ความคิดเห็นที่ 1 ท่อรวมไอดี จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:43:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คอมแอร์ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไดชาร์ท จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฝาสูบ จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แม่ปั๊ม ABS จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 firewall ท้ายเครื่อง จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 firewall ใกล้ ECU ด้านเดียวกับแบตฯ จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อได้ค่าอ้างอิงแล้ว   ผมได้ทำการเดิน Ground wire จำนวน 4 เส้นครับคือ 1. ท่อรวมไอดี 2. คอมแอร์ 3. ไดชาร์ท 4. เสื้อเกียร์ โดยใช้สายทองแดงเคลือบนิเกิล  เบอร์ 8  เดินแบบ star ground มาลงที่ขั้วลบแบตเตอรี่  ลองวัดเทียบ ณ จุดลง ground = 0 Volt จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สายที่ใช้ จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:54:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 วัดที่จุดเดิมแบบเดียวกับตอนยังไม่เดิน   ได้ผลลัพท์ดังนี้ครับ (หน่วยเป็น mV) แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 49 17:55:28 จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 17:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อสังเกตุที่พบจากการทดลองก็คือ 1.  แรงดันอ้างอิง ณ จุดที่เป็นเครื่องยนต์  จะต่ำกว่าที่ขั้วลบของแบตฯ   (Volt ที่วัดได้เป็นลบ) ในขณะที่ส่วนที่เป็นตัวถัง  จะสูงกว่าขั้วลบ  (Volt ที่วัดได้เป็นบวก) 2.เมื่อเดิน Ground wire แล้ว  เทียบกันจุดต่อจุด  จะพบว่ามีค่าความต่างศักย์สูงขึ้น  ????  ซึ่งถ้าระบบ Ground ดีขึ้น   จะต้องทำให้ความต่างศักย์เมื่อเทียบกับขั้วลบมีค่าน้อยที่สุด  ซึ่งเมื่อเดิน Ground wire แล้วทำให้ระบบ ground ดีขึ้น  ค่าความต่างศักย์มันควรจะน้อยลงกว่าตอนที่ยังไม่ได้เดิน ground wire เพิ่ม   ซึ่งอันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมมันเป็นเช่นนี้     แต่ถ้าจากการทดลองนี้  สำหรับรถผมแล้ว  การเดิน Ground wire  ทำให้ระบบ Ground ของรถแย่ลงกว่าเดิมครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 18:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอ...แปลกแฮะ...เด๋วไปวัดรถผมมั่งดีกว่า.... จากคุณ : CK5 - [ 24 มิ.ย. 49 18:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บทสรุปสำหรับคนอยากติด ground wire เสียตังฟรี แถมอวดคนอื่นในความไม่รู้ของตัวเอง จากคุณ : เกด - [ 24 มิ.ย. 49 19:56:16 A:210.203.170.67 X: TicketID:121364 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่มเติมข้อมูลครับ  ตกไปหน่อย การทดลองนี้ทั้งหมดวัดในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์  และเครื่องยนต์ทำงานในรอบเดินเบานะครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 24 มิ.ย. 49 20:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 digital meter ต้องอย่างดีหน่อยนะครับ ตัวละ 400-500 บางทียังไม่แม่นพอ ค่าเลยเพี้ยน  ลองของ fluke ดู จากคุณ : super yellow bird - [ 24 มิ.ย. 49 20:35:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อืม โวลท์มิเตอร์มีโอกาสเพี้ยนก็จริง แต่ถ้าเพี้ยนอย่างมีแนวโน้มแบบนี้ ก็พออนุมานได้ว่าผลที่ออกมาน่าจะถูกต้องครับ จากคุณ : iNFeRNaL - [ 24 มิ.ย. 49 20:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อย่างงี้ต้องให้ หมอแมวเหมียวมาแก้สมการซะหน่อยและ จากคุณ : GOLF-B16A - [ 24 มิ.ย. 49 21:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อื้อ ...  รถดีเซล ใช้กระแสไฟฟ้าน้อย->น้อยมาก เพราะไม่มีระบบจุดระเบิด  รถก็ยังใหม่เอี่ยม  จะเห็นว่า dV < 2mV ด้วยซ้ำ  ควรไปลองในรถเบนซิน ที่ใช้งานมานานหน่อย (เกิน 2 ปี/50000โล) จะเห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อรอบเครื่องสูงขึ้น (เกิน 3000) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 มิ.ย. 49 21:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 # วิธีวัดตามรูป (เป็นการวัดเทียบกับขั้ว "-" กับจุดต่างๆ) จะต้องวัดเป็นค่าความต้านทาน ( Ohm) โดยใช้ Ohm Meter จึงจะเห็นค่าความแตกต่างของ Ground ตามจุดต่างๆ เช่น ถ้าค่า Ohm ต่ำ แสดงว่าดี # ถ้าต้องการเปรียบเทียบแรงดัน ตกคร่อมตามจุดต่างๆที่จะแปรผันไปตามค่าความต้านทานของ Ground ถึงจะใช้ Volt Meter โดยวัดเทียบกับขั้ว "+" เช่นถ้า วัด Volt แล้วได้ค่าต่ำหรือวัดไม่ได้แสดงว่า Gnd ไม่ดีหรือสายขาด จากคุณ : 3KB - [ 24 มิ.ย. 49 21:25:36 A:221.128.88.148 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่ตัวไดชาร์ท จะมีศักย์ที่ต่ำที่สุด ถ้าต่อสายกราวน์จากได ไปขั้ว - แบตเพิ่มขึ้น ความต่างศักย์ระหว่างสองจุดนี้ก็น่าจะลดลง (แต่จุดอื่นๆอาจจะไม่แน่) ลองเช็คความต่างศักย์ตกคร่อมระหว่างตัวได  ระหว่างตัวไดกับขั้ว+ แบต เปรียบเทียบทั้งก่อนและหลัง ก่อนจะดีกว่า ถ้าตอนหลัง  มันมีความต่างศักย์ตกคร่อมมากกว่า  ก็อาจส่งผลให้ความต่างศักย์ที่จุดต่างๆมันเพิ่มขึ้นได้ ที่สำคัญ ไขขั้ว - แบต แน่นดีเหมือนเดิมหรือเปล่า ลองวัดความต่างศักย์ระหว่างขั้ว กับ ตัวที่ต่อกับขั่วดูด้วย จากคุณ : ton99 - [ 24 มิ.ย. 49 21:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มารอติดตามผลงานครับ เพราะผมก็ใส่ให้กับ Teana ด้วยครับ ** ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลของทุกๆท่าน จากคุณ : ds30482 - [ 25 มิ.ย. 49 00:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถูกต้องแล้ว เวลาติดเครื่องไดชาร์ดจะผลิตไฟที่๑๔โวล์ระหว่างขั้วไฟออกกับตัวถังของไดชาร์ดมันเอง สายกราวระหว่างตัวถังเครื่องกับขั้วลบแบตสายไฟเส้นโตๆ8AWGจะมีความต้านทานประมาณ0.0001โอม พอติดเครื่องกระแสจะไหลจากไดชาร์ดมายังแบตขั้วบวก แล้วจากแบตขั้วลบผ่านสายกราวเส้นโตกลับมาที่ตัวถังไดชาร์ด เวลาติดเครื่องแล้วมีกระแสไฟชาร์ดแบตแค่๑๐แอม แรงดันตกคร่อมของสายกราวระหว่างแบตขั้วลบกับตัวถังไดชาร์ดจะเท่ากับ ลบ0.0001*10เท่ากับ 1mVอย่างที่วัดได้เป็นต้น ผลสรุบการทดลองเป็นไปตามหลักของโอม สรุปรถคุณสายกราวของเดิมมันดีอยู่แล้ว เพิ่มสายกราวไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเลย จากคุณ : joe - [ 25 มิ.ย. 49 01:06:12 A:68.104.242.99 X: TicketID:051689 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมคิดว่ารถเดิมๆที่มาจากโรงงานน่าจะได้รับการออกแบบมาอย่างดีที่สุด ซึ่งสายกราวน์เองก็มีราคาไม่กี่บาท ถ้าใส่แล้วรถมันมีอาการดีขึ้นจริงๆ บริษัทรถก็น่าจะใส่มาให้หลายจุด เหมือนอย่างที่ของแต่งทำออกมาขายกัน ผมตั้งใจว่าจะไปถอดสายกราวน์ออกเหมือนกันครับ เพราะผมไม่ได้รับรู้เลยว่า รถมีอาการตอบสนองที่ดีขึ้นจากเดิมๆครับ จากคุณ : ds30482 - [ 25 มิ.ย. 49 01:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จากการทดลองนี้   ตามความคิดเห็นผมสรุปได้ดังนี้ครับ 1. ระบบ ground เดิมๆ ของรถสามารถทำงานได้ดีอยู่แล้ว   2. เมื่อต่อ ground เพิ่มเติมเข้าไปแล้วทำให้มีค่าความต่างศักย์เพิ่ม  อาจจะเป็นเพราะเกิด ground loop  เนื่องจากระบบ ground เดิมจะใช้การลง ground ที่จุดเดียว   แต่เมื่อเราต่อสาย gound เพิ่ม   ประกอบกับตัวเครื่องยนต์ทั้งก้อนได้มีการนำไฟฟ้าถึงกันหมด  เมื่อมี gound หลายเส้น  จึงมีโอกาศเกิด groun loop ขึ้นได้ 3. เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งมีโอกาศที่ระบบ ground เดิมๆ จะแย่ลงได้   เพราะเท่าที่สังเกตุพบว่าสาย ground ของรถจะใช้การเข้าหัวแบบบีบอัดสายไว้เฉยๆ  และไม่มีการซีลบริเวณปลายสาย  เมื่อใช้ไปนานๆ  ความชื้นสามารถจะแทรกเข้าไปและเกิดสนิมโลหะได้สูง   ซึ่งจะทำให้ความต้านทานสูงขึ้น  และเมื่อสายเดิมนำไฟฟ้าได้แย่ลง  เมื่อต่อสายใหม่เพิ่มเข้าไป  จึงทำให้ดีขึ้น 4. น่าจะมีการปรับปรุงสาย ground เดิม  โดยทำการบัดกรีเพื่อซีลช่วงรอยต่อระหว่างตัวแหวน  กับสายไฟ  และใช้ท่อหด  หรือเทปพันสายไฟ  พันเพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นแทรกเข้าไปได้   ซึ่งจะช่วยให้สาย ground เดิมนี้คงความนำไฟฟ้าได้ดีตลอดไป 5.  ถ้าเป็นรถเก่า  และสงสัยว่าระบบ ground อาจจะมีปัญหา   ให้ทดลองวัดความต่างศักย์ตามจุดต่างๆ ตามตัวอย่าง   เทียบกับขั้วลบของแบตฯ   ถ้าพบว่ามีค่าสูง  แสดงว่ามีปัญหาจริง   แต่ถ้าไม่  อาจจะเป็นปัญหาที่ระบบอื่นๆ 6.  เมื่อพบว่าระบบ ground มีปัญหา  อาจจะเป็นเพราะสาย ground เดิมมีปัญหา  ลองเดินสายเดิมใหม่ดูก่อนและวัดค่าความต่างศักย์เช็คดูว่าดีขึ้นหรือไม่ จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 49 05:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนค่าความต้านทานของโลหะประเภทต่างๆ  เท่าที่ไปค้นมาได้ตามตารางครับ   ซึ่งจะเห็นได้ว่า  อยู่ในหลักของ ไมโครโอห์ม ต่อ เมตร   ซึ่งในกรณีนี้เป็นความต้านทานของเนื้อโลหะที่หลอมเป็นเนื้อเดียวกัน   จากประสบการณ์  ปัญหาเรื่องความต้านทานส่วนใหญ่จะเกิดที่ช่วงรอยต่อของชิ้นโลหะมากกว่า   เช่น  ขั้วสาย  หรือการขันน๊อตยึด  เพราะถ้าบริเวณนี้มีปัญหา  เช่น เกิด oxide จะเกิดความต้านทานสูงมากๆ    เช่น ถ้าเอาเงิน  สองชิ้นมาต่อกัน  และรอยต่อไม่สนิท  หรือเกิด oxide ที่รอยต่อ  ถึงแม้เงินจะนำไฟฟ้าได้ดีแค่ไหน  ความต้านทานรวม  ก็อาจจะยังสู้  ตะกั่วสองชิ้นที่นำมาต่อกันแบบสนิทไม่ได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 49 05:10:13 จากคุณ : sunsetbeach - [ 25 มิ.ย. 49 05:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แจ่มครับ จากคุณ : ap (ap group) - [ 25 มิ.ย. 49 10:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กำลังจะไปติด สงสัยต้องคิดดูก่อน จากคุณ : NaM_pRiG - [ 25 มิ.ย. 49 11:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สอบถามหน่อยครับ ตอนที่คุณเอาสายต่อกลับเข้าไปเนี่ย ได้ทำความสะอาดที่จุดต่อหรือป่าวครับ แบบว่าเอากระดาษทรายขัด หรือเช็ดด้วยแอลกอฮอ เพราะเท่าที่ดูมือของท่านก็ สกปรกไม่เบา !!  เพราะฉะนั้นคราบสกปรกต่างๆอาจจะไปเป็นความต้านทานที่หน้าสัมผัสก็ได้นะครับ ผมคิดว่า การติดกราวด์เพิ่มขึ้น มีผลอยู่ 2 อย่างไม่ดีขึ้น ก็เสมอตัว ถ้าติดลบมันน่าจะมีปัญหาครับ อย่างเช่นความสกปรกเวลาไปจับขั้วต่อ จารบี ฝุ่น และคราบน้ำมัน จะเป็นความต้านทานได้หากไม่ระวังคับ ลองเอากระดาษทรายขัดที่จุดต่อ แอลกอออเช็ด แล้วปิดทองแบบที่คุณหมอแมวเหมียวบอกสิครับ และทางที่ดีทำความสะอาดมือเราเองก่อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับจุดต่อได้จะดีมากครับ จากคุณ : 9 (apexthai) - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 08:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมใช้ทินเนอร์เช็ดครับ   ดู Voltage reference จากรูปที่ 8 นะครับ ย้ำอีกทีว่า  การทดลองนี้  เป็นเฉพาะรถของผมนะครับ  ของท่านอื่นๆ อาจจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปได้ครับ  คงต้องทดลองดูกันเองนะครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 10:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นด้วยกับ คห 22 คห24 ข้อมูลการทดสอบไม่มากพอ ที่จะสรุป จึงสรุปได้ไม่มากกว่าเท่าที่ทดสอบ สรุปได้เฉพาะกรณีที่ทดสอบเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 49 18:07:39 จากคุณ : สม - [ 27 มิ.ย. 49 17:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมไม่รู้ว่าอย่างไรนะครับ รู้แต่ว่า การติดกราวน์เพิ่ม เป็นการลดความต้านทานของระบบเดิม เนื่องจากสายของเดิมจะใช้ตัวถังร่วมในการต่อให้ครบวงจรจึงทำให้มีความต้านทานสูง ดังนั้นหากมีการติดกราวน์เพิ่ม จะเป็นการใช้สายกราวน์เป็นทางลัดเพิ่มให้ครบวงจร ทำให้มีความต้านทานต่ำกว่า จากการทดลอง สรุปได้ว่า การติดสายกราวน์ทำให้ความต้านทานลดลง จึงทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านมีความต่างศักดิ์มากขึ้น หากบอกว่าการติดกราวน์ทำให้ระบบแย่ลง ความต่างศักดิ์ต้องลดลง เพราะความต้านทานมากขึ้นครับ จากคุณ : กิต - [ 18 ก.ค. 49 13:39:49 A:125.24.84.49 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผลต่างจาก Volts ที่วัดได้ต่างกันไม่ได้เกิดจาก สายกราวน์ละครับอันนี้ผมวัดบ่อยมากเลย (เป็นร้านทำเครื่องเสียง) จริงๆแล้วเกิดจาก แบตเตอร์รี่เองละครับคืองี้แบตธรรมดา แบบที่ติดรถมาขนาดนี้ เราทิ้งใวเฉยๆ แล้วก็มาชาร์ดไฟนะนาทีแรกๆกระแสไฟที่ใหลที่เข้าชาร์ด แบตจะสูงมากปรกติจะ20แอมป์ขึ้นไป ถ้าเราวัดแบบการทดลองข้างต้นก็จะได้ผลต่างของVoltsมาก แต่ถ้าเราชาร์ดไฟใว้สักพักนึง กระแสจะลดลงเรื่อยๆมาอยู่ที่ระดับเกือบ (0แอมป์)หรือไม่ถึงแอมป์ คราวนี้ผลต่างก็จะอยู่ที่ว่าเราไปวัดผลในเวลาใหนแล้วละ จากคุณ : สมยศ (andaman6961) - [ 27 ก.ค. 49 21:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตัวผมเองก็ใช้ vigo 2500 turbo และ vios อยู่ ติด ground ทั้งคู่ ( ทำเอง ) ผลที่ได้ รอบเครื่องดีขึ้นกว่าเดิม คือ ลื่นขึ้นเวลากดคันเร่งออกตัว ลื่นขึ้นเวลาลากรอบ แอร์เย็นขึ้น การกระตุกของ com.air. เบาลง ไฟหน้าสว่างขึ้น จากคุณ : art - [ 6 ส.ค. 49 20:52:43 A:125.25.151.142 X: ]