ตัวผมเห็นว่าไม่ว่าเหตุการใดที่เกิดอยู่ในปัจจุปันนี้
สาเหตุล้วนมาจากเรื่องการศึกษา
หากเราจะแก้อย่างถาวร เราต้องแก้ที่การศึกษาก่อน
ผมจึงคิด ทฤษฏี ของ VICTOR ขึ้นมา
ซึ่งทุกท่านก็ลองอ่านแล้ววิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียดูครับ
สวัสดีครับทุกท่าน
มาวันนี้ผมก็มาเสนอเรื่องแนวคิดเรื่องการศึกษาไทยควรไปอย่างไร?
ผมจะเสนอแนวคิดตัวเองส่วนท่านใดถ้าหากมีข้อเสนอแนะและข้อติติงประการใดช่วยแจ้งแถลงไขด้วยครับ
1.การศึกษาเราควรให้เรียนฟรี ถึงระดับ อนุปริญญา , ต่ำกว่าปริญญาตรี 2 ปี
1.1 ค่าเรียน ฟรีหมด , ค่าเทอม , ค่าหน่วยกิจ แบบว่าไม่เสียเงินสักบาท
1.2 อุปกรณ์การเรียนฟรี ในเรื่องนี้ควรแจ้งให้รู้ กันทั่วทั้งประเทศ อย่างจริงจังและโปร่งใส ประมาณว่า ออกโฆษณา ตั้งเป็นกลุ่มบริหาร
โดย ขอให้ นายทุนในท้องถิ่น หรือนายทุนระดับชาติ เข้ามา ช่วย เช่น เรื่องสมุด หนังสือ ปากกา ดินสอ รองเท้า ถุงเท้า ยางลบ
ฟุตบอล วอลเล่ ปิงปอง และรัฐบาลก็ออกทุนส่วนหนึ่ง และคอยควบคุมเรื่องการศึกษา
ข้อดี
คนที่ฐานะยากจนก็จะได้เรียนหนังสือด้วย จะได้ไม่ออก ไปทำงานทั้งที่ตัวเองยังไม่พร้อม ทำให้ปิดกั้นตัวเองเวลาโตขึ้น
ทำให้มองโลกกว้างขึ้น ไม่โดนหลอกได้ง่าย , ทำให้ไม่ไปเกเร ติดยา ตั้งแก๊ง.
ความเป็นไปได้
เป็นไปได้มากครับ เพียงแต่รัฐบาลต้องโปร่งใสอย่างมาก โดยโฆษณาออก ทีวีให้เป็นเรื่องเป็นราว
แล้วตั้งเป็นกลุ่มบริหารเรื่องอุปกรณ์บริจาคอย่างชัดเจน โดยอาจดึงมูลนิธิ
ที่คอยช่วยเหลือสังคมอยู่แล้วมาเป็นคณะกรรมการด้วยก็ได้เช่น มูลนิธิประวีณา โดยต้องเอากลุ่มคนที่ทำเพื่อสังคมจริงๆ
โดยอาจให้ประชาชน ส่วนใหญ่เห็นด้วย ถึงกลุ่มผู้ทำงานกลุ่มนี้ ว่าเป็นใครมาจากไหน เดี๋ยวไม่งั้นเจอแบบ นมโรงเรียนอีก
แต่เรื่องพวกนี้ หากประชาชน ในพื้นที่ เข้าช่วยกันเป็นหูเป็นตาก็ยากครับที่ใครจะโกงได้ เพียงแต่ต้องให้เขารักและศรัทธาก่อนว่า
การศึกษาที่ดีนั้นสำคัญมากเพียงใดและเมื่อคนเห็นตรงนี้แล้ว เขาก็จะเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเมื่อคนช่วยเหลืออย่างเต็มที่
และคอยใส่ใจ คนที่คิดจะโกงก็ยากครับ และยิ่งเมื่อเขาเห็นผลของมัน แทนที่เขาจะโกงเขาอาจหันกลับมาช่วยก็ได้ครับ.
1.2 ระหว่างเรียน จัดหางาน พิเศษให้เด็กทำ
ส่วนนี้จะช่วยทำให้เป็นไปได้มากขึ้นครับ นั่นก็เพราะ เด็กเรียนฟรีแต่ไม่มีเงินกินข้าวอันนี้ก็แย่ครับ ไม่สำเร็จอีก
ระดับประถม
เช่นอาจจะตั้งเป็นกลุ่มเกษตร หลังโรงเรียน เพื่อให้เด็ก เอาผัก เอาไก่ เอาหมู เอาวัว ไปเลี้ยง แปลงปลูกข้าว
(โดยทุนหาได้จากนายทุนในท้องถิ่น เช่นเลื้ยงวัว ก็เอาลูกวัวมาเลี้ยงต่อ ต่อๆ ไปให้รุ่นน้องต่อ)
หรือสอนศิลปะงานฝีมือที่ไม่ยากเกินไปให้เด็กทำ หรือเพิ่มความสามารถให้เด็กด้านใด ด้านหนึ่ง โดยดูจากลักษณะพื้นที่ ท้องถิ่น
แล้ว รัฐบาลเป็นตัวกลาง นำออกไปขาย เอารายได้ตั้ง เป็นกองกลาง ขยายงานออกไป อาจตั้งเป็นร้าน ฝีมือเด็กประถม
โดยรวม มาจากทุกที่ในประเทศ มารวมอยู่ในร้านเดียว แล้วตั้งร้าน อยู่ในตัวเมืองทุกจังหวัด อาจเปิดเป็น เว็บขายของก็ได้
ทั้งไทยและเทศ โดยให้เด็ก เจียดเวลา หลังเลือกเรียน หรือ วันหยุดซึ่งตรงวันหยุดนี่ต้องคิดให้ดีอีกที ถึงความเป็นไปได้
ระดับมัธยม
ก็คล้ายๆระดับประถมครับ เพียงแต่อาจจะเพิ่มความยากของงานที่ต้องใช้ฝีมือให้มากขึ้นไปอีก
เสริมครับ การทำสินค้าพวกนี้ ต้องมีการตรวจสอบส้นค้า ควบคุมคุณภาพ บรรจุภัณท์ ที่ดี และต้องมีการทำตลาด โฆษาอย่างชัดเจน
และเป็นมืออาชีพ
ระดับอนุปริญา
ในระดับนี้ ก็ทำคล้ายๆกับของประถมและมัธยม
เพิ่มเข้ามาคือ ควรพาเด็กพวกนี้เข้าทำงาน ในห้างร้าน บริษัท หรือกลุ่มองค์กรณ์ต่างๆ และต้องให้ค่าแรงให้ถูกต้องตามกฏหมายด้วยน่ะครับ
และงานต้องเป็นงานลักษณะงาน part time คล้ายๆกับพวกเด็กที่ไปเรียนเมืองนอก โดยให้โรงเรียนและรัฐบาลเป็นผู้ จัดหาและประสานงาน
ก็ให้เด็กเลือกครับ ว่าจะไปทำงานตามบริษัท หรือจะทำงานกลุ่มฝีมือ ใครถนัดด้านไหนก็ส่งเสริมด้านนั้นครับและต้องส่งเสริมให้ถึงที่สุด.
สิ่งที่ควรสอนในโรงเรียน เรื่องนี้ยาวถึงปริญาครับ
1.ศาสนา ก่อเกิดปัญญา
ผมให้เป็นอันดับหนึ่งเลยครับ เพราะอะไร เพราะว่าคนเรานั้นเก่งแค่ไหนก็ตาม รวยแค่ไหนก็ตาม หากไม่เป็นคนดีแล้ว สังคมก็จะเต็มไปด้วยคนเก่ง
คนรวยที่ไม่ดีเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด , คิดดูครับ หมอฆ่าภรรยา , พระปลอม , ตำรวจรับส่วย , มาเพียทั้งมีสีและไม่มีสี , ครูข่มขืนศิษย์ พ่อข่มขืนลูก ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหา หมักหมม ครับ การที่จะแก้ได้ต้อง พึ่งที่เด็กรุ่นใหม่ แต่หากเด็กเหล่านี้ ยังมาเจอสังคมแบบนี้โดยขาดภูมิคุ้มกัน
เชื่อแน่ว่า สังคมไม่มีทางพัฒนาไปได้อย่างราบรื่นแน่ครับ เด็กดีบางคนด็ไม่มีตังค์เรียน ซ่ะอย่างนั้น ไม่มีโอกาสเลือกทางเดินชีวิตได้เท่าที่ควร
การใช้ศาสนาเข้าช่วย เพียงขอให้คน รู้จักการให้บ้าง รู้จักการให้อภัย รู้จักการใช้สติ รู้จักบาปกรรม ไม่ต้องมากครับ
ขอให้มีบ้าง แค่นั้นก็พอให้สังคมอยู่กันอย่างสันติ
2.สังคม
การอยู่ในสัมคม ,ขนบธรรมเนียมประเพณี ,กฏหมาย ,การเมือง ,มนุษย์สัมพันธ์,เพศ , เรื่องต่างประเทศ , ประวัติประเทศ , จิตวิทยา โดยอาจารย์ควรสอนอย่างจริงจัง
และเปรียบเทียบถึงการใช้งานจริงในสังคม ไม่ใช่สอนเหมือนทฤษฏี ให้เรียนแค่ผ่านๆไป
3.เทคโนโลยี
เรื่องนี้ก็สำคัญครับ หากไม่สอนเรื่องนี้ เข้าไปด้วย เราก็จะพัฒนาสู้ต่างประเทศไม่ได้
โดยผมขอแบ่งเป็นสองอย่างครับคือ
3.1.เทคโนโลยีการประยุกค์ใช้ นั่นก็คือเช่น การทำเครื่องรดน้ำแปลงผัก อัตโนมัติ อย่างนี้แหละครับ
โดยให้สอดคล้องกับ ชีวิตประจำวันให้มากที่สุด โดยไม่ทิ้ง วิถีเดิมไม่งั้น อีกหน่อยเราจะไม่เหลือสิ่งที่เรียกว่า แบบอย่างไทย
3.2.การออกแบบสิ่งใหม่ อันนี้ก็จำเป็นครับ เพราะหากเราใช้แต่แบบที่หนึ่ง เราก็ต้องขายข้าวแลกทีวีอยู่อย่างนี้แหละครับ เราต้องออกแบบเองบ้างและต้องเป็นสิ่งใหม่เพื่อเอาไว้ต่อสู้กับต่างประเทศ เพียงแต่ว่าเราปลูกข้าวก็ปลูกไป แต่ว่าเราก็คิดค้นสิ่งใหม่ไปด้วย ไม่งั้นวันหนึ่งเราแย่แน่ครับ เพราะตอนนี้เราไม่มีรถยนต์ แบนไทยดีๆเลย ทั้งที่เชื่อแน่ว่าถ้าหากเราทำ เราทำได้ บริษ้ทส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ
ดูได้ตามนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ดูที่เห็นขายต่างชาติได้ก็มีอยู่ผมยกตัวอย่างครับ เครื่องเสียง magnet ครับของไทยแต่เป็นที่ยอมรับในสากลครับแถมราคาก็ไม่ถูกครับ นี่แหละครับเราต้องสู้ด้านนี้ครับ ตลาดบนเพราะเรามันช่างฝีมืออยู่แล้ว คนไทยเป็นคนละเอียด ถ้าทำรถสปอร์ตแข่งกับ เฟอรารี่ คงสนุก ให้รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ไปเลย.
4.เศรษกิจ
ต้องให้เด็กรุ่นใหม่รู้เรื่องเศรษกิจ การเงิน, อัตราแลกเปลี่ยน ,บัญชี, การตลาด , โฆษณา เอาแบบใช้จริงครับ
แบบงูๆปลาไม่เอาครับ หาพวก มหาเศรษฐีเมืองไทยมาบรรยายพิเศษ หรือเป็นที่ปรึกษาไปเลย ไม่งั้นมีสินค้าแต่ขายไม่เป็นก็สิ้นท่า.
5.การต่อสู้ ,ศิลปะป้องกันตัว , อาวุธ , สงคราม , เทคโนโลยีการสงคราม
สิ่งนี้จำเป็นมากเช่นกันครับ เพราะในทุกสังคมในโลกย่อมมีคนไม่ดี นั่นรวมไปถึงคนที่ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ตัวเองได้
คนเหล่านี้ถ้ามีอำนาจน่ากลัวครับ การจะสู้กับคนเหล่านี้ ก็คือสู้ได้สองแบบ ต้องดีใจหายครับ ประมาณว่า
ยอมเอาตัวเองไปขวางให้เขาฆ่าเราแทนที่จะฆ่าคนอื่น แต่เชื่อเหอะครับ บางคนมันยิงเราเสร็จแล้วก็หันไปยิงคนที่มันจะยิงตั้งแต่แรกอีกที
วิธีที่สองคือ ตาต่อตาฟันต่อฟันครับ หากเรารู้กฏหมายโจรอยู่ในบ้าน ยิงโป้งครับจอด , การป้องกันตัวเอง เจอพวกเมายาวิ่งเข้ามาครับ มวยไทย ตีเข่าฟันศอกครับ ร่วง แต่อย่าลืมครับต้องอยู่ภายใต้กฏหมายไม่งั้น เราก็กลายเป็นโจรครับ.
ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไร ทฤษฏีเหล่านี้ เป้นสิ่งที่ผมคิดขึ้นมาก็เพื่ออยากเห็นสังคมไทยดีขึ้น อยากให้ดีกว่านี้มากๆ
อย่าลืมครับนี่คือแนวคิด ซึ่งต้องเอาไป แตกหน่อ แตกประเด็นปลีกย่อยไปอีก สืบหาความเป็นไปได้ คำนึงถึงอุปสรรคเบื้องต้น และอื่นๆอีกมาก
แต่ก็นั่นแหละครับ หากเราบอกว่าติดเรื่องโน้นติดเรื่องนี้ แล้ววางแมะไว้ที่เดิม ก็คงไม่สำเร็จและไม่ได้ทำสักที
"คงเหมือน ที่บอกว่า คนเราจะบินได้อย่างไร บ้าจริงๆ" หรือ "โลกมันกลม"
ไม่ว่าปัญหาอะไรจะเกิด หากแต่เราคิดแก้ ร่วมมือกันอย่างจริงจังโดยไม่มัวแต่มองว่าใครผิด แต่มองว่าเราจะช่วยกันแก้อย่างไร ปัญหาเหล่านั้นย่อมถูกแก้ไขให้สำเร็จลุล่วงไปได้.
ปล.หากใครคิดว่าแล้วใครจะทำ รัฐบาลคงไม่สนใจเอาไปทำหรอก
ผมจะบอกเลยไม่เห็นต้องรอครับ เราๆท่านๆนี่แหละครับ สอนลูกท่านครับ เด็กที่อยุ่ตรงหน้าท่านครับ แต่ก่อนจะสอนได้ท่านต้องศึกษาก่อนครับได้ผลดีกว่ารัฐบาลทำเยอะครับ ลองคิดดูครับ หากท่านทำคนข้างๆท่านทำ ไม่ต้องกลัวครับสังคม เราดีแน่ และจะไม่มีใครหน้าไหนมา สั่นครอนมันให้ขยับได้เลย เขาจะเป็นเด็กที่ดี ฉลวด อยู่ในสังคมได้ และสู้คนได้เช่นกัน.
คำถามปิดท้าย
ไม่ทำได้ไหม?
เชื่อเหอะครับ คุณไม่ทำเขา เขาก็ทำคุณ คนไทยไม่ทำกันเอง ต่างชาติก็ทำเรา ต่างชาติไม่ทำ วันหนึ่งข้างหน้า มนุษย์ต่างดาวก็อาจมาทำเราก็ได้ คิดซ่ะว่าทำเพื่อลูกคุณก็แล้วกัน.
จากคุณ :
VICTOR
- [
29 พ.ย. 48 12:18:07
A:10.0.7.105 X:202.57.130.163 TicketID:112408
]