PANTIP.COM : V4455199 l+_+lFTA มาเลย์ใกล้แล้ว เป็นคุณจะเลือกรถจากมาเลย์ไหม (SWIFT ใครที่ฝันไว้ควรจับตา)แต่ SUZUKI ไทยเบื่อรัฐบานแล้วแฮะl+

ความคิดเห็นที่ 2

‘ซูซูกิ’จวกรัฐบาลไร้ทิศทางพลังงานทดแทน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 มิถุนายน 2549 11:34 น.

ข่าวในประเทศ - ซูซูกิ เซ็งนโยบายรัฐบาลโลเลพลังงานทดแทน ทั้งโครงการอีโคคาร์, แก๊ซโซฮอลล์ อี20 ส่งผลแผนงานที่เตรียบล้มพับทันที พร้อมยันไม่คิดวางเครื่องยนต์เอ็นจีวีจากโรงงานให้ “เอพีวี” รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กกลัวเป็นหมันอีกรอบ

ด้าน“สวิฟท์”รถเก๋งคู่แข่งแจ๊ส-ยาริส หลังโชว์ตัวไม่โดนใจผู้บริโภคเหตุราคาแพงเวอร์ “ล้านเศษ” เมื่อเทียบคู่แข่ง ชี้เศรษฐกิจ-การเมืองไม่มีผล ตั้งเป้าปีนี้ 1,500 คัน โต 6% พร้อมเพิ่มศูนย์บริการรองรับตลาดโต

โยชิอากิ ทามาอิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเรื่องพลังงานทดแทน โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือ เอ็นจีวี (NGV) พร้อมกับให้ภาษีอัตราพิเศษ รวมถึงการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ นั้นในส่วนของบริษัทฯ เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคชาวไทย แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลยังขาดความแน่นอนเรื่องพลังงานทดแทนว่าจะให้ประเทศเดินไปในทิศทางใดกันแน่

“เราสนับสนุนนโยบายรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้ ดังจะเห็นได้จากการล้มโครงการรถยนต์ขนาดเล็ก หรือ อีโคคาร์ รวมถึงเลื่อนการให้ภาษีอัตราพิเศษแก่รถยนต์ที่ใช้แก็สโซฮอล์ อี20 (E20) ไปถึงปี 2552 ซึ่งตอนที่รัฐบาลประกาศเตรียมใช้นโยบายดังกล่าว เรามีความพร้อมและได้นำไปพูดคุยกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ในการหาผลิตภัณฑ์มารองรับตลาด แต่สุดท้ายโครงการต่างๆก็พับเก็บไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลหันมาหนุนก๊าซเอ็นจีวีแทน”

สำหรับนโยบายเอ็นจีวี บริษัทฯยังไม่ได้คิดไปไกล เพราะไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะจริงจังแค่ไหน และอาจเปลี่ยนแปลงไปอีกก็ได้ ดังนั้นบริษัทฯจึงยังไม่มีแผนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวีให้กับรถในเครือของบริษัทฯ โดยเฉพาะอเนกประสงค์ เอพีวี(APV) ทั้งในส่วนของการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี จากโรงงานหรือนอกโรงงาน

อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีความตั้งใจในการทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย และมองไปในระยะยาว โดยจะมีการนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาเสริมตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนต่างๆ ที่อาจจะต้องใช้เงินเป็น 1,000 ล้านบาท แต่สิ่งสำคัญที่บริษัทฯต้องการคือรัฐบาลต้องมีความชัดเจนเรื่องนโยบายมากกว่านี้ ทั้งนี้จะได้กำหนดแผนงานได้ถูกต้องและสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ

นายทามาอิ ยังกล่าวถึง รถยนต์เก๋งซับคอมแพ็กต์ สวิฟท์(SWIFT) ที่นำมาเปิดตัวในงาน “บางกอก มอเตอร์โชว์” ที่ผ่านมาว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นรถนำเข้าทำให้เสียภาษีค่อนข้างสูง ราคาเลยแพงถึง 1.188 ล้านบาท

“ ตั้งแต่เปิดตัวมายังไม่มียอดจองเข้ามาเลย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะรูปลักษณ์ออกแนวยุโรปมากกว่าญี่ปุ่น เลยไม่โดนใจผู้บริโภคคนไทยเท่าไร ขณะเดียวกันก็โดนภาษีนำเข้าอีก 80% ส่งผลให้ราคาสูงตัวเลขก็เลยไม่เดิน”

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง “สวิฟท์” ว่าถ้ามีการประกอบที่ประเทศอินโดนีเซียแล้ว จะสามารถนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้ในราคาที่ถูกลง โดยใช้สิทธิพิเศษด้านภาษี ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA

นายทามาอิ กล่าวว่า คงเป็นเรื่องยาก เพราะคนอินโดนีเซียนิยมรถอเนกประสงค์ นั่งกันได้หลายๆคน (โตโยต้า อแวนซ่า,อินโนว่า, ซูซูกิ เอพีวี) ซึ่งการขึ้นไลน์ผลิตสินค้าใดๆควรจะขายในประเทศนั้นๆได้ด้วย ดังนั้นบริษัทแม่จึงไม่มีแผนจะประกอบ“สวิฟท์” ที่ประเทศอินโดนีเซียในตอนนี้

ขณะเดียวกันการทำตลาด สวิฟท์ ในประเทศไทยคงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเป็นรถนำเข้าต้องเสียภาษีสูงส่งผลให้ราคาไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่ในตลาดอย่าง โตโยต้า ยาริส และ ฮอนด้า แจ๊ซได้ และหากจะประกอบในไทยจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนในประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพื่อลดต้นทุน

นอกจากนี้กำลังการผลิตควรอยู่ประมาณ 20,000 – 30,000 คันต่อปี และต้องส่งออกไปประเทศอื่นๆได้ด้วย ถึงจะคุ้มค่าต่อการลงทุน

นายทามาอิ กล่าวว่า ตลาดรถยนต์รวมในปีนี้ยอดขายน่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ประมาณ 740,000 คัน โดยตลาดปิกอัพยังคงเป็นตลาดหลัก แต่จะค่อยๆอิ่มตัว ส่วนรถยนต์นั่งขนาดเล็กจะโตขึ้นเรื่อยๆ พร้อมความนิยมรถเครื่องยนต์ขนาดเล็กอย่าง 1.3 – 1.5 ลิตร ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

“ในส่วนของบริษัทฯ ไม่คิดว่าเรื่อง เศรษฐกิจ การเมืองจะมีผลกระทบมากนัก โดยตั้งเป้าหมายในปีนี้ไว้ที่ 1,500 คัน เติบโต 6% เมื่อเทียบกับปี 2548 ที่ทำได้ 1,414 คัน โดยจะเป็นยอดขายของ ซูซูกิ เอพีวี ถึง 90% และ แกรนด์ วีทาร่า อีก 10% อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯ เตรียมเพิ่มศูนย์บริการอย่างน้อย 5 แห่ง ทั้งในจังหวัด อยุธยา นครสวรรค์ พิษณุโลก และสุรินทร์ จากเดิมที่มีอยู่ 30 แห่งทั่วประเทศ”

//เอ้า แถกันเข้าไปที่ SWIFT ขายไม่ออกเพราะรูปทรงออกยุโรปไม่ใช่ญี่ปุ่น จะบ้าหรอไง ราคาตั้ง 1.118 ล้านบาทใครเขาจะซื้อลงครับน้า หลายคนเขาไม่รู้หรอกว่า ทำไมถึงแพง แพงเพราะนำเข้าจากญี่ปุ่นซึ่งก็เข้าใจว่าไม่มีฐานประกอบแถวๆนี้ทำตลาดนี่ยังไม่รู้ใจ รสนิยมหรือความชื่นชอบของ ผู้บริโภคกันเลยหรอครับ เดาสุ่มเอาหรือเปล่าเนี่ย

อ้อ ปีหน้าก็ส่ง SWIFT จากมาเลย์เซีย ไม่ก็ อินเดียผ่าน FTA ได้แล้วนะลุงหน่ะ ยิ่งนโยบายสอดคล้องให้น่าทำตลาดด้วย รีบๆทำนะครับก่อนจะหมดโอกาส
ส่วนปลายปีนี่ เอา APV กระบะมาใช่มะ แน่ใจหรือ? ขายออกหรือ กับเครื่องเบนซินไม่มีดีเซลให้เลือก?
อ้อ เรื่องการรอคอยอะไรที่ลมๆแล้งๆนี่ชอบทำหรือครับถามหน่อย?
แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 49 16:34:29
แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 49 16:25:34

จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv - [ 14 มิ.ย. 49 16:09:15 ]