ความคิดเห็นที่ 3
ไมแน่ใจครับในเรื่องราคาขายต่อในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า แต่ที่แน่ใจคือ ขายรถรุ่น E220, ตัวถัง W124, CODE C, สีรถไม่เป็นที่นิยม, เกียรแบบอัตโนมัติพร้อมชุดเครื่องเสียงแบบ bi-amp และรถเป็นล็อตแรกที่ส่งมอบในไทย (รถออกปลายเดือนพฤษจิกายน ปี 1993) ไปในราคา 500,000 บาทถ้วน กับเต็นท์แถวเรียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ จากประสบการณ์ในการใช้รถดังกล่าว ด้านอัตราการบริโภคน้ำมัน สำหรับเครื่อง M111 ตอบว่าสมเหตุสมผล ที่ใช้ขับนอกเมืองเป็นหลักวิ่งได้ช่วง 11 - 13 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ระดับความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอเปลี่ยนมาใช้ในเมืองจากเส้นทางบางนา-ตราด กม. 24 มาถนนวิภาวดีแถวช่วงเกษตร ในช่วงเวลารถติดจะทำได้แค่ 7 - 8 กิโลเมตรต่อลิตร (ด้วยนำมันแกสโซฮอล 95) ประหยัดกว่ารถที่เปลี่ยนใหม่มาก (เสียดายครับแต่ขายไปเพราะหลังคารถผุ) ด้านค่าบำรุงรักษา (สำหรับอะไหล่สิ้นเปลืองนะครับ ราคาที่ผมแจ้งเป็นช่วงปีต้นปีถึงปลายปี 2548 และซื้อของจากหลังวัดโสมชื่อ LM, อาศัยช่างแถวหลังวัดโสมชื่อช่างเปีย) ที่ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร - กรองน้ำมันเครื่อง (ของเทียบยี่ห้อ MANN: กล่องเขียว-เหลือง) ราคา 150 บาท - น้ำมันเครื่อง PTT semi-synthetic ราคา 700บาท (ใช้น้ำมันเครื่องจำนวน 6 ลิตร) เมื่อครบที่ 20,000 กิโลเมตร - กรองอากาศ (ของเทียบยี่ห้อ Knetch กล่องขาว-ส้ม) ราคา 450 บาท - หัวเทียน (ของ Bosch เบอร์ 8) หัวละ 50 บาท - น้ำมันเบรก (ของ Ferrodo แบบ DOT 4) ใช้ 1 ลิตร ราคา 300 บาท - น้ำยาหล่อเย็น (ของ Shell) ใช้ 2 ลิตร ราคา 420 บาท - น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ของ Caltex แบบ Dexron 3) ใช้ 1 ลิตร ราคา 110 บาท - กรองน้ำมันพวงมาลัย (ของเทียบยี่ห้อ MANN) ราคา 120 บาท - น้ำมันเกียรอัตโนมัติ (ของ Caltex แบบ Dexron 3) ใช้ 7 ลิตร ราคา 700 บาท - กรองและประเก็นอ่างน้ำมันเกียร (ของเทียบ MANN) ราคา 500 บาท - น้ำมันเฟืองท้าย (ใช้แบบ synthetic ของ Penz... เบอร์ 90) ใช้ประมาณ 1.2 - 1.5 ลิตร (ไม่แน่ใจ) ราคาสูงครับจำไม่ได้คิดว่าลิตรละ 600 บาท (จำป็นครับในส่วนนี้เพราะคาซ่อมเฟืองท้ายให้หายหอนแพง มากๆ) ที่ 40,000 กิโลเมตร - เปลี่ยนสายพานเครื่องเป็นเส้นเดียว (ของยี่ห้อ Contine...) ราคา 450 บาท ด้านการบำรุงรักษา (อะไหล่ที่เฉพาะปัญหา) - Air mass sensor (ของ Bosch) ราคา 8500 บาท - Oxygen sensor (ของ Bosch) ราคา 3500 บาท - Mot value (carnistor purge value cotrol) ราคา 3000 บาท (ไม่แน่ใจนะครับ) - Charchol box ราคา 1850 บาท (ไม่แน่ใจ) - Shock Absorber (ของ Bilsti... เบอร์ 2) หน้า-หลัง 8500 บาท - ผ้าเบรกหน้า 1500 บาท (กล่อง Benz) - ผ้าเบรกหลัง 1000 บาท (กล่อง Benz) - สายไฟเตือนผ้าเบรกหมด 50 บาทต่อเส้น จุดด้อยที่พบ - สนิมและรอยผุ : ปะผุครั้งแรกเมื่อปี 2004 ที่ซุ้มล้อด้านหลังแถวที่มีจุกพลาสติกอุดตัวถัง, แถวใต้กาบข้างทั้งแนวด้านซ้ายและขวา ค่าประผุที่ผมใช้ประมาณ 10,000 บาท แต่ที่แก้แล้วไม่ยอมจบ (ปัญหาที่ผมพบเองนะครับไม่แน่ใจว่าเป็นกับคันอื่นหรือไม่) คือผุที่หลังคา - เฟืองท้าย : ของผมเริ่มหอนที่ 150,000 กิโลเมตร ไปเปลี่ยนของซ่อมที่อู่แถวถนนทางไปนครปฐม วิ่งได้ 20,000 กิโลเมตรก็หอนใหม่ สำหรับผมอาจโชคดีที่ ใช้รถถึง 180,000 กิโลเมตรก่อนขาย เกียรยังดีอยู่ครับ ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
จากคุณ :
Enaril (Enaril)
- [
11 พ.ค. 49 23:37:31
]
|
|
|