ความคิดเห็นที่ 1 รายละเอียดข้อปลีกย่อย มันเยอะครับ เช่น ตอนกู้ แม่ได้เซ็นต์ยินยอมเป็นลูกหนี้ร่วม ไหม  ถ้าเซ็นต์ เจ้าหนี้ ก็มีสิทธิ์ยึดสมบัติของแม่ ไม่ว่า แม่จะโอนสมบัตินั้น ให้ใครโดยเสน่หา ก็ได้  แต่ถ้าเป็นการซื้อขายโดยสุจริต ก็ไม่มีสิทธิยึด แต่ถ้าทำเพื่อเจตนาฉ้อฉล ปิดบังอำพราง  โอนกี่ทอด ก็โดนยึดหมด แต่ถ้าไม่ได้เซ็นต์ยินยอมเป็นลูกหนี้ร่วม   ก็ยังแบ่งเป็น สองกรณีอีกว่า  หนี้ที่พ่อไปกู้ยืมมานั้น ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน หรือเพื่อครอบครัว หากไปกู้มาเพื่อให้ครอบครัวอยู่อาศัย ถึงแม้ว่า แม่ ไม่ได้เซ็นต์ยินยอม แม่ก็ต้องรับผิดชอบด้วย โดยผลแห่งกฏหมาย ปรึกษาทนาย ต่อหน้าดีกว่าครับ รายละเอียดต่างกันนิดเดียว ก็ได้คำแนะนำต่างกันไปครับ จากคุณ : ช่างกระจก - [ 26 ก.ย. 48 09:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่นต้องขอถามว่า 1. พ่อคุณจดทะเบียนสมรสกับแม่คุณหรือไม่ 2. ตกลงว่าพ่อคุณถูกฟ้องล้มละลายแล้วหรือยัง(เอาชัวร์ๆ) ในเรื่องนี้หลักก็คือ หนี้ใคร คนนั้นก็ต้องรับไป ถ้าลูกหนี้ยังไม่เสียชีวิต ทายาทก็ยังไม่ต้องรับผิดชอบหนี้สินนั้น ผมเดาว่า พ่อคุณเป็นลูกหนี้ธนาคารคนเดียว ปกติแล้ว ถ้าบ้านถูกยึดและออกขายทอดตลาด ทางธนาคารมักมีข้อสัญญาว่า ถ้าบังคับทรัพย์สินที่จำนอง ได้เงินไม่ครบตามจำนวนหนี้ที่ต้องชำระ ลูกหนี้(พ่อคุณ) ต้องรับผิดในส่วนที่ยังขาดอยู่... สมมุติว่า บ้านคุณ ติดจำนอง 1 ล้านบาท ส่งไปแล้ว 5 แสนบาท คุณเป้นหนี้ ธ. อีก 5 แสนบาท เมื่อ ธ. ยึดบ้านคุณไปขายทอดตลาด ได้เงิน 5 แสนบาท หนี้สินเป็นอันจบกันไป แต่ถ้าขายได้ 4 แสนบาท พ่อคุณต้องรับผิดอีก 1 แสนบาท กลับกัน ถ้าขายได้ 6 แสนบาท พ่อคุณจะได้รับคืนมา 1 แสนบาท คราวนี้มาดูว่า บ้านคุณที่ ธ. จะขายนั้นน่ะ มันสมราคาหรือไม่ เช่น บ้านคุณสามารถขายได้ 8 แสนบาท แต่ ธ. ไปขายเพียง 4 แสนบาท คุณก็ต้องร้องขอให้เปิดประมูลใหม่ เพราะราคาบ้านท่วม(เกิน) หนี้สินที่ค้างชำระ (ร้องต่อศาล ให้ทำการประมูลบ้านใหม่) จนได้ราคาตามที่ท้องตลาดซื้อขายกัน ( อาจ มาก หรือน้อยตามความเป็นจริง) คราวนี้สมมุติว่า บ้านคุณขายได้ 4 แสน พ่อคุณต้องรับผิดอีก 1 แสน... ถามว่า งานนี้ ธ. บังคับอะไรได้บ้าง สมบัติต่างๆที่เป็นของพ่อคุณ(พ่อคุณคนเดียว) เจ้าหนี้สามารถยึดมาชำระหนี้ได้ โดยเอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาดมาชำระหนี้ที่ค้าง คราวนี้ถ้าเกิดว่า พ่อคุณโอนทรัยพ์ของพ่อคุณไปให้คนอื่น ซื่งอาจเป็นใครก็ได้ หลังจากที่ ธ. ได้ฟ้องยึดทรัพย์แล้ว พ่อคุณอาจมีความผิดข้อหาโกงเจ้าหนี้ได้ ( ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่ขอออกความเห็น เพราะบางทีเรามองกันคนละมุม ผมมองในแง่กฎหมาย แต่คุณมองในเรื่องปากท้อง ) อะไรที่เป็นของพ่อคุณเจ้าหนี้ตามยึดได้ แต่อะไรที่ไม่ใช่ของพ่อคุณ ไม่ว่าจะเป้นที่ดินของแม่คุณ บ้านของคุณ ก็ตาม เจ้าหนี้ย่อมยึดไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าทรัพย์นั้น พ่อคุณเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เจ้าหนี้ก็ขอให้แบ่งทรัพย์นั้น ชำระหนี้ได้อีก... เรื่องนี้พูดไปแล้ว คงได้แค่แนวทางในการต่อสู้เท่านั้น แต่ถ้าเกิดการยึดขึ้นมาจริงๆ โดยเจ้าหนี้ยึดที่ดินของแม่คุณไป แม่คุณก็ต้องไปร้องขัดทรัพย์ เรียกทรัพย์คืนจากเจ้าหนี้ได้... ใจๆเย็นนะครับ อย่าเครียส จากคุณ : ชชนน - [ 26 ก.ย. 48 09:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ดินหลบหลีกยากครับ ตอนกู้แม่ต้องเซ็นยินยอมด้วยหากมีทะเบียนสมรส เลี่ยงไม่ได้ครับ แต่ทำให้มันยากเข้าไว้ โอนซื้อขายหลายๆต่อ และควรเป็นบุคคลภายนอก อย่างน้อยก็ยืดได้และต่อรองได้ อย่าลืมรายสุดท้ายให้เป็นการจำนองก็แล้วกัน แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 11:06:03 จากคุณ : *บังสุกุล* - [ 26 ก.ย. 48 11:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าไม่เป็นหนี้ร่วม...ต่อให้เป็นสามีภรรยากัน ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ...หนี้ร่วมมีลักษณะอย่างไร...ดังนี้ครับ.. 1) หนี้ในการเลี้ยงดูครอบครัว ได้แก่ หนี้ในการดูแลรักษาบ้านและคนในบ้าน ค่าเล่าเรียนลูก (2) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินสมรส เช่น ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ้าน สินสมรส ค่าเสียหายที่สัตว์เลี้ยงของเราไปทำร้ายผู้อื่น หรือกู้เงินไปไถ่จำนองบ้านซื่งเป็นสินสมรส เป็นต้น (3) หนี้ที่เกี่ยวข้องกับงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกัน คือ สามีภรรยามีธุรกิจร่วมกัน แล้วคนใดคนหนึ่งไปสร้างหนี้ขึ้นเพื่อมาใช้ในธุรกิจของทั้งคู่ (4) หนี้ที่สามีหรือภรรยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน แปลสั้นๆ ว่า หนี้ส่วนตัวของสามีหรือภรรยาเอง แต่อีกฝ่ายยินยอมรับทราบด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางวาจาหรือเป็นจดหมายก็ตาม เช่น ภรรยากู้เงินเพื่อเล่นการพนัน (หนี้ส่วนตัวของภรรยา) แต่สามียอมรับด้วยวาจาต่อหนี้ว่าจะช่วยใช้ให้ ถือว่าให้สัตยาบันแล้ว (กลายเป็นหนี้ร่วม) ถ้าไม่เข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งนี้....ก็ไม่ต้องตกใจ.ในเบื้องต้นครับ จากคุณ : TRAT - [ 26 ก.ย. 48 11:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าคุณแม่คุณไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับคุณพ่อคุณ ก็คงจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่...ถ้าจดทะเบียนสมรส ลำบากครับงานนี้เพราะ ธนาคารจะให้สินเชื่อแก่ใคร จะต้องมีทั้งหลักทรัพย์และหรือบุคคลค้ำประกัน อีกทั้งต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส จึงเท่ากับคู่สมรสเป็นลูกหนี้ร่วมในการกู้นั้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการซื้อขายได้ทำหลังจากถูกฟ้องต่อศาลแล้ว จะเข้าข่ายเป็นการกระทำไม่สุจริต เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ เจ้าหนี้อาจขอเพิกถอนได้ และยังจะมีความผิดอาญาฐานโกงเจ้าหนี้อีกโสดหนึ่งด้วย จากคุณ : ระวังด้วย - [ 26 ก.ย. 48 11:17:06 A:61.91.120.38 X: TicketID:104415 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กลับเข้ามาอ่านอีกที - ตาม คห 2 ที่บอกว่า ร้องต่อศาลขอประมูลใหม่ นะ  ไม่เคยมีหรอกครับ  มีแต่ว่า เมื่อ กรมบังคับคดี ทำการขายทอดตลาด ลูกหนี้ และ เจ้าหนี้ มีสิทธิคัดค้าน ฝ่ายละ 1 ครั้งเท่านั้น  ครั้งที่ 3 ขายได้เท่าไร ก็ต้องยอมรับ - ซื้อขายหลายทอด  แต่ถ้าเจตนาไม่สุจริต  นิติกรรมก็เป็น โมฆะ ครับ ตอบคำถามคุณนะ บ้านที่คุณลงเงิน ปลูกบ้านบนที่ดิน แม่คุณ โดยหลักแล้ว บ้านก็ยังเป็นของคุณครับ แต่ว่า คุณจะหาหลักฐานได้ไหมว่า บ้านนั้น เป็นเงินของคุณ  ดูในใบอนุญาตก่อสร้างบ้านนะครับว่า  ใครเป็นคนขอครับ  ถ้าแม่คุณเป็นคนขอ ผมว่า สู้คดีไป คงยากที่จะชนะ เพราะถือว่า แม่คุณ เป็นเจ้าของบ้าน  แต่ถ้าคุณเป็นคนขอ ถือว่า บ้านเป็นของคุณ แต่ที่ดิน เป็นของแม่  หากที่ดินแปลงนี้  ถูกตามยึดทรัพย์อีก  เจ้าหนี้ ยึดได้แต่ที่ดินครับ  ส่วนตัวบ้าน เจ้าหนี้ ไม่มีสิทธิยึด  แต่เมื่อถึงตอนนั้น  คุณต้องรื้อบ้าน ออกไปครับ เว้นแต่ว่า คุณได้ทำสัญญาเช่าที่ดินกับแม่คุณ ไว้ก่อนหน้านี้ แม่จะขายที่ดินให้ลูกได้ไหม - ขายได้ครับ  ถ้าเป็นขายกันจริง มีเจตนาบริสุทธิ์  มีหลักฐานพิสูจน์ว่า จ่ายเงินกันจริงๆ ไม่ใช่ทำซื้อขาย หลอกๆ แล้ว  เช่น ทำสัญญาซื้อขาย แต่บอกว่า จ่ายกันเป็นเงินสดๆ จ่ายแล้ว เงินค่าขายที่ดินหายไปไหน ก็ไม่รู้  อันนี้ เวลาสู้กันในศาล ถ้าเจ้าหนี้ พิสูจน์ได้ ก็ยึดคืนได้ครับ ท้ายสุด ที่อยากจะพูดคือ  เป็นหนี้ ก็ต้องชดใช้ ครับ  ทุกคนก็อยากเอาตัวรอดกันทั้งนั้น อันนี้ ก็เข้าใจ แต่พระคุณพ่อแม่ ก็ยิ่งใหญ่  เมื่อท่านเดือดร้อน คนเป็นลูกก็สมควรช่วยเหลือครับ  อย่าให้ท่านต้องได้ชื่อว่า เป็นคนบาป ด้วยการโกงคนอื่น เลยครับ เงินธนาคาร ก็คือเงินประชาชน ด้วยนะครับ   หนี้สินของพ่อแม่นั้น  เมื่อขายบ้านที่ดินที่จำนองไว้แล้ว ยังเหลือเท่าใด ถ้าลูกช่วยเหลือ ชำระให้ได้  ก็ช่วยเหลือเถอะครับ จากคุณ : ช่างกระจก - [ 26 ก.ย. 48 11:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับคำเเนะนำนะคะ จะบอกว่าพอทราบรายละเอียดยิ่งเครียดหนัก ข้อมูลเพิ่มเติม .. พ่อเเม่เราจดทะเบียนสมรสกันค่ะ เเต่ช่วงก่อนขึ้นศาลเรื่องหนี้ก้อนนี้ เขาหย่ากัน ตอนนั้นตั้งใจว่าจะหย่าขาดกัน เเต่ต้องกลับมาจดใหม่เพราะพ่อป่วย เเบกรับค่ารักษาพยาบาลไม่ไหว (เเม่เราเป็นข้าราชการ เบิกยาได้) ที่ดินพ่อเราเป็นชื่อเเม่เรามาตั้งเเต่ต้นเเล้วค่ะ ไม่ได้เพิ่งมาโอนทีหลัง .. ทรัพย์สินทุกอย่างที่พ่อมี เป็นชื่อเเม่ทั้งหมดมาตั้งเเต่ไหนเเต่ไรเเล้ว หนี้สินเป็นหนี้ที่เกิดจากการผ่อนส่งบ้าน เเละกู้ยืมมาต่อเติมบ้านเก่า ที่กำลังจะถูกยึดเนี่ยเเหละค่ะ  เนื่องจากพ่อเราไม่สามารถผ่อนส่งต่อได้ ดอกเบี้ยทบต้นทบดอกเนี่ยก็มากกว่ามูลค่าบ้านไปหลายล้านเเล้ว เราเคยจะขอไปประนอมหนี้เพราะบ้านเรามูลค่าล้านเดียว (อันนั้นเราจ่ายไหว) เเต่ธนาคารเรียกให้ผ่อนส่งถึงเกือบสี่ล้าน เราเลยไม่สู้ เรื่องล้มละลาย เราฟังผิดเองค่ะ ไม่ได้ถูกสั่งฟ้อง เพราะธนาคารเล่นกล เสกเงินเข้าบัญชีพ่อเราทุกเดือนเพื่อรักษาสถานภาพ เเต่บ้านเราเนี่ยศาลสั่งยึดเพื่อขายทอดตลาด อ่าน คคห คุณ ชชนน  เเปลว่าธ. สามารถยึดทรัพย์พ่อได้ทันที เเต่ที่ดินเเม่น่าจะรอดจนกว่าจะมีหมายบังคับให้เเม่ร่วมรับผิดชอบหนี้สินก่อนจะยึดทรัพย์เเม่ได้ ใช่รึเปล่าคะ? ดังนั้น ถ้าตอนนี้ เเม่เราหย่าอีกครั้ง เเละ/หรือ จัดการเรื่องซื้อขายที่ดินให้เสร็จ ก่อนหมายศาลออก น่าจะรอดรึเปล่า? ขอถามรายละเอียดเป็นเเนวทางก่อนไปปรึกษาทนายนะคะ ขอบคุณอีกทีค่ะ จากคุณ : จขกท (น้ำผึ้งหยดเดียว) - [ 26 ก.ย. 48 11:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรียน จขกท. โอกาสของแม่ตอนกู้เป็นผู้กู้ร่วมครับ ให้คำยินยอม อันดับแรกให้ไปขอลดหย่อนดอกเบี้ยก่อน (น่าจะยาก) อันดับต่อมา เมื่อคุณโอนที่ดินแล้ว ไม่ต้องกลัวข้อนี้ให้รีบโอนเป็นชื่อคุณแล้วรีบจำนองติดสถาบันการเงิน แค่นี้ก็รอดแล้ว เพราะขณะนี้แม่คุณไม่ได้อยู่ในฐานะจำเลย ไม่ได้ทำนิติกรรมโกงเจ้าหนี้ จากคุณ : *บังสุกุล* - [ 26 ก.ย. 48 12:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จาก คคห.7 "เรื่องล้มละลาย เราฟังผิดเองค่ะ ไม่ได้ถูกสั่งฟ้อง เพราะธนาคารเล่นกล เสกเงินเข้าบัญชีพ่อเราทุกเดือนเพื่อรักษาสถานภาพ เเต่บ้านเราเนี่ยศาลสั่งยึดเพื่อขายทอดตลาด" ธนาคารไม่สามารถเล่นกลได้ ไม่สามารถเสกเงินได้ เพราะมีกฏ ระเบียบ ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ควบคุมไว้  แต่ว่า การที่คุณพ่อคุณเป็นหนี้แล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้  ดอกเบี้ยที่ค้างชำระทุกๆเดือน มันจะถูกทบเข้าไปเป็นเงินต้นในมูลหนี้  แล้วก็นำมาคิดดอกเบี้ยต่อๆไปอีกทุกๆเดือนครับ จากคุณ : AQUANAUTS - [ 26 ก.ย. 48 13:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ฟังจากอุทาหรณ์แล้วน่าจะลองต่อลองกับแบงค์ ในเรื่องดอกเบี้ยดูนะครับ   ท่าทางที่เยอะคงเป็นดอกเบี้ยผิดนัดนะครับ ไปปรึกษาอาจาร์ผมที่รามจิ   เขาให้ปรึษาฟรีๆๆที่คณะนิติศาสตร์รามคำแหงนะ   เจรจากับเขาผ่อนเป็นรายเดือน  กฎหมายครอมครองว่าให้มีเงินพอเลี้ยงชีพที่จำเป็นนะครับเขาไม่เอาคุณหมดตัวหรอก   ทางที่ดีปรึกษาที่คณะนิติรามก็ได้ครับ  ณ สำนักงาน  (คณะนิติ)หลังเก่า   ชั้นล่าง  ห้อง 1110  ม.รามคำแหง  หัวหมาก   มีเบอร์โทรให้คำปรึกษาด้วยนะ 02310 8201   ตอบทางไปรษณีย์   ที่นายชนินทร์  สำนักงานช่วยเหลือและบริการทางกฎหมายแก่สังคม  คณะนิติศาสตร์  ม. รามคำแหง   แขวงหัวหมาก  บางกะปิ กทม. 10240  แนบซองจดหมายและแสตป์ด้วยนะครับ มีอะไรให้ช่วยลองเมล์มาคุยกับผมนะ aew_redhot@hotmail.com เห็นใจครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 13:45:36 จากคุณ : ฉีจิหลิน (ฉีจิหลิน) - [ 26 ก.ย. 48 13:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าอยากปรึกษาอาจารเบี้ยวก็ของผมเลยไม่ผิดกฏหมายด้วย จากคุณ : *บังสุกุล* - [ 26 ก.ย. 48 15:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคำเเนะนำนะคะ  save mail คุณฉีไว้เเล้วค่ะ  ไว้ไปคุยรายละเอียดกับเเม่อีกที ได้เรื่องยังไงจะติดต่อไปนะคะ ถามคุณบังสุกุล ทำไมหลังโอนต้องเอาที่ไปจำนองด้วยล่ะคะ จากคุณ : น้ำผึ้งหยดเดียว - [ 26 ก.ย. 48 22:55:42 ]