ความคิดเห็นที่ 17
คห.14ครับ การแก้ปัญหาต่างๆของรถ(แอร์เหม็น,กระจกตกราง ฯลฯ)ด้วยการเปลี่ยนรองๆ(ไมเนอร์เชนจ์แบบแปลตรงๆ) ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสำหรับแผนการตลาดของธุรกิจยานยนต์หลักแสนๆล้านบาทนะครับ
การไมเนอร์เชนจ์จริงๆไม่ใช่แค่การเชื่อข่าวลอยๆจากคนภายในบริษัทเอง แล้วให้คนฟังต่อๆมา"ลองดู"เท่านั้น
คนที่จะบอกจริงๆคือผู้บริหารภายใน จนกระทั่งข่าววงในหลุดรอดมาเป็นระยะๆตามกระแสการตลาด
แผนการ/กลยุทธ์การตลาดจริงๆมันดูหลายปัจจัยครับ ไม่ใช่นึกจะไมเนอร์ก็ไมเนอร์ ทั้งๆที่กำลังการผลิตก็แทบจะไม่พอขาย ลำพังผลิตเดือนละ 10,000 คัน(ส่งออก 40% ขายในประเทศ60%)คนรอซื้อเหงือกแห้งตายไปซะก่อน
จะบอกให้ว่า การไมเนอร์เชนจ์ขึ้นกับ อาทิ Product Life Cycle มันใกล้หมดอายุในไลน์ตลาด, คู่แข่งเตรียมออกรุ่นใหม่หรือมีโปรโมชั่นแรงๆ, ยอดขายเกือบจะนิ่งสนิท, ถึงเวลาที่จะต้อง Refresh บุคลิกหรือตัวตนสินค้าใหม่ๆเพื่อแข่งกับคู่ต่อสู้ให้ตื่นตัวเสมอ ฯลฯ
ถ้าเป็นมุมมองผม(ส่วนตัวแบบติดตามข่าวสารในธุรกิจรถยนต์บ้าง)ขอวิเคราะห์(ส่วนตัวอีก)ว่าจะไมเนอร์จริงๆคือ ช่วงที่กำลังการผลิตอยู่ในระดับที่ Supply Chain มันนิ่งจริงๆกับ Demand ของตลาด(วางแผนการผลิตล่วงหน้าจนกระทั่งนิ่ง)
จากนั้น พอถึงช่วง(รู้ข่าว)คู่แข่งจะออกตัวใหม่ เช่น (สมมตินะสมมติแบบจริงๆ)โคโรลล่าโฉมใหม่(จริงๆไม่อิงนิยายเก่าเก็บแบบอัลติส) มิตซูบิชิแลนเซอร์ใหม่หุ่นบึ้กๆจมูกโตๆ ฯลฯ
กอปรกับช่วงเวลาออกตลาดก่อนเพื่อนมาเกือบจะ 2ปี(เปิดตัวพ.ย.2005กระทั่งใกล้ปลายปี2007) ทำให้บุคลิกสินค้า(Product Personality)เริ่มไม่สดใหม่ การไมเนอร์ก็ใกล้ๆช่วงนั้นแหละ
ปล. ผมวิเคราะห์เองอย่าเชื่อและ"ลองดู"นะครับ คนที่บอกได้ก็คนในวงการจริงๆอย่าง คุณ Jimmy นั่นแหละ
จากคุณ :
Alexantonio
- [
2 ส.ค. 49 14:54:44
]
|
|
|