PANTIP.COM : P3982824 **คุณคิดว่า..ประโยคไหนคู่ควรกับคุณรัตนา สัจจเทพ มากที่สุด** [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 16

สวัสดีครับ..ทุกคน

ปกติผมยกย่องใครก็ยกย่องทั้งการกระทำ และผลลัพธ์ของการกระทำอันเป็นที่สุดแล้ว

ผมไม่ได้บอกว่า คุณรัตนาผิด (ลองอ่านกระทู้และความเห็นดูได้) ไม่ผิดที่จะลุกขึ้นสู้ แต่เธอสู้อย่างฉลาด สู้อย่างหัวชนฝา เธอรู้ว่า สังคมมีจุดอ่อนอย่างไร และดึงเอามวลขนมาเป็นแนวร่วมในการต่อสู้

คำถามของทางเลือกโหวตก็ไม่ได้บอกว่า คุณรัตนาผิดตรงไหน จริงๆ มีสองข้อเท่านั้น คือ ๑/ ยังยกย่องอยู่ หรือ ๒/ ไม่จำเป็นต้องยกย่องแล้ว

ผลเป็นอย่างไร สาธารณชนในห้องนี้ลองโหวตกันดูที ประโยคที่ว่า "เงินมา รัตนา(ก็)หยุด" ไม่จำเป็นต้องไปปั้นแต่งให้มันดูสวยหรูหรอกครับ แค่นี้เข้าใจง่ายๆ ได้และเป็นภาพสะท้อนความเป็นจริงของคุณรัตนา (หรือไม่) สังคมในนี้เป็นผู้ชี้ขาด

ความจริง กทม.เคยเสนอเงินให้แล้ว รู้สึกว่าจะประมาณ ๓ ล้านบาท แต่คุณรัตนาไม่ยอมรับ อ้างโน่นอ้างนี่ สุดท้าย ก็มาลงเอยที่เพิ่มวงเงินเป็น ๖ ล้าน

จริงๆ ก็น่าคิดเหมือนกันว่า ถ้าได้เงินจำนวนที่น่าพอใจแต่ต้น คือ กทม.ยอมควักจ่ายให้ตั้งแต่ตอนนั้น ก็อาจไม่มีบ้านสีดำ และไม่ต้องมาตากแดดตากฝนที่หน้ากทม.

ที่บอกว่า ต่อสู้มา ๑๑ ปีนั้น ผมไม่แน่ใจนะครับ จริงๆ ข่าวคุณรัตนาเพิ่งมาถึงหูผมประมาณ ๕ ปีที่ผ่านมานี้เอง เมื่อเจ้าหน้าที่กทม.จะไปรื้อบ้าน

๑๑ปี คงไม่ใช่ระยะเวลาในการต่อสู้เรื่องนี้นะ แต่น่าจะเป็นตั้งแต่ซื้อบ้านนี้มา

ส่วนเรื่องการเอาผิด..
เนื่องจากการก่อสร้างและการจำหน่าย เกิดขึ้นในช่วงที่ยังไม่มีกฎหมายการจัดสรรที่ดินฉบับปจจุบัน (รู้สึกว่าจะเริ่มใช้ปี ๔๐) ผู้ประกอบการหลายรายจึงถือประโยชน์จากที่จอดรถเดิม สวนสาธารณะเดิม มาก่อสร้างเป็นอาคารเพื่อจำหน่ายภายหลัง

แนวทางการต่อสู้ของคุณรัตนามันทะแม่งๆ และปรับเปลี่ยนตามที่เธอต้องการมาตลอดเวลา โดยมีสื่อมวลชนและประชาชนส่วนหนึ่งหนุนหลัง

๑) แรกเลย ต้องการให้บ้านหลังนี้มีสถานภาพที่ถูกกฎหมาย สามารถอยู่อาศัยและจำหน่ายให้บุคคลอื่นได้

๒) ต่อมา ต้องการให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างถึงที่สุด คำว่า ที่สุดของเธอมีนัยยะมากกว่า ลดขั้น ตัดเงินเดือน แต่เธอก็ไม่ได้บอกว่า ที่สุดนั้น มันสุดทางตรงไหน

๓) เริ่มเปลี่ยนมาเป็นข้อเรียกร้องที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ และในที่สุดแปลงข้อเรียกร้องเป็นจำนวนเงินที่พอใจ แต่ในส่วนนี้ เธอไม่เคยออกข่าวให้สังคมรับทราบเลย

ความจริงกทม.ก้เคยเสนอให้เธอย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ดีกว่าปักหลักอยู่หน้าศาลากลาง โดยกทม.ยอมออกค่าใช้จ่ายให้ แต่เธอยืนกรานจะสู้จนตายที่นี่ (ใครจะยอมให้เธอตายได้เล่า) โดยลูกของเธอก็คือ ตัวประกันสำคัญที่ดึงมวลชนมาเข้าข้าง ลูกเธอต้องลำบากเพราะกทม.ไม่ให้ที่อยู่หรือเพราะเธอต้องการให้ลูกลำบากเพื่อดึงมวลชนให้เกิดความเวทนาล่ะครับ ลองไปคิดกันดู

ถ้าคุณรัตนาพูดเรื่องข้อเรียกร้องจำนวนเงินแต่แรก คงไม่สามารถดึงมวลชนมาเป้นแนวร่วมได้ แต่เธอเลือกประเด็น "สู้เพื่อความถูกต้อง" เอาผิดให้ถึงที่สุด นั่นทำให้เกิดความเลื่อมใส ศรัทธา

เรื่องควรยุติ ผมเห็นด้วย เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อสังคมมากไปกว่านี้แล้ว ยืดเยื้อไปก็แค่นั้น

แต่คุณห้ามกองเชียร์คุณรัตนาที่ผิดหวังไม่ได้หรอกครับ เพราะพวกเขามีส่วนผลักดันเพื่อคุณรัตนามาตลอดเพราะเข้าใจว่า เธอต่อสู้เพื่อบ้านหลังหนึ่ง
.................................
บทสรุปของเรื่องนี้..

๑/ กทม.และรัฐบาลเสียเงินไป ๑๒.๕ล้านบาท
๒/ นายทุนผู้ประกอบการลอยนวล
๓/ เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมกระทำความผิดยังทำงานที่กทม.อยู่เช่นเดิม
๔/ นางรัตนาได้เงินจำนวนที่พอใจ
๕/ ประชาชนกองเชียร์ส่วนหนึ่งผิดหวังกับบทสรุป

ก็แค่นั้นแหละครับ

จากคุณ : *bonny - [ 28 ธ.ค. 48 08:11:16 ]