ผมคิดว่า ในโลกนี้คงไม่มีใครอยากขับรถชนคน แต่ที่แน่ๆ มีคนที่อยากให้รถ(เก๋งงามๆ) ชนตนเองอย่างแน่นอน
ในฐานะที่เป็นคนที่ขับรถมาตั้งแต่อายุสิบห้า ตั้งแต่แอบขโมยกุญแจรถไปขับเล่นตอนกลางคืน มาจนตอนนี้ต้องมานั่งดูเขาขับให้(ฮา..ฮาไม่ออก)
ถือว่า มีประสบการณ์สูงส่งคนหนึ่งครับ เพราะเคยทั้งขับรถชนคนด้วยตัวเอง ลูกน้องขับชนคนเป็น และคนเกือบเป็นก็เจอมาแล้ว เป็นคนที่วิ่งเต้นเคลียร์เรื่องให้จนจบทุกเรื่องราว
ก็เลยอยากแสดงขั้นตอนที่ควรและไม่ควรปฏิบัติในการขับรถชนคนให้กับคนที่อาจจะยังไม่เคยพานพบอุบัติเหตุที่ว่านี้
ห้ามถือเป็นกติกานะครับ เพราะเขียนจากใจ จากประสบการณ์ มิได้ประสงค์จะให้อ้างอิงเป็นตำรับตำราอะไร
ขออนุญาโตตุลาการเริ่มเรื่องเลยดีกว่านะครับ..
๑/ สาเหตุของการชับรถชน
๑.๑ คนขับหลับใน ประสบกับตัวเองมาแล้วครับเรื่องหลับในขณะอยู่บนพวงมาลัยเนี่ย เพราะเมื่อก่อนนอนใกล้รุ่งครับ สายๆ มาขับรถจึงมักมีอาการหลับใน ถ้าขับอยู่ในกรุงเทพ อาการจะกำเริบเมื่อรถติดไฟแดง และเกิดเป็นระยะทุกไฟแดงเลยล่ะ
ผมเคยถึงชนาด คนขับรถที่ติดอยู่ข้างหลังเขาเดินมาเคาะกระจกแล้วบอกว่า "พี่ๆ ไปได้แล้วเพ่" สะดุ้งจนรถไหวโยกเยกเลยครับ
คนที่ขับรถหลับใน จะมีอาการบอกเหตุก่อน คนที่เคยเป็นแล้วจะรู้ดี คือ เพลีย หาว หง่าว แต่มัจจุราชมักจะคอยยั่วยุให้ "ฝืนขับ" โดยล่อใจว่า "เดี๋ยวก็จะถึงแล้ว" เสมอๆ
ดังนั้น เมื่อมีอาการบอกเหตุดังกล่าว ขอให้จอดรถในที่ร่ม เปิดแอร์นอนสักงีบนะครับ การหลับตาสัก ๑๕ นาทีจะช่วยได้มาก เมื่อลืมตาขึ้นอีกที คุณจะมีพลังงานที่จะใช้ไปได้อีกอย่างน้อยๆ ก็ครึ่งชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับอาการ) แต่ถ้าคุณฝืนขับไป โอกาสที่จะชน กับไม่ชนจะอยู่ที่ ๕๐/๕๐ ครับ เลือกเอา
ถ้ามีคนนั่งไปด้วย แล้วเขาขับได้ อย่ารีรอนะครับ ให้เขาขับเหอะแม้ว่ามันจะเป็นรถของคุณก็ตาม
๑.๒..มาว..ว แล้วยังขับ
เจอบ่อยมากครับในช่วงตะวันตกดินไปแล้ว ยิ่งดึกยิ่งอันตราย มัจจุราชบนท้องถนนพวกนี้อาละวาดหนักสุดหลังเที่ยงคืนไปแล้ว และเหยียบกันมิดคันเร่งด้วย
ถ้าถามว่า ทำไมมาวแล้วยังขับรถอีก
คนพวกนี้จะตอบเป็นเสียงทำนองเดียวกันว่า "กินนิดเดียวเอง" หรือไม่ก็ "ไม่มาวหรอก" นี่ต่างหากที่เป็นสาเหตุให้คนพวกนี้มาขับรถ ถ้าเขารู้ตัวว่า ตนเองมาว เขาอาจไม่กล้าขับ แต่ส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว
ดังนั้น..
การรณรงค์ "เมาไม่ขับ" จึงไม่ได้ผลมากนัก เพราะเขาเขียนให้คนที่ยังไม่เมาอ่าน ไม่ได้เขียนให้คนขาดสติไปแล้วอ่าน จริงไหมล่ะ ตอนอ่านก็ไม่เห็นมีใครเมาสักคน
วิธีเตือนสติตัวเองสำหรับคนพวกนี้จึงไม่มีครับ คนที่อยู่ข้างเคียงเท่านั้นที่จะช่วยได้ ด้วยการ..
--ไปไหนไปด้วย (บางทีก็ถูกกีดกัน อิ อิ)
--ถ้ารู้ว่าจะไปกินเหล้าเมายา ให้ฝากกุญแจรถไว้กับคนข้างเคียงเลย แล้วนั่งรถแท็กซี่เอา
โดยเฉพาะสาวไฟแรงสูง ทั้งหลายที่มีไวน์เป็นเพื่อนซี้ ต้องระวังตัวเองด้วยนะครับ อายุที่มากขึ้นจะทำให้เราเมาเร็วขึ้นนะครับ
อ้อ..ข้อนี้ไม่เฉพาะมาวเหล้านะครับ เมายาเสพติดทุกชนิดก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะยาบ้าจะสร้างภาพหลอนจากจินตนาการขึ้นมา เช่น กำลังขับรถหนีตำรวจ หรือ มีใครกำลังตามล่า เป็นต้น
๑.๓..ขับรถไม่แข็งแรง
นี่มักเกิดกับมือใหม่หัดขับที่ได้ใบขับขึ่มาด้วยความเอื้ออาทรของในหลวงท่าน (บนธนบัตร) หรือไม่ก็มีประสบการณ์หลังพวงมาลัยมาได้ไม่ถึง ๓ ปี
พวกนี้ขับเรื่อยๆ มาเรียงๆ บนท้องถนนปกติได้เหมือนคนที่ขับเก่งๆ แล้วครับ แต่การวินิจฉัยเหตุการณ์เฉพาะหน้าและการแก้ปัญหาที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจะสู้พวกมือเก่าไม่อยากขับ ไม่ได้
วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ อย่าขับเร็วครับ แม้ถนนข้างหน้าจะว่างก็ตาม ให้จำกัดความเร็วตนเองจากหน้าปัทเสมอ ถ้ากำหนดเองไม่ได้ ให้ช่างเขาดูแลก็ได้ครับ รถบางชนิดสามารถล็อกความเร็วได้โดยการตั้งค่าเครื่องยนต์
และจำไว้นะครับ ถ้ามีอะไรที่ไม่ทราบมาก่อนเกิดขึ้นในฉับพลันให้เหยียบเบรคให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปล่อยให้รถที่ตามมาข้างหลังเขาแก้ไขสถานการณ์เอง ภาวนาว่า เขาน่าจะเป็นคนขับมือเก่า เพราะเมื่อเห็นไฟเบรคท้ายรถเราติดขึ้นมาโดยพลัน สัญชาตญาณจะสอนให้เขาแก้ไขสถานการณ์เองได้ แต่คุณต้องแก้ไขเอาตัวรอดจากสถานการณ์ฉุกเฉิน(ไม่ใช่พรก.ฉุกเฉินนา คนละเรื่องนา)ไว้ก่อน
ถ้ารู้ตัวว่า เป็นคนขับรถไม่แข็งแรง ต้องทำอย่างไร?
--ต้องปรับพนักพิงให้ตรงอย่าเอนหลังขับ
--ต้องไม่ขับรถเร็ว (บนทางด่วนไม่ควรเกิน ๘๐)
--จับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้างเสมอ
--คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งให้เป็นนิสัย
--หลีกเลี่ยงการสนทนา..ต่อโทรศัพท์..หรือ ฟังเพลงเร้าอารมณ์ในขณะขับขี่
๑.๔..ฝนตก
ถนนที่อันตรายที่สุด คือ ถนนที่มีสภาพเปียกนะครับ น้ำท่วมไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรอก แต่ถนนลื่นนี่แหละ ตัวดีนัก เพราะระยะเบรคจะยาวกว่าเดิม การเข้าโค้งโดยใช้ความเร็วจะทำให้เสียการทรงตัว
ดังนั้น..
--ชลอความเร็วลงมาครึ่งหนึ่งจากที่เคยขับ
--เช็คใบปัดน้ำฝนในฤดูฝนก่อนนำรถออกขับ ถ้าปัดแล้วไม่สะอาดต้องเปลี่ยนทันทีนะครับ ไม่ปัดยังดีกว่าปัดแล้วไม่สะอาดนะครับ เพราะตรงที่ไม่สะอาดมันจะคงสภาพอยุ่เช่นนั้น น้ำฝนจะชะไม่ออก แต่ถ้าไม่ปัดเลย น้ำฝนจะไหลผ่านกระจกไปได้ตลอดเวลา ยังอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ
--ถ้าฝนตกแรง ควรเปิดไฟหน้ารถหรือไฟฉุกเฉิน เพื่อมองเห็นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้น และรถที่ตามหลังมาเขาเห็นรถเราชัดเจนขึ้น
--อย่าค้างรถเอาไว้กลางสะพานขึ้น ค้างอยู่บนกลางสะพานหรือไม่ก็ตีนสะพานเลยดีที่สุด
--พยายามอย่าแซงถ้าไม่จำเป็น เพราะกระจกมองข้างของคุณขณะที่ฝนตกมันจะหลอกตาคุณหรืออาจมองไม่ชัด
๑.๕..ระบบเบรค
รถเก๋งรุ่นใหม่ตอนนี้ใช้เอบีเอสหมดแล้ว แต่รุ่นลายคามยังเป็นระบบดีสซ์อยู่
ข้อดีซึ่งเป็นข้อเสียด้วยของระบบเอบีเอสคือ เวลาเบรคล้อไม่ตายนี่แหละครับ
คำว่า ล้อไม่ตายก็คือ คุณกดเบรคมิดเท้าแล้ว มันก็ยังมีจังหวะล็อก-คลาย ๆ ๆ ของล้อทั้งสี่อยู่ เพื่อช่วยให้รถคุณทรงตัวดีขึ้น แต่ข้อเสียคือ ไม่หยุดตามคำสั่งของเท้าทันที
ปกติเอบีเอสจะเริ่มทำงานเมื่อความเร็วตั้งแต่ ๕๐กม/ชม.หรือประมาณนั้น ซึ่งเป็นความเร็วสำหรับการขับรถในตัวเมืองพอดี ความเร็วที่ว่านี้ เอบีเอสทำให้รถหยุดในทันทีไม่ได้ก็จะชนสิ่งที่กีดขวางข้างหน้าได้ ดังนั้น ในตัวเมือง ถ้ารถเรามีเอบีเอส ต้องไม่ขับจี้คันหน้านะครับ
๑.๖..วัยคะนอง
วัยคะนองไม่ใช่มีแต่วัยรุ่นนะครับ รถเมล์ รถสิบล้อที่คนขับอายุเกินเลขสามเลขสี่ไปแล้วก็ยังคะนองได้เช่นกัน
พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มีความมั่นใจสูง ข้าแน่ ไม่เคยชน เลยไม่เคยรับรู้รสชาติของการเกิดอุบัติเหตุ
หรือบางทีก็เป็นลูกมาเฟียนักการเมือง พวกลูกเศรษฐีมีสตางค์ก็มักจะขับรถเร็วกว่าพวกลูกของชาวบ้านทั่วๆ ไปที่หาเช้ากินค่ำด้วยนะครับ เพราะรถใหม่ รถแรง ถ้าขับเหมือนโฟล์กเต่ารุ่นปี ๖๐ ก็ไม่รู้จะซื้อมาทำซากทำไม
ทางแก้แทบไม่มีเลยครับ อยู่ที่จิตสำนึกในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นมากกว่าของตน ซึ่งคนวัยคะนองจะมีน้อยมาก ยิ่งมีเพื่อนสาวๆ สวยๆ นั่งอยุ่ด้วย วิญญาณมิชาเอล ชูมัคเกอร์(ยังไม่ตายนะครับ) จะเข้าสิงสถิตย์ทันที
แต่วันไหน คุณพ่อ คุณแม่ คุณลุงคุณป้า คุณตาคุณยายนั่งมาด้วย แม๊..มันขับยังกะรถสามล้อถีบ
๑.๗..อารมณ์ขุ่นมัว
เกิดกับทุกเพศทุกวัย ทุกอายุการขับขี่ครับ แต่บทลงโทษไหงบางทีไปลงที่คนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ก็ไม่รู้
--ทะเลาะกับแฟนมา
--เครียดจากงาน การเรียน
--เสียใจ เศร้า
--ดีใจจนอยากจะรีบไปให้ถึงที่หมาย
หนทางแก้ต้องอาศัยสติเท่านั้นครับ คนที่มีศีลมีธรรมจะระงับอารมณ์เหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมด
๑.๘ ฝ่าฝืนกฎจราจร
ฮ่า..ข้อนี้เกิดกับผมเป็นประจำ สมัยหนุ่มๆ นะครับ รถของผมไปได้ตามใจที่อยากไป จับได้ก็ตั้งศาลเตี้ยปรับตรงนั้นเลย เลยทำให้ได้ใจ ฝ่าไฟแดงอยู่บ่อยๆ
บางทีก็อาจเกิดจากความไม่จงใจของคนขับก็ได้ครับ เพราะป้ายจราจรบางทีก็จะหลบสายตาหรืออำพรางเพื่อให้มองยาก เวลาใช้ความเร็วมันผ่านตาไปโดยไม่รู้ตัว
วิธีแก้ไขก็คือ ในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยต้องส่ายหน้าบ่อยๆ ไม่ใช่ส่ายเฉยๆ นะครับ ส่ายเพื่อให้สายตามันมองได้กว้างไกลขึ้น
ถ้าจะให้ดี ผมแนะนำมห้เพื่อนร่วมทางช่วยเป็นตาที่สามที่สี่ให้ด้วยจะช่วยได้มากครับ ประเภทขึ้นมานั่งหลับอย่างเดียวเลยก็ช่วยไม่ได้ครับ
แต่บางทีเราต้องพูดต้องบอกนะครับ เพราะเขาเองก็คิดว่า เรารู้เราเห็นก้เลยไม่ช่วยดูทางดูป้ายด้วย พูดไปเถอะครับเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย เชื่อว่า คนนั่งข้างเขายินดีกันทุกคน
๑.๙..อุบัติเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
ถ้าจำเป็นจะต้องชน เราก็ขอให้มันเป็นข้อนี้แหละครับ คือ ตัดปัจจัยที่ควบคุมได้ทั้งหมดออกไป ถ้ามันจะต้องเกิดก็ต้องเกิดครับ เลี่ยงได้ยากแม้จะขับช้าอย่างไรก็ตามก็เลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะถ้าคุณขับช้ามาก คันข้างหลังก็จะพยายามแซงรถคุณให้ได้ บางทีแซงไม่พ้น แซงได้แล้วต้องรีบปาดหน้าคุณเพื่อกลับเข้าไปอยู่ในเลน ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
การขับรถขึ้น-ลงเขา หรือทางโค้งอันตรายบนทางหลวง ก็ล้วนแต่เป็นสถานการณ์ที่ระวังภัยได้อย่างยากเย็นทั้งสิ้นครับ
ถ้าเกิดขึ้นมาด้วยสาเหตุสุดวิสัยนี้ ก็ให้ถือว่าเป็นเคราะห์กรรมของคุณและคู่กรณีก็แล้วกัน
......................................
ยังไม่จบนะครับ เพิ่งจะพูดแค่เรื่องสาเหตุ แต่มันหมดเวลาพิมพ์ของผมแล้ว ต้องขอตัวไปทำธุระก่อนนะครับ
จากคุณ :
*bonny
- [
5 ส.ค. 48 09:18:31
]