ความคิดเห็นที่ 1 ในรถที่ไม่มีระบบABS การเบรคเพื่อให้เกิดแรงหน่วงสูงสุดโดยพยายามควบตุมแรงเบรคใหเข้าใกล้จุดที่ล้อล็อคมากที่สุด เรียกว่าการเบรคแบบBest Effort วิธีนี้เป็นวิธีซึ่งต้องใช้ความสามารถของคนขับสูงสุด ถ้าเบรคใช้แรงสูงกว่าแบบBest Effortล้อจะเริ่มล็อคซึ่งจะส่งผลให้แรงหน่วงลดลงได้ถึง20%และสูญเสียความสามารถในการควบคุมทิศทางรถ เรียกว่าการเบรคแบบWheel Lock ทั้งนี้เนื่องจากค่าสัมประสิทธิแรงเสียดทาน(mu)ระหว่างยางกับถนนขณะที่ล้อล็อคจะมีค่าต่ำกว่าค่าmuขณะที่ล้อยังไม่ล็อคประมาณ10 – 20% วิธีนี้เป็นวิธีที่คนขับที่ไม่ได้ผ่านการฝึกมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน อีกเทคนิคหนึ่งคือการปั๊มเบรคโดยให้เบรคทำงานในช่วงที่ล้อล็อคและไม่ล็อคสลับกัน ซึ่งทำให้ไม่สูญเสียความสามารถในการควบคุมทิศทางรถไปอย่างสิ้นเชิง เรียกว่าการเบรคแบบPumping ประสิทธิภาพของวิธีนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนขับที่จะควบคุมแรงเบรคให้อยู่ใกล้จุดที่ล้อเริ่มล็อคที่สุด จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในรถที่มีระบบABS ระบบABSจะควบแรงเบรคคล้ายกับการเบรคแบบPumpingโดยอัตโนมัติ ประสิทธิภาพการเบรคของระบบABSเมื่อเทียบกับการเบรคแบบไม่มีระบบABSหรือการเบรคแบบไม่ให้ระบบABSทำงานเป็นประเด็นสำคัญที่ยังไม่เป็นที่ีกระจ่างชัดในหมู่ผู้ขับขี่ในวงกว้าง ลองไปดูผลการศึกษาในเรื่องนี้อย่างละเอียดของสถาบันวิจัยความปลอดภัยของการขนส่งบนทางหลวงของอเมริกา - National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) Link รายงานการศึกษา http://www-nrd.nhtsa.dot.gov/vrtc/ca/capubs/sae1999-01-1287.pdf หรือ รายงานการศึกษาอย่างละเอียด http://www-nrd.nhtsa.dot.gov/vrtc/ca/capubs/NHTSAabsT4FinalRpt.pdf จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การศึกษาเป็นการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการเบรคในกรณีฉุกเฉินแบบต่างๆทั้งการใช้ระบบABSและไม่ใช้ระบบABSในสถานการณ์และสภาพถนนหลายแบบ วิธีการเบรคที่ใช้เปรียบเทียบได้แก่ 1. แบบBest Effort โดยไม่ใช้ระบบABS และผู้ขับขี่ปรับแรงกดแป้นเบรคให้เกิดแรงหน่วงสูงสุดโดยล้อไม่ล็อค โดยนักขับขี่ทดสอบมืออาชีพที่มีประสบการณ์17ปี 2. แบบFull Pedal โดยไม่ใช้ระบบABS และกดแป้นเบรคสุดที่แรงกด 68 kg 3. แบบABS โดยใช้ระบบABS และกดแป้นเบรคสุดที่แรงกด 68 kg สรุปผล%ระยะเบรคที่สั้นลงของการเบรคแบบใช้ABSเมื่อเทียบกับการเบรคแบบไม่ใช้ABS - ค่า + : ระยะเบรคแบบใช้ABSสั้นกว่า ค่า – : ระยะเบรคแบบใช้ABSยาวกว่า - สำหรับการเบรคแบบไม่ใช้ABSจะใช้การเบรคแบบที่มีประสิทธิภาพดีกว่ามาเปรียบเทียบกับแบบใช้ABS โดยใช้การเบรคแบบBest Effortในการทดสอบที่1-4,11-13 และใช้การเบรคแบบFull Pedalในการทดสอบที่5-10 - พื้นที่ใช้ในการทดสอบบนถนนเปียกเป็นการจำลองสภาวะถนนเปียกที่ลื่นมาก เช่น คอนกรีตขัดมัน,พื้นลาดยางเคลือบJennite [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อสรุปและข้อสังเกตุจากการทดสอบ 1. การเบรคแบบใช้ABSมีประสิทธิภาพดีกว่าการเบรคแบบไม่ใช้ABSเกือบทุกกรณี ยกเว้นบนถนนกรวดและบนถนนหญ้าเฉพาะเมื่อมีน้ำหนักบรรทุกน้อยเท่านั้น 2. พื้นผิวถนนที่การเบรคแบบใช้ABSมีประสิทธิภาพด้อยกว่าการเบรคแบบFull Pedalจะเป็นพื้นที่ไม่อัดแน่นและสามารถถูกโกยมาเป็นกองได้จากการที่ล้อล็อคขณะเบรคเช่นกรวด ทราย หิมะ 3. การเบรคแบบใช้ABSจะมีเสถียรภาพของรถและความสามารถในการควบคุมทิศทางดีกว่าเสมอ 4. ผลการเบรคแบบBest Effortมีความเบี่ยงเบนสูงจึงใช้จำนวนการทดสอบในกรณีเดียวกัน6ครั้ง ในขณะที่การทดสอบแบบABSและแบบFull Pedalมีความเบี่ยงเบนต่ำจึงใช้จำนวนการทดสอบในกรณีเดียวกันเพียง3ครั้ง 5. การเบรคแบบBest Effortสามารถทำได้ทั้งรถที่มีABSและไม่มีABSและมีประสิทธิภาพการเบรคเทียบเคียงกันเนื่องจากในรถที่มีABSผู้ขับขี่ควบคุมแรงเบรคให้ใกล้ล็อคยังไม่ถึงจุดที่ABSเริ่มทำงาน จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เหตุผลที่ทำให้การเบรคแบบใช้ABSมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบBest Effortได้แก่ 1. ธรรมชาติของการที่ล้อล็อคไม่ได้ล็อคแบบทันทีทันใดแต่จะมีช่วงที่เริ่มมีการลื่นไถลระหว่างยางกับถนน(slip)เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คิด%ระดับการลื่นไถลโดย %slip=(ความเร็วรถ-ความเร็วล้อ)/ความเร็วรถ ค่าmuจะมีค่าสูงสุดที่%slipอยู่ระหว่าง15 – 25% ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นชนิดพื้นถนน, ยาง, ความเร็ว เมื่อ%slipสูงขึ้นค่าmuจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆจนถึงจุดที่ล้อล็อคตาย(100% slip)ค่าmuจะมีค่าประมาณ80 – 90%ของค่าmuสูงสุด ระบบABSจะทำงานโดยควบคุมการเปิดปิดแรงดันน้ำมันเพื่อให้%slipอยู่ในช่วง15-25%นี้โดยอัตโนมัติซึ่งจะทำให้ได้ค่าmuใกล้เคียงค่าสูงสุด การเบรคแบบBest Effortที่ใช้ผู้ขับขี่มืออาชีพที่มีประสบการณ์สูงก็ยังไม่สามารถควบคุมแป้นเบรคได้ละเอียด,แม่นยำและไวเท่าการควบคุมการทำงานแบบrealtime monitor & feedbackโดยระบบcomputerของระบบABS จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 2. รถที่ผลิตขายทั่วไปจะถูกออกแบบให้ล้อหน้าล็อคก่อนล้อหลังขณะเบรคในทุกสภาวะการเพื่อรักษาเสถียรภาพของรถ(ไม่ปัด) ตัวอย่างสภาวะที่มีผลต่อสมดุลของแรงเบรคหน้าหลัง พื้นถนนแบบต่างๆ,แห้ง/เปียก,ความลาดชันของถนน,น้ำหนักบรรทุก,ความเร็ว,อุณหภูมิ รวมถึงค่าเบี่ยงเบน/ความสึกหรอของชิ้นส่วนอะไหล่ของรถเช่นยาง,ผ้าเบรค,จานเบรค การเผื่อค่าเบี่ยงเบนในสภาวะการทั้งหลายเหล่านี้ทำให้ต้องเผื่อให้เบรคหน้าล็อคก่อนล้อหลังค่อนข้างมาก ที่จุดที่ล้อหน้าเริ่มล็อคแรงเบรคล้อหลังอาจมีเพียง60%ของแรงเบรคที่ล้อหลังจะเริ่มล็อค จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การเบรคแบบBest Effort ผู้ขับขื่สามารถควบคุมแรงเบรคให้ล้อหน้าใกล้จุดเริ่มล็อคได้เท่านั้นโดยประสิทธิภาพการเบรคของล้อหลังยังห่างจุดสูงสุด ส่วนการเบรคแบบใช้ABSซึ่งกดแป้นเบรคสุดเลยจุดที่ล้อหน้าเริ่มล็อคไปและสูงเพียงพอที่ทำให้ล้อหลังเริ่มล็อคโดยระบบABSสามารถควบคุมแรงเบรคล้อหน้าและล้อหลังแยกวงจรกันให้ทั้งล้อหน้าและล้อหลังทำงานให้ได้แรงเบรคสูงสุดได้ในขณะเดียวกัน จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับรถที่มีระบบABS เบรคอย่างไรเพื่อให้ได้ระยะเบรคสั้นที่สุด จากผลการศึกษาของNHTSAพอจะสรุปคร่าวๆได้ว่าสำหรับรถที่มีระบบABSการเบรคให้ABSทำงานเป็นการเบรคที่สามารถหยุดได้ในระยะสั้นกว่าการเบรคแบบBest Effortของนักขับมืออาชีพในสภาพพื้นถนนแบบต่างๆ,สภาพแห้ง/เปียกและทางตรง/ทางโค้ง เพื่อเป็นการวิเคราะห์ถึงวิธีการเบรคฉุกเฉินสำหรับรถที่มีระบบABSให้กระจ่างชัดขึ้นมาดูผลการทดสอบการเบรคเปรียบเทียบระยะเบรค100-0 km/hโดยการเปลี่ยนแรงกดแป้นเบรค รถคันที่1 Toyota Fortuner 1. การเบรคแบบBest Effort 6ครั้ง : 64.2 m, 75.4 m, 70.3 m, 63.1 m, 60.5 m, 61.9 m ค่าเฉลี่ย 65.9 m 2. การเบรคแบบให้ABSเริ่มทำงานและรักษาแรงกดแป้นเบรคไว้ 3ครั้ง แรงกดแป้นเบรคประมาณ18 kg : 53.5 m, 52.8 m, 52.9 m ค่าเฉลี่ย 53.1 m 3. การเบรคแบบให้ABSทำงานและกดแป้นเบรคสุด 3ครั้ง แรงกดแป้นสูงกว่า70 kg : 49.7 m, 48.8 m, 48.4 m ค่าเฉลี่ย 49.0 m รถคันที่2 Toyota Altis 1. การเบรคแบบBest Effort 6ครั้ง : 61.2 m, 53.5 m, 53.8 m, 51.4 m, 56.3 m, 54.0 m ค่าเฉลี่ย 55.0 m 2. การเบรคแบบให้ABSเริ่มทำงานและรักษาแรงกดแป้นเบรคไว้ 3ครั้ง แรงกดแป้นเบรคประมาณ9 kg : 50.7 m, 50.3 m, 51.9 m ค่าเฉลี่ย 51.0 m 3. การเบรคแบบให้ABSทำงานและกดแป้นเบรคสุด 3ครั้ง แรงกดแป้นประมาณ34 kg : 47.2 m, 47.7 m, 47.4 m ค่าเฉลี่ย 47.4 m ข้อสรุปและข้อสังเกตุจากการทดสอบ 1. เปรียบเทียบผลการทดสอบขั้นตอนที่3(ABSกดแป้นสุด)ดีกว่าขั้นตอนที่1(Best Effort)มากกว่า14% ชึ่งสอดคล้องกับผลการทดสอบของ NHTSA 2. เปรียบเทียบผลการทดสอบขั้นตอนที่3(ABSกดแป้นสุด)ดีกว่าขั้นตอนที่2(กดแป้นเบรคให้ABSเริ่มทำงาน)ประมาณ7-8% 3. สำหรับการเบรคแบบABSกดแป้นสุดถ้ายิ่งกระแทกแป้นเบรคให้สุดแป้นได้้เร็วเท่าไรยิ่งทำให้ระยะเบรคสั้นลง 4. แรงกดแป้นเบรคเมื่อกดแป้นเบรคสุดสูงกว่าแรงกดเมื่อABSเริ่มทำงานกว่า3-4เท่าตัว 5. ระยะเบรคของการเบรคแบบBest Effortมีค่าเบี่ยงเบนสูงและขึ้นกับความสามารถของผู้ขับขี่ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:23:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีการเบรคฉุกเฉินสำหรับรถที่มีระบบABS เพื่อให้ได้ระยะเบรคสั้นที่สุด จากผลการทดสอบสรุปได้อย่างชัดเจนว่าสำหรับรถที่มีABSการกดแป้นเบรคให้สุดและให้เร็วที่สุดเป็นวิธีที่ให้ระยะเบรคสั้นสุด ในการอบรมAdvanced Driver TrainingของBMWในส่วนของการฝึกภาคสนามการก็มีการแนะนำเทคนิคการเบรควิธีนื้ และขอให้ตระหนักว่าการเบรคเพื่อให้ระยะเบรคสั้นสุดนี้ไม่ใช่การเบรคในสภาวะการขับขี่ปกติทั่วไปแต่เป็นการเบรคในภาวะฉุกเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเท่านั้น สรุปคำแนะนำในการเบรคฉุกเฉินสำหรับรถที่มีABSให้ได้ระยะเบรคสั้นที่สุด 1. กระแทกแป้นเบรคให้สุดแป้นให้เร็วที่สุด วิธืนี้ปฏิบัติค่อนข้างง่ายเนื่องจากเป็นวิธีที่ใกล้เคียงกับปฎิกิริยาตอบสนองปกติของผู้ขับขี่ทั่วไปกรณีฉุกเฉินอยู่แล้ว 2. อย่าตกใจเมื่อแป้นเบรคสั่นและมีเสียงดังครืดๆขณะABSทำงานและคงแรงกดแป้นเบรคให้สุดแป้นไว้ตลอดการเบรค 3. สามารถเลี้ยวเพื่อหลบหลีกอุบัติเหตุได้ในขณะเบรค โดยประสิทธิภาพการเลี้ยวจะลดลงไปบ้างเนื่องจากมีการลื่นไถลของยาง15-25% 4. ระวังอันตรายที่อาจมาจากด้านหลังรถขณะเบรคด้วย อาจจำเป็นต้องผ่อนแรงเบรคลงเมื่อหลีกเลี่ยงอันตรายได้แล้วหรือเลี้ยวหลบเพื่อลดอันตรายจากด้านหลัง เพราะรถข้างหลังอาจชลอความเร็วได้ไม่เท่าเรา 5. วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในทุกๆสภาวะสำหรับรถที่ใช้ระบบABSไม่ว่าจะเป็นพื้นถนนต่างๆ,แห้ง/เปียก,สภาพถนนในแต่ละล้อแตกต่างกัน,ทางตรง/ทางโค้ง รวมถึงกรณีพื้นถนนที่ไม่อัดแน่นเช่นถนนกรวด,ทรายดัวย แต่กรณีนี้หากรถสามารถเลือกปิดการทำงานของระบบABSได้ก็จะสามารถเบรคแบบให้ล้อล็อคเพื่อให้ได้ระยะเบรคสั้นกว่าเมื่อเปิดระบบABSได้ แต่ก็มีข้อเสียเรื่องการสูญเสียความสามารถในการควบคุมทิศทาง และสำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกันเช่นแห้ง/เปียกต้องไม่ลืมว่าระยะเบรคสั้นที่สุดอาจต่างกันได้กว่าเท่าตัวและปรับเพิ่มความระมัดระวังตามสภาวะที่แตกต่าง 6. สังเกตุว่าไฟเตือนระบบABSที่หน้าปัทม์ติดเมื่อบิดกุญแจในตำแหน่งติดเครื่องก่อนตำแหน่งสตาร์ทและดับภายในประมาณ3วินาทีซึ่งเป็นการแสดงว่าระบบABSทำงานปกติ หากไฟเตือนไม่ติดเลยหรือติดค้างหรือติดขึ้นในขณะขับขี่แสดงว่าระบบABSผิดปกติ แต่ไม่ได้หมายความว่าระบบเบรคเสียไปด้วยเพียงแต่ต้องเปลี่ยนวิธีเบรคเป็นแบบไม่มีABS(ควบคุมแรงเบรคให้อยู่ใกล้จุดที่ล้อเริ่มล็อคที่สุด) 7. ควรฝึกเทคนิคการเบรคแบบนี้ให้คุ้นเคยกับวิธีการเบรคและการทำงานของABSรวมถึงการเลี้ยวขณะเบรคบ้างจะได้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจริง แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถอื่นรอบข้างโดยเฉพาะข้างหลัง ใช้ความเร็ว40-50km/hก็เพียงพอสำหรับการฝึก หมายเหตุ คำแนะนำวิธีการเบรคนี้ใช้กับระบบABSที่ควบคุมทั้ง4ล้อเท่านั้นซึ่งมีทั้งแบบ4วงจร,3วงจร,2วงจรแบบทะแยงมุม(หน้าซ้ายหลังขวา/หน้าขวาหลังซ้าย) วิธีการเบรคนี้ไม่สามารถใช้กับระบบABSที่ควบคุมเพีบง2ล้อหลังซึ่งควรใช้วิธีเบรคแบบเดียวกับรถที่ไม่มีABS ระบบABSที่ควบคุมเพีบง2ล้อหลังเป็นระบบเบรคในยุคต้นๆเท่าที่ทราบในเมืองไทยมีเพียงFord Rangerรุ่นแรก แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 49 10:30:18 จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จะเห็นว่าจริงๆแล้ววิธีปฏิบัติไม่ยากเลย เพียงแต่ข้อมูลข้อเท็จจริงนี้ที่ยังไม่เป็นที่รู้/เข้าใจอย่างกระจ่างในหมู่ผู้ขับขี่ในวงกว้าง หวังว่าทุกท่านที่ได้รู้เทคนิคนื้แล้วเมื่อถึงคราวที่เหตุฉุกเฉินมาถึงจะสามารถนำไปใช้เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาผลของอุบัติเหตุลงได้ ถึงอย่างไรก็ตามขอให้ตระหนักว่าเทคนิคนี้เป็นมาตรการเชิงแก้ไขเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นแล้วเท่านั้น มาตรการหลักในการป้องกันอุบัติเหตุคือการหลีกเลี่ยง/ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างหากโดยการขับขี่อย่างปลอดภัยและระแวดระวัง/คาดการณ์อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากรอบด้านตลอดเวลาครับ เอก พลางกูร ขอขอบคุณคุณKronerอย่างสูงที่ได้สละเวลาร่วมทดสอบและร่วมตรวจทานบทความนี้ เอกสารอ้างอิง 1. A Test Track Study of Light Vehicle ABS Performance Over a Broad Range of Surfaces and Maneuvers, DOT HS 808 875, National Highway Traffic Safety Administration Department of Transport (NHTSA), Department of Transport, USA 2. Comparing Stopping Capability of Cars with and without Antilock Braking Systems (ABS), SAE 880324, Society of Automotive Engineers จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 13:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถามเพิ่มนิดนึงครับ Fortuner ที่นำมาทดสอบครั้งนี้ระบบเบรคเป็นแบบไหนครับ  standard จากโรงงาน  หรือมีการปรับปรุงเพิ่มเติมจากโรงงาน   และถ้ามีการปรับปรุง  ทำอะไรไปบ้างครับ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 10 พ.ค. 49 13:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ จากคุณ : CELEBREX - [ 10 พ.ค. 49 13:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สรุปเลยว่า เหยียบสุ๊ดดดดดเเรงเกิด จากคุณ : John Cooper Works - [ 10 พ.ค. 49 13:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยอดมาก!!! ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : Waroncom - [ 10 พ.ค. 49 13:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณsunsetbeach ครับ รถคันดังกล่าวเป็นรถที่ได้รับการเซ็ทอัฟใหม่จากโรงงานครับ ที่ทำไปมีเพียงเปลี่ยนหม้อลมเบอร์ใหม่ และแผงดักลมใหม่ครับ ส่วน LSPV ตั้งค่าสูงสุดตามที่โรงงานกำหนดไว้แต่มากกว่าเดิมเล็กน้อยที่ 37+3Kg/SqCm ครับ จากคุณ : kroner - [ 10 พ.ค. 49 14:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบค.sunsetbeach รถFortunerที่ทดสอบใช้หม้อลมรุ่นใหม่ และได้มีการเปรียบเทียบกับระบบหม้อลมดั้งเดิมพบว่าระยะเบรคสั้นสุดไม่แตกต่างกันครับ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 14:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การเบรคแบบ best effort สำหรับ รถที่ ไม่มี เอบีเอส ในทางปฏิบัติไม่มีทางทำได้ครับ เพราะในวินาทีนั้น ๆ ทุกคนจะกดแป้นเบรคอย่างแรงสุด จนล้อตาย ส่วนอีกด้านหนึ่ง ที่ขาดหายไป คือ การเบรค พร้อมกับการ หักหลบรถคันหน้า ถ้า ไม่มีเอบีเอส ล้อตาย ยังไง ๆ การหักหลบ จะไม่มีผล แต่ รถจะไหล ไปตามแรงเฉื่อย ทิดทางก่อนล้อตายครับ ขอขอบคุณ บทความดี ๆ ที่เอามาแชร์ ให้พวกเราครับ จากคุณ : โบกกรัก - [ 10 พ.ค. 49 14:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ ความสำคัญหลักของ ABS คือจาก คคห. 9 1 เวลาจวนตัวกระแทกเบรคเต็มที่ไม่ต้อง เลี้ยงยั้งเท้า 2 อย่าตกใจในแรง สั่นเนื่องจากการทำงานของชุดปั้ม control แรงดัน และเสียง ตัวนี้สำคัญมาก บ้านเราไม่มีการสอนการใช้ ส่วนมากเหตุการณ์ จวนตัวจะตกใจเจ้า ABS อย่าเลี้ยงเบรคเป็นอันขาดกระแทกอย่ายั้ง เอาความสำคัญมาที่พวงมาลัย ถ้าจะใช้สนุก ต้องลองเอาวิ่งในทาง ขี้เลน ตม จะเห็นปฎิกริยาสนองของ ABS อย่างเต็มครับ จากคุณ : nai_joe - [ 10 พ.ค. 49 14:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เยี่ยมมากครับ ขอบพระคุณมากครับ จากคุณ : เด็กน้อยจอมยุ่ง - [ 10 พ.ค. 49 15:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอถามหน่อยครับ full pedal นี่ หมายถึง เบรคสุดจนล้อล็อกหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่ ต่างกันอย่างไรครับ ขอบคุณครับ ปล. ระยะเบรค Fortuner กะ Altis ใกล้กันมาก อย่างนี้จะถือได้ว่าเบรค เป็นปกติแล้วหรือเปล่า? จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 15:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สุดยอดพึ่งรู้นะ เนี่ย ขอบคุณมากคับ จากคุณ : cat911 (lamborghini_th) - [ 10 พ.ค. 49 15:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ   ถ้าค่าจากโรงงานได้เท่านี้  ถือว่า OK แล้วครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 10 พ.ค. 49 15:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ยอดเยี่ยม มากครับ เป็น ความปลอดภัยอันดับ ต้นๆในการขับรถ เลยครับ .. โหวตให้ ละกันครับ! จากคุณ : P Mini - [ 10 พ.ค. 49 15:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบค.luciddream full pedal หมายถึง เบรคสุดจนล้อล็อค ถูกต้องครับ พยายามใช้คำตามรายงานอ้างอิง วิธีนี้ทำได้เฉพาะกับรถที่ไม่ใช้ระบบABSเท่านั้น การทดสอบรถFortunerและAltisมีจุดประสงค์เพื่อเปรียบเทียบเทคนิคการเบรคที่แตกต่างกันครับ เป็นการทดสอบโดนใช้ผู้ขับขี่คนละคนกันและทดสอบคนละวันกัน นอกนั้นเหมือนกัน ดังนั้นตัวแปรเรื่องผู้ขับขี่อาจมีผลต่อผลการทดสอบได้บ้างแต่ก็เชื่อว่าไม่มากครับ ถึงอย่างไรก็ตามไม่ควรนำข้อมูลไปใช้เชิงเปรียบเทียบระหว่างรถ2คันครับ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 15:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เยี่ยม ไปเลยครับ เกิด มายังไม่เคยใช้ ABS เลย คันใหม่ คงต้องใช้บ้างแล้ว จากคุณ : buntoshi - [ 10 พ.ค. 49 15:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับ แต่ ขอถามต่อ แหะๆ ********************************** 5. ... แต่กรณีนี้หากรถสามารถเลือกปิดการทำงานของระบบABSได้ก็จะสามารถเบรคแบบให้ล้อล็อคเพื่อให้ได้ระยะเบรคสั้นกว่าเมื่อเปิดระบบABSได้ ... ********************************** แต่จากกราฟใน link และรูปใน คห 3 ABS ได้ระยะเบรคที่สั้นกว่านิครับ หมายถึงในกรณีส่วนใหญ่อะครับ ดูแล้ว งงๆ ช่วยตอบหน่อยครับ จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 15:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อันนี้อีกรูป จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 15:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มีแต่ Loose Gravel (ถนนลูกรัง) ที่ผลทดสอบบอกว่า full pedal ดีกว่า ขอบคุณล่วงหน้าครับ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 49 16:00:08 จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 15:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบค.luciddream ถ้าสงสัยช่วยกันถามเลยครับ จะได้ช่วยทำให้ชัดเจนขึ้นครับ >>> 5. วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในทุกๆสภาวะสำหรับรถที่ใช้ระบบABSไม่ว่าจะเป็นพื้นถนนต่างๆ,แห้ง/เปียก,สภาพถนนในแต่ละล้อแตกต่างกัน,ทางตรง/ทางโค้ง รวมถึงกรณีพื้นถนนที่ไม่อัดแน่นเช่นถนนกรวด,ทรายดัวย แต่กรณีนี้หากรถสามารถเลือกปิดการทำงานของระบบABSได้ก็จะสามารถเบรคแบบให้ล้อล็อคเพื่อให้ได้ระยะเบรคสั้นกว่าเมื่อเปิดระบบABSได้ แต่ก็มีข้อเสียเรื่องการสูญเสียความสามารถในการควบคุมทิศทาง และสำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกันเช่นแห้ง/เปียกต้องไม่ลืมว่าระยะเบรคสั้นที่สุดอาจต่างกันได้กว่าเท่าตัวและปรับเพิ่มความระมัดระวังตามสภาวะที่แตกต่าง <<< ที่ว่าปิดระบบABSแล้วจะสามารถเบรคแบบล้อล็อคเพื่อให้ได้ระยะเบรคสั้นกว่าการใช้ABSหมายถึงบนพื้นถนนที่ไม่อัดแน่นเช่นถนนกรวด,ทรายครับ กรณีอื่นๆใช้ABSดีกว่าอยู่แล้วครับ Figure7 เป็นข้อมูลการทดสอบลำดับที่4ของสรุปผลครับ ซึ่งก็แสดงว่าใช้ABSดีที่สุด และเบรคแบบล้อล็อคระยะเบรคสูงสุดครับ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 16:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากครับ แหะๆ อ่านไม่ดี โทษปี่โทษกลอง ไม่มีอะไรแล้วครับ ให้ 1 vote อย่าหาว่าผมขี้เหนียวนะ ให้ได้แค่นั้น จริงๆ อิอิ อีกอย่าง ขออนุญาต save อิอิ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 49 16:19:35 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 49 16:17:35 จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 16:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบค.luciddreamเพิ่มเติมครับ Figure 12 เป็นข้อมูลการทดสอบลำดับที่11ของสรุปผล ซึ่งก็แสดงว่าใช้ABSดีที่สุด และกรณีนี้เบรคแบบล้อล็อคระยะเบรคสั้นกว่าแบบBest Effortโดยรวมครับ Figure 9 เป็นข้อมูลการทดสอบลำดับที่6ของสรุปผล เป็นกรณีที่เบรคแบบล้อล็อคระยะเบรคสั้นกว่าแบบใช้ABSครับ ปล.ค.luciddream ใช้โปรแกรมอะไรตัดต่อpdfครับ ผมใช้Scansoft PDF Convert 3 มันเปรอะๆ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 16:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มันจะมี select tool ใน acrobat เอาไว้ select text เป็น string เลยอะครับ แต่ในกรณีรูปภาพอย่างนี้ ผมใช้ Print Screen เอาครับ แล้วไปแปะใน paint ครับ แหะๆ จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 16:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แบบนี้ สังเกต ภาพก็ชัดดีนะครับ ผมว่า [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : luciddream - [ 10 พ.ค. 49 16:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอก๊อบไปโพสในบอร์ดอื่น ๆ ด้วย คงไม่ว่านะครับ จากคุณ : < JACKY > - [ 10 พ.ค. 49 19:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อิอิ ภาษาปะกิดทั้งน้านเลย จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 10 พ.ค. 49 19:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มีบทความเกี่ยวกับระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (Traction control , stability control ) มั้ยครับ ผมว่าระบบนี้ก็จำเป็นเหมือนกัน ถึงจะยังไม่แพร่หลายเท่า abs แต่ในอเมริกาก็มีการเรียกร้องให้ติดมากับรถใหม่ทุกรุ่นแล้วเหมือนกัน ขอบคุณครับ จากคุณ : Cool - [ 10 พ.ค. 49 20:17:50 A:58.8.122.166 X: TicketID:112571 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตอบค.< JACKY >และทุกท่านที่ต้องการนำไปเผยแพร่ ยินดีที่นำไปเผยแพร่ครับเพราะต้องการให้ผู้ขับขื่รับรู้ข้อมูลนี้กันมากๆยิ่งมากยิ่งดีครับ ถ้าcopy linkกระทู้นี้ไปด้วยก็ดีครับเผื่อใครมีข้อสงสัยจะได้ช่วยตอบได้ครับ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 20:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบค.Cool ลองดูที่ http://www-nrd.nhtsa.dot.gov/vrtc/ca/esc.htm เคยทดสอบBMWในสนามแล้วช่วยป้องกันoversteer,understeerได้ดีครับ ระบบกำลังถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขื้นและมีมาตรฐานระหว่างยี่ห้อต่างๆดีขื้น คล้ายกับการพัฒนาระบบABSในอดีต จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 21:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณค.luciddreamสำหรับวิธีตัดต่อpdfครับ จากคุณ : akeb - [ 10 พ.ค. 49 21:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากครับ ไขข้อข้องใจได้เยอะเลย จากคุณ : Aop - [ 11 พ.ค. 49 01:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ง่ายังขัดแย้งกับความรู้สึกอยู่นิดๆอะ ถ้าบนพื้นแอสฟัสท์(ลาดยาง)ใหม่ๆที่ไม่ลื่นมาก ผมว่ากระืทืบให้ล้อล็อค ถ้าไม่มี ABS มันหยุดสั้นกว่านะ เท่าที่เคยลองรถขนาดพอๆกันน้ำหนักใกล้เคียง จานเบรคขนาดพอๆกัน ล้อขนาดใกล้เคียงกัน แต่คนละยี่ห้อกัน ก็เป็นไปได้ที่ประัสิทธิภาพเบรคของรุ่นที่มี ABS ดันห่วยกว่ารถอีกยี่ห้อที่เก่ากว่าและไม่ีมี ABS ผลเลยออกมาไม่เหมือนการทดลอง ต้องหาโอกาสลองด้วยตัวเองกับรถรุ่นเดียวกัน แต่มี ABS/No ABS ซะแล้วสิ ยังสงสัยว่า นักขับมืออาชีพที่ทำการทดสอบกับคนขับทั่วไปจะได้ผลเท่ากันไหม ส่วนรถที่ไม่มี ABS ต้องการเบรคให้ล้อล็อคเร็วที่สุดต้่องกระทืบแล้วถอนแล้วเหยียบสุดอีกทีครับล็อคแน่ๆ เพราะแรงจากแม่ปัมท์เบรคครั้งที่สองจะแรงมากๆ แต่ยางคุณต้องสภาพดีหน่อยนะ ไม่งั้นแย่แน่ๆ ส่วนต้องการเบรคแล้วหักหลบสิ่งกีดขวางก็ต้องใช้เทคนิคหน่อยล่ะนะ  ลองไปหาโหลด drift bible ดู มีประโยชน์มากๆสำหรับรถรุ่นเก่าขับหลังที่ไม่มี ABS และสามารถนำมาใช้ได้ในถนนจริงๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณจขกท. มากๆครับสำหรับข้อมูล จากคุณ : ....4จุด - [ 11 พ.ค. 49 13:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ ....4จุด ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการทดสอบมีเยอะมากครับ - ระบบการวัดผล: ความคลาดเคลื่อนจากการวัดระยะ,จุดเริ่มต้น,ความเร็วเริ่มต้น อย่างน้อยควรใช้เครื่องวัดที่วัดระยะ,กำหนดจุดเริ่มต้นได้แม่นยำโดยอัตโนมัติและสามารถปรับระยะตามความเร็วเริ่มต้นที่คลาดเคลื่อนเล็กน้อยได้ - ตัวรถ: ระบบเบรค,ล้อ,ยาง,ความสึกหรอ,น้ำหนักรวมถึงปริมาณน้ำมันในถัง จากรายงานอ้างอิงรถคนละรุ่นได้ผลแตกต่างกันกว่า60% ถึงแม้ว่าเป็นรถรุ่นเดียวกันคนละคันกันก็ยังทำให้เกิดความเบี่ยงเบนได้สูง - คนขับ: คนขับคนเดียวกันยังไม่สามารถได้เบรคให้ได้ระยะเท่าเดิมได้โดยเฉพาะแบบBest Effort สำหรับการเบรคแบบใช้ABSและการเบรคแบบFull Pedal ต้องกดให้สุดแป้น,น้ำหนักกดและความเร็วในการกดมีผลต่อระยะทั้งสิ้นควรใช้คนขับคนเดียวกันและทดสอบหลายครั้งเพื่อหาค่าเฉลี่ย - อุณหภูมิของเบรคถ้าร้อนมากเบรคย่อมfade รวมถึงอุณหภูมิของยางและถนน - อื่นๆ เช่น สภาพถนน,ความชื้น,ฝุ่น,ความลาดเอียง,ความเร็วลม/ทิศ ฯ ต้องพยายามควบคุมหรือวัดปัจจัยเหล่าให้มากที่สุดเพื่อวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของผลการทดสอบครับ จากคุณ : akeb - [ 11 พ.ค. 49 17:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จากคุณ : ชิวตะ - [ 11 พ.ค. 49 18:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รถผมที่ใช้อยู่บ่อยๆไม่มี ABS แต่ก็ขอบคุณครับ... ผมฝึก Best Effort จนคุ้นเท้า ฝังลึกอยู่ในสมองแล้ว จากคุณ : Ontjung - [ วันวิสาขบูชา 17:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 45 โหวตให้แล้วครับผม จากคุณ : maxibon - [ 17 พ.ค. 49 08:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตอบคุณ 4 จุด เมื่อเบรกจนล้อล็อคตาย รถจะไถล (slip) เมื่อไถลแรงเสียดทานจะเป็น แรงเสียดทานจลน์ (Kinetic friction) ซึ่งน้อยกว่าแรงเสียดทานสถิต (Static friction) คือเวลาที่รถไม่ไถล จึงทำให้สามารถหยุดรถในระยะเบรคที่สั่นกว่า เมื่อใช้ ABS เทียบกับเบรคจนล้อล็อคครับ จากคุณ : luciddream - [ 17 พ.ค. 49 10:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณ จากคุณ : yahee (yahee) - [ 17 พ.ค. 49 11:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาตก็อปไปให้ความรู้ต่อนะครับ จากคุณ : ไนท์นะ - [ 17 พ.ค. 49 14:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เรียนฟิสิกส์ ตอนแรกงงอาจารเขาบอกว่าABS ระยะเบรคสั้นกว่า อ้อ แบบนี้นี่เอง เรื่องแรงเสียดทานสถิต กับ จลน์ จากคุณ : Sympho - [ 17 พ.ค. 49 15:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ใน คห.9 จากข้อ 1-2 ที่บอกประมาณว่า กระแทกแป้นเบรคให้สุดแป้นให้เร็วที่สุด แล้วไล่มาถึงข้อ 3 ที่บอกว่า 3. สามารถเลี้ยวเพื่อหลบหลีกอุบัติเหตุได้ในขณะเบรค โดยประสิทธิภาพการเลี้ยวจะลดลงไปบ้างเนื่องจากมีการ ลื่นไถลของยาง15-25% ---------------------------------------------------------- ผมแสดงว่าเห็นเพิ่มเติมหน่อย ผมว่าการเบรคแล้วเลี้ยวหักหลบ มันก็มี limit ความเร็วของมันนะครับ     ถ้ามาเร็วๆ แรงๆ แล้วเกิดกระทืบเบรคที่ความเร็วสูง รถมันจะเกิดอาการหน้าทิ่มท้ายกระดก ตอนหักออก ผมว่ารถมันจะเสียหลักเอาง่ายๆ นะครับ จากคุณ : GUDJA-MAN - [ 17 พ.ค. 49 15:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณค.GUDJA-MANที่ถามประเด็นนี้ครับ การเบรคแล้วเลี้ยวหักหลบ มันก็มี limit ความเร็วของมัน ถูกต้องเลยครับ ตอนที่ผมเขียนผมคิดถึงประเด็นนี้มากครับ มันมีหลักวิชาการค่อนข้างลึกและมีผลต่อผู้ขับขี่เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ผมได้เลือกที่จะไม่กล่าวถึงประเด็นนี้ในบทความต้นฉบับเพื่อความกระชับสำหรับผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ครับ ขออนุญาติอธิบายตอบยาวหน่อยครับ ขณะรถเลี้ยวจะเกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์แปรผันกับ ความเร็วกำลัง2/รัศมีโค้ง ถ้ามันมากกว่าแรงเสียดทานตามแนวขวางระหว่างยางกับถนน(ซึ่งขึ้นอยู่กับการกระจายน้ำหนักลงล้อ4ล้อที่แตกต่างกันทั้ง4ล้อ)ก็จะเกิดการลื่นไถลตามแนวขวาง ระบบABSไม่สามารถป้องกันการลื่นไถลเช่นนี้ได้แต่อย่างใด สรุปให้ง่ายๆหน่อยคือหากที่ความเร็วหนึ่งๆและที่รัศมีโค้งหนึ่งๆถ้ารถลื่นไถลตามแนวขวางในขณะที่ไม่ได้เบรคแล้ว ถ้าเบรคด้วยก็ย่อมไถลเหมือนกันครับ อีกทั้งแรงเสียดทานตามแนวขวางระหว่างยางกับถนนยังลดลงในขณะที่ABSทำงานประมาณ20%ทำให้ประสิทธิภาพการเลี้ยวลดลงไปอีกประมาณ20% ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้แรงเสียดทานตามแนวขวางนี้เข้าใกล้ขีดจำกัดเลย รถส่วนใหญ่มีขีดจำกัดของการเลี้ยวอยู่ในช่วงอัตราเร่งตามแนวขวาง 0.6 - 0.9 g ในขณะที่ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เลี้ยวที่อัตราเร่งต่ำกว่า 0.2 g ในสถานการณ์ฉุกเฉินขณะที่เบรคจนABSทำงานผู้ขับขี่ยังสามารถเลี้ยวได้ในอัตราเร่งถึง 0.5 - 0.7 g อย่างมีเสถียรภาพเพียงพอ ซึ่งยังสูงมากสำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป (ขีดจำกัดนี้ลดลงได้กว่าครึ่งหากเป็นสภาวะถนนเปียก) เมื่อเทียบกับกรณีรถไม่มีABSและเบรคล้อล็อครถจะเลี้ยวไม่ได้เลย สรุปอย่างง่ายๆคือ สามารถเลี้ยวได้ขณะที่เบรคจนABSทำงานแต่ก็ไม่เกินประมาณ80%ของขีดความสามารถการเลี้ยวของรถ และความสามารถในการเลี้ยวนี้อาจมีความหมายมากจนประเมินค่าไม่ได้ในกรณีฉุกเฉินครับ จากคุณ : akeb - [ 17 พ.ค. 49 17:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อธิบายประเด็นการเบรคพร้อมการเลี้ยวเพิ่มเติม ในแง่ปฏิบัติ - การทดสอบความสามารถในการเบรคพร้อมกับการเลี้ยวก็มีมาตรฐานในการทดสอบรถในการผลิตอย่างหนึ่ง (Braking in Turn Test Procedure) - หลักสูตรฝึกอบรมการขับขื่เพื่อการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุชั้นนำต่างๆในต่างประเทศ (ในเมืองไทยมีAdvance Driver Training ของBMW) จะมีการฝึกการเบรคพร้อมการเลี้ยวเป็นบทเรียนหนึ่งเสมอ - ควรหาโอกาสฝึกเทคนิคการเลี้ยวพร้อมการเบรคฉุกเฉินให้รู้จักคุ้นเคย จะได้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจริง คล้ายกับการฝึกซ้อมแผนการหนีไฟฉุกเฉินครับ จากคุณ : akeb - [ 17 พ.ค. 49 20:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 53 1 vote สำหรับกระทู้ดีๆครับ จากคุณ : cryll - [ 17 พ.ค. 49 21:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณสำหรับวิธีใช้ ครับ รถผมที่ใช้ทุกคัน ไม่มี abs เลย จะฝึกให้ใช้เบรคได้อย่างเหมาะสมทุกคันก็คงไม่ไหว เลยใช้วิธี พยายามหลีกเลี่ยงจากเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องเบรคอย่างรุนแรงดีกว่า จากคุณ : penn's - [ 17 พ.ค. 49 21:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อคืนฝนตก และพอดีดึกแล้วไม่มีรถเลยลองใช้ ABS ดู บนถนนลาดยางลื่นๆ 3ครั้ง ใช้ jazz E-V AT AS รู้สึกว่าดีกว่า คันเดิมหน่อย คือ แต่ถ้าใครไม่เคยอาจตกใจ เพราะมันดังตุ๊บๆ ดังมากๆ แต่หยุดรถได้ตามโค้งดีครับ และมีโอกาสได้ลองออกตัวและเลี้ยวแบบเร็วๆ เพื่อลองการไถลของรถ เลยรู้สึกว่าถ้ารถเรามี VSA (หรือ VSC) นี่น่าจะดียิ่งขึ้นไปอีก อ่ะครับ แต่ความจำเป็นมันน้อยกว่า ABS เพราะปกติ คนเราจะไม่เร่งคันเร่งแบบกระทันหันอยู่แล้ว แต่ถ้าตกใจมักจะเหยียบเบรคกระทันหัน แต่ถ้ามีให้เลือก ก้อจะเอาเหมือนกันครับ จากคุณ : - - [ 17 พ.ค. 49 23:33:24 A:61.19.228.2 X: TicketID:113849 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ข้อมูลเพิ่มประเด็นการเบรคพร้อมการเลี้ยวจากการทดสอบของNHTSA ตามตารางสรุปผลการทดสอบ(ค.ห.3) จะเห็นว่ามีการทดสอบการเบรคพร้อมการเลี้ยวด้วยในการทดสอบลำดับที่12:ลาดยาง,แห้ง,ทางโค้ง และลำดับที่13:ลาดยางเคลือบJennite,เปียก,ทางโค้ง โดยการเบรคแบบใช้ABSได้ระยะสั้นกว่าเบรคแบบไม่ใช้ABS(แบบBest Effort) ส่วนการเบรคแบบFull Pedalไม่ต้องทดสอบเพราะไม่สามารถเลี้ยวได้ขณะเบรค การทดสอบลำดับที่13:ลาดยางเคลือบJennite,เปียก,ทางโค้ง สามารถนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบเพิ่มเติมกับการทดสอบลำดับที่4:ลาดยางเคลือบJennite,เปียก,ทางตรง เนื่องจากมีสภาวะการทดสอบเหมือนกันทุกอย่างรวมถึงความเร็วแตกต่างกันเฉพาะทางตรง/ทางโค้งเท่านั้น เมื่อนำข้อมูลดิบมาเทียบกันระหว่างระยะเบรคทางตรง(4)กับระยะเบรคทางโค้ง(13)พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า - การเบรคแบบใช้ABSระยะเบรคทางโค้งมากกว่าทางตรง 2% - การเบรคแบบBest Effortระยะเบรคทางโค้งมากกว่าทางตรง 7% ซึ่งแสดงถึงข้อดีของการเบรคแบบใช้ABSในอีกมิติหนึ่งครับ จากคุณ : akeb - [ 18 พ.ค. 49 11:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอย้ำอีกครั้งว่าเทคนิคการเบรคที่กล่าวถึงในบทความนี้เป็นการเบรคแบบฉุกเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุเท่านั้นไม่ใช่การเบรคในสภาวะปกติ และเทคนิคนี้เป็นมาตรการเชิงแก้ไขเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นแล้วเท่านั้น มาตรการหลักในการป้องกันอุบัติเหตุคือการหลีกเลี่ยง/ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างหาก โดยการขับขี่อย่างปลอดภัยและระแวดระวัง/คาดการณ์อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากรอบด้านตลอดเวลาครับ จากคุณ : akeb - [ 18 พ.ค. 49 11:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องเบรคabs/no absเนี่ยเป็นคำถามยอดฮิตของข้อสอบพฐ.วิศวะเลยครับ ลองไปหาtextbookที่ศุนย์หนังสือจุฬาก็ได้ความมาว่าอย่างเนี่ยหล่ะครับ แรงเสียดทานที่จะเริ่มทำ(static)ให้วัตถุไถลจะมากกว่าแรงเสียดทานเมื่อวัตถุไถลไปแล้ว(kinetic) ลองนึกดูง่ายๆเวลาเราจะดันของ ดันตู้ ตอนเริ่มดันต้องออกแรงเยอะ แต่พอตู้เรื่มเลื่อนแล้วจะออกแรงน้อยกว่า งงมั้ยครับ ผมพิมไม่เก่ง จากคุณ : Roninkung - [ 18 พ.ค. 49 12:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โหวต จากคุณ : kimjung2000 - [ 18 พ.ค. 49 13:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จากคุณ : ป๋าเจ้าเก่า - [ 19 พ.ค. 49 00:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ผมเคยลองกระทืบเบรค แรงสุดเท้าจนabs ทำงาน แล้วลองหักหลบ(หักเหมือนทั่วไปไม่ได้หมุนไม่รอบๆ) ผลคือ รถค่อยๆเลี้ยวออกไป ไม่เหมือนตอนไม่ได้เบรค ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมาก แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าหักมากกว่านี้จะทำให้อันเดอร์จนเลี้ยวไม่เข้าหรือเปล่า ใครพอมีประสพการจริงช่วยเล่าด้วยครับ จากคุณ : GOLF-B16A - [ 19 พ.ค. 49 00:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณครับ จากคุณ : shin_tzu2005 - [ 19 พ.ค. 49 01:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบค.GOLF-B16A ที่ผมมีประสบการณ์กับรถหลายคันทั้งเก๋งและsuv ถ้าเบรคจนABSทำงานและเลี้ยวแบบเปลี่ยนเลนที่ใช้ในการทดสอบหรือการฝึกอบรม(ทำนองเดียวกับในรูปแต่ไม่มีพื้นผิวที่แตกต่าง)ก็จะรู้สึกได้ถึงการไถลของยางทำให้ประสิทธิภาพการเลี้ยวลดลงบ้างแต่ก็ยังสามารถควบคุมทิศทางรถได้ดีพอสมควร ลักษณะนี้ผู้ขับขี่ทั่วไปและยังไม่เคยฝึกมาเลยอาจขับผ่านได้ที่ความเร็วประมาณ35 km/h ถ้าฝึกมาแล้วสามารถผ่านได้ที่ความเร็ว60 km/h และถ้าเป็นรถที่ไม่มีABSคงต้องใช้ฝีมือระดับนักแข่งละครับ การฝึกในรูปแบบนี้จะทำได้ต้องใช้ถนนปิดไม่ใช่ถนนสาธารณะและต้องมีผู้ฝึกสอนควบคุมเท่านั้นนะครับ รถโดยทั่วไปจะออกแบบมาให้understeerที่ขีดจำกัดของการเลี้ยว ถ้าเราเลี้ยวถึงขีดจำกัดของรถพร้อมกับการเบรครถจะมีอาการไปทางundersteerลดลงเนื่องจากการถ่ายน้ำหนัก ถ้าคุณตั้งใจปรับแต่งรถให้oversteerได้ง่ายคุณต้องเข้าใจวิธีการควบคุมรถให้สัมพันธ์กับการถ่ายเทน้ำหนักดีอยู่แล้ว รถของค.GOLF-B16Aอาจเป็นระบบABSยุคต้นๆซึ่งความไวและความละเอียดของการควบคุมไม่สูงเท่าระบบในยุคหลังๆ จากคุณ : akeb - [ 19 พ.ค. 49 11:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 64 นับถือเลยครับ   ได้ความรู้อย่างมาก ผมก็เคยลองๆเหมือนกัน  แต่ลองแบบไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่   แถมโดนคนข้างๆว่าอีกต่างหาก  555 จากคุณ : flux.mut - [ 19 พ.ค. 49 20:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ลีลาเมือนตาปรีชาเลย อ่านไม่รู้เรื่อง จากคุณ : ความรู้ท่วมหัว (ความรู้ท่วมหัว) - [ 20 พ.ค. 49 00:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ^ ^ ^ ^ ^ ^ เหมือนกันตรงไหนเหรอคุณความรู้ท่วมหัว ถ้าตั้งใจอ่านจริงๆแล้วยังไม่รู้เรื่อง ก็ความผิดผมแหละ ตรวจทานไม่ดี จากคุณ : kroner - [ 20 พ.ค. 49 11:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 67 หมายเหตุ - คำแนะนำวิธีการเบรคในบทความนี้ใช้กับระบบABSที่ควบคุมทั้ง4ล้อเท่านั้นซึ่งมีทั้งแบบ4วงจร,3วงจร,2วงจรแบบทะแยงมุม(หน้าซ้ายหลังขวา/หน้าขวาหลังซ้าย) วิธีการเบรคนี้ไม่สามารถใช้กับระบบABSที่ควบคุมเพีบง2ล้อหลังซึ่งควรใช้วิธีเบรคแบบเดียวกับรถที่ไม่มีABS ระบบABSที่ควบคุมเพีบง2ล้อหลังเป็นระบบเบรคในยุคต้นๆเท่าที่ทราบในเมืองไทยมีเพียงFord Rangerรุ่นแรก - ระบบABSที่ควบคุมเพีบง2ล้อหลังไม่มีการป้องกันการล็อคของล้อหน้า จึงไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเบรคได้อย่างเต็มที่และไม่สามรถคงความสามรถในการเลี้ยวขณะเบรคจนล้อหน้าล็อคได้ - ระบบABSแบบ2วงจรแบบทะแยงมุม(หน้าซ้ายหลังขวา/หน้าขวาหลังซ้าย) ป้องกันการล็อคของทั้งล้อหน้าและล้อหลังจึงคงความสามรถในการเลี้ยวขณะเบรคจนABSทำงานได้ แต่เนื่องจากในแต่ละวงจรควบคุมมีทั้งล้อหน้าและล้อหลังจึงไม่สามารถควบคุมแยกให้ทั้งล้อหน้าและล้อหลังทำงานที่จุดสูงสุดของแรงหน่วงได้พร้อมๆกันตามที่อธิบายไว้ในคห.6,7 ประสิทธิการเบรคจึงไม่สูงเท่าแบบ4วงจรและ3วงจรซึ่งแยกวงจรการควบคุมระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังกัน สังเกตุได้ในรูปในคห.7 จากคุณ : akeb - [ 21 พ.ค. 49 10:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 68 พี่ๆครับ ผมสงสัยว่าถ้ารถที่ ล้อหลังเป็น ดรัม แล้วติด abs จะให้ผลการตอบสนองที่ต่างจาก ล้อหลังเป็นดิส มากไหมครับ ในกรณีที่ติดแบบ 4 วงจร(ควบคุมทีั้ง 4 ล้อ) จากคุณ : farmohos (เต่าลั้ง) - [ 21 พ.ค. 49 21:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผมต้องตาถั่วแน่ๆเลย ทำไมไม่มี Full Pedal VS ABS บนถนนแห้งล่ะเนี่ย งง งง พอเป็นพื้นสากๆ ก็เทียบกับ Best Effort พอเป็นพื้นลื่นๆ ก็เทียบกับ Full Pedal (ความเข้าใจผมเหมือนคุณ 4จุด เลยรู้สึกว่าลำเอียง) จากคุณ : หน้าน่วม - [ 21 พ.ค. 49 23:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 พี่ akeb ครับ อีกคำถามน่ะครับ ถ้ารถที่ไม่มีระบบ abs แล้วอยากไปเพิ่มทำได้ไหมครับ?  คือว่าคุณแม่ กำลังจะซื้อ วีออส 1.5E :M/T แล้วมันไม่มี abs อ่ะครับพี่ ขอบคุณสำหรับคำตอบของพี่ ล่วงหน้าน่ะครับผม จากคุณ : farmohos (เต่าลั้ง) - [ 22 พ.ค. 49 01:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ตอบค.farmohos - ถ้าวัดด้วยเครื่องวัดความไวในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงตามแรงดันของdrumอาจช้ากว่าdiskบ้างก็จริงแต่ไม่มีนัยยะแตกต่างสำหรับการทำงานของABSครับ รถที่ใช้ในการทดสอบทั้งของNHTSAและที่ทดสอบเองก็มีทั้งหลังdrumและdisk รถที่ผลิตที่มีABSก็มีคละกัน ถึงแม้ว่าdiskจะมีข้อดีกว่าdrumอยู่หลายข้อแต่ในมุมมองการทำงานของABSแล้วไม่แตกต่างครับ - การติดABSเสริมต้องดัดแปลงระบบเยอะมากหาทำไม่ได้ด้วยครับ ผมแนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีABSกว่าเพื่อความปลอดภัย ถ้ามีVSC (Electronic Stability Control ของ Toyota)ที่ช่วยควบคุมเสถียรภาพของรถด้วยก็ยิ่งปลอดภัยขึ้นครับ จากคุณ : akeb - [ 22 พ.ค. 49 09:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตอบค.หน้าน่วม ในบทความผมเน้นเปรียบเทียบระหว่างการเบรคแบบฺBest Effort(หรือ Driver-Best)กับแบบใช้ABSมากกว่า จึงขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมการเปรียบเทียบกับการเบรคแบบFull Pedal (หรือ Locked-Wheels)ครับ กราฟFig.14เป็นการเปรียบเทียบแรงหน่วงจากการเบรคแบบต่างๆบนพื้นผิวที่แตกต่างกันรวมถึงบนพื้นลาดยางแห้งด้วย (นำมาจากรายงานอ้างอิงที่2ของSAE) ผลไปในทิศทางเดียวกันหมดเรียงดีสุดไปด้อยสุด :  1 ABS 4 channel  2 Driver-Best (Best Effort)  3 ABS 2 channel diagonal  4 Locked-Wheels (Full Pedal) สำหรับระบบABS 3 channel มีการควบคุมวงจรแยกล้อหน้า/หลัง(เพียงแต่ล้อหลังรวมเป็นวงจรเดียว)จึงมีประสิทธิภาพแรงหน่วงเหมือนระบบ4 channel มีข้อมูลการทดสอบระยะเบรค 100-0 km/h ของรถFortuner โดยปิดระบบABS และเบรคแบบล้อล็อค(Full Pedal) ได้ระยะ 65.7 m แต่ทดสอบเพียงครั้งเดียวเพราะเสียดายยางครับ เทียบกับการเบรคแบบใช้ABSได้ระยะเฉลี่ย 49.0 m ครับ เหตุผลก็คือค่าmuจะสูงสุดขณะมีการไถล(slip)ต่ำๆและสูงกว่าค่าmuขณะล้อล็อคตายประมาณ10-20%ดูตามรูปในคห.5 ขอบคุณค.luciddreamและค.Roninkungที่ได้ช่วยอธิบายประเด็นนี้ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 49 11:01:54 จากคุณ : akeb - [ 22 พ.ค. 49 10:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เยี่ยมเลยครับ โหวตสองจึ๊ก จากคุณ : หน้าน่วม - [ 22 พ.ค. 49 21:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 สุดยอดสำหรับข้อมูล.. Vote ครับ.. จากคุณ : หนุ่ม เมืองนนท์ - [ 23 พ.ค. 49 09:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอสอบถามด้วยคนครับ ใช้โคโรราโด้อยู่เคยเจอปัญหาคีอขับมาที่ความเร็ว 120 ระยะห่างจากคันหน้า5-6เมตรและคันหน้าเบรกกะทันหันผมกดเบรกจนมิดสท้านไปทั้งเท้าและมีเสียงครืดๆจนเกือบจะชนห่างไม่ถึงฝ่ามือเจอมา2-3ครั้งแล้ว ระบบ abs เนี่ยะเวลาฉุกเฉินเราต้องเหยียบเบรกแบบ(กระทืบ)เลยหรือเปล่าครับถึงจะหยุดแบบทันทีได้ มีบางคนบอกว่าเจ้าระบบ abs ต้องเบรกแบบกดย้ำๆถึงจะอยู่จริงหรือเปล่าครับเพราะผมกลัวว่าถ้าเกิดฉุกเฉินจริงๆช่วงที่เรากดย้ำๆมันจะไปชนเสียก่อนนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ละอ่อน - [ 23 พ.ค. 49 16:43:08 A:203.144.212.77 X: ]

ความคิดเห็นที่ 76 กระทืบไปเลยครับ อย่ายกเท้า จะได้ระยะที่สั้นที่สุดครับ จากคุณ : kroner - [ 23 พ.ค. 49 17:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ตอบค.ละอ่อน วิธีที่คุณเบรคเป็นวิธีเบรคฉุกเฉินที่ได้ระยะเบรคสั้นที่สุดแล้ว แต่ ตามสภาวะที่คุณให้ข้อมูลมา ความเร็ว 120 km/h = 33.3 เมตร/วินาที ระยะเวลาในการตอบสนองของคนขับ 0.7-1.5 วินาที ขึ้นอยู่ความตื่นตัวในขณะนั้นๆ เมื่อคุณเริ่มกดเบรครถวิ่งไปแล้ว 23 - 50 ม.หลังจากไฟเบรครถคันหน้าติด (ยังไม่นับระยะเวลาการตอบสนองของระบบเบรค) ในขณะที่รถคันหน้าได้ลดความเร็วเนื่องจากการเบรคไปแล้ว โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีสูงมาก ตามคำแนะนำการขับรถอย่างปลอดภัย สำหรับรถเก๋งควรทิ้งระยะห่างคันหน้าอย่างน้อย2วินาที = 67 ม.ครับ จากคุณ : akeb - [ 23 พ.ค. 49 17:38:28 ]