ผมจำเป็นต้องรอให้ TD เล่มใหม่ ปก ยาริส
ซึ่งมีบทความนี้วางแผงก่อนครับ
แล้วจึงนำบทความนี้มาโพสต์ให้อ่านกันได้
เพราะก็เป็นเรื่องของมารยาทในการทำงานของผมด้วยเหมือนกัน (อันที่จริงต่องปล่อยให้ช้ากว่านี้ถึงเดือนหน้าด้วยซ้ำ)
เวอร์ชันนี้ ไม่เหมือนเวอร์ชันใน TD ครับ
แต่ต่างกันแค่ ใน TD มีแต่เนื้อ กินกันแห้งๆ
ส่วนเวอร์ชันนี้ บะหมี่ขลุกขลิก น้ำอาจจะเยอะสักนิด
บอกไว้เล็กน้อยนะครับว่า TD เล่มใหม่นี้ แม้แต่ผมเอง
ก็ยังคิดว่า อ่าน 2 วันในช่วงว่างๆยังไม่น่าจะหมดนะ
เป็นอีกเล่มที่ถือว่าเนื้อหาเยอะน่าเก็บในรอบ 7 ปี ของ TD
ถ้าไปเปิดอ่านบนแผงแล้ว คิดว่าอยากได้ ก็อุดหนุนกันได้ครับ เพราะมีสปายช็อตสรุปข้อมูลทั้ง แคมรี เอวิโอ
แล้วก็ รูปสปายช็อต กระบะมาสด้า (ที่น้อง OXEGEN2
ถ่ายรูปไว้ แล้วผมซื้อไปลงด้วยราคา 2 พันบาท) นั่นละครับ
แต่ถ้าคิดว่า ไม่คุ้ม ก็ไม่ต้องซื้อครับ ปล่อยมันไว้บนแผงอย่างนั้นหละ ตามสบายครับไม่เคยว่า
และที่มาบอกนี่
ไม่ใช่เพราะว่า จะเอาพื้นที่ในนี้มาหากิน
เพราะแค่ไปยืนสำรวจตลาดหนังสือเล่มอื่นๆร่วมวงการ
บนแผง แล้วเห็นอะไรดีๆ ก็อยากจะมาบอกกัน
ก็เหมือนกับที่ผมเห็นรูปเรนเจอร์ ใน แหล่งรถ เล่มใหม่
ก็นำมาบอก เห็นว่า BBC Top Gear เล่มใหม่ ดี ก็นำมาบอก
รวมทั้ง GM CAR เล่มใหม่ ที่ผมถือว่าเนื้อหาโอเค อ่านใช้ได้
(นานแล้วที่ผมไม่ได้หยิบ GM CAR มาอ่าน แล้วรู้สึกว่า โอเคเลยนะเล่มนี้)
อารมณ์ผมก็ประมาณนั้น
เชียร์หนังสือตัวเองไป ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าเงินเดือน 4 พัน ต่อเดือนเท่าเดิมแหละครับ ได้แค่นั้น เท่าเดิม
แค่อยากเห็นงานดีๆออกมาถึงผู้บริโภคกันบ้าง
งานไหน น่าสนใจก็นำมาบอกเล่ากัน ก็เท่านั้น
ไม่พูดพล่ามละครับ ลุยดีกว่า
--------------------------------------------------------
(ใครที่คิดจะก๊อปปี้ไปฟอร์เวิร์ดในอีเมล์
โปรดใส่เครดิตกันด้วยครับ เพื่อสร้างวัฒนธรรมอันเป็น
มารยาทบนโลกไซเบอร์
ถือเป็นการให้เกียรติคนอื่นครับ)
NEW CARS IN THAILAND 2006-2008
สรุปรถใหม่เตรียมเปิดตัวในไทย 2006-2008
ปี 2005 เป็นปีที่การแข่งขันในตลาดรถยนต์ดุเดือดอีกปีหนึ่ง ถึงแม้ตัวเลขยอดขายรวมจะออกมาเกิน 7 แสนคันเป็นปีแรก แต่ขณะเดียวกันสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เริ่มมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ ทั้งกลุ่ม
รถกระบะหรือรถยนต์นั่ง การขยายตัวของตลาดรถยนต์นั่งหดตัวลงสวนทางกับยอดขายรถกระบะที่เพิ่มมากขึ้น นั่นเพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เกิดเทรนด์ใหม่ๆขึ้น ทั้งการเปลี่ยนจาก
รถเก๋งไปซื้อรถกระบะมาใช้ เพราะคิดไปว่าน่าจะประหยัดกว่า (ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ต้องขึ้นอยู่กับสภาพการใช้ชีวิตของแต่ละครัวเรือนด้วย) รวมทั้งยังมีการนำรถยนต์เก่าไปติดตั้งระบบก๊าซ ทั้ง LPG
และ CNG จากแรงผลักดันของภาครัฐบาลที่พยายามส่งเสริมการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลติดก๊าซ CNG มากขึ้น ทั้งที่ความจริงแล้วสวนทางกับนโยบายของนานาประเทศ ซึ่งเน้นให้ติดตั้งในรถเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก )
ตัวเลขยอดขายรวมตลอดทั้งปี 2005 ที่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด รายงานออกมาเมื่อ 12 มกราคม ที่ผ่านมา สรุปที่ 703,432 คัน โดยในตลาดรวม ปีนี้โตโยต้ายังคงเป็นแชมป์ทั้ง 2 กลุ่มตลาด
นั่นคือตลาดรวม และรถเก๋ง ด้วยยอดขาย 277,955 คัน ตามด้วย อีซูซุ 176,718 คัน ส่วนอันดับที่ 3 ยังคงเป็น ฮอนด้า ปิดยอดที่ 58,515 คัน ลดลงจากปี 2004 ถึง 22.0% สาเหตุหนีไม่พ้นจากความเชื่อมั่นที่
หดหายไปในช่วงที่เกิดกรณีพิพาท ทุบซีอาร์-วี
ส่วนตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขายรวม 188,211 คัน ลดลงจากปี 2004 10% โดยอันดับที่ 1 ยังคงเป็นโตโยต้า 90,298 คัน ลดลง 12.7% ส่วนแบ่งตลาด 48.0% ขณะที่อันดับที่ 2 ยังเป็นฮอนด้า 57,121 คัน
ลดลง 19.2% แต่อันดับ 3 ในปีนี้ เชฟโรเลต นำพรา ออพตร้า เบียดขึ้นมาแซงหน้ามิตซูบิชิและนิสสันได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยยอดขาย 8,347 คัน เพิ่มขึ้น 31.4% ซึ่งถือว่ายังห่างไกลจากฮอนด้าอยู่มาก แต่ด้วยการเปิดตัว
รถเล็กรุ่นใหม่ เอวิโอ ในปีนี้ จะทำให้เชฟโรเลตมียอดขายใกล้เคียงกับฮอนด้ามากขึ้น
และที่พลาดไม่ได้คือ ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขายสูงขึ้นจนถึง 469,657 คัน เพิ่มขึ้น 27.3% หากรวมยอดขายของรถยนต์ เอสยูวี พื้นฐานเดียวกับกระบะไว้ด้วย แน่นอนว่าโตโยต้าเข้าวินด้วยตัวเลข
177,627 คัน ส่วนอีซูซุ หล่นลงไปอยู่อันดับ 2 ด้วยยอด 165,582 คัน และอันดับ 3 ยังคงเป็นของมิตซูบิชิ 37,024 คัน
แต่ถ้าตัดยอดขายรถกระบะดัดแปลง เอสยูวี จำนวน 43,022 คัน ซึ่งไล่เรียงตามอันดับสูงสุดลงมา นั่นคือโตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ และ อินโนวา 32,793 คัน อีซูซุ มิว 7 8,419 คัน ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ 1,100 คัน มิตซูบิชิ
จี-แวกอน 672 คัน และนิสสัน 38 คัน ออกไป
เราจะพบว่า อีซูซุยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะเช่นเดิม ยืนหยัดตำแหน่งแชมป์อย่างเหนียวแน่นด้วยตัวเลข 157,163 คัน โดยมีโตโยต้าไล่กวดเข้ามาติดๆที่ 144,834 คัน นั่นหมายความ ว่าระยะห่างเพียงเท่านี้
ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับโตโยต้าอีกต่อไป ในการก้าวขึ้นเป็นแชมป์รถกระบะ ในปีนี้ เพื่อให้ครองแชมป์ 3 บรรลังก์อย่างที่ตั้งเป้าไว้เมื่อหลายปีก่อน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับสภาวะตลาดรถยนต์ปี 2006 คือสารพัดปัจจัยเชิงลบ ทั้งประเด็นราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล ที่ยังคงทำสถิติสูงขึ้นเรื่อยๆ สภาพเศรษฐกิจของหลายกลุ่มธุรกิจที่ยังคงฝืดเคืองเหมือนปีที่แล้ว
เริ่มลุกลามไปยังภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอื่นๆ ไปจนถึงปัญหาด้านการเมืองที่มีแนวโน้มจะทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น และปัญหาไข้หวัดนก จะยังคงสร้างผลกระทบต่อเนื่อง จนเกิดการชะลอตัวของกำลังซื้อรถยนต์
ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจึงคาดกันว่า อัตราการเจริญเติบโตของตลาดในภาพรวมจะสูงขึ้นจากปีนี้ไม่มากนัก และอาจจะมีภาวะถดถอยลงเล็กน้อยด้วยซ้ำ หากทำยอดตัวเลขได้ดีในระดับ 735,000 คันอย่างที่โตโยต้า
ประมาณการไว้ ถือว่าเป็นการประคองตัวไปได้อย่างสวยหรู
ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายจึงพากันกำหนดเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆในปีนี้กันอย่างอุ้นหนาฝาคั่ง เพื่อหวังกระตุ้นตลาดให้คึกคัก และรักษาระดับกำลังซื้อของผู้บริโภคไว้ โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
ในทุกกลุ่มตลาด เพราะได้เวลาที่หลายค่ายจะต้องปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ให้กับรถยนต์รุ่นต่างๆของตน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันของรถยนต์รุ่นเดิมในตลาด รวมทั้งรับมือรถยนต์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เคย
ทำตลาดในบ้านเรามาก่อน (เช่นโตโยต้า ยาริส และนิสสัน ทีด้า)
ที่สำคัญ ปีนี้จะเป็นปีที่ค่ายพระรองทั้งหลายจะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อจะศึกษา วิจัยและพัฒนารถยนต์ระดับซับ-คอมแพกต์ เพื่อเตรียมถล่มตลาดเมืองไทยและทั่วโลกในปี 2007 รถยนต์กกลุ่มนี้แหละ ที่เหมาะ
อย่างยิ่ง กับการเป็นรถยนต์ประเภทที่ 2 ซึ่งไทยควรจะเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกสู่ตลาดทั่วโลก รองจากรถกระบะ 1 ตัน
ส่วนตลาดรถกระบะปีนี้ยังไม่สงบศึกง่ายๆ หากแต่จะกลับมาปะทุขึ้นใหม่อีกครั้ง เพราะปีนี้ ทุกค่ายจะมีการเปิดตัวรถกระบะรุ่นใหม่ๆของตนออกมาจนครบ ทั้งการเปลี่ยนโฉมโมเดลเชนจ์ หรือแค่ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์
ไม่เว้นแม้แต่การเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษกระตุ้นตลาดต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงสิ้นปี แถมด้วยการจัดกิจกรรมทางการตลาดมากมาย เช่นการแข่งขันประหยัดน้ำมัน หรือการจัดแคมเปญกระะตุ้นยอดขายอื่นๆอีกเพียบ
ขณะเดียวกัน ปัญหาการเรียกร้องสิทธิ์ของผู้บริโภค ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น และปีที่แล้วถือได้ว่าเป็นปีที่มีการร้องเรียนในระดับรุนแรงมากที่สุด บางรายเดือดร้อนจริง บางราย ร้องเรียนอย่างเอิกเกริกเกินเหตุอัน
เกิดขึ้นจริง แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นี่คือสัญญาณเตือนที่บริษัทรถยนต์ทุกราย ควรหันกลับมาดูแลเอาใจใส่ความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้นในปีนี้ ด้านผู้บริโภคเองก็ควรศึกษาหาความรู้ในเรื่องรถยนต์ของตน
ให้มากขึ้นเพื่อปกป้องรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
และยิ่งภาวะการแข่งขันกันอย่างรุนแรงของค่ายใหญ่ผู้ครองตลาด มากขึ้นเท่าใด พื้นที่หายใจสำหรับค่ายระดับพระรอง จะยิ่งเหลือน้อยลงไปเท่านั้น เพราะหลายบริษัทยังคงง่วนอยู่กับการจัดการปัญหาองค์กรภายใน
ของตน รวมทั้งการแก้ปัญหาด้านการบริการหลังกาารขาย และความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ และหันไปมุ่งเน้นตลาดส่งออกมากกว่าตลาดในประเทศ ปีที่ผ่านมา ภาพดังกล่าวเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น
สังเกตุได้จากยอดขายของผู้นำตลาดที่ทิ้งห่างจากค่ายระดับพระรองไกลออกไปทุกที นี่คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ค่ายระดับพระรองสามารถประคองตัวไปได้ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่คาดกันว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
ในอีกไม่นานเกินรอ
เป็นธรรมเนียมทุกปีที่ THAIDRiVER จะถือโอกาสในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สรุปข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่เตรียมจะเปิดตัวในไทย ล่วงหน้า 1-2 ปี ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่เราจะนำ
เสนอรายละเอียดของโครงการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมทั้ง กำหนดการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในประเทศไทย อย่างละเอียด ครบทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น
แต่ปีนี้ พิเศษยิ่งกว่า เพราะเราจะเปิดเผยโครงการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ
สำหรับปี 2007-2008 เป็นครั้งแรก ก่อนสื่อเล่มใด เพื่อให้คุณรับรู้ทุกความเคลื่อนไหว ล่วงหน้า ก่อนใคร
***หมายเหตุ***
ข้อมูลทั้งหมดในรายงานชิ้นนี้ ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นล่าสุด ณ วันปิดต้นฉบับ ซึ่งเมื่อถึงวันออกวางแผงของ THAIDRIVER
ฉบับนี้ อาจมีข้อมูลดิบและ/หรือข้อมูลที่กลั่นกรองแล้วปรากฎขึ้นอีกได้ตลอดเวลา ข้อมูลเหล่านั้นอาจจะคลาดเคลื่อนหรือเพิ่มเติมข้อมูลเดิมจากบทความชิ้นนีก็เป็นไปได้ เนื่อง
จากรายงานข่าวประเภทเจาะโครงการลับหรือ สปายช็อตนั้น ไม่มีสื่อมวลชนเล่มใดในโลกที่สามารถรายงานได้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง 100% คุณผู้อ่านควรติดตามข่าว
"ด้วยวิจารณญาณ เหตุผลในเชิงตรรกะ หรือเกมการตลาด อย่างปราศจากอคติ" รวมทั้งศึกษาจากข้อมูลที่ปรากฎอยู่ในสื่ออื่นๆประกอบกันด้วยอยู่เสมอ
แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 49 23:31:59
จากคุณ :
JIMMY
- [
11 ก.พ. 49 23:30:50
]