ความคิดเห็นที่ 1 การรอคอยถึงขั้นตั้งกระทู้รออยู่ข้างล่าง คงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า มีหลายคนที่รออ่านบทความนี้อยู่อย่างใจจดจ่อ แม้ว่าออกจะช้าเกินควรไปสักหน่อย แต่ถือว่า ยังไม่สายเกินไป ที่เราจะมาพูดถึง รายละเอียดของ ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่กันอย่างเต็มรูปแบบ จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 01:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนอื่น มาดูกันหน่อยว่า จุดเริ่มต้นของซีวิคนั้น มาจากไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร ------------------------------------ ต้นทศวรรษ 1970 ในขณะที่ญี่ปุ่นมีอัตราการเจริญเติบโตระดับ 10% ต่อปี โฉมหน้าประเทศเปลี่ยนไปมาก ขณะนั้น ฮอนด้าเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ธุรกิจผลิตรถยนต์ ได้ไม่นานนัก ถึงแม้ความสำเร็จของรถเล็ก N360 รถสปอร์ต S600  และ S800 รวมทั้ง รถกระบะเล็ก T360 จะช่วยให้ฮอนด้าโด่งดังขึ้นมาในวงการรถยนต์สี่ล้อได้ แต่ทว่า ฮอนด้ากำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เมื่อรถรุ่น N360 ที่เคยขายได้ ถูกกล่าวหาว่าเป็นรถที่มีปัญหาด้านคุณภาพจนยอดขายลดลง ขณะที่ซีดาน รุ่น 1300 เปิดตัวออกมา แม้จะมีสมรรถนะเทียบเท่ารถยนต์ขนาด 2,000 ซีซี ทั้งที่มีเครื่องยนต์เล็กกว่า เพียง 1,300 ซีซี แต่ให้กำลังถึง 100 แรงม้า แถมยัง ระบายความร้อนด้วยอากาศอันเป็นเทคโนโลยีที่ฮอนด้าถนัด แต่กลับทำยอดขาย ไม่ดีนัก จุดเริ่มต้นของซีวิค จึงเริ่มขึ้นเมื่อ MASAMI SUZUKI ผู้ซึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไปของศูนย์ R&D บอกกับทีมวิศวกรในที่ประชุมว่า"ไปที่โรงงานซูซูกะ แล้วดูสายการผลิตนั่นซะ!" ตอนแรก SHINYA IWAKURA นักออกแบบในโครงการรถใหม่รุ่นนี้ ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเดินทางไปถึงโรงงานซูซูกะ แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นสภาพความจริง ทุกคนถึงกับกระจ่างและช็อก เพราะ 1300 ไหลออกจากสายการผลิตในระยะ ห่างๆกันเพียงไม่กี่คันเท่านั้น นี่คือสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจนถึงสถานการณ์วิกฤติในธุรกิจรถยนต์ของฮอนด้า เพราะถ้ารถเล็กรุ่นใหม่ที่พวกเขากำลังจะสร้าง ไม่ประสบความสำเร็จอีก ก็เท่ากับ ว่า ฮอนด้าอาจประสบปัญหาทางการเงินจนไม่มีทางอยู่รอดและต้องถอนตัวจาก ธุรกิจรถยนต์ เพื่อเดินหน้ากับธุรกิจจักรยานยนต์และเครื่องยนต์เล็กต่อไป อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่า การตัดสินใจจะพัฒนาและผลิตสินค้าใดๆออกจำหน่าย มักเป็นคำสั่งอันเกิดจากแนวคิดอันเฉียบคม และวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลของ โชอิชิโร ฮอนด้า ผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้าในขณะนั้น ดังนั้นหากจะสร้างรถใหม่ขึ้นมา ก็ควรจะเป็นรถที่โชอิชิโร เห็นด้วยว่าควรสร้าง มาซามิจึง แบ่งทีมงานออกเป็น 2 ทีม ให้ต่างฝ่ายไปศึกษาค้นหารถยนต์ที่ฮอนด้าควรจะสร้าง ผลลัพธ์ที่ได้บังเอิญ คล้ายคลึงกันมากว่า ควรเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา ที่แล่นได้เร็ว ดังนั้น ในฟดูร้อนปี 1970 โครงการนี้จึงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่องในศูนย์วิจัยและ พัฒนา R&D WAKO ของฮอนด้า โดยยืนอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลจากการวิจัย ตลาดเป็นหลัก ทีมงานได้ทุ่มเทการพัฒนาตัวรถในทุกด้าน โดยเน้นให้มีความ อเนกประสงค์และความกระทัดรัด คล่องตัว รวมทั้งความพยายามในการลด น้ำหนักตัวจนเหลือเพียง 680 กิโลกรัมเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักตัวให้น้อยที่สุด ย่อมขัดแย้งกับแนวทางการปรับปรุง โครงสร้างตัวถังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และทั้งสองประเด็นดังกล่าว ก็สวนทางกันกับ ต้นทุนในการผลิตที่จะต้องต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ ถึงกระนั้น ไม่มีอะไรที่ยากไปกว่าการที่พวกเขายังต้องต่อสู้กับความคิดของ โชอิชิโร ฮอนด้า ในเรื่องรายละเอียดทางเทคนิกต่างๆ ทั้งการเปลี่ยนทิศทางของ ฮอนด้าจากการพัฒนาระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ด้วยอากาศ มาเป็นระบบ หล่อเย็นด้วยน้ำ เพื่อให้ผ่านมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวด ไปจนถึงเรื่องการนำระบบ กันสะเทือนอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัตมาใช้ทั้ง 4 ล้อ อีกด้วย แน่นอนว่า ทีมงานเดินหน้าพัฒนาเรื่องนี้อย่างลับๆ แต่ทันทีที่ โชอิชิโร ไปพบ โดยบังเอิญเข้า เขาไม่พอใจเพราะไม่ยอมปรึกษาเขาเรื่องนี้มาก่อน และสั่งเรียก ประชุมทันทีเพื่อขอดูสเป็กรถทั้งหมด MAMORU SAKATA วิศวกรออกแบบระบบ กันสะเทือน ตัดสินใจเผชิญหน้ากับโชอิชิโร โดยอธิบายถึงข้อดีทั้งด้านการเพิ่ม พื้นที่ห้องโดยสารให้กว้างขึ้น และประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดีกว่ารถเล็กในยุค สมัยเดียวกัน ตอนแรก โชอิชิโร ยังคงไม่พอใจอยู่ แต่ KIYOSHI KAWASHIMA ผู้ซึ่งต่อมาได้ เป็นประธานศูนย์ฮอนด้า R&D บอกกับโชอิชิโรว่า "อย่างน้อย ซากาตะ เชื่อมั่นใน แนวคิดของเขามาก และผมว่าเราควรจะปล่อยให้เขาเดินหน้าต่อไป" โชอิชิโรจึง ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ความมุ่งมั่นดังกล่าว ทำให้ซีวิคใหม่กลายเป็นรถขับล้อหน้ารุ่นแรกของญี่ปุ่นที่ใช้ ระบบกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัตมาติดตั้งทั้งหน้า-หลัง ขณะที่รถเล็กทั่วไปยัง ใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบคานแข็ง รวมทั้งการเลือกใช้รูปแบบตัวถังแฮตช์แบ็ก ขณะที่รถยนต์ทั่วไปในยุคนั้นมักออกขายด้วยตัวถังซีดาน 2 หรือ 4 ประตูก่อน ส่วนที่มาของชื่อรุ่นนั้น ขณะที่การพัฒนาใกล้เสร็จสิ้นลง อิวาคูระ ได้รับโทรศัพท์ จาก KIYOHIKO OKUMOTO ผู้ซึ่งต่อมาขึ้นเป็นผู้จัดการของแผนกส่งเสริมการ ขาย โอคุโมโตะ บอกกับเขาว่า "เราได้ชื่อของรถใหม่รุ่นนี้แล้ว แต่ในฐานะที่คุณ คลุกคลีกับโครงการนี้จนรู้จักรถรุ่นนี้ดีกว่าใครทั้งหมด เราจึงอยากจะเช็คกับ คุณก่อนว่าคุณชอบชื่อของเรานี้ไหม และชื่อที่ว่านี้คือ 'ซีวิค'ซึ่งมีความหมายว่า รถที่สร้างขึ้นเพื่อพลเมืองและการใช้ชีวิตในเมือง (a car created for citizens and cities)" อิวาคูระ ถึงกับตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น และตื้นตันที่ทางฝ่ายขาย เข้าใจใน เจตนารมณ์ที่ทีมวิศวกรกำลังพยายามให้บรรลุผล อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ทุกรุ่นของซีวิคที่เปิดตัว ไม่ได้มีเพียงแค่ชื่อรุ่นในการทำตลาดเท่านั้น แต่ฝ่ายขาย ยังมีการตั้งชื่อนำหน้าในแต่ละรุ่นเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น เพื่อแยกภาพลักษณ์ ของแต่ละรุ่นตัวถังให้ชัดเจนอีกด้วย อาทิเช่น วันเดอร์ซีวิค,แกรนด์ซีวิค หรือ มิราเคิลซีวิค แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 01:58:56 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 01:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Honda Civic โฉมใหม่ รหัสรุ่น FD ถือเป็นรุ่นที่ 8 นับตั้งแต่ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1972 โดยได้รับการพัฒนาขึ้น ภายใต้รหัสโครงการ UH PROJECT บนพื้นตัวถัง SMALL GLOBAL PLATFORM ที่ได้รับการปรับปรังจากพื้นตัวถังของซีวิค ไดเมนชัน รุ่นปัจจุบัน แต่ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้มากมาย ทำให้กลายเป็นรุ่นที่พลิกโฉม และก้าวข้ามไปจากภาพลักษณ์เดิมๆของซีวิค ที่เคยถูกมองว่าเป็นรถยนต์ขั้นพื้นฐานเพื่อการเดินทาง สู่มาตรฐานใหม่แห่งคุณภาพเพื่อความสนุกในการขับขี่ และเพื่อสิ่งแวดล้อม มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นั่นเพราะทุกคนในฮอนด้ารู้ดี และฝากความหวังกันไว้ว่า ซีวิครุ่นใหม่นี้ คือรถยนต์รุ่นสำคัญที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึง อนาคตของฮอนด้าในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ค่อนข้างโชคดีที่ผมมีโอกาสได้ไปทดลองขับ ซีวิค ใหม่ เวอร์ชันญี่ปุ่น กันถึงสนามทดสอบ Tochigi Proving Ground ของ ฮอนด้า ดังที่เคยนำมาโพสต์ไว้แล้วในกระทู้ต่อไปนี้ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/V3849926/V3849926.html ดังนั้น จึงพอจะรับรู้ได้ว่า เวอร์ชันไทย เหมือน หรือต่าง จากเวอร์ชันญี่ปุ่น ตรงไหน และอย่างไรบ้าง... เวอร์ชันญี่ปุ่น มีให้เลือกทั้งรุ่น 1.8 ลิตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งยังไม่มีทำตลาดในเมืองไทยตอนนี้ แต่เวอร์ชันไทย มีให้เลือกทั้งรุ่น 1.8 ลิตร ซึ่งมีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ แบ่งการตกแต่งเป็นเกรด S และ E รุ่นที่เห็นอยู่นี้คือ 1.8 E ตัวท็อป เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:08:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 .. จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:09:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง คือ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มี 2 รุ่น ต่างกันแค่อุปกรณ์ตกแต่งเล็กน้อย จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .. จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้ามาปูเสื่อรอครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับผม จากคุณ : ^Top^ - [ 19 ม.ค. 49 02:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความเปลี่ยนแปลงของเส้นสายตัวถังที่สำคัญในรุ่นใหม่นี้ อยู่ที่การออกแบบในสไตล์ One Motion Form ซึ่งเป็นแนวทางการออกแบบที่บริษัทรถยนต์เชื้อชาติอาทิตย์อุทัย เริ่มนำมาใช้กันมากตั้งแต่ยุคปี 2002 เป็นต้นมา แนวทางที่ว่านั่นคือ การลากแนวเส้นจากไฟหน้า ลากยาวพาดผ่านขึ้นไปจนถึงกึ่งกลางหลังคา เป็นแนวเส้นเดียว ต่อเนื่อง นั่นเอง ข้อดีก็คือ ช่วยเสริมให้การออกแบบโครงสร้างตัวถัง เพื่อรองรับการชนตามมาตรฐานต่างๆ เช่น NHTSA EuroNCAP JNCAP ได้ ข้อเสียที่ตามมาคือ บางครั้ง รถบางรุ่นจำเป็นต้องทำ กระจกหูช้างด้านข้างเพิ่มขึ้นมา เพื่อลดการบดบัง ทัศนวิสัยอันเกิดจากมุมอับของกระจกบังลมหน้าที่ยื่นออกไป จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ สามารถออกแบบฝากระโปรงหน้า และชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้า ให้มีเนื้อที่และขนาดลดลงได้เยอะ ลดต้นทุนในการพัฒนาลงได้ไม่เบา อีกทั้งยังง่ายต่อการออกแบบด้านหน้าของรถให้ดูดียิ่งขึ้น ข้อเสียอีกข้อก็คือ ผู้ขับขี่จะไม่อาจมองเห็นฝากระโปรงหน้ารถ ได้เหมือนรถสมัยก่อน [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผมแล้ว หากเป็นรถเล็กๆอย่าง แจ้ส หรือ ซิตี้ รวมทั้ง ซีวิค ใหม่ ผมไม่มีปัญหาในการกะระยะต่างๆ เพราะรู้ดีว่า ตำแหน่งของมุมตัวถังด้านหน้า มันก็อยู่ใน ตำแหน่งเดิมๆ เหมือนเช่นที่รถยนต์ซีดานเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นมานั่นเอง คิดไว้ในใจว่า มร.ชินอิจิ  หัวหน้าโครงการ แกสั่งให้ เพิ่มความยาวของขอบกระจกบังลมหน้า ด้านล่าง ยื่นออกมาอีก 26 เซ็นติเมตร แค่นั้นเอง เท่านั้น ชีวิตก็เป็นสุข (แต่ ถ้าเป็นมินิแวนอย่าง โอดิสซีย์ โฉมใหม่ ผมจะมีปัญหาอย่างมากในการกะระยะเข้าจอด ขับยังไง ก็ไม่ชิน ทำใจลำบากครับ ดีที่ซีวิคใหม่ ไม่ใช่เช่นนั้น) การออกแบบที่สำคัญอีกจุดของรถรุ่นนี้ คือการเน้นแนวสันบ่า ด้านข้างลำตัว ที่เริ่มต้นจากบริเวณซุ้มล้อคู่หน้า ลากยาวไปจนถึงปลายสุดตัวถัง แต่แทนที่ฮอนด้าจะสร้างความกลมกลืนให้กับด้านท้าย กลับเลือกเอาการลดกระแสลมหมุนวนด้านหลังรถแทน บั้นท้ายเลยออกมาดูแล้วเรียบๆจืดๆไปสักหน่อย แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 02:59:10 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มานั่งดูด้วยคนครับ รอตั้งแต่เช้าละ ขอบคุณมากนะครับพี่ จิมมี่ จากคุณ : มามุจัง (IZAMUFINV) - [ 19 ม.ค. 49 02:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ดูรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว เปิดประตูมาดูห้องโดยสารกันสักหน่อย... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาซะดึกเชียว แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 02:29:35 จากคุณ : ผู้ใช้บริการ - [ 19 ม.ค. 49 02:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ประตูทางเข้าห้องโดยสารทั้ง 4 บาน เปิดได้กกว้างขวางมาก เข้าออกสะดวกสบาย แต่มีคนที่ก้มหัวเข้ามาแล้วหัวชนขอบหลังคาทันทีอยู่ 1 ราย นาย "กล้วย910" แห่ง Racingweb นั่นเอง!! รุ่น 1.8 S จะตกแต่งด้วยเบาะผ้า สีเทา ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่า แตกต่างจากเบาะผ้าของเวอร์ชันญี่ปุ่น ที่มีลวดลายและความนุ่มนวล น่านั่งมากกว่าเวอร์ชันไทย ยิ่งถ้าเป็นเบาะหนัง ในรุ่น E ยิ่งต้องบอกว่า คุณภาพของหนังที่ใช้ในเวอร์ชันไทย จะอยู่ในเกณฑ์รับได้ แต่กระนั้น ถือว่าด้อยกว่าเวอร์ชันญี่ปุ่น แบบสัมผัสได้ชัดเจน แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 02:39:46 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ... อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในห้องโดยสาร ดูโปร่งตา แม้ว่าความสูงของรถจะลดลง แต่ยังถือว่า ให้ความโปร่งสบายในการโดยสารตอนหน้าอย่างดี [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขณะที่รุ่น 2.0 ลิตรนั้น... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาพร้อมกับภายในห้องโดยสาร สีน้ำเงิน ให้ความอบอุ่นได้อย่างดี ในยามค่ำคืน แต่พอถึงตอนกลางวัน หากคุณจอดรถในที่ที่ มีบรรยากาศร้อนๆ คุณจะแทบไม่อยากนั่งเข้าไปเลย ไม่ว่ารถคันไหนทุกยี่ห้อ ที่ใช้เบาะหนัง ข้อเสียที่ผมเกลียดที่สุดคือ ร้อนๆเมื่อไหร่ ลวกก้นจนแทบไหม้ ไข่แทบจะสุก เบาะทั่งสองรุ่น ปรับด้วยระบบกลไกนะครับ ไม่มีระบบไฟฟ้ามาให้ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 02:38:33 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนห้องโดยสารด้านหลังนั้น [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 การเพิ่มระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นเป็น 2,700 มิลลิเมตร ช่วยให้การเข้าออกเป็นไปอย่างง่ายดายขึ้น มีที่วางขาเพิ่มมากขึ้น ยิ่งได้พื้นตัวถังแบบเรียบ ไม่มีอุโมงค์เพลากลางด้วยแล้ว ไซส์ขนาด ผมนั่งด้านหลัง ยังนั่งไขว่ห้างได้พอสบาย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เบาะหลังนั้น ถือว่านั่งสบาย สำหรับตัวผม ที่มีความสูง 171 เซ็นติเมตร แถมมีพนักพิงแขนมาให้ และคราวนี้อยู่ในระดับที่ เท้าแขนได้จริง ไม่ใช่ทำหน้าที่แค่ เป็นตำแหน่งติดตั้ง ที่วางแก้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เหมือนฮอนด้ารุ่นอื่นๆ ที่ผ่านๆมา และที่สำคัญคือ ผมนั่งได้ เต็มก้นพอดี ยาวมาถึงข้อพับหัวเข่า เรื่องนี้ แอคคอร์ด รุ่นปัจจุบัน  ยังทำไม่ได้ดีเท่านะครับ! แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 02:49:18 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข็มขัดนิรภัยด้านหลัง เป็นแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง 2 จุด 1 ตำแหน่ง ตรงกลาง เบาะหลังไม่สามารถพับเพื่อทะลุไปยังห้องเก็บของด้านหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดก็ตาม จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เบาะฝั่งคนขับปรับไฟฟ้ารึป่าวคับ เห็นเพื่อนมันว่ามา จากคุณ : แมวตัวอ้วนๆเดินตกท่อ - [ 19 ม.ค. 49 02:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แต่..ถ้าวัดเอาลำตัวและศีรษะของตา Ton99 เป็นเกณฑ์แล้ว ยังไงๆก็ติดหลังคาครับ จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ไม่ต้องห่วงครับคุณผู้อ่าน นาย Ton99 เจ้าตัวเขาบอกว่า เขามักมีปัญหากับเบาะนั่งของรถแทบจะทุกรุ่น จนเป็นเรื่องปกติแล้ว ดังนั้น อย่าเอาตัวเขาในรูปนี้ มาเป็นเกณฑ์... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 02:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาดูแผงหน้าปัดกันบ้าง นี่คือรุ่น 1.8 ลิตร [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนนี่คือรุ่น 2.0 ลิตร พอสังเกตความแตกต่างบ้างไหมครับ? วัสดุที่ใช้ทำแผงหน้าปัดของเวอร์ชันไทย และแผงประตูด้านข้าง ที่รองรับการโดยสารได้อย่างดี ไม่เมื่อยเวลาเดินทางไกล เป็นแบบเดียวกันกับของเวอร์ชันญี่ปุ่น ทุกประการ ทุกสวิชต์กด ไชโย! [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สำรวจดูงานออกแบบหลักๆก่อนจะเป็นไร ชุดมาตรวัดแบบ Multi Flex Meter ที่ผมเคยกังวลว่า อาจก่อให้เกิดการบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่นั้น เอาเข้าจริง ตัวชุดมาตรวัดความเร็วด้านบนหนะไม่บังกระจกหน้าเท่าใดนัก ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดี (แต่ถ้าลดลงอีก 2 มิลลิเมตร ก็จะดียิ่งขึ้น) [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:07:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พรุ่งนี้มาอ่านต่อ ไม่ไหวละ จากคุณ : วี - [ 19 ม.ค. 49 03:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แต่สิ่งที่ผมคิดว่ายังต้องปรับปรุงคือ ตำแหน่งของชุดมาตรวัดรอบ เตี้ยไปนิดนึง แต่ถ้าปรับให้สูงกว่านี้ ก็อาจจะโดนขอบบนสุดของพวงมาลัย บังเข้าให้ เพราะลำพังแค่ระดับที่ติดตั้งในปัจจุบัน หากปรับตำแหน่งพวงมาลัยลงต่ำสุด ขอบบนก็บังด้านบน ของชุดมาตรวัดบ้างแล้ว ปรับอีกนิด ก็น่าจะดียิ่งขึ้น ถือเป็นไอเดีย + ลูกเล่นทางการตลาด อันเกี่ยวโยงกับทัศนวิสัย ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ที่ฮอนด้าเข้าใจสรรหามาเล่น จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตำแหน่งคันเกียร์ อัตโนมัติ อยู่ไกลมือไปนิดนึง ถ้าเลื่อนเข้ามาใกล้กว่านี้อีกสักนิดจะดีมาก ส่วนตำแหน่งของเบรกมือ ที่ยกไปไว้ใกล้ชิด จนแอบไปตีสนิทท้ายครัวกับคันเกียร์แบบนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่า ฮอนด้าตั้งใจ จะออกแบบให้เน้นในเรื่องการใช้งานตามหลักสรีรศาสตร์ กล่าวคือ ตอนดึงเข้าหาตัวนั่นละ คือการดึงเบรกมือที่ดี ดึงเหมือนกับ ดึงเครื่องออกกำลังกายนั่นละครับ แต่ตอนปลดออกเนี่ยสิ ที่ผมว่ามันไม่ได้หลักสรีระศาสตร์เอาเสียเลย เพราะต้องเอี่ยวตัวไปข้างหน้าทางฝั่งซ้ายเล็กน้อย เพื่อจะกดปุ่มคลายล็อก ดึงคันเบรกมือเข้ามาให้สุด แล้วปลดออกห่างจากตัว จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ช่องใส่ของตรงกลาง หากกดปุ่มออกมา จะกลายเป็นที่วางแก้วน้ำ 2 ใบในตัว ตอนที่พลาสติกทั้งสองชิ้นนี้ ออกจากทีซ่อนกำบังไว้ ออกมาอย่างนุ่มนวล ราวกับรถเก๋งชั้นดี ไม่ทะลึ่งพรวดโผล่มา อย่างไร้รสนิยม เหมือนรถญี่ปุ่นราคาถูกๆทั่วไป จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คอนโซลใส่กกลอง คั่นกลางเบาะค่หน้า ฝาปิดด้านบน เลื่อนเข้าออก เป็นที่วางแขนในตัว ใช้งานได้จริง แต่น่าจะสูงกว่านี้อีกนิดนึง นิดเดียวจริงๆ จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เครื่องปรับอากาศ เป็นแบบดิจิตอล ไม่มีแยกฝั่ง-ซ้าย-ขวา --------------------------- ชุดเครื่องเสียง รุ่น 1.8 S เล่น CD/MP3 ได้แค่ แผ่นเดียว แต่รุ่น 1.8 E ขึ้นไป รวมทั้ง 2.0 ทุกรุ่น เล่นได้ 6 แผ่นในตัว และคุณภาพเสียงถือว่า ดี ใช้ได้ ไม่น่ารังเกียจแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม หรือติดตั้งอะไรเพิ่ม [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชุดมาตรวัดในรุ่น 1.8 ลิตร จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 03:42:03 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ส่วนรุ่น 2.0 เห็นได้ชัดว่าแตกต่าง เพราะมีทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control เพิ่มมาให้ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 03:42:42 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ปุ่มควบคุม Cruise Control คล้ายกับในโอดิสซีย์ ใหม่ คือ ต้องกกดปุ่ม CRUISE ให้ไฟเขียว CRUISE MAIN บนหน้าปัดสว่างขึ้นก่อน จากกนั้น จะล็อก หรือเร่ง หรือลดความเร็ว อยู่ที่ปุ่มกลางเช่นเดิม เวลายกเลิก ก็แตะเบรก หรือกด CANCEL จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนฝั่งซ้ายมือ เป็นปุ่มควบลคุมการทำงานชุดเครื่องเสียงนั่นเอง และถ้าสังเกตดีๆ จะพบเป็น บวก และ ลบ ซ่อนอยู่ด้านหลัง ทั้งสองภาพนี้ นั่นคือ แป้นเปลี่ยนเกียร์ แบบ SPORT SHIFT นั่นเองครับ มีเฉพาะเวอร์ชันไทย และมาเลเซีย จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เอ...เราจะลืมวัดมิติห้องเก็บของด้านหลังไปได้อย่างไร3 กระเป๋าเดินทางขนาดมาตรฐาน 1 ใบ พร้อมลูกกระเป๋าอีก 1 ใบ นั่นคือปริมาณสิ่งของที่ใส่ไดในห้องเก็บของ ของซีวิคใหม่ สบายๆครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 03:55:20 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สำหรับผมแล้ว ถือว่าห้องเก็บของด้านหลังของซีวิค พอจะใส่ของทั่วๆไปได้ครับ แต่ยังไม่ใหญ่โตเท่าใดนัก เอาเถอะครับ เซ็ตรถมาได้ขนาดนี้ ได้อย่างเสียอย่างละนะ จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 03:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เอาละ ทีนี้ มาดูประสิทธิภาพและสมรรถนะกันดีกว่า ทุกเวอร์ชันจะไม่มีเครื่องยนต์ D17A 1,700 ซีซี ให้เห็นอีกต่อไป เพราะฮอนด้าได้พัฒนาเครื่องยนต์ 4 สูบ  SOHC 16 วาล์ว 1,800 ซีซี บล็อกอะลูมีเนียมใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ใหม่นี้มีรหัส R18A พัฒนาขึ้นใหม่มาติดตั้งในซีวิครุ่นนี้เป็นครั้งแรก มาพร้อมหัวฉีด PGM-FI ระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC เจเนอเรชันใหม่ และระบบ ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า DBW (DRIVE BY WIRE) ที่ทำงานไปพร้อมๆกับการเปลี่ยน จังหวะการทำงานอย่างต่อเนื่องของทั้งลูกเบี้ยว และหัวแคมชาฟต์ ให้แรงบิดที่ ต่อเนื่องในช่วงรอบเครื่องยนต์กลาง เสื้อสูบถูกออกแบบให้ต่ำลงโครงสร้าง แข็งแรงขึ้น กระเดื่องกดวาล์วทำจากอะลูมีเนียม ก้านสูบเหนียวพิเศษต้านการ แตกหัก โซ่ขับแคมชาฟต์ขนาดเล้กลดเสียงดัง ฝาสูบและท่อไอเสียถูกออกแบบ ให้เชื่อมต่อตรงกับหม้อแปรสภาพไอเสีย 2 ตัวแบบ DUAL FEED เพื่อให้ ร้อนเร็วขึ้น แล้วทำงานเร็วขึ้น ท่อทางเดินไอดีแบบแปรผันได้ตามความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ทำจากพลาสติก ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.7 กก.-ม.ที่ 4,300 รอบ/นาที ฮอนด้าเคลมว่า เครื่องยนต์ 1,800 ซีซี ใหม่นี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง 6% และทนต่อแรงเสียดทานเพิ่มขึ้นถึง 10%  เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ D17A ใน ซีวิครุ่นปัจจุบัน จนเทียบชั้นได้กับเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี เลยทีเดียว เวอร์ชันญี่ปุ่น อเมริกา และไทย พ่วงได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 10:56:21 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 04:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เทียบกับเวอร์ชันญี่ปุ่น ความแตกต่างของเวอร์ชันไทย อยู่ที่ ไม่มีคำว่า i-VTEC บนฝาครอบเครื่องยนต์เหมือนบ้านเรา แค่นั้นเอง จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 04:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อีกเครื่องหนึ่ง แน่นอนว่าเป็น K20Z2 รหัสใหม่ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี i-VTEC 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.2 กก.-ม.ที่ 4,200 รอบ/นาที มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะเท่านั้น จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 04:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เราทดลองหาอัตราเร่งกันโดยมีผมและเพื่อนผู้โดยสารอีก 1 คน นั่นก็คือ นาย กล้วย 910 แห่ง Racingweb คนเดิม ตามเคย นั่นเอง รวมเป็น 2 คน น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม เปิดแอร์ไปด้วย ที่อุณหภูมิ 23 องศา เปิดพัดลมเบอร์ 2 อุณหภูมิขณะทดสอบ 26 องศาเซลเซียส แรงดันลมยาง 32 ปอนด์/ตารางนิ้ว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.  มีดังนี้ครับ ครั้งที่         1.8 5AT            2.0 5AT         1                11.66               10.43          วินาที 2.               11.56               10.27          วินาที 3.               12.07               10.34          วินาที 4.               11.62               10.49          วินาที รวมแล้ว เฉลี่ย           11.72               10.38          วินาที ความเร็ว 80 กิโลเมตร / ชั่วโมง ที่เกียร์ 5 ใช้รอบเครื่องยนต์ รุ่น 1.8 =  1,400 รอบ/นาที รุ่น 2.0 =  1,400 รอบ/นาที ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่เกียร์ 5 ใช้รอบเครื่องยนต์ รุ่น 1.8 =  1,900 รอบ/นาที รุ่น 2.0 =  2,100 รอบ/นาที ความเร็ว 110 กิโลเมตร / ชั่วโมง ที่เกียร์ 5 ใช้รอบเครื่องยนต์ รุ่น 1.8 = 2,200 รอบ/นาที รุ่น 2.0 = 2,400 รอบ/นาที แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 04:33:35 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 04:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อัตราเร่ง 80-120 กม./ชม. หรือช่วงเร่งแซงทั่วไป มีดังนี้ครับ ครั้งที่         1.8 5AT            2.0 5AT         1                 9.06                 7.80          วินาที 2.                9.52                 7.65          วินาที 3.                9.45                 7.70          วินาที 4.                9.45                 7.68          วินาที รวมแล้ว เฉลี่ย            9.37                 7.70          วินาที ------------------ ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ ที่รอบเครื่องยนต์ เกียร์         1.8 5AT            2.0 5AT         1            62 @ 6,500      62 @ 6,500 2.         109 @ 6,700    113 @ 6,700 3.         175 @ 6,800    162 @ 6 ,700 4.         199 @ 5,400    220 @ 6 ,600 5                 -                       - ความเร็วสูงสุด รุ่น 1.8 ลิตร 5AT 199 กิโลเตร/ชั่วโมง ที่ 5,400 รอบ/นาที เวอร์ชันญี่ปุ่น สุดในสนามทดสอบไว้ 189 กิโลเมตร/ชั่วโมง รอบเครื่องยนต์เท่ากัน รุ่น 2.0 ลิตร 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,600 รอบ/นาที (มีช่วงนึงขึ้นไปถึง 221 กิโลเมตร แต่มันไม่ขึ้นไปกว่านี้ แถมยังไหลลงอีกด้วย เลยไม่นับ) [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 04:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จบแล้วเหรอครับ ขอบคุณ ที่นำเอามาให้ชมกันครับ จากคุณ : E-Boat - [ 19 ม.ค. 49 05:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ ตามมาอ่าน จากคุณ : terios - [ 19 ม.ค. 49 06:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากครับ เขียนได้สุดยอดครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 06:23:25 จากคุณ : XE (dear_xe) - [ 19 ม.ค. 49 06:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณครับ จากคุณ : REX-REX - [ 19 ม.ค. 49 06:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 55 จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก โต๊ะใจหมดเลย คห. 45 หลอนๆๆๆ แต่เช้าเลยง่ะ อิอิอิ จากคุณ : BaTMaN (ไม้กวาดวิเศษ) - [ 19 ม.ค. 49 07:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 56 รูปในคห.45  -_-'' จากคุณ : หมอเถื่อน - [ 19 ม.ค. 49 07:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณครับ แล้วมีการทดสอบช่วงล่าง กะ เบรค ด้วยหรือเปล่าครับ? จากคุณ : แกงค์แมวเหมียว - [ 19 ม.ค. 49 07:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เกียร์ 1.8 5AT 2.0 5AT 1 62 @ 6,500 62 @ 6,500 2. 109 @ 6,700 113 @ 6,700 3. 175 @ 6,800 162 @ 6 ,700 4. 199 @ 5,400 220 @ 6 ,600 5 - - ทำไมเกียร์ 4 ตัว 1.8 รอบมันไม่เหมือนคนอื่นเค้าล่ะ จากคุณ : . (Tread'em all) - [ 19 ม.ค. 49 08:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เหมือน #56 อ่ะ รูป #45 ทำไปได้ จากคุณ : chonlapat81 - [ 19 ม.ค. 49 08:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 #45 เนี่ย เรียกคุณหมอพรทิพย์มาชันสูตร พลิกศพดีก่า แต่ท่าทางจะหลายวันแล้ว อืดเชียวตา J!MMY ล้อเล่นนา.......ฮิฮิ จากคุณ : jane_9090 (CEDRIC) - [ 19 ม.ค. 49 08:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ๋า..........................จบแล้วเหรอ....... หรือว่าคุณ จิม ไปแอบหลับอยู่........... จากคุณ : Red Metalic - [ 19 ม.ค. 49 08:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เยียมเลยครับ ไปลองขับมาแล้วครับ แต่งบน้อยเลยมาจบที่ volvo 850 GLT จากคุณ : kapolo_club - [ 19 ม.ค. 49 08:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมากครับเซพส่งให้เพื่อนไป 2 คนแล้วครับ เห็นเค้ากำลังตัดสินใจกันอยู่ ว่าแต่ดูมันเหมือนยังไม่จบหน่ะ พวก Feeling, Handling และอื่นๆ ที่เปรียบเทียบกะเวอร์ชั่นญี่ปุ่นไงครับ จากคุณ : kimjung2000 - [ 19 ม.ค. 49 08:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ดูอัตราเร่งของตัว1.8แล้วพอใจเลยครับ ผมเคยขับ แล้วเทียบด้วยความรู้สึกกับES กลับรู้สึกว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วต่างกันพอสมควร สำหรับรถที่หนักขึ้น ล้อและยางโตขึ้น เครื่องเพิ่มแค่100cc ผมประทับใจครับ ถ้าจะซื้อFDสักคัน ผมคงเลือกรุ่น1.8ล่ะครับทีนี้ จากคุณ : V.Putin (V.Putin) - [ 19 ม.ค. 49 08:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณครับ... จากคุณ : johit - [ 19 ม.ค. 49 08:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 66 นั่นซิ ว่าทำไมด้านท้ายยังไม่ดีเท่าไหร่ (คคห.14) ...ขอบคุณคร้าบ จากคุณ : เจ๋งอีกแล้ว... (คุณแฟนต้า) - [ 19 ม.ค. 49 09:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ดีจังครับที่มีReviewดีๆแบบนี้ และผมก็ยังคงรอคุณJIMMYที่พิดโลกอยู่นะครับ ก็Reviewเจ้าFOCUSไงครับหวังว่าจะไหล่ตามH o n d a - C I V I C - 1.8 5AT & 2.0 5ATมาติดๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : banphit - [ 19 ม.ค. 49 09:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 จบแบบไม่ทันตั้งตัว ยังไงก็ขอบคุณครับ จากคุณ : NaM_pRiG - [ 19 ม.ค. 49 09:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณคร๊าบ สำหรับ Review ดีๆ ละเอียดมากเลยครับ จากคุณ : Intrega Type R - [ 19 ม.ค. 49 09:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ตายละ... ใส่พี่จิมมี่เข้าไปคนเดียวเต็มท้ายเลย.. ผมว่าพื้นที่เก็บของมันไม่ได้น้อยหรอกนะ.. แต่ว่า"ของ"ที่ใส่ดันใช้พื้นที่เยอะต่างหาก จากคุณ : Nuay_Int86 - [ 19 ม.ค. 49 09:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มีต่อรึเปล่าครับ รู้สึกเหมือนมันยังค้าง ๆ นะ (ขณะอ่านผมก็เปิดกระทู้ที่พี่ Jimmy test MZ3 คู่ไปด้วย ดูประกอบกันครับ อิ อิ) จากคุณ : inpire (inpire) - [ 19 ม.ค. 49 09:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณครับ...ตอนนี้ใช้อยู่ความเห็นใกล้เคียงกันมากครับ...อาจจะแตกต่างบ้างเล็กน้อยเนื่องสรีระของผู้ขับขี่แตกต่างกันไป อัตราสิ้นเปลืองก็อยู่ในเกณฑ์ดีนะครับ...คันเก่าใช้City...ตอนนี้ก็เติมน้ำมันเท่ากันกับคันเก่าไม่ต้องจ่ายเพิ่ม(จ่ายเท่าเดิมมา2เดือนแล้ว) จริงๆอยากได้ข้อมูลของการทดสอบช่วงล่างและการเกาะถนนด้วยนะครับ...อยากจะลองเทียบความรู้สึกว่าตรงกันหรือปล่าว จากคุณ : ปี้นๆ - [ 19 ม.ค. 49 09:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สวยดีคับ ล้อสวย หุ่นสวย เบาะก้อสวย แต่ว่า  ดูเหมือน จะโดนCITY ใหม่ขโมยซีนไปหมดแล้ว โดยเฉพาะด้านท้าย  ยังกะพิมพ์เดียวกัน ความตื่นเต้นที่จะได้ยลโฉมเลยลดน้อยลง ถ่ายรูปสวยนะครับ.............................. จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ - [ 19 ม.ค. 49 09:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตกใจรูปใน คห.45 อิอิ ไปถ่ายรูปถึงไหนมาคะเนี่ย ชอบรูปบนสะพาน ชอบรูปรอบนี้มากๆเลย จากคุณ : V R Sicks - [ 19 ม.ค. 49 10:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 75 รอบเครื่องมันแปลกนะครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 19 ม.ค. 49 10:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 76 มาดูนายแบบ แต่ละท่าน ไม่มีอัตราการกินน้ำมันเหรอครับ จากคุณ : คนหัวฟู - [ 19 ม.ค. 49 10:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ยังไม่จบครับ ยังไม่จบ --------------------------- ถ้าจะถามว่า ความแตกต่างระหว่างรุ่น 1.8 ลิตร กับ 2.0 ลิตร ต่างกันมากน้อยแค่ไหน ผมตอบได้อย่างหน้าชื่นตาบานว่า ไม่ต่างกันมากนัก ต่างกันแค่ในระดับขั้นบันไดตื้นๆตามทางเดินในสวน ขั้นเดียวเท่านั้น ไม่ได้ต่างกันในระดับ บันไดธนาคาร ที่สูงชันแต่อย่างใด การตอบสนองของรุ่น 1.8 ลิตรนั้น ถือว่า ได้ดังใจผมต้องการแล้ว ไม่ถือว่าอืดอาดเลย ตรงกันข้าม ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า นี่คือเครื่องยนต์ 1,800 ซีซี พร้อมเกียร์อัตโนมัติ ที่ทำงานได้ดีที่สุดในตลาดเมืองไทยตอนนี้ เพราะมาครบทั้งพละกำลัง อัตราเร่งที่ทันใจกว่าคู่แข่ง ในระดับ 1.8 ลิตรด้วยกัน ไปจนถึงการทำงานของเกียร์ที่นุ่มนวลจนไม่รู้เลยว่า เกียร์ทำงานอยู่ในตำแหน่งใด ส่วนเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี นั้น ยกระดับให้ซีวิคใหม่ สร้างความเร้าอารมณ์ในการขับขี่เพิ่มขึ้นจากรุ่น 1,800 ซีซี ขึ้นมานิดหน่อย ขับสนุกทันใจ ทันเท้า เรียกอัตราเร่งเมื่อใด ทั้งม้าทั้งแรงบิด โผล่หน้าเข้ามาทำงานพร้อมหน้าทันทีมิมีอิดเอื้อน แต่ อย่ากดเพลิน เพราะเกจ์น้ำมันจะลดระดับลง อย่างรวดเร็ว.... เรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์และเกียร์ No Doubt ครับ! [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 10:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สงสัยสลบไปก่อนเขียนจบ รูปที่ 45 นี่ยางอะหลั่ยรึเปล่าครับคุณ JIMMY อิอิอิ ขอบคุณเช่นเคย จากคุณ : อาสาซ่า (asaza) - [ 19 ม.ค. 49 10:25:39 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัต หลัง แบบ ปีกนกคู่ ถูกปรับปรุงใหม่ในหลายๆจุด ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตำแหน่งช็อคอัพ ให้แยกกันอยู่กับสปริง ที่ล้อคู่หลัง ไปจนกระทั่งการปรับมุมองศา แคมเบอร์ของล้อคู่หลัง ให้ติดลบ 5 องศา เพื่อช่วยลดอาการท้ายปัดเมื่อเข้าโค้ง ทำให้ล้อหลังดูแบะออกมากกว่าล้อคู่หน้า ซึ่งตั้งตรง ราวกับว่า ทางทีมวิศวกรฮอนด้า พอจะคาดเดาถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เวอร์ชันไทยครับ เวอร์ชันญี่ปุ่น ก็เซ็ตมาแบบนี้ แบบเดียวกับเราเหมือนกัน ไม่ว่าจะเข้าโค้งลึกขนาดไหน แรงขนาดไหน ถ้าหากยังอยู่ในลีมิท ที่รถสามารถรองรับได้ หน้ารถจะไม่มีอาการแถออก เช่นเดียวกับท้ายรถ ที่จะไม่เหวี่ยงออกไปง่ายๆ เช่นกัน ถือได้ว่าจิกโค้งดีทีเดียว เป็นอาการแบบเดียวับที่ผมรับรสสัมผัสมาได้ จากเวอร์ชันญี่ปุ่น ในขณะเหวี่ยงโค้งเล่นที่ความเร็ว 70-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่การเปลี่ยนเลนกระทันหันนั้น ก็มีลีมิทในช่วงความเร็วที่ใช้ เพราะบั้นท้ายยังมีอาการกระดุกกระดิกอยู่บ้าง ยังไม่ยิ่งสนิทดีนัก แต่ถ้าเทียบกับการปรับเซ็ตกับรุ่นไดเมนชันแล้ว แน่นอนว่า ช่วงล่างของซีวิคใหม่ ปรับเซ็ตดีขึ้นกว่าไดเมนชันอยู่มาก ทั้งในด้านการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง ทั้งการเจอหลุมบ่อต่างๆ ตอบสนองได้หนึบแน่นขึ้น ในด้านการทรงตัวในย่านความเร็วสูง (แต่ถ้าเกิน 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากมีกระแสลมมาปะทะด้านข้าง รถจะเริ่มออกอาการอยู่บ้างนิดหน่อย และจะค่อยๆเพิ่มขึ้น เมื่อความเรวยิ่งสูงขึ้น แต่ก็ยังดีกว่ารุ่นไดเมนชัน) ดังนั้น  ใครก็ตามที่ไปลองขับแล้วบอกว่าซีวิคใหม่ระด้างเหมือนรุ่นเดิม ผมขอแนะนำให้ไปลองอีกครั้ง โดยบอกให้เซลส์ ลดความดันลมยางลง จากแถวๆ 40 ปอนด์/ตารางนิ้ว  ให้เหลือแค่ 30-32 ปอนด์/ตารางนิ้วดู คุณจะพบกับประสิทธิภาพที่แท้จริงครับ ว่ามันไม่ได้แข็งกระด้าง ตรงกันข้าม ถือว่านุ่มนวลดีด้วยซ้ำ รุ่น 1.8 ลิตร หากเจอคอสะพาน จะมีอาการโยนตัวมากกว่ารุ่น 2.0 ลิตร คอสะพานที่ว่านี่คือ พื้นผิวถนนมาตรฐานของถนนบางนา-ตราดนะครับ เจอแต่ละคอเนี่ย ต้องมีเหยียบเบรกลึกพอสมควร ไม่เช่นนั้น หัวผมจะถูกอัดขึ้นไปติดกับหลังคา ขณะที่รุ่น 2.0 ดีขึ้นกว่า 1.8 นิดนึง แต่ไม่มากนัก ด้านระบบเบรก ถือว่าน่าประทับใจ เซ็ตแป้นเบรกให้มีน้ำหนักในการตอบสนองดีขึ้นกว่าเดิมมาก และการหน่วงความเร็ว ถือว่าทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน การจับตัวของชุดผ้าเบรก  เป็นไปตามน้ำหนักเท้า ที่กดลงบนแป้นเบรกมากขึ้น ไม่ใช่แค่เหยียบปุ๊บ จับตัวปั๊บ แล้วค้างในสถานะเดิมตำแหน่งเดิมอย่างนั้น พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบ EPS ให้ความรู้สึกกระชับ พยายามเซ็ตให้คมยิ่งขึ้น แต่พอเอาเข้าจริง ถือว่ายังพอมีระยะฟรีอยู่บ้าง และมีความหนืดในขณะหมุนอยู่บ้าง คือเซ็ตมาให้ได้ฟีลรถสปอร์ตมากที่สุด แต่ถือว่า ใกล้เคียงพอสมควร อย่างไรก็ตาม เมื่อจับ ทั้ง 3 ประเด็นนี้มารวมกันแล้ว ผมกำลังสงสัยว่า ซีวิครุ่นใหม่ เซ็ตรถมาเอาใจลูกค้ากลุ่มไหนกันแน่? เพราะบุคลิกของรถนั้น แม้จะเอนเอียงไปทางรถสปอร์ตมากขึ้น แต่ทว่ายังลงเหลือความนุ่มนวลของระบบกันสะเทือน เอาใจสาวๆ และกลุ่มลูกค้าที่ชอบความนุ่มสบาย ขณะที่พวงมาลัยเซ็ตออกมาในแนวฟีลลิงแบบรถสปอร์ตเลย บุคลิกชัดเจนก็จริง แต่ไม่ชัดเจนถึงขนาดเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ก็อย่างนี้ละครับ การเซ็ตรถที่จำเป็นจะต้องเอาใจลูกค้าให้ได้ครอบคลุมในทุกกลุ่มตลาดมากที่สุด ตามผลวิจัยตลาด รถก็เลยออกมามีบุคลิกที่ก้ำกึ่งกัน อย่างที่เห็น แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 10:43:10 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 10:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สลบอีกรอบเปล่าเนี่ย!!! TT จากคุณ : Q - [ 19 ม.ค. 49 10:42:16 A:58.9.57.48 X: TicketID:064113 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอความกระจ่างนิดครับ คห.ที่ 46 ตกลง 1.8 นี่ เป็น DOHC หรือ SOHC ครับ เหมือนเคยผ่านตาว่า 2.0 เป็น DOHC แต่ 1.8 เป็น SOHC ขอบคุณครับ ปล. อย่าเข้าใจว่าจับผิดน๊ะครับ ผมเองก็อ่านบทความ คุณ JIMMY ในนี้ และ ติดตามมาตลอด จากคุณ : นักล่าหมายเลขเจ็ด - [ 19 ม.ค. 49 10:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณมากครับ แก้ไขแล้วครับ ต้อง SOHC ครับ ------------------------ ***การทดสอบอัตราสินเปลืองเชื้อเพลิง*** เส้นทางการทดสอบเหมือนเดิมครับ แล่นด้วยความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง จากปั้มบางจาก พระราม 6 - สุดปลายทางด่วน เชียงราก แล้ววนกลับ มาเติมน้ำมันที่เดิม ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร คราวนี้ เนื่องจากถังน้ำมันย้ายตำแหน่งไปติดตั้งอยู่ตอนกลางของตัวรถ คอถังน้ำมันจึงยาวขึ้น การเขย่ารถ จึงยังจำเป็นอยู่ในความคิดของผม เพราะผมเข็ดแล้วกับบทเรียนตอนทดลองอัตราสินเปลืองเชื้อเพลิงของ ฮอนด้า ซิตี้ รถบ้าอะไรไม่รู้ แล่นไปตั้ง 100 กิโลเมตร เติมน้ำมันลงกลับไปได้แค่ 3 ลิตรกว่าๆ!! เลิกเลยครับพี่น้อง ไม่เขย่าคงไมได้ละ วันนั้นเติมพลาดแน่ๆ วันที่ได้รับรุ่น 1.8 ลิตรมา นั่งคุยกับน้องถังเล่นๆ ที่ร้าน Coffee talk ตรงซอยอารีย์ ไปๆมาๆ เกิดนึกว่า ไหนๆก็ไหนๆ ทำทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง พร้อมกันทั้งคัน 1.8 ที่อยู่กับผม และรุ่น 2.0 ของน้องถังไปเลย ทำควบคู่กันไปดีกว่า ใครจะมานั่งเป็นหุ่นถ่วงน้ำหนักในรถของน้องถังละ? ถังคิดออกในบัดดลว่าต้องเป็นนาย Ton99 ก็เลยโทรติดต่อนัดแนะกัน จากนั้น เราก็ขับรถไปเติมน้ำมันคัน 2.0 ก่อน เขย่าแทบเป็นแทบตาย จนนายถังออกอาการบ่นอุบ จอดรถทิ้งไว้ที่ปั้ม ขับคัน 1.8 มารับตาหลุยส์ ที่มหาวิทยาลัย มหิดล (ตรงกระทรวงต่างประเทศ พระราม 6 นั่นละ) แล้วก็นำรถคัน 1.8 ลิตร มาเติมต่อ ออกจากปั้ม ขับไปตามเส้นทาง ขับห่างๆกัน ไม่บังไลน์ ไม่บังลม แต่สงสัยว่า ทำไมคันของตาถังแซงไปหน้าตาเฉยเลย ไม่ว่ากะไร แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 10:56:46 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 10:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คิดดูแล้วกันว่า ขนาดปั้มปิดตอน 4 ทุ่ม เรายังเขย่าๆ โขยกๆ เติมกันอย่างต่อเนื่องอยู่เลย ขอเจ้าของปั้มเค้าไว้แล้ว เราก็เลยสบายใจ ทำได้เต็มที่ ราวกับเราเป็นเจ้าของปั้มเอง (ฮา) แต่ที่แน่ๆคือ พอกลับมาเติมน้ำมันกันอีกรอบนึง สิ่งที่น่าตกใจคือ เราเขย่าแทบตาย น้ำมันเติมกลับเข้าไปได้แค่ 4.5 ลิตร ตัวเลขออกมา 19.5 กิโลเมตร/ลิตร ช็อกสิครับ! เป็นไปได้ยังไง รถเครื่องตั้ง 2.0 ลิตร กินน้ำมันเท่าแมวดม! การทดสอบรุ่น 1.8 ออกมาแล้วโอเค จบ แต่คัน 2.0 ของนายถัง ยกเลิก ตองลองกันใหม่อีกรอบ สรุปว่า ผมต้องนำรุ่น 2.0 อีกคันหนึ่ง ที่เป็นรถจากทางฮอนด้าอนุเคราะห์มาให้ลองกัน ขับทดสอบเองอีกรอบ ค่าน้ำมัน ไม่สูงอย่างที่คิด แม้ว่าผมจะเติมน้ำมันออกเทน 95 เอาละ ตัวเลขที่ได้ออกมา มีดังนี้ครับ รุ่น                                    1.8 5AT     2.0 5AT ระยะทางที่แล่นตามมาตรวัด      90.0          89.8    กม. ปริมาณน้ำมันที่เติมกลับ           5.859        6.094   ลิตร อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย               15.36        14.74   กม./ลิตร ถ้าถมว่า ฮอนด้าทำได้ตามโฆษณาไหม ตอบเลยครับว่า ทำได้ตามโฆษณาจริง ให้กำลังสูงกว่าเครื่อง 1.8 ลิตรทั่วไป แต่ประหยัดเท่ากับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรเลย เพราะฮอนด้า แจ้ส กับซิตี้ ก็ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปประมาณนี้ หากใช้ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่าๆกัน ส่วนรุ่น 2.0 ลิตร ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปพอกันกับ มาสด้า3 เครื่อง 2.0 ลิตรเลยทีเดียว ตัวเลขออกมาสวยทั้งคู่ อันนี้น่าชมเชย สรุปว่า ประหยัด จริง ใครบอกว่ากินกว่ารุ่นเดิม ต้องถามตัวคุณแล้วละครับว่า เท้าขวาคุณหนักไปหรือเปล่า? ขับรถยังไง? แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 23:50:45 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 84 5555555 อืดน่าดูชมเลยคับ จากคุณ : Lerpong13 - [ 19 ม.ค. 49 11:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ตามมาอ่านครับ อิอิ ขอบคุณครับ จากคุณ : BIZZARE - [ 19 ม.ค. 49 11:07:37 ]

ความคิดเห็นที่ 86 รุ่น 1.8 ในวันนั้น จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 รุ่น 1.8 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 88 รุ่น 2.0 อีกไม่กี่วันถัดมา พี่เจ้าของปั้มช่วยเติม จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ตาหลุยส์ ช่วยเขย่า และขย่ม (รถ) จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 90 รุ่น 2.0 ลิตร จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อ่านเพลินๆเจอ คห45 แล้ว ฮาเลย...55 แหม๋....ภาพมันติดตา จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 19 ม.ค. 49 11:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ทำไมตอนเราทดสอบอัตราสิ้นเปลืองทีไร  น้ำมันมันต้องขึ้นราคาทุกที เป็นมาหลายหนแล้ว ปตท นะ ปตท. จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ** สรุป ** ซีดานยุคใหม่ บุคลิกก้ำกึ่ง แต่แรงดีเสมอตัว ประหยัดเกินคาด ความคาดหวังของผู้บริโภคต่อการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ มักจะหนีไม่พ้นเรื่องของ รูปลักษณ์ภายนอก ว่าต้องสวยขึ้น แปลกตาขึ้น น่าตื่นตาตื่นใจ เครื่องยนต์ต้องแรงขึ้น แต่กินน้ำมันน้อยลง ช่วงล่างต้องปรับปรุงให้นุ่มนวล หนักแน่นยิ่งขึ้น เบรกต้องดีขึ้น ไม่ใช่ออกมาบอกว่า ทื่อแล้วปลอดภัย (ฮา) และความปลอดภัย ต้องให้มามากขึ้น ต้องยอมรับว่า มร.ชินอิจิ หัวหน้าโครงการพัฒนาซีวิคใหม่ ทำงานของเขาได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซีวิคใหม่ ตัวถังซีดาน ออกมาเสมอตัว ตามความคาดหวังของตลาด ดังใจลูกค้า และดังใจของผู้คนที่เฝ้ารอ แม้รุ่นซีดานจะยังไม่ถึงกับสร้างความตื่นเต้น มากนัก เพราะสไตล์ฮอนด้านั้น ทำอไรออกมา ยังมีเกรงๆกลัวๆ อยู่ ไม่ค่อยกล้านัก แต่ต้องถือว่า ประสบความสำเร็จใช้ได้ จากยอดขายที่เริ่มพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถ้าถามว่าจะต้องปรับปรุงอะไร ก็ยังคงให้น้ำหนักไปที่เรื่องของ ฟีลลิง ระบบกันสะเทอน ที่อยากได้ช็อคอัพ กับสปริง ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุนกว่านี้อีกสักนิด รวมทั้งดีไซน์ด้านหน้า ที่ไม่คาดหวังจะเห็นเสาคู่หน้า A-Pillar ล้ำออกมาจนเกินไป ขนาดนี้ถือว่ายังพอรับได้ แม้จะบดบังทัศนวิสัยอยู่บ้าง นอกนั้น ตอนนี้ ผมยังนึกไม่ออกว่า จะต้องแก้ไขปรับปรุงส่วนใดบ้าง [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อ้อ นึกออกแล้วว่าจะต้องปรับปรุงส่วนไหน การประกอบของโรงงานโรจนะยังไงละครับ วัสดุก็ดีขึ้นแล้ว ประกอบให้เรี่ยบเท่าเทียมเสมอกันหน่อยครับ QC เข้มงวดกว่านี้อีกนิดนึง ผมว่าน่าจะใช้ได้แล้วนะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ทีนี้ สำหรับลูกค้าอย่างเราๆ จะเลือกรุ่น 1.8 ลิตร หรือ 2.0 ลิตรดีละ? [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เอาเข้าจริงแล้ว ผมว่า รุ่น 1.8 ลิตร ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานของทุกคน ความแตกต่างจากรุ่น 2.0 ลิตรนั้นไม่ได้ห่างกันมากจนน่าเกลียดแต่อย่างใด อัตราเร่งถือได้ว่า ดีสมตัว ดีกว่าคู่แข่งทุกคันในตลาด กลุ่ม 1.8 ลิตร แต่ถ้าใครที่ชอบขับรถเร็ว และอยากได้ของเล่นแปลกๆ ไว้กดเล่นรหว่างเจอตถติดแล้วไม่มีอะไรทำ รุ่น 2.0 ถือว่าน่าสนใจไม่เบา [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ทีนี้ มาดูเรื่องเล่าจากน้องถังกันบ้างครับ ในฐานะผู้ใช้ ซีวิค รุ่น 2.0 อยู่ ถังจะมาเล่าให้ฟังว่า เขาพบเจออะไรมาบ้าง ผมจะไม่แต้งเติมข้อความใดๆ เว้นแต่จะตัดย่อหน้าเพื่อประกอบกับรูป แค่นั้น ---------------------------------- ว่ากันในส่วนของผม ซึ่ง บอกตามตรงว่า เหตุผลที่เลือก Civic 2.0 เพราะชอบ รถที่เครื่องยนต์+เกียร์ ดีๆ ผมรู้สึกคุ้ม มากกว่า ช่วงล่างห่วยไปนิดนึงไม่เป็นไร เพราะทำเพิ่มกันได้ไม่ยาก ซึ่งก็เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ ต่างคนต่างคิดไม่เหมือนกัน ซึ่งความเห็นต่างนี่เอง นำมาซึ่งความขัดแย้ง ทั้งที่จริงแล้ว  รถยนต์มีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่ผู้ซื้อสนใจ ต่างกันไป บางคนอาจจะชอบ ช่วงล่างที่ มั่นใจ หน่อย เครื่องยนต์ ตอบสนองช้าไปนิดไม่เป็นไร ผู้หญิงคนเดียวกัน คุณ กับเพื่อนคุณบางที ยังเถียงกันเลยว่า สวย/ไม่สวย จริงไหม? [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ผมใช้รถคันนี้มา ตั้งแต่ 24 พฤศจิกายน 2549 จนถึง บทความนี้ วิ่งไปได้ 5,000 กว่ากิโล เริ่มต้นกัน ด้วยเรื่องตลกๆ ก่อนดีกว่า วันไปรับรถ ผมก็ก้มดูโน่น ดูนี่ (มีหลุดไปจุดนึง  แต่ผมไม่ค่อย mind เท่าไหร่) ทีนี้ ตอนซื้อรถเนี่ย  เขาแถม พ่นกันสนิมครับ ไอ้ผม ก็สูดเข้าไปเต็มๆปอด ขับรถกลับมาบ้าน เจ็บคอ ไม่สบายอยู่ 2-3 วัน เจ็บบรม จริงๆครับ - -" เอาล่ะ พอหายดี ก็ขับค่อยๆ ไปก่อน จนพ้น รันอิน พันกิโล ก็อัดเต็มๆ  ลอง Topspeed ได้ที่ 222 km/h จนมีหลายท่าน เข้ามาแสดงความเห็นในกระทู้ จนยาวเฟื้อย บอกตรงๆ ว่าถูกใจผมมาก ญี่ปุ่นไม่มีให้เราเล่นแบบนี้ บ้านเขา มีแต่เครื่อง 1.8 แถมล๊อก180 ซะด้วย แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 11:36:50 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 99 หาที่วางเหล็กค้ำโช๊คเพิ่ม ไม่เจอ  สงสัยไม่ให้วาง จากคุณ : Skyway - [ 19 ม.ค. 49 11:37:13 ]

ความคิดเห็นที่ 100 พอขับแบบเต็มๆซักพัก รู้สึกว่า   เอ๊ย .... ทำไม เบรกแล้ว ABS มันทำงานเร็วจัง มุม Toe ล้อหน้า มันเพี้ยน รึเปล่า ไปคุยกับหลายๆท่าน  ได้ความมาว่า ยางที่ติดรถมา (Goodyear NCT5) ลื่นมาก ทนใช้อยู่ ราวๆ อาทิตย์กว่า ก็ไปเปลี่ยนเป็น Bridgestone GIII  ขนาดเดิม 205/55/16 อาการที่เคยเบรกลื่น  ออกตัวล้อฟรี หายเป็นปลิดทิ้งครับ พวงมาลัย ไวขึ้นอีกหน่อย  น่าจะเป็นผลจากการที่ ดอกยางบั้งใหญ่ขึ้น   และโครงสร้างของยาง ดีขึ้น ถูกใจผมพอสมควร ในเรื่องการขับขี่ คันเร่ง วางเหมือนยุโรป น้ำหนักเบา เกียร์ ขยันเปลี่ยนจังหวะ กดครึ่งๆกลางๆ ก็ลงจังหวะให้ หรือพูดสั้นๆ ว่า ตอบสนองต่อ เท้าคนขับได้ดีมาก แป้นเบรก จับตัวในช่วงแรกไว แต่ในระยะลึกๆ ยังมีความรู้สึก ฝืดๆ อยู่บ้าง ทำให้ คนขับไม่กล้ากด  แต่กดไปเถอะครับ  อยู่แน่ๆ (ถ้าไม่ขับมาเร็วเกินเหตุ) ไอ้การที่เบรกจับเร็วนี่เอง ทำให้ ช่วงแรกๆ ที่ผมขับ ผมเหยียบจน ABS ทำงาน (โดยไม่จำเป็น) ไปหลายครั้ง มีติ นิดนึง ตรงที่ แป้นเบรก วางมาสูงไปหน่อย เวลาขับในเมือง ที่ต้อง สะบัดเท้าไปมา ระหว่าง คันเร่ง - แป้นเบรก จะเมื่อข้อเท้าครับ พวงมาลัย สำหรับรุ่น 2.0 จะเป็นแบบ EPS น้ำหนักเบา ที่ความเร็วต่ำ  แต่จะหนักขึ้นที่ความเร็วสูง พวงมาลัยจัดว่า sensitive ทีเดียว หักปุ๊ป เลี้ยวปั๊ป จิกเข้าไปเลย  ไม่มีหน่วง ไม่มีลังเล เป็นลักษณะ "ตามมือ"  มากกว่า "แน่น มั่นคง" ลองวิ่งกันเร็วแล้วๆ เจ้า Civic นี้ เป็นรถที่ ปลายเหลือ เกินตัว ในเกียร์ D ขับเปิดแอร์ ขับไปเรื่องๆ หากไม่มองมาตรวัด ความเร็ว จะอยู่แถวๆ 140 โดยไม่รู้ตัว เมื่อเล่นบทโหด ใส่ โหมด S แล้วเปลี่ยนเกียร์ โดยใช้ Paddle Shift หลังพวงมาลัย สามารถลากรอบได้ จนกระทั่งเครื่องยนต์ตัด  เกียร์จะไม่เปลี่ยนจังหวะขึ้นให้ (จริงๆแล้ว 7000 รอบ กำลังสวย) แต่ถ้าคุณ ชะลอลงมา จนเกือบๆ หรือ หยุด นิ่ง  เกียร์จะเปลี่ยนลงให้เองครับ ผมสังเกตอยู่อย่างนึงว่า เมื่อใช้รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 4000 รอบขึ้นไป เกียร์ "ดูเหมือน" จะ ส่งกำลัง โดยใช้ Lock-up (ไม่มีการฟรี ใน Torque Converter) ทำให้การเปลี่ยนจังหวะ จะดุดันขึ้น ดุดันยังไง? คือ จะมีกระตุก  ให้รู้สึกได้ถึง การ Disengage เกียร์นึง และ Engage อีก เกียร์ต่อไป ไม่เหมือนตอนขับคลานๆ  ซึ่งจะเหมือนขับรถ ที่มีเกียร์เดียว ผมเข้าใจว่า Lock-up คงทำงานตลอดช่วง เลยทำให้ การเปลี่ยนเกียร์ (ในรอบเครื่องยนต์สูงๆ) ออกอาการ ดุดัน เช่นว่า [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 101 Thanks JIMMY ครับ ที่ทำบทความดีๆ ให้เราได้อ่านกัน จากคุณ : วิกรมาทิตย์ - [ 19 ม.ค. 49 11:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 102 มาว่ากันถึงช่วงล่างบ้าง ผมอยากบรรยายสั้นๆ ว่า  "นุ่ม แบบ เป็นมวย" คือ Civic  เซ็ทช่วงล่างมาได้ นุ่ม   คุณตา คุณยาย นั่งได้ ไม่บ่น ขณะที่ คุณแม่ ทีชอบรถ ช่วงล่างแข็ง สปอร์ตๆ(แปลกไหม?) ก็ไม่ได้บ่นว่า นุ่มไป ถามว่า โอเคไหม ผมว่าดีนะ เพราะ รถอย่าง Civic ต้องตอบโจทย์ของผู้ซื้อ ให้ได้มากๆ คนนั่งนุ่มๆ ต้องชอบ   คนบ้าพลังต้องไม่บ่น (หรือบ่นน้อย) แต่อยากจะ comment ถึง ฮอนด้าว่า คนซื้อรุ่น 2.0 ไป เขาไม่ซื้อไปขับช้าหรอกครับ เซ็ทช่วงล่างมาให้ สปอร์ตกว่านี้หน่อย และให้ยางติดรถ ซึ่ง คุณภาพดีกว่านี้   จะแจ๋วทีเดียว * เข้าว่าใจ บางล๊อต  ให้ยางเป็น Bridgestone Turanza ER30 ผมว่า ดีกว่า NCT5 อยู่ พอสมควร (ต่อเรื่องช่วงล่าง) ตอนเปลี่ยนเลนกระทันหัน ด้วยความที่ พวงมาลัย มัน sensitive อยู่แล้ว ถ้าคนไม่ชิน จะหักพวงมาลัยมากเกินไป (และเร็วเกินไป) หน้ารถ จิกเลนได้ ไม่มีปัญหา แต่ท้ายรถจะออกอาการ เหวี่ยง ให้รู้สึก เยอะทีเดียว แต่ เมื่อเล่นโค้ง แรงๆแล้ว ผมพบว่า  ท้ายที่เหวี่ยงๆ น่ะ มันเหวี่ยงจริง   แต่ ไม่หลุดครับ รถจะออกอาการเลี้ยวไม่เข้า หรือ Understeer ซะก่อน ทั้งนี้  สำหรับ รุ่น 2.0 EL มี VSA หรือ Traction Control มาให้ Software จัดว่า ดีใช้ได้ ผมรู้สึกหน่วงๆ  จากการทำงานของมัน แต่ไม่หน่วงจนน่าหงุดหงิด และ ตั้งแต่ เปลี่ยนยางมา  VSA ก็แทบไม่ได้ทำงานเลย อย่างที่ผมไปว่า  นุ่ม แบบ เป็นมวย ฮอนด้า จงใจ เซ็ทรถมาให้นุ่มแบบนี้ วิศวกร คงทราบดีแน่ ว่า ท้ายรถ คงจะเหวี่ยงแน่ๆ เลยปรับ มุม camber ของล้อหลัง ให้เป็นลบ (แบะออก) นิดๆ มาจากโรงงาน (ในคู่มือ มีบอกค่าครับ รู้สึกว่า 0.33') ทำให้ ผลออกมา เป็นว่า ท้ายเหวี่ยงเหมือนจะหลุด แต่ไม่หลุด ดังนั้น ท่านผู้ใช้ Civic แล้วเห็นล้อหลังรถตัวเอง แบะนิดๆ ไม่ต้องตกใจครับ เขาตั้งมาอย่างนั้นแหละ อัตราสิ้นเปลือง ในชีวิตประจำวัน ในเมือง ผมทำได้ 10 กม./ลิตร ทางไกล ขับ 110-140 ได้แถวๆ 13 กม./ลิตร เติมหลายๆถัง ก็ได้ ประมาณนี้ครับ * ใช้น้ำมันเบนซิน 95 ครับ แกสโซฮอลล์ 95 ในเมือง จะเหลือประมาณ 8 กิโลลิตร [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ออกแบบ แบบกินรวบงัย เอาใจคนทุกเพศทุกวัย สำหรับคนที่เดินทางสายกลาง อิอิ... ถ้าชอบแนว hard core ก็คงผิดหวังนะจ๊ะ... จากคุณ : JoeRazz - [ 19 ม.ค. 49 11:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : ม่อน(mond) - [ 19 ม.ค. 49 11:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เออ ผมลืม พูดถึงภายในไปเลย มาตรวัดแบบ 2 ชั้น ตอนผม ไปนั่งที่ ผู้โดยสาร จะรู้สึกว่า มันขวางๆ ชอบกล แต่ใน seat position ของคนขับ ถือว่า ใช้ได้ครับ กระจกแต่งหน้า มีให้ทั้ง คนขับและคนนั่ง ผ้าบุหลังคา ผมรู้สึกว่า รุ่น 2.0 ทั้ง E และ EL ผ้าเนื้อดีกว่า รุ่น 1.8 เบาะหนัง ผมว่า ทั้ง Civic Accord  และ Mazda3  เลวพอๆกันครับ เครื่องเสียง ฟังนานๆ ไม่เมื่อยหู มิติเสียงแหลม  ดีมาก เบส เหมือนจะออกน้อย ลงไม่ลึกนัก แต่ ไม่อื้ออึง ครับ CD โหลดด้านหน้า 6 แผ่น เวลากด เปลี่ยนแผ่น  กลไก เสียงดัง เอาการทีเดียว เมื่อขับเร็วขึ้นๆ วิทยุ ก็จะปรับให้เสียงเพลง ดังตามไปด้วย พื้นที่เก็บของฝากระโปรง น้อยไปหน่อย เพราะ รถ Overahand หลัง สั้น และ โดนช่วงล่าง แบบปีกนก 2 ชั้น กินที่ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 106 งานใต้ห้องเครื่อง มีแผ่นปิดบางส่วนมาให้ ดูเป็นระเบียบใช้ได้ (เวลาวิ่งเร็วจะรู้สึกได้ว่า lift ด้านหน้า มีไม่มาก) แต่ ไม่ได้ปิดมิด เหมือนพวกรถสปอร์ต ส่วนด้านท้าย ไม่มี ต้นทุน น่าเป็นคำตอบ ที่ตรงไปตรงมาที่สุด งานใต้ท้องโดยรวม เรียบร้อยดี  เหมือนที่มันควรจะเป็นครับ ไม่มีอะไร ห้อย ต่องแต่งลงมาเหมือน Camry [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 107 โอ้ว เยี่ยมครับคุณจิม แต่ทำไมเดี๋ยวนี้รถญี่ปุ่นมันแรงจังครับ สงสัยว่าCivic ตัวนี้ไม่รู้ยังคงเป็นโรค"ไมล์อ่อน" เหมือนรุ่นพี่อีกรึปล่าวครับ? ถ้า"ไม่อ่อน"แล้ว ก็ต้องยอมรับครับว่าHonda ทำเครื่องได้เยี่ยมจริงๆครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 12:00:07 จากคุณ : VW Tri-xenon - [ 19 ม.ค. 49 11:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ใช้มา แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ค่าแรง + ค่าไส้กรอง  366 บาท ค่าน้ำมันเครื่อง ENEOS 0w40 1,200 บาท ยาง G III  4 เส้น เส้นละ 3,600 บาท  ที่วงเวียน 22 และค่าถ่วงล้อ ถอดใส่ยาง ใหม่หมด  อีก 600 บาท เนื่องจาก ร้านยาง ใส่มาให้ ไม่ดี ถ้าพิมพ์เรียงลำดับ มั่วซั่ว หรือบางส่วน ไปซ้ำ กับของ พี่จิมมี่ ขออภัยด้วยครับ เนื่องจากผมเริ่มเบลอแล้ว (ตอนพิมพ์เสร็จนี้ ตี3) จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เอาละครับ จบจากความรู้สึกของลูกค้าอย่างตา "ถังน้อย" เราก็คงต้องถาม นาย Ton99 กันละว่า เขารู้สึกอย่างไร เกี่ยวกับซีวิคใหม่นี้บ้าง  ในฐานะที่รายนี้ ก็เป็นลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ กับฮอนด้ามา 2 คันแล้ว ทั้งซีวิค ตาโต และแอคคอร์ด งูเห่า (บรื๋อวส์ กลัวงู) ไม่ตัดต่อทั้งสิ้นนะครับ ---------------------------------- ว่ากันเลยละกัน เครื่องยนต์ ช่วงขับในเมืองด้วยการขับขี่แบบปกติตัว 1.8 และ 2.0 ให้ความรู้สึกแทบไม่ต่างกัน ความรู้สึกในตอนเร่งแบบแตะๆ  จะไม่ติดเท้าเหมือนตัว 1.7 vti at แต่เมื่อกดแบบเต็มที่  อัตราเร่งของตัว 1.8 จะหนักและยาวกว่า 1.7 vti อย่างเห็นได้ชัด ส่วนตัว 2.0 ในรอบกลางๆขึ้นไปจะหนักกว่าตัว 1.8 ไปอีกระดับ ช่วงล่าง ตัว 1.8 จะเซ็ทมานิ่มกว่าตัว 2.0 และถ้าเอาตัว 1.8 ไปเทียบกับรุ่นที่แล้วก็ถือว่าห่างกันหลายขุม รุ่นนี้กระด้างน้อยกว่ามาก  แน่นและนิ่งกว่าเดิมมาก   ที่สำคัญคือไม่มีอาการท้ายเด้งๆ  ที่ชวนให้แหกโค้งเอาง่ายๆ พวงมาลัย ตาม spec บอกว่า ตัว 2.0 คมกว่า แต่ผมขับสองทีห่างๆกัน  ก็แยกความต่างไม่ออก อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ของผมที่ต่างกันด้วย ถ้าไปเทียบกับรุ่นที่แล้วอันนี้จะชัดเลย ตัวใหม่ตอบสนองได้ดีกว่า  และก็ฝืดน้อยกว่า ถ้าไปเทียบกับรุ่น ek ตาโตแล้ว  เรื่องความไวยังเป็นรอง แต่ก็คงไม่ใช่ข้อเสียอะไร  เพราะรุ่น ek นี้พวงมาลัยไวจนหลายคนขับไม่ได้ การเก็บเสียง ตอนจอดดับเครื่อง  จะได้ยินเสียงภายนอกเบากว่า ek ผมอีกนิด ขอย้ำว่านิดเดียวจริงๆ แต่ถ้าตอนวิ่ง  อันนี้จะเงียบกว่าแบบชัดเจน  ทั้งเสียงลมและยาง ส่วนตัว 1.7 รุ่นแรกนี้ไม่ต้องพูดถึงเพราะว่ารุ่นนี้มันดังกว่า ek ซะอีก ตำแหน่งขับ ถือว่าทำได้ดี  เบาะ พวงมาลัย ประตู คันเร่ง เบรค วางมาได้ดีใช้ได้ แต่เกียร์  มันอยู่ไกลไปหน่อย  ช่องที่วางเท้าก็รู้สึกว่าแคบไปนิด คอนโซนหน้ายาวเอาเรื่อง  และก็มองไม่เห็นหัวรถเหมือนรถที่เคยๆขับกัน แรกๆอาจจะกะยากหน่อย  แต่ขับไปขับมาเดี๋ยวก็ชินเอง วิธีกะระยะผมจะใช้ตำแหน่งของใบปัดเป็นตัวเล็งแทนหัวของกระโปรงหน้า ดูแล้วก็คล้ายๆว่ากำลังขับ Jazz ที่หัวยาวกว่าเดิม ---------------------------- จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 11:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สงสัยไหมครับ ว่าทำไมผมถึงจงใจถ่ายรูปของ สองคนนี้ ในมุมเดียวกันเป๊ะแบบนี้ เหตุผล ไม่มีอะไรมากไปกว่า 2 คนนี้ เขาแค่อยากจะถ่ายภาพ ในมุมเลียนแบบ ผู้ชายคนนี้ ถามว่าเค้าเป็นใคร? ใครที่อ่าน TD บ่อยๆ ถ้าไม่รู้จักเขานี่ แสดงว่าไม่รักกันจริง (ฮ่าๆๆ) (ตูจาโดนไล่ออกไหมฟะเนี่ย.....รูปนี้มันสิบกว่าปีแล้วนะครับป๋า เปลี่ยนรูปเหอะ ตอนนี้ป๋าบวมกว่าในรูปม้ากกกกกกกกกก) แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 12:25:59 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 12:02:29 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ขอขอบคุณ พี่ศศิวรรณ และพี่อ๊อด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ ทั้งสองคัน และความเอื้อเฟื้อต่างๆด้วยดีเสมอมาครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 12:04:58 จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 112 .. จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เยี่ยมครับ จากคุณ : อุ้ยเซี่ยวป้อ - [ 19 ม.ค. 49 12:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอขอบคุณ น้อง "ถัง"กับ นาย Ton99 สำหรับความร่วมมือต่างๆนามากมายนับไม่ถ้วน และขอขอบคุถณ นายเอก Bento แห่ง Mazdaclub ที่ช่วยขับรถให้ผมจับภาพได้ ขณะอยู่ที่ระยอง ภาพในกระทู้นี้ ทุกรูป ผมถ่าย 2 ช่วง ครับ ทั้งตอนไปเทสต์ไดร์ฟกลุ่ม ที่บ้านเพ จังหวัดระยอง และเมื่อวันที่ 6-12 มกราคมที่ผ่านมา รถทั้งหมด รวม 4 คัน Concept ภาพชุดนี้ "Rising Spirit" ว่ากันตามแคมเปญโฆษณาเขาเลยนั่นละ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 49 12:22:59 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 115 พี่ JIMMY อย่าลืมทดสอบ FOCUS ให้ด้วย รออยู่ ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : อัยเยอร์ควีน (อัยเยอร์ควีน) - [ 19 ม.ค. 49 12:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 117 .. จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ...... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 119 .. จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 120 จบแล้วครับ ขอบคุณสำหรับการติดตาม จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อ่ะ แถมรูปวิว 4 รูปแล้วกัน [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 122 .. [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ... จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 124 จบแล้วครับ สวัสดี จากคุณ : JIMMY - [ 19 ม.ค. 49 12:24:53 ]