ความคิดเห็นที่ 1 ผมอาจอธิบายสั้น หรือย่อไปหน่อย ไม่มีเวลาครับ แต่ถ้าใครยังงง หรือสงสัย ยินดีให้รายละเอียดเพิ่มเติม คราวหน้าครับ แหม...ว่าแต่... เซียนๆ ที่อยู่ในห้องนี้น่าจะช่วยอธิบายกันบ้างนะครับ เห็นคนเค้าเถียงกัน ว่ากันไปเรื่อยเปื่อย ไม่ยอมออกมาเคลียร์ จากคุณ : จขกท - [ 20 ก.ย. 49 13:24:37 A:58.10.155.146 X: TicketID:076491 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มันเป็นตามที่ท่าน เจ้าของกระทู้ว่ามานั่นแหละครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 20 ก.ย. 49 15:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ว่าตามข้อมูลต่างๆตาม spec ช่วง 0-170km/h Civic1.8 มีอัตราเร่งดีกว่า Mazda3 2.0 ช่วงเกิน 170km/h ไปแล้ว Mazda3 จะกลับมาดีกว่า topspeecd ของทั้งสองตัวนี้ อยู่ในระดับ 200km/h พอๆกัน Civic ใช้รอบระดับ 5500rpm Mazda3 ใช้รอบสูงระดับ 7000rpm เรื่องอัตราเร่ง 0-100km/h บางที่บอกว่า Civic เร็วกว่า บางที่บอกว่า Mazda3 ดี ตรงนี้อาจจะขึ้นอยู่กับวิธีทดสอบ,สภาพรถ และสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน อัตราเร่ง 80-120km/h  ที่ Civic แย่กว่า น่าจะเป็นเพราะที่ความเร็วระดับ 120km/h นั้นเป็นจุดเปลี่ยนเกียร์ของ Civic พอดี ตัวเลขความเร็วบนหน้าปัดของ Civic มันขึ้นช้ากว่าความเป็นจริงอยู่พอสมควร เท่าที่สังเกตุมาน่าจะอยู่ในระดับ 1 วินาที อีกทั้งตัวเลขแบบ digital มันจะตอบสนองต่อการอ่านของคนได้ไม่ดีเท่าแบบเข็ม แบบเข็ม   ถ้าเข็มกวาดเข้าหา 100km/h เราก็จะยึดตอนที่เข็มแตะ 100 พอดี ส่วนแบบ digital  เราต้องรอให้ตัวเลขมันเลย 100 km/h ขึ้นมาก่อนเราถึงจะยึดมัน ส่วนของ Tiida1.8 นั้น  ผมมองลำบากเหลือเกิน เพราะเครื่อง mr18 ตัวนี้ มีช่วง peak torque และ peak power ใกล้กันมาก มองภาพรวมๆแล้วก็เป็นรอง Civic อยู่ จากคุณ : ton99 - [ 20 ก.ย. 49 15:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คำนวน ช่วงแรงม้า  อัตราทดเกียร์ น้ำหนัก เป็นแรงขับต่อน้ำหนัก ใน แต่ละช่วงเกียร์ ช่วงความเร็ว ผลจากการคำนวน กับการทดลองจริง แทบจะสอดคล้องกันหมด ยกเว้นว่า รถนั้นต้านลมมากๆ อย่าง Vigo ยกสูง ก็ดีนะ ..ทำให้ผมรักคณิตศาสตร์ขึ้นมาอีกหน่อย จากคุณ : ถัง - [ 20 ก.ย. 49 18:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มันก็เกี่ยวกันทั้งคู่แหละ ทั้งอัตราทด และแรงม้า. . . . ก็แค่อยู่ที่จะเอาอะไรเป็นตัวแปร เกียร์เท่ากัน ม้าเยอะกว่าเร็วกว่า ม้าเท่ากัน เกียร์ต่างกัน ผลลัพธ์ะมันก็แปรตามเกียร์แทน จะบอกว่าไม่เกี่ยวโดยตรงก็ไม่ได้ อยู่ที่ต้องการเอาม้านั้นไปทำงานอะไร จะเอาไปทำอัตราเร่ง หรือ ความเร็ว ถ้าม้าน้อยก็เลือกได้อย่างไหนอย่างหนึ่ง . . . ม้าเยอะก็มีสิทธิได้ทั้งคู่ ม้าลงพื้นได้หมดทั้งนั้นแหละครับ อยุ่ที่เราจะเลือกมันไปทำอะไร จากคุณ : A-Z - [ 21 ก.ย. 49 01:18:19 A:203.113.35.10 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ A-Z ม้าไม่มีทางลงพื้นได้หมดครับ อันนี้ถ้าเราเข้าใจตรงกันในสมการตั้งต้น ที่ผมว่าม้าลงพื้นได้ไม่หมดหมายถึง การที่แรงม้าสูงสุดในแต่ละรอบเครื่อง ไม่สามารถออกมาใช้ได้เนื่องจากอัตราทดเกียร์ไม่สามารถสร้างแรงบิดที่ต้องการได้เพียงพอณ.จุดที่ล้อสัมผัสพื้นถนน สมมุติให้เห็นชัดๆ นะครับในเรื่องของความเร็วสูงสุดที่เกียร์สูงสุด หรือเกียร์ห้า ผมสามาถปรับอัตราทดให้เครื่องยนต์ที่มีแรงม้าน้อยกว่า มีความเร็วสูงสุดมากกว่าเครื่องยนต์ที่มีแรงม้ามากกว่าได้ ถ้าหากว่า อัตราทดเกียร์ห้าของเครื่องแรงม้าสูง ทดไว้ต่ำ และเครื่องยนต์ไม่สามารถไต่หารอบแรงม้าสูงสุด หรือรอบที่มีแรงม้ามากกว่าอีกเครื่องได้ เกียร์อัตราทดชิดกว่า จะได้ประโยชน์ในแง่อัตราเร่ง เพราะการส่งเกียร์แต่ละเกียร์ มีแรงบิด และ/หรือ แรงม้า เหลืออยู่มากกว่า ทั้งนี้ถ้าเป็นเครื่องตัวเดียวกัน แต่เวลาในการเปลี่ยนเกียร์ก็เป็นช่วงฟรีแรงทิ้งไป ซึ่ง เกียร์ซีวิค เปลี่ยนค่อนข้างช้า การมี ห้าเกียร์ และอัตราทดชิดกว่า อาจไม่ได้เปรียนในบางจังหวะเกียร์ คุณพุดถูกเรื่องว่าม้าลงพื้นได้หมด ถ้าหากว่า อัตราทดเกียร์ยังคงให้แรงบิดมากกว่าแรงต้านที่จุดล้อสัมผัสพื้น ซึ่งรถยนต์ส่วนใหญ่มักทดเกียร์มาให้เป็นเช่นนี้ ในการขับขี่ปกติ ยกเว้นเกียร์ห้า ซึ่งอาจเรียกกันว่า เกียร์ OVER-DRIVE ที่มันได้ชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่า มันทดไว้ต่ำจนเครื่องยนต์ไม่สามารถหมุนได้รอบแรงม้าสูงสุดในการขับขี่ปกติ จริงๆ แล้ว เกียร์ใดๆ ก็ตามที่รถยนต์ไม่สามารถเร่งถึงรอบแรงม้าสูงสุด ก็จะหมายถึงเกียร์ Over-Drive ได้ทั้งนั้นครับ ซึ่งการทดเกียร์ของรถบางรุ่นนั้น ทั้งเกียร์สี่ และห้า ก็เป็น Over-Drive ทั้งสิ้น หลายคนบอกว่า Over-Drive คืออัตราทดที่ต่ำกว่า 1 แต่ในความเป็นจริง เมื่อรวมเฟืองท้ายเข้าไป ยังไงอัตราทดก็ไม่มีทางต่ำกว่า 1 ครับ ทั้งนี้คงแล้วแต่ตำราว่าเอามาจากประเทศใหน หรือยอมรับกันตรงจุดไหน การ set รถเข้าแข่งขัน ควอเตอร์ไมล์ กับ แข่ง 0-100 จะมีอัตราทดเกียร์ไม่เท่ากัน รถที่ชนะ ควอเตอร์ไมล์ อาจ แพ้ในการแข่ง 0-100 เพราะควอเตอร์ไมล์รถต้องวิ่งเกือบถึงความเร็วสูงสุด แต่แข่ง 0-100 เราก็ทดเกียร์ให้ม้าสูงสุดมาที่ประมาณ 100 พอดี ซึ่งหลายๆ คนใช้แค่ประมาณเกียร์ 2 ซึ่งต้องมาเซ็ท เกียร์สองนี้ให้ดีๆ แต่ผมว่าคุณ A-Z น่าจะรู้ทุกอย่างที่ผมพูดดีอยู่แล้ว จากการที่ได้อ่านกระทู้ของคุณและอีกหลายๆ คนในนี้ มานานที่ผมเขียนเพิ่มเติม เผื่อว่า เราเข้าใจคำพูดที่อธิบายคนและประเด็น แล้วเวลาเห็นคนเค้าเถียงกันแบบผิดๆ คุณ A-Z ก็ออกมาเครียร์ให้บ้างซิครับ หรือว่าเบื่อแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ จากคุณ : ปลา - [ 21 ก.ย. 49 08:38:03 A:192.168.13.234 X:202.28.84.49 TicketID:076491 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สรุปให้สั้นๆ ในการเลือกเครื่องยนต์มาทำอัตราเร่ง >ให้ดูเครื่องยนต์ที่มีพื้นที่ใต้กราฟ ของแรงม้า หรือ แรงบิดที่มากที่สุด การเลือกเครื่องยนต์มาทำความเร็ว >ให้เลือกแรงม้าสูงสุด การเลือกเครื่องยนต์เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง (หรือเพื่อออกแบบรถประหยัดน้ำมัน) > ให้เลือกเครื่องยนต์ที่มีรอบจุดแรงบิดสูงสุดห่างๆ รอบแรงม้าสูงสุดเข้าไว้ (แรงบิดสูงสุดมาได้ในรอบต่ำ) ทั้งนี้เพราะว่า มันแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพทั้งรอบต่ำและรอบสูง จากคุณ : ปลา - [ 21 ก.ย. 49 08:49:25 A:192.168.13.234 X:202.28.84.49 TicketID:076491 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ก้อขอบคุณทุกท่านหล่ะครับ เป็นประโยชน์ดีครับ จากคุณ : yaosudyod - [ 21 ก.ย. 49 09:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก้อจับสามคันมาวิ่งแข่งกันเลยสิครับ สมการ ตัวเลข กระดาษ เครื่องคิดเลข (และขี้ปาก) ขอชมของจริงๆ ดีกว่าครับ พร้อมกันสามคันไปเลย จะได้ไม่มีใครครหา จากคุณ : KOK (mynamekok) - [ 21 ก.ย. 49 14:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รูปนี้สมมุตินะครับ สี่ดำ แรงม้า สีแดงแรงบิด มีรถสองคันแข่งกัน คันล่างแรงม้าแรงบิดน้อยกว่าคันบน แต่คันล่างสามารถเอาแรงม้าและแรงบิดมาใช้ได้ตั้งแต่ต้น ส่วนคันบนต้องขับไประยะหนึ่งถึงจะได้พลังเต็มที่ สายไปละ ......รถคันใดที่เรียกแรงบิดสูงๆมาได้ตั้งแต่เกียร์ต้นๆเช่น 1 ก็สามารถวิ่งแซงรถที่กว่าจะได้แรงบิดมาตอนปลายได้อยุ่แล้ว ไม่ต้องคิดไรมากมายหรอกครับ ปวดหัว พวกม้าเยอะเนี่ย รอบสูงทั้งนั้น จากคุณ : KOK (mynamekok) - [ 21 ก.ย. 49 14:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ของ Mazda3 2.0 กับ Civic1.8 at  แบบยังไม่คิด loss สีแดงสีฟ้า ใครเป็นใครคงเดากันได้ไม่ยาก จากคุณ : ton99 - [ 21 ก.ย. 49 15:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Mazda2.0  หารถมาลองยากจริงๆครับ ยากขนาดไหนลองคิดดู  ขนาด Alfa รถมีน้อยกว่าเยอะยังหามาลองกันได้ ยังไงก็ยังพยายามหากันอยู่ครับ จากคุณ : ton99 - [ 21 ก.ย. 49 15:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มันจะมีแง่นี้ด้วยไหม เครื่องสองเครื่องแรงบิดและม้า มาที่รอบเหมือนๆกัน ทดเกียร์ก็เท่ากัน รถก็หนักเท่าๆกัน แต่รถคันหนึ่งอาจวิ่งได้ดีกว่าพอสมควรเลยก็ได้ เนื่องจากปัจจัยเรื่อง ความรวดเร็วในการตอบสนองในการเพิ่มรอบเครื่องยนต์จากเช่นหนึ่งพัน เป็น สี่พันรอบ เวลาเหยียบคันเร่งสุด ซึ่งอันนี้อาจสืบเนื่องจากปัจจัยอื่นๆ(ผมก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ)เช่นระบบการกรองไอเสีย รูปทรงของห้องเผาไหม้ ช่องทางที่อากาศเข้ามาในเครื่องยนต์ กล่องอีซียู จังหวะของวาวไอดีไอเสีย ระบบการจุดระเบิด ฯลฯ ในแง่ของการวิเคราะห์อัตราเร่งผมยังไม่ค่อยเห็นใครให้ความเห็นในแง่นี้เลยซึ่งในแง่ทฤษฏีน่าจะมีผล อีกตัวอย่างที่อาจทำให้การดูแค่แรงม้าแรงบิด เกียร์และน้ำหนักรถอาจไม่พอคือตัวอย่างนี้หรือเปล่า นั่นคือบางทีรถในอนุกรมเดียวกันที่พัฒนาผ่านช่วงเวลามาจากเครื่องบลอกเดียวกันกับเกียร์ตัวเดียวกันที่ผมเห็น รุ่นใหม่ๆมีแรงม้าสูงสุดมากขึ้นมาก แต่พอจับตัวเลย0-100กับควอเตอร์ไมล์กลับ ได้เท่าๆตัวเก่าหรือบางทีช้ากว่าด้วยซ้ำ บางคนบอกว่าเป็นเพราะต้องให้ไอเสียผ่านeuro3เป็นต้น ทำให้ณ รอบเท่ากัน อาจแรงตกลง แต่แรงม้าสูงสุดของรุ่นใหม่ สูงกว่าเดิมเยอะเนื่องจากเทคโนโลยีทำให้เครื่องหมุนที่รอบได้สูงขึ้นจึงได้ม้ามากขึ้นโดยปริยาย อย่างจากตัวอย่างระหว่าง holden vn ปี1988 กับvyปี2002 ที่แรงม้ามากขึ้นประมาณสามสิบกิโลวัตต์ แต่กลับ0-100กับควอเตอร์ไมล์ แพ้ตัวเก่านี่จะอธิบายยังไงหว่า (http://www.southgate.com.au/history.htm) ผมไม่ได้เรียนจบวิศวะนะ อันใหนคิดว่าผิดก็ให้ความรู้ด้วยจะขอบคุณมาก จากคุณ : morris (morris) - [ 21 ก.ย. 49 21:23:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รุ่นใหม่มันหนักกว่าหรือเปล่าครับ อัตราทดเกียร์ของทั้งสองรุ่นเป็นยังไง  พอทราบไหมครับ link ที่ให้มาผมเข้าไปดูแล้วมัน 404 จากคุณ : ton99 - [ 21 ก.ย. 49 21:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 http://www.southgate.com.au/history.htm แก้แล้วครับ วงเล็บอันหลังมันดันติดไปด้วย อืมหลังจากที่ลองหาน้ำหนัก VN ดูตามที่คุณต้นว่า(ตอนแรกคิดว่ารุ่นใหม่ไม่น่าจะหนักขึ้น) กลายเป็นว่า VN หนัก1320kgเอง เบากว่าVY ซึ่งหนัก1560kg (เจอที่ http://home.paradise.net.nz/richa306/holdenspecs.html แต่อย่างไรก็ดีผมลองหา kg/kw ดู VNแบกอยู่10.56 kgต่อkw ก็ยังหนักกว่า VY ซึ่งแบกอยู่10.26kgต่อkw อยู่ดีนะ จากคุณ : morris (morris) - [ 21 ก.ย. 49 22:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 weight ratio ใกล้กันแบบนี้  แถม cc เท่ากันด้วย คันเบากว่าน่าจะได้เปรียบ  เพราะพอเดาได้ว่าเครื่องที่แรงน้อยกว่า กราฟแรงม้าแรงบิด จะมีช่วงกว้างกว่า ถ้าทดเกียร์เท่ากัน  คันแรงน้อยกว่ามีสิทธิ์ที่จะได้เปรียบ แต่ถ้าวิ่งกันยาวๆ  คันที่เครื่องแรงกว่าจะกิน topspeed คันที่เครื่องแรงกว่าก็จะได้สูงกว่า จากคุณ : ton99 - [ 21 ก.ย. 49 22:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 @ 6 & 7 . . .ผมบอกแล้วไงครับ . . . ว่าคำว่าม้าลงพื้น มันอยู่ที่จะเอาม้านั้นไปทำอะไร แรงม้าไม่ได้มีหน้าที่เอาไปทำความเร็วสูงสุดอย่างเดียวหนิครับ . . . วิ่ง 1/4 ไมล์ ไม่ได้เข้าเส้นที่ความเร็วสูงสุด แล้วม้าใช้หมดทุกเกียร์ไหมครับ ม้าก็ลงพื้นหมดเพราะเอาม้าไว้ทำอัตราเร่ง . . . ทั้งที่ถ้าต้องการจะไป Optimize ทำความเร็วสูงสุด ม้าจำนวนนี้ก็ไปเปลี่ยนเป้นความเร็วแทนได้อีกเยอะใช่ไหมครับ การพูดว่า รถไม่สามารถใช้ม้าไปทำความเร็วสูงสุดได้ แปลว่าเอาม้าลงพื้นไม่หมด . . . มันดูจะกำกวมไปหน่อยอะครับ เอาไปทำอัตราเร่งแทน มันก็ลงพื้นหมดเหมือนกัน ใช้ม้าให้เกิดประโยชน์เหมือนกัน อย่าไปสนคำว่าแรงม้าสูงสุดที่ตรงไหนครับ . . . . Top Speed ไม่ได้จำเป็นที่จะได้ที่รอบแรงม้าสูงสุดครับ และคำว่า Over Drive . . ก็เช่นกันคือไม่ต้องสนเรื่องแรงม้าสูงสุด สนที่รอบสูงสุดที่เครื่องทำได้ครับ Over Drive ไม่มีตำราไหนบอกว่าต้องอยู่ตรงไหนครับ ที่บอกว่าต่ำกว่า 1 เรียก Overdrive มันเป็นความเข้าใจผิดสะสมที่บอกต่อๆกันมา . . . ตนบอกไม่รู้เรื่อง บอกผิดๆ คนจำก็จำกันผิดๆ จนคิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูก เฟืองท้าย ทดต่ำกว่า 1 เจอเฟืองท้าย 3.5 เป็น Overdrive . . เปลี่ยนเฟืองท้าย 4.5 เข้าไปดูซิ มันจะ Overdrive ไหม (จริงๆการเรียกต่ำกว่า 1 ว่า OverDrive ถ้ามองที่ Speed เพลากลางเร็วกว่าเครื่องหมุน มันก็เกือบจริง . . . ถ้ามองเป็น Output ของเกียร์ทดอื่นๆอาจจะใช่ แต่ถ้าบนรถ Output มันไม่ได้จบแค่เกียร์ มันยังมีเฟืองท้ายอีก มันต้องมองที่ Overall Ration มากกว่า) ผมเข้าใจครับ ว่าคุณจะพูดอะไร . . . แต่ที่คุณพูดมันยังมีจุดคลุมเครืออยู่หลายจุดเลย ในความหมายของรถยนต์ . . . จะทดเท่าไรไม่ต้องสน . . สนที่เกียร์นั้นไต่ไปหารอบสุงสุดได้ไหม (. รอบสูงสุดนะครับ . . . ไม่ใช่ รอบที่ให้ม้าสูงสุด . . ) ม้าสูงสุดที่ 6 พัน แต่เครื่องไต่ไปได้ถึง 8000 . . . ถ้าเกียร์ 4 คุณหมุนได้ 8000 ได้ความเร็ว 200 . . แต่พอลงเกียร์ 5 หมุนได้ 6 พัน ซึ่งได้แรงม้าสูงสุด แต่ความเร็วเหลือ 190 . . . แบบนี้ก็ Overdrive ครับ แม้จะไต่ไปหารอบแรงม้าสูงสุดได้ มองเรื่อง Top Speed . . . ดังนั้นคำว่าม้าลงพื้นไม่หมด เพราะไม่ได้ Top Speed ก้ไม่จริงเสมอไปครับ ( คือ มันผิดแค่ตรงที่ไปใช้คำว่า ม้าลงพื้น หมายถึงความเร็วสูงสุดครับ) Weight / HP . . . ไม่ใช่ Factor ที่บอกว่ารถจะมีปัญญาทำ Top Speed ไหม . . . เอา Top Speed ม้ามันไม่ได้ไปสู้กับน้ำหนักอย่างเดียวครับ . . มันไปสู้แรงต้านอากาศอีกเยอะๆด้วย Weight Ratio เขาเอาไว้มองเรื่องอัตราเร่ง ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดครับ เกียร์ทำหน้าที่เป็น Torque Multiplier . . . แรงบิดที่ล้อ มากกว่าแรงบิดที่เครื่องให้มาเสมอ แม้จะทดมาต่ำกว่า 1 เพราะยังเหลือเฟืองท้าย เป็นตัวคูณอยู่ . . . มันอยู่ที่แรงบิดรวมที่มันสร้างขึ้นมามันสู้แรงต้านอากาศไหวไหม รอบที่แรงม้าสูงสุด ไม่ได้หมายความว่า พอเลยรอบนั้น ม้าจะหัวทิ่มทันที . . . บางเครื่องมันเลยไปอีกเป็น 1-2 พันรอบ ก็ยังมีม้าอยู่ในระดับ 80-90% ของรอบที่ได้ Peak HP . . . ซึ่งก็เหลือเฟือที่จะสร้างอัตราเร่งหรือ Top Speed โดยที่ไม่ได้ใช้ Peak HP ผมจึงไม่ค่อยสนเรื่อง Peak HP ครับ . . . Peak HP บอกอะไรไม่ค่อยได้ . . . แต่รูปร่างกราฟสำคัญกว่า ผมจึงไม่ค่อบชอบคำสรุปที่ว่า แรงม้าสูงสุด มากกว่าจะได้ Top Speed ที่มากกว่า . . . รถคันเดียวกัน แรงต้านอากาศเท่ากัน . . . แต่ใช้เครื่อง 2 เครื่องที่มี Charactor ต่างกัน ทั้งๆที่ได้ Peak Hp เท่าๆกัน . . ก็ไม่จำเป้นจะต้องทำ Top Speed ได้เท่ากันครับ เครื่องที่พื้นที่ใต้ท้องกว้าง พื้นที่มาก แม้จะได้ Peak HP เท่ากัน . . . แต่เครื่องที่ท้องกว้างมีแนวโน้มที่จะรักษาระดับแรงบิดเมื่อเลยช่วงพ้นรอบที่ได้ Peak Hp ไปแล้วได้ดีกว่า . . . มีแนวโน้มที่จะทำ Top Speed ได้สูงกว่า เพราะม้าเลย Peak ไปแล้วยังมีมากกว่า ดังนั้นน่าจะพูดว่า "เครื่องที่มี Hp Area มากกว่า มีความเร็วสูงสุดมากกว่า" . . . แทนคำว่า "การใช้แรงม้าสูงสุด เพื่อทำความเร็วสูงสุด" เพราะพุดแบบนี้มันพูดแค่ Peak HP เท่านั้น . . . Peak HP บอกอะไรไม่ค่อยได้หรอกครับ เกียร์ทดชิดก็ไม่จำเป็นที่จะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าเสมอไปครับ มันอยู่ที่เกียร์นั้น ทดแล้วใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใต้ท้องกราฟแรงบิดได้ดีกว่า . . . ถ้าทดแล้วชิดกว่าจริง แต่เจอเครื่อง Flat Torque พื้นที่กว้างๆ แต่ดันไปทดซะชิด ไม่ยอมใช้ประโยชน์ของแรงบิด . . แบบนี้ก็ ทดชิดเสียประโยชน์ครับ อัตราเร่งห่วยกว่าได้ เสียเวลาเปลี่ยนเกียร์เปล่าๆเพราะขณะเปลี่ยนเกียร์ รถไม่มีอัตรเร่ง ไม่มีทางที่จะมี G+ ปล. ผมไม่ได้จะเถียงกับคุณปลานะครับ ที่กล่าวไปมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห้นด้วย . . . ที่เขียนไปหลายๆอย่าง คณปลาก็คงทราบหลายๆเรื่องดีแล้วเช่นกัน . . . ถือว่าเป็นการขยายความเผื่อท่านอื่นๆนะครับ จากคุณ : A-Z - [ 22 ก.ย. 49 01:49:04 A:203.113.34.11 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 18 @13 การที่เครื่องขึ้นเร็วกว่า แม้จะมีม้าและแรงบิดมาที่รอบเดียวกัน . . ก็หมายความว่าเครื่องนั้นมีแรงบิดใต้ท้องกราฟดีกว่า อย่างที่บอกไว้ในความเห็นข้างต้นอะครับ ว่าตัวเลข 2 ตัวบอกอะไรแบบเป็นข้อสรุปใม่ได้ ผมจึงบอกให้สนรูปร่างความเป็นมาของการมาของแรงบิด แรงม้าว่ามันมาแบบไหน ซึ่งมันก็จะแปลงออกมาเป็นพื้นที่ใต้ท้องกราฟ มากกว่าที่จะมองแค่ ตัวเลข Peak แล้วมาฟันธงว่ามันจะออกมาแบบไปไหน . . . Area สำคัญกว่า Peak มากครับ . . . ตัวเลข Peak น้อยกว่า แต่ Area มากกว่า ก็มักจะเร็วกว่าครับ . . . . โดยส่วนตัว ผมจึงไม่ค่อยสนใจตัวเลขแค่ 2 ตัวเท่าไรครับ ถ้าไม่มีกราฟมาบอก มีแค่ตัวเลข Peak 2 ตัว แล้วบอกอะไรได้หมด . . . ใครบอกได้ก็โคตรเซียนเกินไปครับ ในรถเกียร์ Auto แม้มีอัตราทดเกียร์ก็บอกไม่ได้อีกว่าคันไหนเร็วกว่า แม้จะเครื่องเหมือนๆกัน . . . อยู่ที่เขาออกแบบระบบการจับการเปลี่ยนเกียร์แบบไหน . . . ขณะเปลี่ยนเกียร์รถไม่มีอัตราเร่ง . . . บางเกียร์ออกแบบมานุ่มนวลกว่า ค่อยๆจับ ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เยอะ กับอีกคันเปลี่ยนเร็วแต่กระชาก . . . ทุกอย่างเหมือนกัน เครื่องเหมือนกัน ทดเกียร์เหมือนกัน แต่เปลี่ยนไม่เหมือนกัน . .. เวลาออกมาก็ไม่เท่ากันครับ การเปลี่ยนเกียร์ Auto ก็เหมือนขับเกียร์ M แต่ใช้คนขับต่างกันอะครับ . . . ทุกอย่างเหมือนกัน คนเปลี่ยนเกียร์เร็วย่อมได้เวลาที่ดีกว่า ทั้งๆที่อัตราเร่งขณะเข้าเกียร์เท่ากันทั้ง 2 คัน ในรถ Auto จึงบอกยากกว่า แม้จะดูอัตรทด แรงม้าแรงบิดแล้ว . . . ความว่องไวในการเปลี่ยนเกียร์ก็ทำให้ตัวเลขต่างกันได้เยอะ แม้ความรู้สึกของคนขับตอนกดคันเร่งจะดึงเท่าๆกัน กดคันเร่งคันดึงน้อยกว่า . . แต่ดันมีระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่เร็ว ก็อาจได้เวลาในกระดาษที่เอามาโชว์กันสูสีกับอีกคันก็ได้ทั้งๆที่เวลาขับ กดคันเร่งแล้วดึงสู้ไม่ได้ มันส์ไม่เท่า เห็นตัวเลข 0-100 เท่ากัน หรือ 1/4 ไมล์เท่ากัน . . . ก็อย่าคิดว่าเวลากดคันเร่งแล้วจะได้ความมันส์จากการดึงเท่าๆกัน จากคุณ : A-Z - [ 22 ก.ย. 49 01:57:53 A:203.113.35.12 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พักหลังๆ  ผมดูว่ารถเกียร์ at ถ้าคนไปคอยเปลี่ยนเกียร์เอง จะทำเวลาจะได้แย่กว่า ให้เกียร์มันเปลี่ยนของมันเอง เรื่อง overdrive  เริ่มสงสัยเพิ่มขึ้นแล้วละครับ  ว่าเขายึดอะไรเป็นหลักกันแน่ ไต่ได้ถึงรอบแรงม้าสูงสุด   ไต่ได้ถึงรอบสูงสุด  ไต่ได้ถึง topspeed ผมเคยอ่านตำรามา  เขาว่าไว้แบบนี้ เดิมทีอัตราทดเกียร์สุดท้ายจะเป็น 1 ส่วนเฟืองท้ายเป็นยังไงไม่รู้ รายละเอียดผมก็จำไม่ได้ด้วยว่า  รอบเครื่องสามารถไต่ไปได้ถึงที่ไหน แรงม้าสูงสุด  รอบสูงสุด  หรือ topspeed แต่คิดว่ารอบมันไม่น่าต่ำกว่ารอบแรงม้าสูงสุด หลังจากนั้นถึงใส่เกียร์สุดท้ายเพิ่มมาอีก  เพื่อลดรอบเครื่อง เกียร์สุดท้ายนี้ อัตราทดต่ำกว่า 1 แน่ๆ เพราะว่าเกียร์ก่อนหน้านี้มันเป็น 1 ตรงละมั้งครับเลยเป็นที่มาให้หลายคนเข้าใจว่า overdrive อัตราทดต้องต่ำกว่า 1 แต่ความคิดแบบนี้เอามาใช้กับ Honda ไม่ได้ เพราะ Honda ชอบทดเกียร์บนสุดสองอันไว้ต่ำกว่า 1 อย่าง Civic2.0 ทดเกียร์ 4 เอาไว้ 0.773  เกียร์ 5 ลงไป 0.566 เกียร์ 4 สามารถลากผ่านรอบแรงม้าสูงสุดได้  และ topspeed ก็อยู่ที่เกียร์4 นี้ จากคุณ : ton99 - [ 22 ก.ย. 49 11:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้านับตามภาษาเกียร์ทดทั่วไป . . คำว่า Overdrive หมายความถึงรอบ Output > Input ณ. ยุคโบราณรถมี 4 เกียร์และทด 1 แทบจะเป็นมาตรฐานทุกรุ่น ก็เหมือนทดตรงเมื่อมองที่เพลากลาง . . พอมีทดต่ำ 1 เพลากลางหมุนเร็วกว่า . . . ถ้าทุกอย่างจบที่เพลากลางก็ Overdrive จริง . . . แต่รถยนต์มันดันมีเฟืองท้ายอีกตัว ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของอัตราทดรวม เพลากลางจะหมุน Overdrive ไปยังไง อัตราทดรวมที่เพลาขับมันก็ไม่มีทางที่จะ Overdrive ได้ . . . คืดมองยังไง มันก้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมองความเร็วเพลากลางมาเรียกว่า Overdrive "ผมเข้าใจว่า" . . . ณ. ยุค 4 เกียร์ เครื่องก็ยังไม่ค่อยแรงและฉลาดยังไงความเร็วสูงสุด มันก็ต้องได้ที่เกียร์ 4 (ณ ตอนนั้นคงไม่มีรถไหนทำเกียร์ 3 ได้เร็วกว่าเกียร์ 4) . . . แต่พอมีเกียร์ 5 กำลังเครื่องน้อยๆ มันก็ไต่ไปสูงสุดไม่ได้ ก็คงเกิดคำว่า Overdrive ขึ้นมา เพราะเพลากลางมันดันหมุนเร็วกว่า และดันทำความเร็วสูงสุดไม่ได้ . . . คำว่า Overdrive ในรถยนต์มันก็เลยน่าจะหมายถึง การทำความเร็วสูงสุด เป็นการพูดเหมารวมไปเลย เพราะมันดันเกิดมา ตอนทดด่ำ 1 แต่เครื่องสมัยใหม่แรงเยอะๆ การทดต่ำ1 แล้วยังทำความเร็วสูงสุดได้ ก็ชักจะเรียก Overdrive ไม่ได้แล้ว กำลังเครื่องชักเหลือ ก็ต้องไปทดให้ต่ำลงไปอีก จนเกิดเป้นเกียร์ 4 ทดต่ำ 1 เพื่อกด 5 ลงไปอีก หรือไม่ก็เริ่มเกิดเกียร์ 6 ขึ้นมาซะเลย . . . . ทีนี้จะเรียกแค่ต่ำ 1 ว่า Overdrive ก็ชักไม่ได้แล้ว ยิ่งเจอพวก Big Block CC เยอะๆ แรงบิดเหลือๆ Peak HP มาตั้งแต่รอบไม่สูงแต่รอบยังไปได้อีกเยอะ เกียร์สุดท้ายก็สามารถผ่านรอบแรงม้าได้ไม่ยาก แต่อาจไต่ไปรอบสูงสุดไม่ได้ คำว่า Overdrive น่าจะพิสูจน์ได้จากเกียร์ Auto ซึ่งเดี๋ยวนี้ เกียร์รองสุดท้ายก็ชักจะเริ่มต่ำ 1 กันแล้ว . . . แต่ปุ่ม O/D Off แต่ก็ปลดแค่เกียร์สุดท้ายอยู่ดี . . . เกียร์ก่อนนั้นก็ต่ำ 1 แต่ไม่ปลด . . . ก็แสดงวา OD ควรหมายถึง เกียร์ที่ไม่สามรถทำ top Speed ได้ เมื่อก่อนผมใช้ 3TG ทุกเกียร์ลง 7000 รอบได้ ยันเกียร์สุดท้ายใช้เฟืองท้าย 4.1 ก็ยังลง 7000 รอบได้ จะทำ OD ผมต้องลดเฟืองท้ายลงเหลือ 3.7 รอบจึงลงไปเหลือ 6 พันนิดๆ . . . แต่ไม่เคยคำนวนเป็นความเร็วเหมือนกัน ว่าระหว่าง 4.1@7000 กับ 3.7@6200 ลูกไหนเร็วกว่ากัน ผมเห้นด้วยว่าเดี๋ยวนี้เกียร์ออโต้เปลี่ยนเกียร์เองเร็วกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก เกียร์ไม่ใหม่นักเมื่อก่อนลากมิด ตอนจะเปลี่ยนเกียร์เหมือนหยุดหายใจเฮือกนึงก่อนจะเปลี่ยน . . . แต่เดี๋ยวนี้อาการนี้น้อยลงเยอะ ต่อเนื่องขึ้นเยอะ เกียร์ฉลาดขึ้นเยอะ กล่องเดี๋ยวนี้ฉลาด เก่ง คิดไวขึ้นมาก . . . การเปลี่ยนเกียร์เองเลยสูสีหรือแม้แต่จะช้ากว่าให้เกียร์คิดให้เอง . . . เกียร์คิดให้เองน่าจะคำนวนล่วงหน้าได้ว่าต้องเตรียมอะไรเพื่อรับจังหวะเปลี่ยนเกียร์นั้น จะลดไฟ ลดรอบเตรียมปลดคลัทช์ข้ามเกียร์ เตรียมรู้ตัวล่วงหน้าเมื่อถึงจุดเปลี่ยน . . ขณะที่เปลี่ยนเอง ต้องรอรับคำสั่งจากคนขับว่าเมื่อไรจะตัดสินใจเปลี่ยน พอรับสัญญาณเปลี่ยนจึงเริ่มปรับเครื่องให้เหมาะสมกับเงื่อนไขการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งอาจเสียเวลาไปอีกนิด. . . ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่เกียร์สมัยใหม่ เร็วสู้การเปลี่ยนเกียร์เองได้ ผมเคยไปอ่านรีวิวที่คุณจิมมี่ทดสอบ Civic 1.8 vs 2.0 ยังแปลกใจอยู่หน่อยๆว่าที่ความเร็วนึงรู้สึกจะ 80 ใช้รอบเท่าๆกัน แต่พอความเร็วสูงขึ้นไป ทำไมคันใช้รอบต่างกันขึ้นไปเรื่อยๆ มันควรจะขึ้นคู่กันไปที่รอบเหมือๆนกันไปเรื่อยๆ . . . นอกจากว่าที่ 80 Lock up ยังไม่จับ แล้วเกิด Slip ใน TCไม่เท่ากัน รอบบางช่วงถึงเท่ากัน แต่พอ TC จับแล้ว เกียร์ต่อตรง จึงค่อยใช้รอบต่างกันจากอัตราทด ใครใช้ 1.8 2.0 ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยซิครับว่า Lockup มันจับที่ความเร็วเท่าไร จากคุณ : A-Z - [ 23 ก.ย. 49 00:51:07 A:203.113.35.7 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เกียร์ at รุ่นใหม่ๆ  เหมือนว่าเขาจะเลิกใช้คำว่า O/D กันแล้ว พวก Honda นี่ก็ใช้ D3 มานานแล้ว  สงสัยจะเลี่ยงๆคำว่า O/D ด้วยเพราะอัตราทด D3 ก็ต่ำกว่า 1   Toyota ก็เพิ่งเลิกไปใน camry ใช้เป็นตัวเลขแทน Civic รุ่นใหม่นี้  ทั้ง 1.8 และ 2.0 ผมมีความรู้สึกว่า lock up มันจับทุกเกียร์เลย เกียร์ 3 4 5 จะชัดมาก  พอเปลี่ยนเกียร์ขึ้นรอบจะตกลงมาตามปกติ และก็จะตกลงมาอีกนิดอีกทีนึง  เหมือน lock up ทำงาน ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องที่คุณ A-Z แปลกใจนะครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่รอบเครื่องของตัว 1.8 กับ 2.0 ที่ต่างกัน ตัว 2.0 จะทดเกียร์มาจัดกว่าตัว 1.8 ช่วง 80km/h  มันใช้รอบเครื่องต่ำมาก  ราวๆ 1500rpm  ทั้งคู่ แต่จริงๆแล้วตัว 2.0 มันใช้รอบสูงกว่านิดๆ  แต่เวลาอ่านด้วยตามันจะดูไม่ค่อยต่าง พอรอบสูงขึ้นความต่างมันถึงชัดเจนขึ้น  เวลาอ่านก็เลยแยกแยะได้ จากคุณ : ton99 - [ 23 ก.ย. 49 01:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 civic 1.8 topspeed อยู่ที่เกียร์ 4  แต่รอบไม่ถึงรอบแรงม้าสูงสุด civic 2.0 topspeed อยู่ที่เกียร์ 4 เช่นกัน  แต่รอบเลยรอบแรงม้าสูงสุดไปแล้ว จากคุณ : ton99 - [ 23 ก.ย. 49 01:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณข้อมูลครับ เกียร์ Honda รู้สึกจะไม่เคยใช้คำว่า OD Off เลยด้วยมั้งครับ ผมมี Honda AT คันแรกก็ Accord หน้าแหลมซัก 20 ปีได้แล้วมังครับ ตอนนั้นมันก็ใช้ตำว่า D3 แล้ว . . . เลยเดาเอาว่าเป็น Honda Style มาแต่ดั้งเดิม เรื่อง Lockup 3 4 5 เดี๋ยวจะลองไปสังเกตุดู Accord 2.4 ดูหน่อยว่ามันตกแบบนี้ไหม ใช้ๆไปไม่เคยสังเกตุเลย . . . มันน่าจะเกียร์ลูกเดียวกันกับ Civic2.0 อัตราทดอาจจะต่าง แต่ระบบคุมน่าจะเหมือนๆกัน จากคุณ : A-Z - [ 23 ก.ย. 49 08:00:41 A:203.113.35.9 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แลกเปลี่ยนความรู้ด้วยคนครับ เสริมประเด็นการออกแบบ/จูน/ขับเพื่อให้ได้อัตราเร่งสูงสุดสามารถดูจากพื้นที่ใต้กราฟของแรงม้าหรือแรงบิด เพื่อให้เห็นภาพลองดูตัวอย่างกราฟแรงม้าในแต่ละเกียร์ จากคุณ : akeb - [ 23 ก.ย. 49 17:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 และกราฟแรงบิด(หลังจากผ่านเกียร์) จากคุณ : akeb - [ 23 ก.ย. 49 17:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ซึ่งสามารถใช้ได้ผลลัพธ์เดียวกันทั้งคู่ แต่สังเกตุว่ากราฟค่าแรงบิดจะมีขนาดแปรผันตามอัตราทดเกียร์ ในขณะที่ขนาดของค่าแรงม้าไม่ได้แปรผันกับอัตราทดเกียร์เพียงแต่ถูกกระจายตามความเร็วต่างกันในแต่ละเกียร์ จะเห็นว่ากราฟแรงม้าสามารถนำไปใช้ในการออกแบบ/จูน/เปรียบเทียบได้ง่ายกว่าในทางปฏิบัติ จากคุณ : akeb - [ 23 ก.ย. 49 17:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตัวอย่างการนำกราฟแรงม้าไปใช้ หาจุดการเปลี่ยนเกียร์เพื่อให้ได้อัตราเร่งสูงสุด ใช้หลักให้พื้นที่ใต้กราฟสูงสุด จุดที่ควรเปลี่ยนเกียร์ตามทฤษฎีก็คือจุดที่เส้นแรงม้าของเกียร์ของตัดกัน เช่น จุดที่ควรเปลี่ยนจากเกียร์1เป็นเกียร์2คือจุดที่เส้นhp1 ตัดกับเส้นhp2 (ประมาณที่55km/h) ในทางปฏิบัติต้องดูว่ารอบเครื่องที่จุดนั้นอาจเกินค่ากำหนดรอบสูงสุดของเครื่องได้ สังเกตุได้ว่ารถส่วนใหญ่ก็จะมีขีดจำกัดของรอบเครื่อง(redline)สูงกว่ารอบที่ให้แรงม้าสูงสุดอยู่บ้างเพื่อเหตุผลนี้ สังเกตุอีกข้อว่ารอบเครื่องที่ควรเปลี่ยนจากเกีบร์1ไปเกียร์2ไม่เท่ากับจุดเปลี่ยนเกียร์2-3(ต่ำกว่าเล็กน้อย)... จุดเปลี่ยนเกียร์ของเกียร์autoก็อาจจะไม่ใช่จุดตัดของแรงม้าก็ได้ขึ้นอยู่กับการออกแบบ ส่วนใหญ่รถที่มี sport mode หรือpower mode ก็จะเปลี่ยนเกียร์ใกล้เคียงกับจุดตัดนี้ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 49 09:07:56 จากคุณ : akeb - [ 23 ก.ย. 49 18:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ปัจจัยหลักๆที่มีผลต่ออัตราเร่งสูงสุดของรถตามที่ได้อธิบายกันไว้แล้วก็จะมีแรงม้าสูงสุด,ความป้านของกราฟแรงม้า(power band),น้ำหนักรถ(แปรผกผัน),อัตราทดเกียร์/เฟืองท้ายที่สัมพันธ์กับกราฟแรงม้าของเครื่องเพื่อสามารถส่งแรงม้าสู่ล้ออย่างต่อเนื่องที่สุด,การเปลี่ยนเกียร์ที่ตำแหน่งที่ดีที่สุด,การส่งแรงม้าจากล้อลงสู่พื้น(driveline(FWD/RWD/AWD) & traction),แรงต้านทานต่างๆ(แปรผกผัน) จากคุณ : akeb - [ 23 ก.ย. 49 18:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 29 การออกแบบเกี่ยวกับความเร็วสูงสุด ก็สามารถใช้กราฟแรงม้าโดยหาจุดตัดระหว่างเส้นแรงม้ากับเส้นแรงต้านทาน ในรูปเป็นตัวอย่างการออกแบบเพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดที่เกียร์5 (~180 km/h) จากคุณ : akeb - [ 23 ก.ย. 49 19:23:20 ]