ความคิดเห็นที่ 22
ฝากให้อ่าน ใครเดือดร้อน ................................ ปัจจุบัน สตง.ตรวจพบว่า ยังมีเงินงบประมาณแผ่นดิน ที่นอกเหนือไปจากงบประมาณหมวดเงินเดือน เป็นเงินที่อยู่ในรูปของงบพัฒนา งบลงทุน และงบจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีการทุจริตอย่างมาก การทุจริตได้กลายพันธุ์ เปลี่ยนแปลงไปหลากหลายรูปแบบ หนำซ้ำ เมื่อ สตง.ตรวจพบการทุจริต หรือจับได้ไล่ทัน กลับถูกแจ้งความดำเนินคดี และยังถูกฟ้องกลับ ฐานหมิ่นประมาท แถมคนพวกนี้ยังไปจ้างทนายความ มือหนึ่งของประเทศ มาว่าความให้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
คดีที่ 1 สตง.ได้ชี้มูลความผิด กับเจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคม รวม 18 คน เหตุเพราะว่า มีพฤติกรรมที่น่าเชื่อว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มกิจการร่วมค้า TGRR ทำให้ไม่มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานกระทำผิด พรบ.สมยอมราคา (ฮั้วประมูล) ในการประกวดราคา โครงการก่อสร้างถนนกาญจนาภิเษก หรือถนนวงแหวนด้านใต้ ช่วงสุขสวัสดิ์-บางพลี
นายศรีสุข จันทรางศุ ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม รองอธิบดีกรทางหลวงแผ่นดิน ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. เป็นจำเลย เมื่อ 31 ม.ค. 2546 ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากคุณหญิงฯ ได้ทำหนังสือถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ขอให้ตั้งคณะกรรมการ สอบสวนความผิดทางวินัย ของโจทก์กับพวก ฐานกระทำผิด พรบ.สมยอมราคา
คดีที่ 2. โจทก์ในคดีที่ 1 ยังได้ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณฯ ต่อศาล ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ
ปรากฎว่า คดีที่ 1 ศาลได้พิพากษายกฟ้อง เมื่อ 6 ส.ค. 2546 เพราะศาลให้เหตุผลว่า คุณหญิงฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ส่วนคดีที่ 2 ศาลได้ไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อ 21-22 ส.ค. 2546 (ผู้เขียนไม่ผลของคดีนี้)
ลองมามาศึกษาจุดยืนของคุณหญิงฯ จากข้อความที่คุณหญิงฯ เคยกล่าวให้ปรากฏแก่สาธารณะ ดังต่อไปนี้
.... ตนเองได้ทำหน้าที่โดยสุจริต ยึดหลักความจริงใจ และทำหน้าที่ในฐานะเป็นช้าราชการ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะไม่ให้คนสุจริตเดือดร้อน แต่กับคนทุจริต โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน นั้น สตง. มีหน้าที่ไปขุดค้น เอาความจริงมาเปิดเผยให้ประชาชน ที่เป็นเจ้าของเงิน ได้ทราบว่า ใครที่ทุจริตต่อเงินของเขา การตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน จะเน้นใช้ยุทธศาสตร์ใน เชิงรุก โดยการเข้าไปแทรกแซง การประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ตามแผน ตรวจตัดตอน แทนการวิ่งไล่แก้ปัญหาในภายหลัง เช่น การตรวจสอบโครงการ นมโรงเรียน ที่พบว่า อคส. ไม่มีใบเสร็จรับเงินให้ตรวจสอบ สูงถึง 1,269 ล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนวงแหวนด้านใต้ มูลค่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งตรวจพบความไม่โปร่งใส และเอื้อประโยชน์ให้เอกชน จนต้องล้มเลิกระบบก่อสร้าง แบบ Turn Key ในที่สุด รวมถึงการตรวจสอบทุจริต ทางด่วนมอเตอร์เวย์ ด้วย
การมุ่งเน้นการทำงานตรวจสอบในเชิงรุก ก็คือการลงลุยถึงพื้นที่จริง ไม่รอเพียงการตรวจสอบเฉพาะ กระดาษ โดยการทุ่มกำลังคนเกือบครึ่ง คือ 40% ลงไปตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นพิเศษ เพราะที่ผ่านมา มีปัญหาเกิดขึ้นมาก เป็นช่องทางให้เกิดการรั่วไหล ของเงินงบประมาณแผ่นดิน จำนวนมหาศาล คือไม่ต่ำกว่า 30% หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท ในแต่ละปี สำหรับโครงการที่มีความเสี่ยงสูง มีเม็ดเงินลงทุนก้อนโต มีโอกาสรั่วไหลได้ง่าย และเป็นโครงการที่อยู่ใน ความสนใจของประชาชน และส่งผลกระทบต่อประชาชน สตง. จะเข้าไปร่วมตรวจสอบ ในรายละเอียดทั้งหมด ตั้งแต่ต้น เริ่มจากขั้นตอนการเตรียมโครงการ การจัดซื้อจัดจ้าง ไปจนถึงการจัดทำบัญชี ซึ่งเป็นวิธีการ ตรวจตัดตอน คือ จัดการตั้งแต่ต้น หากเห็นว่ามีปัญหา ก็จะทำเรื่องเสนอให้ยกเลิก หรือปรับปรุงแก้ไข.......(ยังมีต่อ)
จากคุณ :
Can (ไทเมือง)
- [
8 ก.ย. 48 23:17:50
]
|
|
|