ความคิดเห็นที่ 1 มันเป็นปัจจัยหนึ่งครับ อยู่ที่คุณให้น้ำหนักกับมันมากแค่ไหน บางคนอาจจะให้น้ำหนักมาก เพราะเวลาเอาไปเทิร์นซื้อคันใหม่อีก4-5ปีข้างหน้า จะได้ไม่เสียเงินมากหรือถ้าขายต่อก็ได้ราคา บางคนก็อาจจะคิดว่า ซื้อรถที่โดนใจจริงๆดีกว่าทนใช้คันที่ไม่ได้ชอบไปอีก4-5ปี ราคาขายต่ออาจจะได้น้อยกว่า แต่ค่าส่วนต่างกับความสุขที่ได้อาจจะคุ้มกันแล้ว จากคุณ : Dju:k - [ 7 พ.ค. 49 16:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมอยู่กลุ่มคนที่ 2 เพราะว่าผมจะซื้อ mz 3 ง่ะ ผมกะจะใช้ให้มันพังคามือเหมือนกาน อิอิ ... จากคุณ : ฟหกด่าสว - [ 7 พ.ค. 49 17:00:10 A:58.9.80.12 X: TicketID:105986 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับผม ผมอยู่ กลาง ๆ ครับไม่ ใช้รถตลาด อย่าง พี่ต้า แต่ ก็ไม่เอายี้ห้อที่ขายออกยาก ๆ ราคา ตกสุด ๆ ถึงแม้จะชอบ อย่าง ออดี้ รถมีอายุ พอมันมากแล้ว จะจุกจิก เสียง่าย อย่างรถตายกลางถนน นี่ ผมไม่เอาครับ พอมันเริ่ม ผมก็จะเปลี่ยนครับ จากคุณ : โบกกรัก - [ 7 พ.ค. 49 17:36:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบรถตลาดครับ ฃื้อง่ายขายคล่อง จากคุณ : ฃีแมน - [ 7 พ.ค. 49 17:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมชอบรถโหลครับ มันอุ่นใจดีมีเพื่อนเยอะ ยิ่งรุ่นที่นิยมทำเป็นรถแท็กซี่ยิ่งชอบ จากคุณ : ss2498 - [ 7 พ.ค. 49 18:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ราคาขายต่อก็ต้องคิดครับ  แต่เป็นปัจจัยหลังๆ  ซื้อรถมาขับ ต้องดูที่คุณภาพรถก่อนครับ   ส่วนคนที่เอาเรื่องนี้เป็นประเด็นหลักๆ แสดงว่าจะซื้อมาขาย???? (ไม่รู้เหมือนกันครับ  หรือว่าอาจจะคิดว่ารถก็คือรถ  จะรุ่นไหนๆ ก็ไม่ต่างกันมากมั้ง) สำหรับผม คุณภาพ+ความปลอดภัยมาก่อนครับ  ราคาขายมีผลกับผมแค่ 10% จากคุณ : never better (Never Better) - [ 7 พ.ค. 49 19:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าผมแปลกกว่าชาวบ้านเค้าแน่ๆเลย.........ซื้อรถผมไม่คิดถึงราคาขายต่อนะ(เพราะไม่คิดจะขายต่อ) แต่ คิดราคาของแต่งไว้ล่วงหน้าเลย  แล้วรถที่ผมซื้อก็ไม่ใช่รถตลาดด้วยมันเป็นแนวๆ รถแรลลี่ในร่างรถบ้าน(Galant-vr4) ราคาขายต่อไม่ต้องพูดถึงร่วงจนคงที่ไปแว้ว  สำหรับผมซื้อเพราะชอบคับ รถเก่าไม่ว่ารุ่นไหนก็จุกจิกทั้งนั้นถ้าเจ้าของใช้แบบถลุง  สักแต่ขับอย่างเดียว  ถ้ามีเงินผมก็คงไม่ขายคันนี้(จะเก็บไว้ขับตอนแก่ๆ)  แต่จะซื้อคันใหม่แทน............ ปล.ม้าถึงจะแก่.............แต่ม้าก็คือม้า!!!! จากคุณ : MAKiNEN - [ 7 พ.ค. 49 19:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เคยคิดราคาขายต่อค่ะ ซื้อเพราะความพอใจล้วนๆ จากคุณ : MaRiMeKKo - [ 7 พ.ค. 49 19:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับผม ปัจจัยเรื่องราคาขายต่อ เป็นปัจจัยหลักในอันดับต้น ๆ เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ปัจจัยอันแรกสุดก็ตาม ความจริงแล้ว สิ่งที่คนส่วนใหญ่คำนึงถึงในการซื้อรถแต่ละคัน จะเป็นเรื่องของ ความคุ้มค่าในการซื้อรถคันนั้น ๆ มาใช้มากกว่า เพียงแต่ว่า แต่ละคนจะตีความหมายของ ความคุ้มค่าแตกต่างกัน บางคน ถ้าได้ซื้อรถที่จ่ายเงินน้อยกว่า แต่ได้ของ (อุปกรณ์ติดรถ) มากกว่า ก็เรียกว่าคุ้มค่ากว่า บางคนเน้นยี่ห้อรถที่สามารถบ่งบอกถึงฐานะ สร้างภาพลักษณ์ได้ดีกว่า ก็เรียกว่าคุ้มค่ากว่าสำหรับเขา คนบางกลุ่ม ก็เน้นที่สมรรถนะของรถ เช่น เครื่องแรงกว่า เกาะถนนดีกว่า เงียบกว่า ก็ย่อมคุ้มค่ากว่าสำหรับเขา ส่วนคนกลุ่มสุดท้ายที่คำนึงถึงราคาขายต่อ ความจริง ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่า คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการใช้รถ คันนั้นจนครบเทอมเสียมากกว่า เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายในการใช้รถ ย่อมเท่ากับ ราคาซื้อ ลบ ราคาขายต่อ (ที่ประ เมินเอาล่วงหน้า) + ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้รถคันนั้น (ซึ่งหมายถึง รถที่ทนทาน ไม่เสียจุกจิก ก็ย่อมไม่ต้อง ซ่อมบ่อย ราคาอะไหล่ไม่แพง และอัตราการกินน้ำมันที่ต่ำ) โดยมากแล้ว รถที่ราคาขายต่อดี มักจะเป็นรถที่มี ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้รถคันนั้นต่ำ และมักจะเป็นรถที่มี ความทนทานสูงด้วยนั่นเอง (โปรดสังเกตว่า รถที่ราคาตกมาก ๆ จะเป็นรถที่มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง และ มักจะต้องซ่อมบ่อย ๆ ด้วย) จากคุณ : โมจิไส้ถั่ว - [ 7 พ.ค. 49 20:43:26 A:125.53.157.85 X: TicketID:102965 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่มเติมอีกนิดครับ ในส่วนของสมรรถนะ รถที่เป็นที่นิยมโดยทั่ว ๆ ไป (ที่หมายถึงราคาขายต่อ) แม้ว่าสมรรถนะจะไม่โดดเด่น เฉียบขาด แต่ก็ "มักจะ" ไม่ได้แย่จนรับไม่ได้เช่นกันครับ (ถ้าแย่มาก ก็จะไม่เป็นที่นิยม) จากคุณ : โมจิไส้ถั่ว - [ 7 พ.ค. 49 20:49:08 A:125.53.157.85 X: TicketID:102965 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมพวกกลุ่มสองครับ ... ซื้อรถไม่เคยสนราคาขายต่อ เพราะผมไม่ค่อยเปลี่ยนรถ คันนึงใช้มันคุ้มล่ะครับ ผมสนสมรรถนะ สนความปลอดภัย สนความสบายในการขับขี่ น่ะครับ ที่บ้าน มีปิคอัพ 2 คัน ... คันนึงรถตลาด ซื้อง่าย ขายคล่อง แต่ เกาะถนนไม่ได้เรื่อง เบรคไม่ค่อยอยู่ ซึ่งอันตรายมากๆ สำหรับผม ซึ่งเท้าหนักขับเร็ว แถมด้วยอาการปวดหลังมากๆ เวลาเดินทางไกล ซึ่งถ้าใครขับรถทางไกลบ่อยๆ จะทราบดีครับว่า มันทรมาน แค่ไหน รถปิคอัพอีกคันนึง รถหน้าตาประหลาด รถที่ไม่เคยอยู่ในสายตาใคร แต่ อัตราเร่งดีมาก ประหยัดน้ำมัน การบังคับควบคุมเหมือนรถเก๋ง เบรคเยี่ยม แถมด้วยเบาะแสนสบาย .. ไม่รู้สิ สำหรับผม มันคุ้มกับราคาขายต่อที่ตกลงนะ จากคุณ : เด็กบูรพา - [ 7 พ.ค. 49 21:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ราคาขายต่อ คำนี้ ไม่เคยอยู่ในกะบาลผมเลย เพราะ ผมซื้อรถมาใช้ครับ ไม่ได้ซื้อรถมาขายต่อ ถ้ารถคัน นั้นมันใช่ สดวกสบาย เครื่องดี กินน้ำมันในเกณฑ์ประ หยัด เกาะถนน เบรคใช้ได้ ราคาไม่สูง ใช้ได้แล้วครับ รถ สำหรับผม มันก็คือรถ ไม่มีอะไรมากมายกว่านั้น ยี่ห้อ รุ่น ความใหม่เก่า ไม่ใช่ประเด็นพิจารณา สิ่งที่ จะนำมาพิจารณา คือ สิ่งที่มันสามารถตอบสนองเรา ได้ครับ อันนี้ คือ ความคิดส่วนตัวของแต่ละบุคคลครับ หลายคน ซื้อรถมาใช้แค่ ๓ ปี ก็ขายแล้วก็ ไปซื้อคันใหม่ใช้ต่อ แบบ นั้น เรื่องราคาขายต่อ คงสำคัญมาก แต่กับผม ผมซื้อรถ มาใช้ จะไม่มีวันขาย มีแต่หามาเพิ่ม มันพัง ก็จะซ่อมใช้ มันผุก็จะปะผุ เครื่องพัง ก็จะยกเครื่องใหม่ อะไหล่ไม่มีก็ จะแปลง ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการนี้ จึงทำให้เห็นว่า มันเป็นเรื่องของความคิดของแต่ละบุคคลครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 7 พ.ค. 49 23:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่เคยคิดถึงราคาขายต่อครับ เราเลือกรถ ก็ต้องเลือกที่ชอบ ที่ดีที่สุดในใจเราก่อน เพราะมันอยู่กับเราไปอีกนาน มากกว่า 5 ปีด้วยซ้ำ ถ้าทนใช้รถตลาด ออกแบบห่วย เพื่อราคาขายต่อเนี่ย   นั่งรถเมล์ไปทำงานดีกว่าครับ จากคุณ : คนหัวฟู - [ 7 พ.ค. 49 23:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คิดถึงราคาขายต่อแต่ก็ไม่ได้เป็นหลักเพราะเป็นคนขับรถแบบธรรมดาไม่ใช่ต้องการสมรรถนะเป็นหลักขับรถเร็วมากค่าดูแลรักษาก็ย่อมสูงมาก  เป็นมนุษย์กินเงินเดือนทั่วๆไป  ใช้รถแบบตลาดเวลาขายต่อน้ำตาจะได้ไม่ร่วง  สำคัญ3-4 ปีเปลี่ยนรถใหม่ทีดูดีกว่ารถสมรรถนะดีๆ แต่ตกรุ่นแล้ว จากคุณ : Ap.1657 - [ 7 พ.ค. 49 23:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 " ขายเต๊นท์ๆ ก้อไม่ค่อยรับหรือกดราคาน่าเกลียด " ผมว่า แม้จะเป็นรถตลาดๆ  เต๊นท์มันก็ไม่ค่อยจะรับ + กดราคาจนน่าเกลียดทุกคันครับ  ขนาด จี-แวก้อน มันชมเปาะว่ารถสวยมาก ( แต่งเพิ่มมากพอควร ) แต่ราคาที่มันให้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาซื้อครับ ทั้งที่เป็นรถปี 2002   ไม่ถึง 50 หมื่น สรุปได้ว่า ไม่ว่ารถตลาด หรือไม่ตลาด เต้นท์กดติดดินทุกคันครับ   สำหรับผม   ชอบรถซื้อง่าย ขายคล่อง ครับ (ล่าสุด มิตซู จี-แวก้อน ประกาศขายในเน็ตตั้งแต่ปลาย พย.2005 ปล่อยได้จริงๆ กลางกุมภา 2006 เป็นคันที่ใช้เวลาในการขายนานที่สุดแล้วครับ นี่ขนาดรถญี่ปุ่นตลาดพอควรนะครับ 3เดือนกว่าๆ ) แต่ต้องไม่ขายเต้นท์นะครับ  เสียความรู้สึกมากๆครับ ( ปล. ตั้งแต่ใช้รถมามากกว่า 10 คัน ยังไม่เคยเอาไปขายเต้นท์เลยครับ  เสียดายรถ  ขายคนใช้จริง  แม้ราคาจะสูงกว่าเต้นท์ไม่มาก  ก็มีความสุขกว่าครับ ) จากคุณ : wid - [ 8 พ.ค. 49 01:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คิดเหมือนกันครับ แต่เป็นเรื่องที่รองลงมาครับ เรื่องหลักๆคงอยู่ที่ ความชอบ ราคาตอนซื้อ และก็ สมรรถนะโดยรวมครับ แต่ถ้ามีเงินเยอะๆแบบว่าไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้ว ผมก็อาจจะไม่คิดถึงเรื่อง "ราคาขายต่อ" ก็ได้ครับ แต่ปัจจุบัน ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น เรื่อง "ราคาขายต่อ" คิดว่าคงเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจซื้อรถสำหรับผมเหมือนกัน ครับ เพราะผมทำธุรกิจส่วนตัว เรื่องเงินมันไม่แน่นอน ถ้าถึงเวลาจำเป้นที่มันจะต้องขายเพื่อนำมาหมุน ผมก็ต้องทำครับ จากคุณ : zareaL - [ 8 พ.ค. 49 02:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมคิดแบบ คุณเด็กบูรพา กับ เฮียหยึม คับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 49 03:12:27 จากคุณ : MAPRAO - [ 8 พ.ค. 49 03:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กลุ่ม 2 ค่ะ ...  ไม่สนใจเรื่องราคาขายต่อ  ... ขอให้เป็นรถที่ชอบ .. ก็พอแล้วค่ะ โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ชอบเปลี่ยนรถบ่อยๆ ด้วยแหละ ... อย่าง E36 คันนี้  ก็อายุเกือบจะ 10 ปี แล้วค่ะ ....  สำหรับเรามันก็ยังสวย...แล้วก็ยังขับดีอยู่นะ จากคุณ : Moody-Angle - [ 8 พ.ค. 49 10:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมก็คิดเหมือนคุณเด็กบูรพา และเฮียหยึม คือซื้อรถมาใช้ครับ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อขายต่อ ราคาขายต่อไม่เคยอยู่ในหัวเหมือนกันครับ เพราะไม่เคยขาย ถ้าเบื่อผมก็อาจยกให้ญาติพี่น้องไปใช้แทนครับ ยังไงมันก็ยังอยู่ในหมู่ญาติ คิดถึงก็ยังไปหาได้ ไม่ได้ไปอยู่ในมือคนอื่น ผมให้ฟรีๆเลย แล้วหาซื้อเอาใหม่ แต่เรื่องขายต่อไม่เคยคิดครับ อีกอย่าง ผมชอบรถที่ไม่เหมือนชาวบ้านใช้ครับ ราคาซื้อแพงกว่าชาวบ้าน ราคาขายต่อถูกกว่าชาวบ้าน แล้วจะขายไปทำไม เก็บเอาไว้ แล้วซื้อเพิ่มดีกว่า จากคุณ : Mr.Submarine - [ 8 พ.ค. 49 10:01:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใครมากกว่า.. .. ส่วนผม  ซื้อเพราะชอบ..  ต่อไปจะขายได้ไม่ได้ไม่สน  เพราะซื้อมาใช้  ไม่ได้ซื้อมากะขาย.. จากคุณ : tenno - [ 8 พ.ค. 49 14:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมใช้รถมา 4 คัน เพราะชอบ ทุกคันราคาตกครึ่งหนึ่ง ภายใน 4 ปี ไม่มีคันไหนใช้เกิน 5 ปี บางคัน 2ปี หายเกือบครึ่ง คันต่อมาจึงใช้รถตลาด แต่ไม่ตลาดมาก ราคาตกไม่ถึงครึ่ง คันต่อไปก็คงจะวิธีนี้ครับ คิดถึงราคาขายต่อแต่ก็ไม่ได้เป็นหลักเพราะเป็นคนขับรถแบบธรรมดาไม่ใช่ต้องการสมรรถนะเป็นหลักขับรถเร็วมากค่าดูแลรักษาก็ย่อมสูงมาก เป็นมนุษย์กินเงินเดือนทั่วๆไป ใช้รถแบบตลาดเวลาขายต่อน้ำตาจะได้ไม่ร่วง สำคัญ3-4 ปีเปลี่ยนรถใหม่ทีดูดีกว่ารถสมรรถนะดีๆ แต่ตกรุ่นแล้ว แก่แล้ว เวลาหาเงินมันน้อยลง จากคุณ : ก่อกวน - [ 8 พ.ค. 49 15:00:14 A:221.128.90.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 - ผมคำนึงเรื่องอะไหล่ครับ ส่วนราคาขายต่อนี่เฉยๆ อ่ะ จากคุณ : - License To Kill - - [ 8 พ.ค. 49 15:28:36 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณจะซื้อรถมาไว้ขายต่อเหรอครับ ถ้ายังงั้น คุณซื้อ ยี่ห้อไหนก็ได้ครับ ซื้อมาแล้วจอดไว้เฉยๆ อีก 10 ปี ค่อยเข็นออกมาขาย รับรองได้ราคาดีแน่ๆ ซื้อรถมา ก็ต้องใช้งานให้คุ้มสิครับ ไม่งั้นจะซื้อมาทำไม คุ้ม ไม่คุ้ม ไม่ใช่อยู่ที่ราคาขายต่อ ต้องเลือกซื้อ รุ่นที่เหมาะสมกะการใช้งานที่สุด สมรรถนะต้องดี ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ขับขี่มั่นใจ   แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ทุกอย่างที่บอกมา ผมเจอได้ใน Ford Ranger ปี 2004 ขับทีไรมั่นใจสุดๆ คุ้มค่าคุ้มราคา ไม่เสียดายเลยครับ  กับเงินที่จ่ายไป จากคุณ : A (เอ-อุบล) - [ 9 พ.ค. 49 01:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมว่า คนซื้อรถ ที่ ต้องการขายต่อ นี้แหละ มีมาก ทำให้ ตลาด ของ พี่ โต พี่ ฮอน พี่ อี สบาย สบาย แม้บ้างครั้ง รถ จะมีจุดด้อยกว่า เพื่อนในราคาเดียวกัน  ก็ยังขายสบายๆ นะ แถมใครไปซื้อมือสองมา ก็ ราคาแพงซะเหลือเกิน ทำตัวเอง แท้ๆ นะจ๊ะ จากคุณ : ช้างยิ้ม - [ 9 พ.ค. 49 09:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เหมือนคนรู้จักกันไปจับ อีสุ อายุ จะ 10 ปี มาคุยให้ฟังครั้งแรก ก็ไม่อยากจะเบรกมันหรอก เห็นคุยหลายรอบเลยเบรกมันว่า เป็นตูๆเพิ่มเงินอีกเท่าตัว ตูได้ FORD RANGER ตัวใหม่ เครื่องคอมไม่เลว ดีกว่าหว่ะ มันเลยซึมไปเลย จากคุณ : SILVER (SILVER TRIBUTE) - [ 9 พ.ค. 49 20:26:18 ]