ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีปัญหา แค่อู่ใช้น้ำมันเกรดห่วยขึ้นให้คุณเท่านั้นเอง ควรหลังซื้อไปเอง เสียค่าแรงดีกว่า จากคุณ : ป๋องแป๋งแนท - [ 13 ม.ค. 49 14:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก็แค่หนืดขึ้นแค่นั้น เครื่องไม่พังหรอกครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 13 ม.ค. 49 15:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่อุณหภูมิเมืองไทย แทบจะไม่หนืดขึ้นนะครับ สังเกตเลขตัวหลังยังเท่าเดิม เลขตัวหน้าวัดที่ 0 องศา F -------------------------------------------- ส่วนเกรดห่วย จริงๆ แล้วไม่เกี่ยว ตัวเลขนี้เป็นแค่ดัชนีความหนืด คนละตัวกับเกรดคุณภาพ แต่ตามความเป็นจริง ก็ไม่ผิด  เพราะน้ำมันเครื่องรุ่นใหม่ๆ ที่ "เกรดคุณภาพ" สูงกว่า มักจะทำเบอร์ใสๆ ไม่ทำเบอร์ 20W-50 ออกมาขาย ดังนั้นก็พอจะพูดได้ว่า น้ำมัน 20W-50 เป็นเกรดห่วยกว่า (เพราะเป็นรุ่นเก่ากว่า) ได้เหมือนกัน จากคุณ : อากง - [ 13 ม.ค. 49 15:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณอากง บอกได้ถูกต้องแล้วครับ ที่น่าจะดูก็คือเป็นน้ำมันเครื่องเกรดอะไรครับ เช่นเบ็นชินขึ้นต้นด้วยเกรด S ดีเซลจะขึ้นต้นด้วย C แล้วตัวหลังต่อไปยิ่งมากยิ่งดีเช่น SM ย่อมดีกว่า SE ครับ จากคุณ : apexthai (apexthai) - [ 13 ม.ค. 49 16:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมกลับมองว่า รุ่นนี้ น่าจะเหมาะกับการใช้ 20W50 มากกว่า 5W50 นะครับ หากเครื่องยังเป็นตัวเดิม จากคุณ : BigA - [ 13 ม.ค. 49 16:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คคห. 3 - 5 ถูกต้องนะคร้าบบบบ จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 13 ม.ค. 49 17:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เลขตัวหน้าวัดที่ 0 องศา F >>>>>>>>>> ขออนุญาติขัดคออากงสักนิดในฐานะคนคุ้นเคย คงไม่ว่ากัน :-) ตัวหน้าที่ลงท้ายด้วย W เช่น 5W หรือ 20W ถ้าเป็นน้ำมัน single grade เขาวัดที่ 0F ถูกแล้วครับ แต่ multigrade ไม่ได้วัดอย่างนั้น เลขตัวหน้ามีความหมายอีกอย่างหนึ่ง เขาหมายถึง pour-point ของน้ำมันตัวนี้วัดได้ที่ Temperature ต่ำเท่าไร ที่น้ำมันยังไหลได้ คือ cranking เครื่องยนต์ได้ เช่น น้ำมันสองตัวนี้เขาวัดที่ temperature ต่างกัน 5w low-temperature cranking viscosity @ -25C 20w low-temperature cranking viscosity @ -10C (เดี่ยวผมจะค้น Def ของ SAE ASTM API มาให้ดู) แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 49 19:54:19 จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ 13 ม.ค. 49 19:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Multiviscosity grade Oils (multi-grade) are defined by both of the following criteria 1) Maximum low temperature cranking and pump viscosity coresponding to one of the "W" grade ...and.. 2) Max and Min kinetic visocities at 100 C and a min. High Shear viscosity at 150C coresponding to one of the "non-W" grades (คือ เลขตัวหลัง) ref Engine Oil viscosity classification SAE J300 Dec 95 จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ 13 ม.ค. 49 20:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเลขตัวหลังเท่ากัน เลขตัวหน้ายิ่งต่ำเท่าไร ยิ่งแสดงว่า "น้ำมันตัวนั้นยิ่งมีคุณภาพดีขึ้น" เพราะ น้ำมัน multigrade ยิ่งมี"ช่วงกว้าง"ขึ้น ก็จำเป็นต้องใช้ base-stock ที่มีคุณภาพสูงขึ้น ที่เป็นอย่างนี้ เนื่องจากหลักการทำ multi-grade ก็คือเอาน้ำมันใส "ประมาณ" เท่ากับเลขตัวหน้า คือ 5w แล้วเอา additive คือ VII viscosity index improver ใส่เข้าไป VII ทำงานอย่างนี้ครับ ที่อุณหภูมิต่ำ มันจะขดกันเป็นก้อนกลมเล็กๆ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น มันค่อยๆคลี่กระจายออกเป็น "เส้นยาว" ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงของน้ำมัน (High Shear ) เช่นเดียวกับ "เหล็กเส้น" ที่เราเสริมคอนกรีต ทำให้คอนกรีตแข็งแรง (ผมขอใช้คำว่า "ประมาณ" ไปก่อน เพราะเทคนิคตรงนี้มีการพัฒนาขึ้น เดี่ยวจะเล่าทีหลัง) ถ้า multigrade ช่วงกว้างขึ้น ===> ก็ต้องใส่ VII มาขึ้นจริงไหม ผลที่ตามมาคือมันไหลผ่าน filter ได้ยาก ทำให้ filter test ไม่ผ่านซิครับ (เขาใช้ GM-EOFT engine oil filter test) ในเมื่อใส่ VII มากๆ มันไม่ผ่านการ Test เขาจำเป็นต้องใช้ base stock ที่มีคุณภาพดีขึ้น คือ มี VI (เริ่มต้น) ดีกว่าเดิม จนถึง synthetic ที่มี VI สูงที่สุด ดังนั้น น้ำมัน multigrade ที่มีเลขตัวหน้ายิ่งต่ำเท่าไร น้ำมันนี้ยิ่งมี "ช่วงกว้าง" ขึ้นเท่านั้น ==> ในขณะเดียวกัน base oil ที่นำมาใช้ ก็ยิ่งดีขึ้นเช่นกัน ที่คุณข้างบนบอกว่า 20w ห่วยกว่านั้น ถูกแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 49 20:26:08 จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ 13 ม.ค. 49 20:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จะเห็นได้ว่า "เลขตัวหน้า" สะท้อนคุณภาพของ base stock ที่นำมาผลิตน้ำมัน มันบอกคุณภาพน้ำมันโดยตรง จึงไม่ควรละเลยเลขตัวหน้าครับ จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ 13 ม.ค. 49 20:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณครับคุณช่างกล จากคุณ : อากง - [ 13 ม.ค. 49 20:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 49 20:52:38 จากคุณ : v (อากง) - [ 13 ม.ค. 49 20:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอถามคุณ ช่างกลเพิ่มครับ แล้วสำหรับเมืองไทย ตัวเลขข้างหน้ามีผลกับเครื่องยนต์หรือไม่ อย่างไร ครับ เพราะตัวเลขข้างหน้าที่ต่างกันล้วนแล้วแต่วัดกันที่อุณหภูมิติดลบทั้งสิ้น.....   ถามเป็นความรู้ครับ ถ้ามันไม่มีผลอะไรเลยสำหรับประเทศที่อุณหภูมิอยู่ที่สิบกว่าๆยี่สิบองศาขึ้นไปทั้งปี แสดงว่าพวกเราทั้งหลายกำลังใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่ากันใช่มั้ยครับ ขอบคุณ จากคุณ : เด็กรับรถ - [ 14 ม.ค. 49 08:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เจ้าของกระทู้ ไม่ต้องตกใจนะครับ เกรดต่างกัน แต่ไม่ได้มีผลให้ถึงกับเครื่องพัง หรือสึกหรอกเร็วกว่าเดิม มากหรอกครับ ยังใช้ได้นะแหละ ขอเสริมตรงเกรด S กับ C นะครับ เกรด S จะของเครื่องเบนซิน อย่างที่ข้างบนว่า ส่วนตัวกอักษรหลัง นั้น จะหมายถึง คุณภาพว่าดีมากน้อยแค่ไหน โดยจะเรียงจาก A-Z ซึ่งพูดง่ายๆก็คือ น้ำมันเครื่องที่ถูกพัฒนามาทีหลัง มันก็ต้องดีกว่าของเดิม เพราะฉะนั้น ตัวอักษรหลัง S ยิ่งไปไกลจาก A เท่าไหร่ แปลว่าคุณภาพของน้ำมันเครื่องก็ต้องดีตามนั้น ปัจจุบันนี้ น่าอยู่ที่ SM มั้งครับ ส่วน C ก็ดีเซล ก็หลักการเดียวกัน และถ้าเห็นที่แกลลอนหรือถังหรืออะไรก็ตาม เขียนว่า SM-CF อะไรเทือกเนี้ย อย่าสับสน เพราะน้ำมันครื่อง จริงๆแล้ว ใส่ได้ทั้งเครื่อง เบนซิลและดีเซล แต่เหมาะจะเครื่องไหน ให้สังเกตุว่า เขาเอาตัวอะไรอยู่ข้างหน้า ถ้า S อยู่ข้างหน้า หมายถึง เหมาะกับเครื่องเบนซินมากกว่า ถ้า C อยู่ข้างหน้าหมายถึง เหมาะกับเครื่องดีเซลมากกว่า ส่วนใช้ความหนืดไหนในคู่มือรถก็มีบอก แล้วแต่จะเลือกครับ สูตรอะไรยังไงก็อย่างที่คุณ ช่างกล บอกแหละครับ จากคุณ : Niceguy_C - [ 14 ม.ค. 49 11:58:35 A:61.90.124.44 X: TicketID:004452 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วสำหรับเมืองไทย ตัวเลขข้างหน้ามีผลกับเครื่องยนต์หรือไม่ อย่างไร ครับ เพราะตัวเลขข้างหน้าที่ต่างกันล้วนแล้วแต่วัดกันที่อุณหภูมิติดลบทั้งสิ้น >>>>>>>>>>>>>>>>> วันนี้ผมเข้ามาช้า เห็นคำถามนี้ก็ชอบใจ เป็นคำถามที่มีประโยชน์มาก และจะช่วยยืนยันว่า เมืองร้อนหรือเมืองหนาวไม่ใช่เหตุผลที่จะละเลยเลขตัวหน้าครับ ตัวเลขข้างหน้ามีผลกับตัวเลขตัวหลังมากครับ มันมีผลกับ ...."Max and Min kinetic visocities at 100 C and a min. High Shear viscosity at 150C coresponding to one of the "non-W" grades (คือ เลขตัวหลัง)" น้ำมันที่มีเลขตัวหลังเท่ากัน แต่เลขตัวหน้าไม่เท่ากัน มีค่า high-shear high-temp ==> ไม่เท่ากัน   ( HS/HT คือค่าความแข็งแรงของฟิล์ม ที่อุณหภูมิสูง) ตัวอย่างเช่น 1) 0w-40 ค่า HS @ 150C =2.9 cP 2) 15w-40 มีค่า HS @ 150C = 3.7 cP ตัวเลข HS = 2.9 หรือ 3.7 cP  มีนัยสำคัญกับการใช้งานอย่างมาก ที่สำคัญเป็นการวัดที่ "อุณหภูมิสูง" คือ 150C Historically 0w-40 has been used primarily in *light duty* engine this multigrade oils must meet a minimum high-temperature high-shear viscosity limit to 2.9 cP Incontrast SAE 15w-40 has typically been used in *heavy-duty* engines. The manufacturers of such engine have required HS (high-shear) viscosity limits consistent with good engine durability in high-load, serve service applications. This oils must meet a minimum high-temperature , high-shear viscosity limit of 3.7 cP เพราะเหตุที่ 15w-40 ใช้สำหรับ heavy-duty ประมาณปี 80 น้ำมัน 15w-40 ตัวนี้ได้รับความนิยมมากสำหรับรถขนาดหนัก (พอดีเครื่องสแกนของผมเสีย เลยใช้วิธีลอกมาให้ดู ) แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 18:29:27 จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ วันเด็กแห่งชาติ 18:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จะเห็นได้ว่า "เลขตัวหน้าต่ำ" มีผลกับเลขตัวหลัง(ที่เท่ากัน) ทำให้ค่า high shear ต่ำ ==> ใช้งานหนักไม่ดี ใช่ไหมครับ ??? ถ้าดูอย่างนี้อาจคิดว่า เลขตัวหน้าต่ำๆ เช่น 0w-40 หรือ 0w-50 ก็ไม่เหมาะที่จะใช้งานหนัก หรือ heavy-duty ซิครับ ในทางปฏิบัติ เขาทำให้ 0w-40 มีค่า HS limits สูงได้ => 3.7 cP 1) ใช้ base-oil ที่มีค่า VI สูง 2) ใช้ base-oil ที่มี SAE สูงกว่า 0w แต่ใช้ "additive ช่วยการไหล" เรียกว่า pour point depressant Pour Point Depressant  Enable lubricant to flow at low temperatures   เช่น Alkylated naphthalene and phenolic polymers, polymethacrylates, maleate/fumerate copolymer esters Modify wax crystal formation to reduce interlocking จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ 14 ม.ค. 49 18:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จากเบอร์ที่ว่า 5W-50 น่าจะเป็นสังเคราะห์ 20W-50 เป็นน้ำมันเครื่องธรรมดาๆ ไม่ใช่กึ่งสังเคราะห์ด้วยซ้ำ แค่ใช้ของคุณภาพต่างกันครับ จากคุณ : MR.FISSION - [ 14 ม.ค. 49 18:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากเบอร์ที่ว่า 5W-50 น่าจะเป็นสังเคราะห์ 20W-50 เป็นน้ำมันเครื่องธรรมดาๆ ไม่ใช่กึ่งสังเคราะห์ด้วยซ้ำ >>>>>>>>>>>>>> แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 49 19:19:49 จากคุณ : ช่างกล (ช่างกล-หนุ่ม) - [ 14 ม.ค. 49 19:19:06 ]