบดีบุชได้กล่าวสุนทรพจน์ที่UNอีกครั้งเรียกร้องให้UNปฏิบัติตามบังคับใช้มติที่ตัวเองออกมาให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการปลดอาวุธอิรักพูดง่ายๆก็คืออย่าออก Res.มาเพียงเพื่อเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวเท่านั้นและอเมริกา ก็ส่งสัญญาณให้กับยูเอ็นอย่างชัดเจนว่าหากยูเอ็นยังคงละล้าละลังไม่ปฏิบัติตามมติที่ตัวเองออกมาอย่างจริงจังอเมริกาจะทำเอง the United States will หลังจากที่บุชได้กล่าวสุนทรพจน์ที่UNเพียงไม่กี่วันจากนั้นทางแบกแดดประกาศว่าจะยอมให้inspectorsกลับคืนเข้ามาในอิรักอีกครั้งอย่างไม่มีเงื่อนไข (หากอิรักมีความจริงใจในการปลดอาวุธจริงทำไมไม่ยอมตั้งแต่แรก) อิรักและเจ้าหน้าที่ยูเอ็นตกลงกันที่จะเจรจาในเรื่องการกลับเข้ามาของ inspectorsอีกครั้ง. อเมริกาเตือนยูเอ็นว่าอิรักเพียงต้องการถ่วงเวลาออกไปเรื่อยๆเท่านั้นเองอย่างไรก็ตามอเมริกาได้นำเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาใหม่โดยเสนอมติสหประชาชาติฉบับใหม่(to declare Iraq in material breach of its obligation to disarm)ที่เรียกร้องให้อิรักยอมให้weapons inspectorsเข้าไปตรวจได้ทุกๆไซท์ที่ต้องสงสัยในการเก็บอาวุธต้องห้ามอย่างอิสระไม่มีเงื่อนไขและอนุมัติให้ใช้กำลังทางทหารได้หากอิรักไม่ปฏิบัติตาม.. second U.N. resolution ฉบับใหม่นี้ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา อังกฤษ บุลแกเรียและสเปนแต่ก็ถูก ฝรั่งเศส รัสเซียและจีนวีโต้กลับไม่ผ่านอเมริกาจึงถอน resolution ฉบับใหม่นี้กลับคืนและสงครามในการโค่นล้มซัดดัมจึงเริ่มต้นขึ้นและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเคยกล่าวด้วยค่ะว่าอเมริกามี legal support เพียงพอในการใช้กองกำลังทางทหารบุกอิรักเพื่อโค่นซัดดัมในครั้งนี้ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานresolution1441และอีกสอง resolution ก่อนหน้านี้คือ Res.678 ซึ่งอนุมัติให้ใช้กำลังทางทหารกับอิรักได้และ Res. 687ซึ่งกล่าวถึงเงื่อนไขการหยุดยิง เมื่อสิ้นสุด 1991 Gulf War อิรักไม่เคยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เขียนไว้ในข้อตกลงหยุดยิงที่อิรักเป็นผู้ลงนามเลยดังนั้นการใช้ "force" จึงถูกต้องตามกระบวนการทางกฏหมายด้วยประการทั้งปวงค่ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 104 #101 ซัดดัมสนับสนุนการก่อการร้ายตั้งนานแล้วครับ ตอนที่รัมสเฟลด์จับมือกับซัดดัมและส่งอาวุธเคมีให้นั่นแหละ พึ่งรู้หลังสงครามอ่าวครั้งที่ 1 ไปแล้วหรือ ปัญญาอ่อนหรือแกล้งปัญญาอ่อนกันครับ ส่วนคำพูดของไอมาน ซะวาฮิรีย์นั้น ก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่าซัดดัมเกี่ยวข้องกับอัลกออิดะห์ซักหน่อย เจ้าเหล่ห์จับแพะชนแกะสไตล์ยิวไม่มีผิด ข้อกล่าวหาตรงๆ ข้อหนึ่ง ของเพาเวลล์ที่แถลงที่ UN คืนนั้นก็คือ ซัดดัมช่วยเหลืออัลกออิดะห์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด แต่ก็อย่างว่า ไม่จำเป็นแล้วด้วยครับ หลักฐานที่ว่านั้น แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 03:12:53 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 03:10:28 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไม่ต้องยกรูปมาเยอะแยะหรอกจ๊ะบังโมตอบคำถามตรงนี้ให้ได้ก่อน คณะมนตรีความมั่นคงนั้นได้ผ่านร่างมติสหประชาชาติฉบับที่1441อย่างเป็นเอกฉันท์ซึ่งมีคำสั่งให้คณะผู้ตรวจสอบอาวุธชุดใหม่เข้าไปตรวจค้นอาวุธทำลายล้างสูงในอิรักและกำจัดอาวุธต้องห้าม(WMD) เหล่านั้นทิ้งให้หมดในส่วนตรงนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ายูเอ็นเองก็เชื่อว่าอิรักยังคงมีศักยภาพครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงอยู่ หากยูเอ็นคิดว่าซัดดัมหมดเขี้ยวเล็บจริงแล้วยูเอ็นออกRes.1441 ฉบับนี้มาทำไมล่ะคะจริงมั๊ย? ไม่ใช่เพียงแค่อเมริกาเท่านั้นที่คิดว่าซัดดัมมี WMD UN เองก็โหวตด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ให้กับ resolution 1441 เพื่อบังคับให้ซัดดัมกำจัดอาวุธต้องห้ามที่มีไว้ในครอบครองทิ้งเสียถ้าหากคณะมนตรีความมั่นคงไม่เชื่อว่าอิรักมี ทำไมถึงโหวตให้กับ resolution 1441 อย่างเป็นเอกฉันท์อย่างท่วมท้น?  ตรงนี้สิคะที่คนที่กล่าวหาว่าอเมริกามีข้อมูลไม่เพียงพอว่าอิรักมีอาวุธร้ายแรงอย่างบังโมต้องตอบให้ได้ก่อน จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 106 " #101 ซัดดัมสนับสนุนการก่อการร้ายตั้งนานแล้วครับ ตอนที่รัมสเฟลด์จับมือกับซัดดัมและส่งอาวุธเคมีให้นั่นแหละ พึ่งรู้หลังสงครามอ่าวครั้งที่ 1 ไปแล้วหรือ ปัญญาอ่อนหรือแกล้งปัญญาอ่อนกันครับ " บังโมอย่ากล่าวเลื่อนลอยโดยขาดพยานหลักฐานสิจ๊ะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 107 #99 รายงานของหน่วยข่าวกรองอิรักในเอกสารฉบับนี้นั้นยังได้ระบุอีกว่า "..บินลาเดนมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายความร่วมมือของเราในซีเรีย "..แปลกใจรึเปล่าคะว่าทำไมถึงไปโยงกับซีเรียได้ถ้าหากหลายคนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของพรรคบาธแล้วจะเข้าใจว่าพรรคบาธของซัดดัมฮุสเซ็นกับกลุ่ม Barth Partyในซีเรียนั้นก็คือพี่น้องเรือนร่างเดียวกันนั่นเอง เพราะพรรคบาธนั้น (The Baath Party) ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นปี1940sโดยนักศึกษาชาวซีเรียสองคนคือ Michel Aflaq และ Salah ad Din al Bitar นั่นเองค่ะและปัจจุบันบาธในซีเรียและบาธของซัดดัมก็ยังคงร่วมอุดมการณ์เดียวกันอยู่มีิติการมองการเมืองที่เหมือนกัน และเอกสารฉบับนั้นก็ถูกตรวจสอบและลงนามโดย Defense Intelligence Agency ความมีอยู่ของเอกสารฉบับนี้ถูกรายงานครั้งแรกในรายการ 60 Minutes ทางช่อง CBS ------------------------- ก๊ากๆๆๆๆ ......นี่ พรรคบาธซีเรียและอิรัคก่อตั้งโดยยิวที่ชื่อ Michel Aflaq  ก็จริง แต่ถามหน่อยเฮอะ เอื้องไม่รู้จริงๆ หรือว่าตอแหลกันแน่ บาธซีเรียกับบาธอิรัค มันคนละสายกัน เหมือนคอมมิวนิสต์โซเวียตและจีนนั่นแหละ ตอนอิรัคทำสงครามกับอิหร่าน ซีเรียก็สนับสนุนอิหร่าน ตอนสงครามอ่าวรอบแรก อัซซัดยังทหารไปรบกับอิรัคเลย นี่หรือพี่น้องกัน ????? จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 03:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 108 " ข้อกล่าวหาตรงๆ ข้อหนึ่ง ของเพาเวลล์ที่แถลงที่ UN คืนนั้นก็คือ ซัดดัมช่วยเหลืออัลกออิดะห์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด " เหอะๆ ตอนนี้ชาวอีรัคโดนกลุ่มโจรชั่วอัลกออิดะห์สุดรักของบังโมสังหารไปตั้งหลายพันศพยังปากแข็งปฏิเสธว่าอิรัคภายใ้ต้ซัดดัมกับพรรคบาธไม่เกี่ยวโยงกับอัลไคด้าหรือ? ** Senate report หน้า 331ได้ระบุว่า: "...มีรายงาน12 ฉบับที่ได้รับจากหลายๆแหล่งข่าวที่CIAได้ระบุว่าเป็นรายงานที่น่าเชื่อถือได้ได้อ้างคำแถลงในรายงานนั้นว่าอิรักหรือ Iraqi nationalได้เกี่ยวข้องกับความพยายามในการเสาะแสวงหาการครอบครองอาวุธเคมีและชีวภาพของกลุ่มอัลไคด้า " ** Abu Musab al Zarqawi ได้เดินทางมาถึงอิรักในเดือนพฤษภาคมปี2002ได้อาศัยอยู่ในกรุงแบกแดดโดยที่รัฐบาลแบกแดดก็ได้รับรู้ถึงการมาของเค้าและการเดินทางเข้ามาอิรักของ Zarqawi นั้นได้เกิดขึ้นก่อนสงครามอิรักจะเริ่มขึ้นด้วยนะคะ ** Senate Intelligence Committee report หน้า 337 ได้อ้างถ้อยแถลงของรายงานฉบับหนึ่งที่ระบุว่าอิรักสนับสนุนการก่อการร้ายดังต่อไปนี้: "...มีรายงานจากหลายแหล่งข่าวระบุว่า Zarqawi ผู้วางแผนของกลุ่มก่อการร้ายอัลไคด้าได้พำนักอยู่ในกรุงแบกแดดเรียบร้อยแล้ว " หน่วยข่าวกรองต่างประเทศหน่วยงานหนึ่งยังได้ยืนยันว่า IISได้รับรู้เรียบร้อยแล้วว่า Zarqawi อยู่ในแบกแดดทั้งๆที่รัฐบาลแบกแดดอ้างว่าไม่สามารถสืบหาตัว Zarqawi พบ และรายงานในหน้า 338ได้อธิบายเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า Zarqawi และเครือข่ายของเค้าได้ปฏิบัติการทั้งในแบกแดดและพื้นที่ๆกลุ่มชาวเคริ์ดปกครองตนเอง.. HUMINT ได้รายงานว่ารัฐบาลแบกแดดรับรู้อย่างแน่นอนว่า Zarqawi อยู่ในแบกแดดเนื่องจากว่าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศหน่วยงานนั้นได้ให้ข้อมูลตรงนี้กับรัฐบาลอิรักโดยตรง จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 109 " ก๊ากๆๆๆๆ ......นี่ พรรคบาธซีเรียและอิรัคก่อตั้งโดยยิวที่ชื่อ Michel Aflaq  ก็จริง แต่ถามหน่อยเฮอะ เอื้องไม่รู้จริงๆ หรือว่าตอแหลกันแน่ บาธซีเรียกับบาธอิรัค มันคนละสายกัน เหมือนคอมมิวนิสต์โซเวียตและจีนนั่นแหละ " บังอย่าทำเป็นโง่ไปหน่อยเลย...บาธซีเรียและบาธอิรัคนี่พี่น้องท้องเดียวกันนะจ๊ะเมื่อตอนซัดดัม ฮุสเซ็น อดีตผู้นำจอมเผด็จการของอิรักที่พยายามลอบสังหาร Qasim (อดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์อีรัค) ล้มเหลวทำให้ซัดดัมต้องระหกระเหินหนีไปกบดานที่ซีเรียนั่นเองจ๊ะจากนั้นจึงย้ายไปอยู่ที่อียิปต์ในเวลาต่อมาซึ่งตัวเค้าเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ขาด้วย แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 03:37:15 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 110 " ก๊ากๆๆๆๆ ......นี่ พรรคบาธซีเรียและอิรัคก่อตั้งโดยยิวที่ชื่อ Michel Aflaq  ก็จริง " ยิวอีกแล้วหรือบัง? โอ๊ย ขำ ขำ ขำ ฮ่าๆๆ   พรรคบาธ(The Baath Party)ถูกก่อตั้งในช่วงต้นปี1940sโดยนักศึกษาชาวซีเรียสองคนคือ Michel Aflaq และ Salah ad Din al Bitar ซึ่งเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางออร์โทด็อคคริสเตียน..อุดมการณ์ของพรรควางอยู่บนพื้นฐานในเรื่อง สังคมนิยม อิสระภาพ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่ทนทุกข์ของชาวอิรักที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กาารกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันและจากความไม่มีอิสรภาพในด้านการเมืองในช่วงที่ถูกปกครองโดยระบบกษัตริย์..พรรคบาธเปลี่ยนผู้นำมาหลายคนแต่ยุคที่รุ่งเรืองมากที่สุดของพรรคนั้นอยู่ภายใต้ความเป็นผู้นำของ Fuad Rikabi ในปี1952 และหกปีให้หลังต่อมาบทบาทและเป้าหมายของพรรคบาธเริ่มเปลี่ยนไปคือเข้าสู่ยุคนิยมทหารมากขึ้นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของพรรคบาธในภายใต้การนำของ Fuad Rikabi ในเวลานั้นก็คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งอิรัก( ICP)ของAbd al Karim Qasim [ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการบัญชาการโค่นล้มกษัตริย์ (The Hashimite monarchy)] แต่ต่อมาไม่นานQasim ก็ถูกโค่นอำนาจลงในที่สุด อย่างไรก็ตามกว่าที่พรรคบาธจะรวมกันได้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอิรักนั้นก็ต้องรอจนถึงยุคภายใต้การนำของAli Salihนั่นเองค่ะ....   ตรวจสอบข้อมูลหน่อยนะบังอย่าจ้องแต่ใส่ร้ายิวจนน้ามืดตามัวนะ 555555555 จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 111 #105 เรื่องการตรวจอาวุธ ไม่ต้องเล่นคำหรอกครับ อเมริกาจะบุก ยังไงก็ต้องหาเรื่องบุกจนได้ ประเทศอื่นต่อรอง กดดัน แถมลอบบี้ นึกว่าชาวโลกไม่รู้หรือครับ ต้องนี่เลยครับ Scott Ritter อดีตหัวหน้าคณะผู้ตรวจอาวุธของ UN ที่เคยทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ตอนอเมริกาจะบุอิรัค ออกมาแฉเรื่องปัญหาการตรวจสอบอาวุธอิรัค ที่มันไม่รู้จักจบสิ้น ไม่ใช่ปัญหามากจากอิรัค แต่มาจากอเมริกาเอง “อย่าลืมว่า ซัดดัมไม่ได้ขับไล่คณะผู้ตรวจสอบอาวุธของ UN ออกจากอิรัค หากแต่เป็นอเมริกาเองที่สั่งให้คณะผู้ตรวจสอบฯออกจากอิรัคภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนที่อเมริกาจะเริ่มปฏิบัติการ Desert Fox เพื่อโจมตีอิรัค ซึ่งปฏิบัติการนั้นก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีความมั่นคงของ UN ซ้ำอเมริกายังเอาข้อมูลจากคณะผู้ตรวจสอบไปใช้วางแผนโจมตีอิรัคในปฏิบัติการครั้งนั้น” http://www.workingforchange.com/article.cfm?itemid=13809&CFID=2740940&CFTOKEN=81003854 แล้วอย่างนี้ จะให้อิรัคยืนยันได้ยังไงว่าตนทำลายอาวุธไปหมดแล้ว จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 03:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 112 #106 ไม่ได้กล่าวหาเลื่อนลอยหรอกครับ มีหลักฐานหลายแห่งที่ระบุว่าอเมริกาส่งอาวุธเคมีให้อิรัค แม้แต่ตอนหลังทราบข่าวว่าซัดดัมใช้อาวุธเคมีกับชาวเคอร์ดแล้ว รวมถึงอาวุธธรรมดาทั่วไปด้วย Howard Teicher เจ้าหน้าที่ NSC (the National Security Council) ช่วงปี 1982 –1987 กล่าวว่า รัฐบาลอเมริกันให้การสนับสนุนอิรัคอย่างไม่เปิดเผย “William Casey ผู้อำนวยการ CIA เป็นหัวหอกในการดำเนินความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่าอิรัคจะมีอาวุธ การส่งกำลังบำรุง และยานพาหนะที่เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียในสงครามอิหร่าน-อิรัค สิ่งที่อเมริกาสนับสนุนก็คือการให้เครดิตทางการเงินและข่าวกรอง ขณะเดียวกันก็ประสานกับประเทศที่สามในการขายอาวุธแก่อิรัค เพื่อให้แน่ใจว่าอิรัคจะมีอาวุธตามที่ต้องการ อเมริกายังได้เคยให้คำแนะนำทางด้านการวางแผนยุทธศาสตร์การรบ เช่นในปี 1986 เรแกนได้ส่งสาร์สถึงซัดดัมโดยผ่านประธานาธิบดีมุบารัคแห่งอียิปต์ แนะนำให้อิรัคเพิ่มการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน ยังมีข้อเสนอแนะทำนองนี้อีกหลายครั้งส่งไปยังซัดดัมโดยผ่านผู้นำชาติตะวันตกและอาหรับที่พบกับซัดดัม” “ผมเคยเข้าประชุมครั้งหนึ่ง ซึ่ง Casey ผอ.ซีไอเอได้บันทึกรายการอาวุธที่อิรัคต้องการ เช่น คลัสเตอร์บอมบ์ และอาวุธที่จะยับยั้งการแทรกซึมของอิหร่าน Casey ถึงกับเคยยืนกรานว่าคลัสเตอร์บอมบ์จะเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบที่อิรัคจะสามารถยับยั้งคลื่นมนุษย์ของทหารอิหร่านที่บุกเข้ามาได้ “ ในสมัยของบุชผู้พ่อ การช่วยเหลือในรูปของการให้เครดิตทางการเงินแก่อิรัค ดำเนินการโดยผ่าน Bank of Credit and Commerce International (BCCI), และ the Banca Nacional del Lavoro (BNL) โดยการค้ำประกันของรัฐบาลอเมริกัน “อาวุธส่วนใหญ่ที่ซัดดัมได้รับจากตะวันตกไม่ได้เป็นเพียงอาวุธธรรมดาๆ หากแต่เป็นอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง คอมพิวเตอร์ เฮลิคอบเตอร์ อาวุธเคมี ฯลฯ เรารู้ว่าเครือข่ายบริษัทค้าอาวุธต่างๆ ทั้งที่อยู่ในอเมริกาและต่างประเทศ ต่างกระตือรือร้นในการขายอาวุธให้ซัดดัม จนกระทั่งถึงเดือนสิงหาคม 1990 ตอนที่ซัดดัมบุกคูเวตนั่นแหละ การช่วยเหลือจึงหยุดลง” แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 03:44:58 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 03:40:30 ]

ความคิดเห็นที่ 113 " ต้องนี่เลยครับ Scott Ritter อดีตหัวหน้าคณะผู้ตรวจอาวุธของ UN ที่เคยทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ตอนอเมริกาจะบุอิรัค ออกมาแฉเรื่องปัญหาการตรวจสอบอาวุธอิรัค ที่มันไม่รู้จักจบสิ้น ไม่ใช่ปัญหามากจากอิรัค แต่มาจากอเมริกาเอง " Scott Ritter หรือ บัง? ฮ่า ฮ่า บังโมจ๊ะ Scott Ritterอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบอาวุธยูเอ็นแปลกใจรึเปล่าคะว่ามีชื่อคนนี้คนที่โจมตีประธานาธิบดีบุชตลอดเวลานั้นได้รับเงินสินบนเป็นจำนวนถึง 4,00000 $ เลยทีเดียว จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 114 รายงานใหม่ของยูเอ็นเขาก็ออกมาแล้วค่ะว่าการคว่ำบาตรและ Oil For Food นี่เปิดโอกาสให้มีการคอรัปชั่นในยูเอ็นขนาดไหน .ซัดดัมรวยเละมีเงินถุงเงินถังค่ะ มีเงินไปติดสินบนประเทศในยูเอ็นหลายๆประเทศให้โหวตเข้าข้างตัวเองในที่ประชุม Security council มองๆไปแล้วเห็นมีแต่ความล้มเหลวจะรอให้ซัดดัมแก่ตายไปรึก็เจอนายอุเดย์ ลูกชายซึ่งซาดิสต์เสียยิ่งกว่าผู้พ่ออีกยิ่งมองก็ยิ่งเห็นแต่ว่ามัน'doom'ค่ะ แค่เหตุผลนี้อันเดียวก็ Justify war แล้วไม่ต้องมองไปถึงว่าจะ spread democracy หรอกเพราะ Bloood for oil ตัวจริงเีสียงจริงเริ่มแย้มๆออกมาแล้วค่ะเอื้องขอยกตัวอย่างรายชื่อแค่สองสามชื่อนะคะเพราะถ้าให้เขียนหมดหนึ่งนี่หน้ากระดาษก็ไม่พอค่ะเริ่มที่คนนี้เลยค่ะ Scott Ritterอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบอาวุธยูเอ็นแปลกใจรึเปล่าคะว่ามีชื่อคนนี้คนที่โจมตีประธานาธิบดีบุชตลอดเวลานั้นได้รับเงินเป็นจำนวนถึง 4 00,000 $ เลยทีเดียว บุคคลที่สองคือหัวหน้าโครงการน้ำมันแลกอาหารได้รับเงินจากอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซ็นไปหลายล้านเลยทีเดียวและอีกคนหนึ่งคือ French Ambassador to the UN ที่ได้รับเงินจากซัดดัมฮุสเซ็นและGeorge Gallowayนักการเมืองชาว อังกฤษ(มีภรรยาเป็นชาวปาเลสไตน์) ที่ออกมาด่าอเมริกาด้วยความร้อนตัวได้รับเงินจากซัดดัม ฮุสเซ็นไปหลายล้านเลยทีเดียวจึงไม่แปลกเลยค่ะที่กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาต้านสงครามปฏิญาณตนว่าจะเอาตัวเข้าเป็นโล่ห์บังกระสุนแต่เอื้องก็ไม่เห็นเหล่าผู้กล้าที่กล่าวไว้ก่อนสงครามจะเริ่มแม้แต่คนเดียวกระทำในอย่างที่ตนได้พูดไว้ค่ะและที่สำคัญลูกชายนายโคฟี อันนันเองนั่นแหละค่ะที่ทุจริตในโครงการน้ำมันแลกอาหาร..หุหุหุ ยังจะมีความจริงที่ปรากฏออกมาเรื่อยๆค่ะบังโมเพียงแต่ว่าบังโมอย่าตกข่าวสารหรือละเลยข้อเท็จจริงเป็นพอ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 115 #109-110 นั่นมันก่อนแตกคอกัน แต่ตอนอิรัคทำสงครามกับอิหร่าน อัซซัดสนับสนุนอิหร่าน ทำให้ทั้งสองเป็นศัตรูกัน แล้วไอ้รายงานที่เอื้องว่ามันตอนใหน ไม่ใช่ปัจจุบันหรือครับ ? Michel Aflaq  มีแม่เป็นยิวครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Michel_Aflaq ไม่น่าเล้ย ก็เพราะอิรัคมีซัดดัมที่ไปรับเอาแนวคิดบ้าๆจากยิวนี่แหละ ประเทศถึงยุ่งเหยิงอย่างนี้ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 03:54:52 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 03:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 116 #112 เรื่องที่กลุ่มประเทศตะวันตก(ประเทศแถบยุโรปค้าขายกับซัดดัมมากที่สุดนะคะบังโม) ค้าขายอาวุธให้กับอิรักนั้นเป็นเรื่องจริงค่ะส่วนสหรัฐอเมริกาเข้าไปมีเอี่ยวด้วยในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่านนั้นก็ไม่ผิดค่ะแต่การกล่าวว่า: "อาวุธชีวภาพ หรืออาวุธเคมี ล้วนแล้วเป็นอเมริกาอยู่เบื้องหลัง" นั้นเอื้องขอเรียกว่านี่เป็นอาการของ "blame America first’ mentality" ที่กลุ่มมุสลิมไทยอย่างบังโมมักจะนำมาพูดเสมอแต่เป็นการพูความจริงเพียงครึ่งเดียวเพราะว่ามีหลายประเทศที่ขายอาวุธให้ซัดดัมและที่สำคัญครอบคลุมเกือบทุกทวีปทั่วโลก ค่ะทีนี้มาดู "Share of responsibility" ของแต่ละประเทศจากการทำรีเสริชของวิสคอนซินโปรเจ็กนิวเคลียร์อาร์มคอนโทรลกันดีกว่าค่ะ การซื้อขายอาวุธ(deals)เหล่านี้ได้ถูกตีพิมพ์ให้สาธารณชนในสหรัฐเมริกาได้รับรู้ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอิรักซื้อเทคโนโลยีและุอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการผลิตนิวเคลียร์และมิสไซล์โปรแกรมก่อนสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี1991และการซื้อขายอาวุธบางรายการกระทำโดยผ่านโบรคเกอร์แทนที่จะผ่านโรงงานโดยตรง deal หนึ่งอาจหมายถึงการสร้างโรงงานทั้งหนึ่งโรงหรือซัพพลายเครื่องจักรหรือฝึกฝนสอนให้รู้ว่า" how to operate it." จากรูป pie graph ในเวปไซท์ที่ให้ไว้นี้ (http://www.wisconsinproject.org/pubs/editorials/1993/nytimesall.pdf) นั้นแสดงให้เห็นถึง Iraq’s purchases (nuclear and missile programs)เป็นการแสดงรายชื่อประเทศคู่ค้าของอิรักและจำนวน transactions ที่ถูกคิดเป็นเปอร์เซ็น(%)ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจก็คือประเทศฝรั่งเศส..แม้ว่าฝรั่งเศสจะมี transactions กับอิรักเพียง 6 transactions(5%)แต่หนึ่งในหก transactionsนั้นคือการช่วยอิรักภายใต้ซัดดัมสร้าง *Osirak nuclear reactor* ซึ่งถูกอิสราเอลทำลายทิ้งไปเมื่อปี1981 ส่วนเยอรมันตะวันตกคือประเทศทึ่ขายเทคโนโลยีและุอุปกรณ์เครื่องมือสำหรับการผลิตนิวเคลียร์และมิสไซล์โปรแกรมให้กับอิรักมากที่สุด 102 deals ครองส่วนแบ่งการซื้อขายถึง 50% ส่วนสวิสเซอร์แลนด์ (8%) อิตาลี(5%) ฝรั่งเศส(5%) บราซิล(4%) อังกฤษ(3.5%) และอเมริกา (3.5%)ตามมาเป็นอันดับ2,3,4,5,6,7 และ8 ตามลำดับ ***จากกราฟจะเห็นว่าแม้แต่ประเทศมุสลิมด้วยกันเองอย่าง"อียิปต์"และ"ซาอุดิอาระเีบีย"ก็ทำการค้าขายกับซัดดัมเช่นกันแต่ไม่ได้มีใครบอกให้เค้านำไปใช้ฆ่าคนค่ะ ดังนั้นที่มีคนพูดว่าหากนำซัดดัมขึ้นศาลโลกซึ่งอเมริกาไม่ยอมแน่นอนอยู่แล้วเพราะอเมริกากลัวจะโดนเปิดโปงต้องขอฮาทีนึงค่ะ เพราะประเทศที่จะได้รับผลกระทบอย่างที่พวกรักสันติกล่าวปรามาสไว้นั้นมีทุกทวีปทั่วโลกค่ะโดยเฉพาะ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซียคงเจ็บหนักสุด อีกอย่างสารเคมีผลิตภัณฑ์บางอย่างสามารถใช้สำหรับ"dual purpose" ได้ด้วยยกตัวอย่างเช่นสารคลอรีนเป็นต้นดังนั้นดิฉันคิดว่ามันจึงเป็นการยากทีี่จะไปกล่าวหาว่าประเทศคู่ค้ากับซัดดัมตั้งใจขายผลิตภัณฑ์ทางด้านสารเคมีให้อิรักว่าขาย WMD ให้กับซัดดัม .สองเว็บไซท์ข้างล่างนี้เป็นเว็ปไซท์ที่กล่าวถึงการค้าขายอาวุธของแต่ละประเทศให้กับอิรักตั้งแต่ช่วงปี1973-2002 .. USSRและ FRANCE เป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่สุดค่ะสองเว็บไซท์แห่งนี้เป็นของสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนค่ะ: http://projects.sipri.se/armstrade/atirq_data.html (Then click the link to the acrobat report) http://projects.sipri.se/armstrade/IRQ_IMPRTS_73-02.pdf All we(USA) sold them from the years 1973-2002 was 117 helicopters. This was accomplished in four separate sales. The goods sold by the USSR take up four pages in the report. FRANCE has more than a page to itself. This site is from a group - Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI)- in Sweden. จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 03:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 117 #113-114 ก๊ากๆๆๆ แล้วมันเป็นข้อกล่าวหาเพื่อประโยชน์ในการดิสเครดิตหรือเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้วหรือครับ บังยังสะใจที่แกไปพูดที่สภาของอเมริกา แกบอกว่า แกต่อต้านซัดดัม ตั้งแต่ตอนที่อเมริกาและอังกฤษยังส่งอาวุธให้ซัดดัมอยู่เลย จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 118 #115 ประโยคนี้หรือบัง "some even claim that his mother was Jewish." บังโมจ๊ะม่ายยเข้าใจประโยคนี้หรือ? หรือเพียงต้องการป้ายสีตามโองการอัลกุระอ่าน อิอิ ประโยคข้างบนแปลว่า: "บางคนถึงกับอ้างว่า แม่ของเขาเป็นยิว" เข้าใจคำว่า "อ้างว่า" หรือ claim รึเปล่าคะบัง? พูดง่ายๆคือไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าจริงค่ะ ใครก็พูดได้ ใครก็อ้างได้ ยิ่งในโลกอาหรับแล้วหายห่วงค่ะประชาชนถูกปิดหูปิดตาให้เชื่อไปโม้ดด นี่แหละน๊าที่เค้าเรียกว่าอ่านไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ฮ่า ฮ่า เอื้องไม่แปลกใจเลยที่ทำไมบังโมถึงอ่านเหตุผลเรื่องอาุวุธร้ายแรงไม่เข้าใจ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 04:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 119 #116 ชาติอื่นเขาก็ขายอาวุธธรรมดา แต่อเมริกาขายอาวุธเคมีกับเชื้อโรค เป็นความจริงที่ว่าซัดดัมเคยใช้อาวุธเคมี (ก๊าซมัสตาร์ดและซาริน) ในสงครามกับอิหร่านระหว่างปี 1981-88 .............แต่เฮลิคอบเตอร์และอุปกรณ์ที่ใช้พ่นอาวุธเคมีนั้น อิรัคได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกา ! ในปี 1986 ตอนที่แถลงการณ์ของ UN ยอมรับว่าอิรัคใช้อาวุธเคมีหลายครั้งต่อทหารอิหร่าน และกำลังจะหามติเพื่อประณามการกระทำที่ชั่วร้ายดังกล่าว ...............ปรากฏว่า อเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิรัคขณะนั้น ใช้สิทธิวีโต้ ! ซัดดัมเคยใช้อาวุธเคมีกับชาวเคอร์ดในปี 1988 ที่เมืองฮาลับจา แต่อเมริกาก็ไม่ได้ประณามอิรัค .............ซ้ำร้าย ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ตัวอย่างเชื้อโรคบางชนิดของอเมริกา ซึ่งอิรัคสามารถนำไปสร้างอาวุธชีวภาพได้ ก็ส่งไปถึงอิรัค ! ดูรายละเอียดการจัดส่งอาวุธเคมีและเชื้อโรคให้อิรัคได้ที่ http://www.commondreams.org/headlines02/0908-08.htm จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 120 "  ก๊ากๆๆๆ แล้วมันเป็นข้อกล่าวหาเพื่อประโยชน์ในการดิสเครดิตหรือเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้วหรือครับ " มีสุภาษิตเก่ากล่าวไว้ว่า: "ไม่มีมูล หมาไม่ขี้" จ๊ะบัง โคฟี อันนัน สั่งปลดพนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกจากตำแหน่ง รอยเตอร์/เอเอฟพี - โคฟี อันนัน สั่งปลดพนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกจากตำแหน่งเป็นรายแรก จากคดีอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตโครงการน้ำมันแลกอาหารในยุคซัดดัม ฮุสเซน ของอิรัก       สตีเฟน ดูจาร์ริก โฆษกของยูเอ็น แถลงเมื่อวันพุธ (1) ว่า อันนัน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น ได้สรุปรายงานผลการสอบสวนโครงการน้ำมันแลกอาหารของคณะสืบสวนอิสระ ซึ่งมีพอล โวล์คเกอร์ อดีตประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ เป็นหัวหน้า พบว่าโจเซฟ สเตฟานิเดส เจ้าหน้าที่ระดับกลางของยูเอ็นได้กระทำ "ความผิดร้ายแรง" และเห็นควรให้ไล่ออกจากหน้าที่โดยทันที ..ทั้งนี้ รายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นของโวล์คเกอร์ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ระบุว่า สเตฟานิเดส ชาวไซปรัส ซึ่งเป็นผู้ช่วยก่อตั้งโครงการน้ำมันแลกอาหาร เพื่อช่วยเหลือพลเรือนชาวอิรักจากความอดอยากอันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรของยูเอ็นในปี 1996 ได้สมรู้ร่วมคิดกับจอห์น เวสตัน ซึ่งต่อมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำยูเอ็น ด้วยการเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลการเสนอราคาสัมปทานในอิรักของบริษัทคู่แข่งแก่เวสตัน       รายงานระบุว่า แม้สเตฟานิเดสจะไม่ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว ทว่าพฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นการละเมิดกติกาการจัดซื้อจัดจ้างของยูเอ็น และเป็นความผิดทางวินัย การกระทำของเขาส่งผลให้ในที่สุด บริษัทลอยด์ส รีจิสเตอร์ อินสเปกชัน ของอังกฤษ ได้รับสัญญาทำหน้าที่ตรวจสอบสิ่งของที่สั่งซื้อเข้าประเทศอิรัก ภายใต้โครงการดังกล่าวไปเป็นมูลค่า 4,500,000 ดอลลาร์ จนถึงปี 1998       ขณะที่บริษัทบูโร เวอริตัส ของฝรั่งเศส ซึ่งเสนอราคาต่ำกว่ากลับถูกปฏิเสธ โดยบรรดาเจ้าหน้าที่ยูเอ็นผู้เกี่ยวข้องให้เหตุผลว่าเป็นเพราะพวกเขาเพิ่งทำสัญญาอีกฉบับกับธนาคารแห่งหนึ่งของแดนน้ำหอม และจ้างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ดูแลน้ำมันของยูเอ็นในโครงการเดียวกัน       อย่างไรก็ดี สเตฟานิเดสออกมาปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้กระทำผิดกฎกติกา พร้อมกับประกาศจะยื่นอุทธรณ์บทลงโทษนี้ต่อไป เขาเผยโดยไม่ระบุชื่อผู้ถูกพาดพิงว่า บรรดาหัวหน้าของเขาได้ตัดสินใจมอบสัญญาฉบับนั้นแก่บริษัทลอยด์สแล้วก่อนที่เขาจะมอบรายละเอียดของการเสนอราคาให้กับเวสตัน และว่าการกระทำดังกล่าวช่วยให้ยูเอ็นประหยัดเงินถึง 900,000 ดอลลาร์ เนื่องจากลอยด์สยอมลดราคาลงมาจากข้อเสนอในเบื้องต้น หลังจากที่เขาแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ทราบ       "มีแรงกดดันมหาศาลให้ตัดลดขั้นตอนและเร่งการจัดการเกี่ยวกับตัวสถาบัน เนื่องจากพลเรือนในอิรักกำลังทุกข์ทรมาน และน้ำมันแลกอาหารต้องเริ่มขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" สเตฟานิเดสชี้แจงเสริม พร้อมกับกล่าวอย่างน้อยใจว่า "สิ่งนั้นทำให้ผมเป็นคนผิด---นี่มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ"       อนึ่ง รายงานของโวล์คเกอร์ยังกล่าวหาเบนอน ซีแวน หัวหน้าโครงการน้ำมันแลกอาหารชาวไซปรัส เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนขั้นร้ายแรง แต่โฆษกของยูเอ็นเผยว่า การลงโทษทางวินัยกับซีแวนจะยังคงไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะมีการตีแผ่รายงานสรุปผลการสืบสวนชิ้นสุดท้าย ซึ่งคาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 3 เดือนนับจากนี้ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 04:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 121 #118 อ้าว ก็พวกยิวชอบทำอะไรลับๆล่อๆ ไม่ใช่หรือ   ทั้งแม่ของสตาลิน แม่ของอะตาเตอร์ก นายทหารเยอรมันหลายคน ภายหลังสืบไปสืบมาก็มีเชื้อยิว แต่ปกปิด Michel Aflaq  เป็นบุคคลในลักษณะเดียวกัน คือไม่ยอมเปิดเผยต้นกำเหนิดตนเอง ตัวก็นับถือคริสต์ เนสเตอเรียน มาภายหลัง ลูกน้องก็อ้างว่ายอมนับถืออิสลาม ไม่แปลก ที่บุคคลซึ่งพยายามปกปิดต้นกำเหนิดของตนในโลกอาหรับ จะถูกกล่าวหาว่าเป็นยิว น่าสงสารคนยิวเนอะ ตั้งแต่สมัยกลางมาแล้ว ต้องปกปิดชาติกำเนิดของตนเองตลอด ทั้งที่ยุโรปหรือรัสเซีย มานี่ในโลกอาหรับอีก ทำไม ? แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 04:49:18 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เออ....แล้วตกลงคดีเรื่องนี้มันสิ้นสุดหรือยังละครับ ??? รายงานสืบสวนชิ้นสุดท้ายออกมาหรือยัง ลองให้คนกลางที่ไม่ใช่คนของอเมริกาออกมาสืบซิ ผลจะออกมาอย่างนี้หรือเปล่า ? ยังงัยๆก็มองว่าเป็นความพยายามของอเมริกาในการดิสเครดิตพวกที่ต่อต้านสงคราม  อย่าแกล้งซื่อบื้อเลย แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 04:37:56 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 123 " แต่อเมริกาขายอาวุธเคมีกับเชื้อโรค " บังก็เล่นไปเอาสื่อของพวกลิเบอร์รัลมาเป็นมาโชว์อีกแล้วไหนว่าสื่อตะวันตกบิดเบือนไง? แล้วบังรู้รึเปล่าว่า commondreams นี่เป็นสื่อของประเทศไหนเอ่ย? หากบังเชื่อว่าอเมริกาและอังกฤษขายอาวุธเคมีอิรัคแล้วทำไมบังถึงไม่เชื่อว่าอิรัคไม่มีอาวุธทำลายล้างสูง? แล้วใครสั่งให้ซัดดัมไปฆ่าชาวเคิร์ดล่ะจ๊ะ? ไม่มีใครบอกนี่นา และที่สำคัญแหล่งข่าวของบังนั้นเป็นเพียงบทความๆหนึ่งไม่เหมือนแหล่งข่าวที่เอื้องให้มาที่เป็นสถาบันวิจัยย่อมมีความน่าเชื่อถือกว่า จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 04:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 124 รวมทั้ง เรื่องของ scott ritter ก็ถูกโยงกับเรื่องนี้ไปด้วย ทั้งๆที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเลย ฐานเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน วิจารณ์นโยบายสงครามของ bush จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ใช่ซิ น่าเชื่อถือ แล้วมันจะโง่ไปบอกหรือ ในเมื่อบุชกล่าวหาอิรัคปาวๆ อย่างนี้ เรื่องนี้ ถ้าหมาไม่ขี้ มันก็ไม่มีมูลซิจ้ะ เอื้อง Agence France Presse October 1, 2002 US role in Iraq's chemical, biological weapons program comes under scrutiny http://www.globalsecurity.org/org/news/2002/021001-iraq3.htm จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 126 " Michel Aflaq  เป็นบุคคลในลักษณะเดียวกัน คือไม่ยอมเปิดเผยต้นกำเหนิดตนเอง ตัวก็นับถือคริสต์ เนสเตอเรียน มาภายหลัง ลูกน้องก็อ้างว่ายอมนับถืออิสลาม ไม่แปลก ที่บุคคลซึ่งพยายามปกปิดต้นกำเหนิดของตนในโลกอิสลาม จะถูกกล่าวหาว่าเป็นยิว " นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าโลกอิสลามขาดวิจารณญานในการอ่านและวิเคราะห์สิ่งที่รับรู้ จึงไม่แปลกที่จะเห็นคนมุสลิมโดนหลอกให้เชื่ออะไรง่ายๆอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ชาวมุสลิมจึงถูกผู้นำของตนเองหลอกใช้ให้ไปตายแทนอยู่เป็นประจำ น่าสงสารค่ะบัง จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 04:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 127 แล้วใครสั่งให้ซัดดัมไปฆ่าชาวเคิร์ดล่ะจ๊ะ? ไม่มีใครบอกนี่นา ----------------- เออ......... อเมริกาไม่ได้สั่ง เพียงแค่เห็นคนบ้าอำนาจคนหนึ่งกำลังโกรธผู้อ่อนแอไม่มีอาวุธอยู่ ......อเมริกาก็แค่ยื่นอาวุธให้คนบ้าอำนาจคนนั้น........ อเมริกาไม่ได้สั่งให้เขาใช้อาวุธซักหน่อย.......... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 05:09:46 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 128 #126 ยังคิดไม่ออกอีกหรือ ว่าทำไม แต่ใหนแต่ไร ยิวถึงถูกตั้งข้อรังเกียจ เกลียดชัง ไม่ว่าในกลุ่มชนใหนๆ ดูความเห็นที่ 68 นั่นแหละคือคำตอบ จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 04:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 129 " รวมทั้ง เรื่องของ scott ritter ก็ถูกโยงกับเรื่องนี้ไปด้วย ทั้งๆที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเลย ฐานเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน วิจารณ์นโยบายสงครามของ bush " ใครก็วิจารณ์ท่านบุชได้ค่ะบังเพราะอเมริกานั้นให้สิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการแสดงออกทางความคิดเห็นนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีมุสลิมอย่างบังโมนำเอาสื่อของอเมริกาเองมาอ้างอยู่บ่อยๆในทางตรงกันข้ามหากเป็นประเทศเผด็จการจะไม่มีโอกาสได้วิจารณ์เ่ช่นนี้เป็นแน่เพราะขาดเสรีภาพนั่นเองดังนั้นเราจึงไม่ได้ยินข่าวจากประเทศเผด็จการเท่าไหร่เลยทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีปัญหาแต่ที่จริงแล้วมีเรื่องเลวร้าย น่าขนพองสยองกล้าเยอะที่ถูกซ่อนไว้ใต้พรม แต่คำวิจารณ์จะเป็นจริงหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะบังเอื้องเห็นตกม้าตายทุกที อิอิ บังกำลังหลงเสน่ห์การเมืองอเมริกาเข้าแล้วล่ะ ระวังจะตกเป็นเหยื่อลิเบอร์รัลมีเดียอเมริกานะจ๊ะ(..ฮา..) จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 04:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 130 " เออ......... อเมริกาไม่ได้สั่ง เพียงแค่เห็นคนบ้าอำนาจคนหนึ่งกำลังโกรธผู้อ่อนแอไม่มีอาวุธอยู่ ......อเมริกาก็แค่ยื่นอาวุธให้คนบ้าอำนาจคนนั้น........ อเมริกาไม่ได้สั่งให้เขาใช้อาวุธซักหน่อย.......... " บอกแล้วไงคะว่าที่บังยกมานั้นเป็นเพียงบทความหนึ่งเท่านั้นไม่ได้เป็นหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการสักหน่อยซึ่งต่างจากแหล่งข่าวของเอื้องนะ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 05:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ใช่ซิ ในโลกอาหรับ ไม่มีใครกล้าวิจารณ์ผู้นำเผด็จการของตนหรอก เพราะเผด็จการเหล่านั้นมีอเมริกาปกป้อง ค้ำจุนอยู่ ไม่ว่าซาอุดิฯ คูเวต เอมิเรท และผู้ปกครองประเทศอ่าวอื่นๆ #130 ยังไม่เข้าใจที่สื่อให้อีกหรือ ย้ำ เรื่องนี้ ถ้าหมาไม่ขี้ มันก็ไม่มีมูลซิจ้ะ เอื้อง Agence France Presse October 1, 2002 US role in Iraq's chemical, biological weapons program comes under scrutiny http://www.globalsecurity.org/org/news/2002/021001-iraq3.htm จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 05:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 132 " 126 ยังคิดไม่ออกอีกหรือ ว่าทำไม แต่ใหนแต่ไร ยิวถึงถูกตั้งข้อรังเกียจ เกลียดชัง ไม่ว่าในกลุ่มชนใหนๆ " ชาวยิวไม่เดือดร้อนค่ะหากใครจะตั้งข้อรังเกียจ คนเราลองจะเกลียดแล้วก็หาเหตุผลได้เยอะแยะค่ะเ่ช่น อ้างคัมภีร์บ้าง อิอิ แม้แต่ Nietzsche เองนั้นก็ให้การสรรเสริญและยกย่องความแข็งแกร่งของชนชาติยิวทั้งในด้านวิชาการ วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่เคยถูกกลืนแม้จะถูกรุกรานจากชนชาติต่างๆมานานนับพันปีในอดีต นั่นก็เพราะว่าช่าวยิวมีความศรัทธาอันแรงกล้าในพระคัมภีร์โทราห์และทัลมุดนั่นเอง..ค่ะและที่ลืมไม่ได้คือ Jewish Values "Tikkun Olam" จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 05:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 133 5555555555555555 สุดยอดส์ เถียงอะไรกันทั้งคืนเลยรึ เอาด้วยๆ จากคุณ : เซคริยาห์ - [ 23 ก.ค. 48 05:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 134 อุ๊ย เซฯตื่นมาละหมาดแล้ว!!! เอื้องกำลังจะโดนรุมหรือนี่ ต้องถอยไปตั้งหลักก่อน อิอิ จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 05:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 135 #132 ที่ว่ามานั่นใช่เลย ก็เพราะในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ยิวทั้งปลิ้นปล้อน เจ้าเลห์ จองหอง ดูถูกชาติอื่น จึงถูกเขากระทำกลับอยู่เรื่อยไป ไม่เพียงแต่ยิวหยิ่งในตนเอง ยังดูถูกชนชาติอื่นอีก มองว่าชนชาติตนเองเท่านั้นที่พระเจ้าเลือกสรร ก็เลยไม่แปลกใจอะไร นับตั้งแต่บาบิโลเนียน อัสสิเรียน โรมัน ยุโรปสมัยกลาง สเปญ ยิวจะถูกกดขี่ตลอด แต่ไม่รู้ว่ายิวมันจะสำนึกบุญคุณหรือเปล่า ที่ว่าตอนที่ยิวไม่มีแผ่นดินอยู่ พวกเขากลับได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากโลกมุสลิมสมัยมุสลิมสเปญและสมัยออตโตมัน .... คงไม่หรอก ........ ยิวมันเป็นแต่ดูถูกชาติอื่น มองว่าตัวเองเท่านั้นที่เข้มแข็ง ชนชาติอื่นไม่ใช่คน - ยิวถูกเรียกว่ามนุษย์ แต่คนที่มิใช่ยิวมิใช่มนุษย์ พวกเขาเป็นสัตว์เดรฉาน (Talmud: Baba mezia, 114b) -"คนที่มิใช่ยิวนั้นเหมือนหมาตัวหนึ่ง คัมภีร์สอนว่าจงให้เกียรติหมามากกว่าคนที่มิใช่ยิว" (Eregret Raschi Erod.22 30) - "ถึงแม้คนที่มิใช่ยิวจะมีโครงสร้างร่างกายเหมือนกับยิว แต่เมื่อเปรียบกับยิวแล้วพวกเขาก็ฌหมือนกับลิงกับมนุษย์" (Schene luchoth haberith, p.250b) - "การมีเพศสัมพันธ์กันระหว่างคนที่มิใช่ยิวก็เหมือนกับการสมสู่กันระหว่างสัตว์" (Talmud Sanhedrin 74b) อย่างนี้แหละ คือคำตอบว่าทำไม ยิวถึงถูกดดขี่มาตลอดในประวัติศาสตร์ จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 05:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ไปหละ เดี่ยวเจอกันใหม่ จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 05:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 137 "ก็เพราะในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ยิวทั้งปลิ้นปล้อน เจ้าเลห์ จองหอง ดูถูกชาติอื่น จึงถูกเขากระทำกลับอยู่เรื่อยไป " ยิ่งอ่านความคิดเห็นบังโมอาจารย์โรงเรียนปอเนาะนี่ยิ่งเห็นภาพชัดเจนเลยว่ามุสลิมหัวรุนแรงเป็นยังไง โมเสสไม่ใช่ลักษณะมุสลิมสายกลางหรอก คนที่มีความคิดเห็นแบบโมเสสนี่แหละทำให้สันติภาพไม่เกิด มุสลิมมักจะร้องแรกแหกกระเชอบ่นว่าอย่าดูถูกใส่ร้ายป้ายสีศาสนาฉันนะแต่พฤติกรรมของโมเสสนี่บ่งชัดถึงกำพืดของมุสลิมว่าตีสองหน้าได้เก่งเพียงใด โมเสสยกทัลมุดฉบับปลอมแปลงมาให้ดูเห็นแล้วยิ่งสมเพชในการเชื่ออย่างงมงายของบังโม คิดว่านั่นเป็นความจริงไปเสียหมด ความคิดของบังโมเป็นลักษณะการมองด้านเดียวจึงคิดและมักจะมองอะไรๆมิติเดียวเสมอ คนที่มีลักษณะปลิ้นปล้อน เจ้าเลห์ จองหอง ดูถูกชาติอื่น นั้นมีในทุกเชื้อชาติและศาสนาค่ะบังโม รวมถึงมุสลิมและอิสลามด้วย จากที่เอื้องอ่านความเห็นของโมเสสมานี่รู้สึกบังจะมีคุณสมบัติ ปลิ้นปล้อน เจ้าเลห์ จองหอง ดูถูกชาติอื่น ครบนะคะ(4 in 1ค่ะ) จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 06:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 138 " ไม่เพียงแต่ยิวหยิ่งในตนเอง ยังดูถูกชนชาติอื่นอีก มองว่าชนชาติตนเองเท่านั้นที่พระเจ้าเลือกสรร " หากยิวคิดว่าตนเป็นชนเผ่าที่พระเจ้าเลือกสรรแล้วไม่ทราบว่าไปทำร้ายใครบาดเจ็บเข้าคะ? แล้วมุสลิมเดือดร้อนอะไรด้วย? ไหนมุสลิมพร่ำบอกอยู่เสมอว่า " ศาสนาของท่าน ท่านก็ปฏิบัติ ศาสนาของฉัน ฉันก็ปฏิบัติ " ยังไง เอ แต่อ่านความคิดเห็นของบังโมแล้วไม่ยังงั้นสิ ลักษณะของบังโมนี่ไม่ได้เดินตามแนวทางการปฏิบัติของโองการอัลกุระอ่านเลย ความหมายและคอนเซ็ปของคำว่า Chosen people หรือที่คนทั่วไปมักจะแปลว่า *ชนชาติที่พระเจ้าเลือกสรรค์แล้ว* จริงๆเอื้องอยากจะใช้คำว่า "treasured people " ดูจะเหมาะสมกว่าค่ะ..ในความเป็นจริงนั้นความหมายและคอนเซ็ปของ Chosen people นั้นสวยงามค่ะบังโมแต่บ่อยครั้งคอนเซ็ปของคำว่า Chosen people ก็ถูกเขียนขึ้นโดยกลุ่มคนที่เป็นปฎิปักษ์กับชาวยิวมุ่งสื่อให้คนที่ไม่ได้นับถือยูดายเข้าใจผิดได้ง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ดังนั้นเมื่อเอื้องอ่านคิดเห็นของบังแล้วนี่ต้องบอกว่าบังยังไม่เข้าใจคำว่าพระเจ้าเลือกสรรค์แล้วค่ะ เอื้องเข้าใจค่ะว่าคนไทยมุสลิมเป็นชนส่วนหนึ่งของสังคมไทยแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบังจะมีสิทธิพิเศษมาปรักปรำใส่ความรู้ผิดๆให้กับคนไทยที่ส่วนใหญ่เป็นพุทธศาส นิกชนและไม่คุ้นเคยกับศาสนายูดาย เอื้องคิดว่าถึงแม้ว่าตัวเอื้องเองในฐานะเป็น minority ในเว็ปบอร์ดแห่งนี้แต่เอื้องคิดว่าเอื้องก็มีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกับมุสลิมไทยเหมือนกันและจำต้องชี้แจงแถลงไขให้บังเข้าใจเสียใหม่โดยจะขอ อ้างถึงคำกล่าวของ Prophet (ศาสนฑูต) Amos ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งใน 55 ศาสนทูตของวงค์วานอิสราเอลตามพระคัมภีร์โทราห์ (Tanakh) ดังต่อไปนี้ค่ะ " You only have I chosen of all the families of the earth; therefore I will punish you for all your sins." Amos 3:2 [ ในบรรดาครอบครัวทั้งสิ้นในโลกนี้ เจ้าเท่านั้นที่เรารู้จัก ดังนั้นเราจึงจะลงโทษเจ้าเพราะความชั่วช้าทั้งสิ้นของเจ้า Amos 3:2] ถ้าหากว่าบังเข้าใจความหมายของบทบัญญัติข้างบนนั้นบังจะรู้ว่าไม่มีทางเลยที่ชาวยิวจะมีความเชื่อว่าตัวเองวิเศษหรือมีฐานะอยู่เหนือกว่าคนที่ไม่ใช่ยิวพวกที่ต่อต้านชาวยิวอย่างบัง (antisemites) มักจะอ้างเสมอว่า "เพราะว่าคนยิวคิดว่าตัวเองเป็นชนชาติที่พระเจ้าเลือกสรร(chosen people)แล้วด้วยเหตุนี้เองยิวจึงมักจะทำตัวเย่อหยิ่งคิดว่าเผ่าพันธ์ของตนเหนือกว่าคนที่ไม่ใช่ยิว (non-Jews)" ดังที่บังโมกล่าวหา เอื้องเจอมาบ่อยมากกับข้อกล่าวหาอันนี้แม้แต่ชาวตะวันตกบางคนที่นับถือคริสต์เองก็ยังเข้าใจความหมายของคำว่า "chosen people" อย่างผิดๆโดยในความเป็นจริงแล้วตามหลักคำสอนของพระคัมภีร์โทราห์คำว่า choseness ไม่ได้มีความหมายไปในแนวทางที่เหยียดเชื้อชาติ (racist )คนที่ไม่ใช่ยิวหรือมีความหมายไปในทางที่บ่งบอกว่าชาวยิวเป็นชนชาติที่สูงส่งหรือเหนือกว่าชนชาติอื่น(ethnic superiority) เลยแม้แต่นิดค่ะ..คำว่า choseness นั้นไม่ได้มีความหมายไปในทำนองที่ว่ายิวคือชาติพันธ์ชั้นเลิศเหนือกว่าชนชาติอื่นเลยซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพวกที่เหยียดผิวอย่างนาซีที่ยกย่องให้ชนเผ่าอารยันของตัวเองเท่านั้นที่อยู่เหนือกว่าชนชาติอื่นทั้งหมดดังนั้นจึงถือประโยชน์จากการที่คิดว่าเชื้อชาติอารยันเท่านั้นที่เป็นเลิศที่สุดนำไปเป็นข้ออ้างในการเข่นฆ่่าสังหารเชื้อชาติอื่นที่ถูกระบุว่าด้อยกว่าตัวเองให้หมดโดยเฉพาะเผ่าพันเซเมติก แนวคิดแบบพวกนาซีต่างหากล่ะคะที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ (racist)และยกย่องเชื้อชาติตัวเองสูงส่งหรือเหนือกว่าชนชาติอื่น (ethnic superiority)ไม่มีเชื้อชาติอื่นใดในโลกนี้เสมอเหมือน ที่ไม่เพียงแต่มองชาวยิวไม่ใช่เผ่าพันธ์มนุษย์แต่ยังมองว่าชนชาติยิวด้อยกว่าชนเผ่าอารยันสมควรที่จะถูกนำไปสังหารเยี่ยงพยาธิหรือสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่น. ในทางตรงกันข้ามบทบัญญัติใน Amos นั้นได้แสดงใ้ห้เห็นชัดเจนเลยว่า "chooseness" บังคับและผูกมัดให้ชาวยิวรับพระคัมภีร์โทราห์เป็นพระธรรมนูญแห่งชีวิตที่ชาวยิวทุกคนต้องนำไปปฎิบัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ (ถูกเลือกจากพระผู้เป็นเจ้าให้มีหน้าที่รักษาพระคัมภีร์โทราห์ไว้ให้เคารพกฎบัญญัติของพระองค์ไม่ใช่ถูกเลือกให้เหนือกว่าชนชาติอื่น ) กล่าวคือหลักคำสอนใน Amos เน้นให้ยิวผู้ศรัทธารักษาตนและวางตัวให้อยู่ในกรอบศีลธรรมอันสูงส่งอย่าประพฤติตัวหย่อนยานไม่อยู่ในศีลในธรรมอันเป็นผลให้ชีวิตต้องตกต่ำลงเพราะบาปที่ชาวยิวผู้ศรัทธาจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับการรักษากฎบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้ไว้กับวงศ์วานชาวอิสราเอล Chosenness concept นั้นแสดงนัยว่าชาวยิวยอมรับสัญญาผูกมัดพิเศษต่อ Judaism โดยการรักษา Mitzvoth พระคัมภีร์โตราห์สอนไว้ว่าการจะบรรลุวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชีวิตที่เที่ยงธรรมและสงบสุขสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีความประพฤติที่ถูกต้อง เช่น การถือกฎบัญญัติหลายประการเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันซึ่งรวมไปถึงการแต่งตัวและการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นไปตามข้อกำหนด ( Kashrut ) จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 06:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 139 กระทู้นี้อัดกันอยู่สองคน จากคุณ : Haa - [ 23 ก.ค. 48 07:33:03 A:24.214.195.118 X: TicketID:102552 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ขอฝาก A modern readings of Pirke Avot  ไว้ให้อ่านเล่นกันค่ะ What is the right path for a person to follow? One that honors both self and other. Be attentive in all you do; Do not judge one small and another great, For you cannot always know their significance. Be virtuous, even if virtue is costly. Avoid sin, even if sin is profitable. Remember three things and you will not err: If your deeds shouldn’t be known, Perhaps they shouldn’t be done. If your words shouldn’t be shared, Perhaps they shouldn’t be spoken. Act with attention, For all your deeds have consequence. ขอพักครู่ใหญ่ค่ะ เดี๋ยวเอื้องขอกลับมาอธิบายพระคัมภีร์ทัลมุดฉบับปลอมแปลงที่บังโมนำมาโพสต์นั้นว่ากล่าวเท็จอย่างไรนะคะ หากกระทู้ไม่อันตระธานหายวับบไปก่อน อิอิ Shabbat Shalom! จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 23 ก.ค. 48 07:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 141 #138-139 เป็นความเข้าใจที่จะต้องรู้ทันยิว มหาเดร์ก็เคยบอกอยู่เนืองๆ ว่าปัจจุบัน ความฉลาดเจ้าเลห์ ปลิ้นปล้อนของยิว ได้แทรกซอนชอนไชเข้าไปในระบบทุนนิยม ปัญหาระหว่างประเทศทุกวันนี้เกิดขึ้นมาเพราะทุนนิยมยิว แต่การจะเผชิญหน้ากับทุนนิยมยิว มุสลิมจะต้องใช้สติปัญญา มากกว่าใช้กำลังเหมือนที่บินลาเดนทำ พยายามใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ด้วยสติปัญญาถึงจะเผชิญหน้ากับทุนนิยมยิวที่มีกิเลสเป็นที่ตั้งได้ แนวคิดในการก่อตั้งรัฐอิสราเอล(Jewish State) ที่เอื้องอธิบายมา ก็บ่งบอกบอกอยู่แล้วว่ายิวนั้นจองหอง เชื่อมั่นว่าตนเป็น "ประชาชนที่ถูกเลือก" มาอย่างไร ลองกลับไปอ่านทบทวนดูที่เอื้องว่ามาเองนั่นแหละ เบน กูเรียนเองก็เคยกล่าวถึงนโยบาย ethnic cleansing ชาวปาเลสไตน์ เพิ่อให้เกิดรัฐอิสราเอลขึ้นมา แต่ยิวเจ้าเลห์รายนี้ใช้ศัพท์ว่า "compulsory transfer" เขามองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดศิลธรรมแต่อย่างใด "With compulsory transfer we [would] have a vast area [for settlement] .... I support compulsory transfer. I don't see anything immoral in it." (Righteous Victims p. 144). นี่นะ ! คนที่มองว่าตนเองเป็นประชาชนที่ถูกเลือก ???? ทุกวันนี้ ชาติอาหรับส่วนใหญ่ก็ตระหนักดีว่าการจะต่อสู้กับยิวด้วยกำลัง ไม่อาจทำได้ มีแต่จะเสียเปรียบ เพราะยิวคือผู้กำหนดกติกา ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุด คืออะไร ก็คือการใช้จุดอ่อนจากนิสัยของยิวนี่แหละ ที่จะทำลายยิวเอง แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 48 07:59:46 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 12:57:45 จากคุณ : โมเสส - [ 23 ก.ค. 48 12:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 142 มีมาเฟียใหญ่คุมห้อง  ราชดำเนิน   เฉลิมไทย   ศาสนา  ห้องสมุด     ไม่ถูกใจ หรือติดใจก็แจ้งลบ     ลบเร็วด้วย แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 48 20:13:24 จากคุณ : Darth Zomo - [ 23 ก.ค. 48 20:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 143 อ่านมาซะยาวเลย อิอิ พอดีตามมาจากกระทู้แนะนำห้องศาสนานะครับ ขอตอบเท่าที่ทราบนะครับ จขกท เรื่องลบกระทู้ ถ้ากระทู้ไหนที่ตั้งเกินกว่าหนึ่งเดือนและ ไม่มีการตอบกระทู้อีกเลยภายในรอบเจ็ดวัน กระทู้นั้นโดนลบครับ ส่วนดุลยพินิจการเก็บเข้าคลังกระทู้นะ คงขึ้นกับเวบมาสเตอรมั้งครับ ส่วนเรื่องเนื้อหา ขอวางตัวเป็นกลางละกันนะครับ จากคุณ : จอมอสูร - [ 23 ก.ค. 48 20:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 144 มารอเอื้องแก้ตัวเรื่องคัมภีร์ครับ...........แต่เอ... ปัจจุบัน ยิวก็มองชาวปาเลสไตน์ว่าไม่ใช่คนอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ จากคุณ : โมเสส - [ 25 ก.ค. 48 07:50:26 ]