ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าจะเอ่ยอ้างถึงทุจริตเชิงนโยบาย (ความจริงก็ไม่เคยได้ยินคำหรูๆแบบนี้มาก่อน) ผมว่าข้อมูลที่เอามาโพสต์มันไม่ตรงกับความจริง
เพราะทุจริตเชิงนโยบายเริ่มมีตั้งแต่ปี 41 แล้ว ไม่ใช่ หลังปี 44 ลองอ่านข้อมูลต่อไปนี้ แล้วจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 41 โน่น โดยพรรคการเมืองเก่าแก่ ความเสียมีมูลค่าถึง 600,000 ล้านบาท
ความไม่ชอบมาพากลและความผิดพลาดของปรส.ตั้งแต่ต้นจนปลาย ตั้งแต่ปี 2541 ทุกวันนี้พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงทุกประการ
ขอสรุปสั้น ๆ ด้วยภาษาชาวบ้านดังนี้
1. รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งปรส.ขึ้นมาให้ทำหน้าที่ปฏิรูปสถาบันการเงินให้มีความแข็งแรงและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จึงให้หยุดกิจการ 58 สถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว แต่ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนแปลงไปหมด มีการสั่งปิดตาย 56 สถาบันการเงินทันที และเปิดใหม่เพียง 2 แห่ง เสมือนเป็นการเริ่มต้นของแผนร้ายที่ถูกเรียกขานว่า ปล้นชาติ และ ขายชาติ โดยไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิม
2. เมื่อปิดสถาบันการเงินแล้วโอนทรัพย์สินและลูกหนี้ประมาณ 8 แสนล้านบาทไปให้ปรส.บริหารจัดการ โดยรัฐบาลรับใช้หนี้เงินฝากแก่ประชาชน ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ คือจะต้องจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ทัดเทียมกัน มิฉะนั้นรัฐบาลก็จะเสียหาย ซึ่งก็คือประชาชนเสียหาย
3. ผู้บริหารปรส. และธปท. จ้างฝรั่งมาเป็นที่ปรึกษา และกำหนดให้ขายทรัพย์สินทั้ง 8 แสนล้านบาทโดยเร็ว แต่ไม่ให้ลูกหนี้เดิมมีส่วนซื้อ และจะขายเป็นกอง ๆ ละประมาณหมื่นล้านบาท เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เฉพาะต่างชาติซึ่งเป็นพรรคพวกเท่านั้น
4. ที่ปรึกษาฝรั่งเข้ามาตรวจสอบรายการทรัพย์สินที่เป็นลูกหนี้ทั้งหมด รวบรวมเก็บข้อมูลทั้งหมด แล้วจัดกองลูกหนี้เองทั้งหมด จากนั้นก็กำหนดเงื่อนไขการขาย คือไม่ให้ลูกหนี้เข้าประมูล และเมื่อขายกองละหมื่นล้านบาทขึ้นไปก็เท่ากับกีดกันผู้ประมูลทั่วไปให้เหลือน้อยลง แต่คนที่รู้ไส้รู้พุงก็คือที่ปรึกษาฝรั่งนั้น
5. เมื่อประกาศประมูลก็มีผู้แสดงความสนใจหลายราย ต่อมามีการเปิดให้มีการตรวจกองลูกหนี้เพื่อจะได้รู้ฐานะและจะเสนอราคาได้ถูกต้อง หลังจากเปิดให้ตรวจแล้วมีการสลับกองลูกหนี้ ย้ายลูกหนี้กองนั้นไปไว้กองโน้น ทำให้ผู้สนใจที่มาตรวจดูกองลูกหนี้ไม่แน่ใจว่ากองหนี้ที่ตั้งใจจะประมูลเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จึงทำให้มีผู้สละสิทธิ์ไม่เข้าประมูลหลายราย เหลือแต่พรรคพวกในขบวนการเดียวกันเท่านั้น
6. ในจำนวนผู้สนใจซื้อหนี้ มีบริษัทที่ที่ปรึกษาฝรั่งถือหุ้น 99.99 % รวมอยู่ด้วย และชนะการประมูลเพราะรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว
ทรัพย์สิน 8 แสนล้านบาทจึงขายได้เงินเพียง 2 แสนล้านบาท
เท่ากับชาติถูกปล้นไป 6 แสนล้านบาท !
เป็นมหาวีรกรรมในการปล้นชาติระดับโลกที่ต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน
7. พอชนะประมูลแล้วยังคิดโกงภาษีต่อไป โดยยกเว้นภาษีให้ แต่ต้องตั้งเป็นกองทุน ดังนั้นเมื่อถึงวันเซ็นสัญญา ผู้ชนะประมูลไม่ได้เซ็นสัญญา คงมีแต่ปรส.เซ็นชื่อข้างเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการทำสัญญาแบบไหน แล้วมีการโอนเงินเข้ามาชำระเงินงวดแรก หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเมื่อมีการตั้งกองทุนเสร็จ ก็เอากองทุนเข้ามาทำสัญญา เป็นการโกงภาษีอีกต่อหนึ่ง *********************************************** นโยบายในเรื่องนี้ก็คือ - ปิดตายสถาบันการเงิน 56 แห่งจาก 58 แห่ง ทั้งๆที่นับสิบๆแห่งสามารถเข้าไปฟื้นฟูได้ - ให้ขายหนี้ไปเป็นกองใหญ่ๆ โดยไม่ต้องเยกหนี้เน่าออกจากหนี้ดี -ให้แบ่งขายเป็นกองใหญ่ๆนับหมื่นล้านขึ้นไป (คนไทยหน้าไหนจะมีปัญญา) - ห้ามลูกหนี้เดิมเข้าประมูลซื้อ
สุดท้ายผลที่เกิดขึ้นคือ ผู้ประทูลได้เป็นบริษัทลูกของ บริษะทที่ปรึกษาทางการเงินของนัฐบาลในขณะนั้น ที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทที่ประมูลได้ถึง 99.99%
สินทรัพบ์ 800,000 ล้านขายไปเพีบง 200,000 ล้านบาท -
จากคุณ :
จาง ซู เหลียง
- [
9 ธ.ค. 48 00:58:58
A:203.156.31.90 X: TicketID:058720
]
|
|
|