ความคิดเห็นที่ 1 ****น้ำอัดลมทำอะไรได้บ้าง นอกจากอร่อย...**** น้ำอัดลมที่ดื่มแล้วรู้สึกเอร็ดอร่อยซาบซ่าถึงใจและแก้กระหาย ยังมีประโยชน์นอกเหนือจากเป็นเครื่องดื่มดับร้อน เช่น -  ใช้น้ำอัดลม 1 กระป๋องเทลงในโถส้วมทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง แล้วกดชักโครก กรดซิตริกในเคื่องดื่มจะช่วยชะล้างคราบสกปรกในโถส้วมได้อย่างหมดจด -  ใช้เป็นน้ำยาขัดสนิมที่ล้อแมกซ์ หรือพวกโครเมี่ยมต่างๆได้เป็นอย่างดี -  ใช้ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ที่มีคราบกรดเกลือเกาะขาวๆ ให้เทน้ำอัดลมลงไปฟองฟู่ๆของมันจะช่วยกัดคราบขาวๆออกได้หมด -  ถ้าจุกขวดพลาสติกแน่นเปิดไม่ออก ให้เอาผ้าชุบน้ำอัดลมแล้วหุ้มที่ฝาไว้ 3-5 นาทีก็จะสามารถเปิดจุกขวดได้โดยง่าย -  ถ้าต้องการล้างคราบไขมันออกจากเสื้อให้ใช้น้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องผสมกับผงซักฟอกแล้วซักตามปกติคราบไขมันก็จะหายเกลี้ยง -  เอาน้ำอัดลมผสมในน้ำยาล้างกระจกรถยนต์ ฟอสฟอริคแอซิดในเครื่องดื่มจะช่วยทำความสะอาดกระจกให้ใสปิ้ง -  ช่วยล้างครบเลือดต่างๆออกโดยง่าย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ****อยากให้เทอร์โบอยู่ทน ต้อง....**** ต้องปรนนิบัติดูแลและใช้งานอย่างถูกต้อง เช่น -  หมั่นตรวจทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองอยู่เสมอ - อย่าใช้ไส้กรองอากาศของปลอมหรือที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน เพราะหากอากาศผ่านกรองที่ไม่สามารถกรองอะไรได้มาก   จะมีฝุ่นผงเล็ดลอดเข้าไปหาเทอร์โบทำให้เสียหายได้ -  หมั่นตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม กรองน้ำมันเคื่องและท่อทางเดินต้องไม่มีการอุดตันเป็นอุปสรรคไม่ให้น้ำมันเครื่องขึ้นไปหล่อเลี้ยงเทอร์โบได้สะดวก [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ***ไฟ  ABS ชอบโชว์**** ระบบเอบีเอสในรถสมัยนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว แต่มันจะไม่ธรรมดาตรงที่ไฟสัญญาณเตือนของระบบเอบีเอส ที่โชว์ขึ้นมาที่แผงหน้าปัด อันแสดงให้เห็นว่ากำลังมีสิ่งผิดปกติในระบบนั่นเอง เพื่อป้องกันการเสียเงินก้อนโตโดยไม่รู้เรื่องราวอะไร ให้ลองใช้จุดสังเกตต่อไปนี้ อันดับแรกพิจารณาหน่อยว่า การติดของไฟเอบีเอสนั้นเป็นแบบไหน ซึ่งทั่วๆไปจะมีอยู่ 2 แบบคือ 1. ช่วงสตาร์ทเครื่องยนต์ จะไม่มีปัญหาอะไร ไฟทุจุดโชว์ขึ้นตามปกติ พอเครื่องยนต์ทำงานไฟต่างๆจะดับลงรวมทั้งไฟเตือนเอบีเอส แต่พอขับรถออกไประยะหนึ่งไฟเตือนเอบีเอสจะโชว์ขึ้น บางที่อาจจะเกิดเพราะมีการรั่วซึมในตัวจ่ายแรงดันน้ำมันเบรก 2. ไฟเตือนเอบีเอสโชว์ตั้งแต่เริ่มสตาร์ทจนเครื่องยนต์ทำงานแล้ว ไฟเตือนต่างๆดับลงแต่ไฟเตือนเอบีเอสไม่ยอมดับลงไปด้วย ตอนขับใช้งานไฟเตือนอาจจะดับไปเองหรืออาจจะติดอยู่ตลอดเวลา  แบบนี้มีสาเหตุจากหลายประการคารตรวจเช็คจากจุดที่จะทำให้คุณเสียเงินน้อยที่สุด เช่น อาจจะเป็นเพราะตัวเซนเซอร์เอบีเอส สกปรก สายไฟหลุดหลวมหรือระยะห่างระหว่างเซนเซอร์กับเฟืองที่ล้อไม่ถูกต้อง แค่เข้าศูนย์ทำความสะอาดหรือปรับระยะตั้งใหม่ก็โอเค หรือนอกนั้นก็อาจจะเป็นการรั่วของระบบเบรก หรือรถบางรุ่นแค่ระดับน้ำมันเบรกต่ำกว่าระดับมาตรฐานไฟเตือนเอบีเอสก็โชว์แล้ว ที่หนักที่สุดคีอ ปัญหากล่องสมองเอบีเอสเสีย ซึ่งเป็นไปได้เหมือนกันแต่โอกาสน้อย [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ****คุณรู้จักเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนมากแค่ไหน**** ตัวเลข 13 ตัวที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชน สมมุติ 1-2345-67890-12-3 มีทั้งหมด 5 ชุดแยกเป็นดังนี้ ชุดที่ 1 หมายถึงประเภทของบุคคล ซึ่งมีอยู่ 7 ประเภท เช่นสัญชาติไทย คนต่างด้าว คนเข้าเมืองโดยถูกกฎหมาย เป็นต้น ชุดที่ 2 มี4หลักซึ่งหมายถึงจังหวัด-อำเภอ ซึ่งก็คือสำนักทะเบียนต่างๆทั่วประเทศ ชุดที่ 3 มี5หลักหมายถึง กลุ่มของคนที่ได้รับหมายเลขประจำตัวตามระบบทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรของแต่ละสำนักทะเบียน ชุดที่4  มี 2 หลักหมายถึงลำดับที่ของแต่ละบุคคลตามระบบทะเบียนบ้านและลำดับเลขที่ของสูติบัตรตามระบบ ชุดที่ 5  มีตัวเดียวเป็นเลขที่เอาไว้ตรวจสอบความถูกต้องของเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนทั้งหมด จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นางแบบม่ายจ๋วย สู้อันเก่าไม่ได้ อิ อิ จากคุณ : ขาประจำ (drof) - [ 21 ก.ย. 49 01:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ***อินเตอร์คูลเลอร์*** อินเตอร์คูลเลอร์ เป็นอุปกรณ์สำหรับลดอุณหภูมิของอากาศก่อนป้อนเข้าห้องเผาไหม้ จะมีอยู่ 2 แบบ คือ   อินเตอร์น้ำ  กับ อินเตอร์อากาศ อินเตอร์น้ำจะมีใช้อยู่ในเครื่อง 1 G-GTE ของโตโยต้า ซึ่งหลังๆได้ปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นและนำมาใช้กับบล็อค 3 S-GTE และเป็นที่นิยมในหมู่รถแข่งควอเตอร์ไมล์บ้านเรา ซึ่งใช้เทอร์โบลูกใหญ่และบูสท์สูงๆ เทียบกับอินเตอร์อากาศแล้วอินเตอร์น้ำจะได้เปรียบในเรื่องการลดอุณหภูมิที่รวดเร็วกว่าและเหมาะสมกับการใช้งานแบบสั้นๆ มากกว่าการใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนอินเตอร์อากาศ สามารถระบายความร้อนหรือลดอุณหภูมิให้กับอากาศที่อัดผ่านจากตัวเทอร์โบได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะช่วงที่รถวิ่งด้วยความเร็วจะมีอากาศวิ่งมาปะทะกับตัวอินเตอร์ คูลเลอร์ ทำให้อากาศที่ถูกอัดผ่านมาจากเทอร์โบที่วิ่งเข้าไปในหลอดระบายความร้อนนั้นสามารถลดอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียอยู่ตรงที่ถ้าจอดรถอยู่กับที่ อินเตอร์แบบนี้จะระบายความร้อนสู้อินเตอร์น้ำไม่ได้ เหตุผลมาจากการที่ไม่มีกระแสลมมาปะทะเพื่อลดอุณหภูมิ ที่ตัวอินเตอร์คูลเลอร์นั่นเอง...... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ****คุณหนูๆ ปลอดภัยในรถยนต์ **** เมื่อโดยสารรถยนต์เพราะอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ในรถเช่น เข็มขัดนิรภัยหรือถุงลมนิรภัยนั้นได้รับการออกแบบมาสำหรับใช้กับผู้ใหญ่จึงไม่สามารถป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับเด็กๆ ซึ่งมีรูปร่างเล็กกว่าได้และอาจกลับก่อให้เกิดอันตรายแก่เด็กด้วยในการโดยสารรถยนต์ควรให้เด็กๆ (แรกเกิด-10 ปี)นั่งเบาะหลังเสมอและนั่งบนที่นั่งที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะซึ่งจะกระชับตัวและมีเข็มขัดยึดเหนี่ยวเด็กให้ติดกับที่นั่งช่วยป้องกันการกระทบกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้เราอาจแบ่งที่นั่งของเด็กได้เป็น 4 ประเภทซึ่งเหมาะสมกับอายุและน้ำหนักตัวของเด็กแตกต่างกันไป เปลเด็กอ่อานสำหรับรถยนต์ Infant car bad เหมาะกับทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือมีนำหนักแรกคลอดต่ำกว่า 2.5 กิโลกรัมควรจัดให้ศีรษะเด็กหันไปทางตอนกลางของรถยนต์เสมอ ที่นั่งเด็กชนิดนั่งหันไปทางหลังรถ Rear facing infant seat ต้องวางไว้ที่เบาะหลังและให้เด็กนั่งหันไปทางหลังรถเสมอเหมาะสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัมและมีส่วนสูงประมาณ 75 ซม. คือตั้งแต่แรกเกิดถึงประมาณ 1 ปี ที่นั่งเด็กที่หันไปทางหน้ารถ Forword facing child seat ต้องวางไว้ที่เบาะหลังและให้เด็กนั่งหันไปทางหน้ารถเหมาะกับเด็กที่มีน้ำหนักตัว 9-18 กิโลกรัมและมีส่วนสูง 75-110 ซม.หรืออายุประมาณ 1-5 ขวบที่นั่งประเภทนี้อาจออกแบบให้ใช้ได้ทั้งในแบบที่หันไปทางหน้ารถและหลังรถโดยผู้ใช้สามารถปรับการติดตั้งได้ตามเหมาะสม ที่นั่เสริม Booster seat เป็นที่นั่งสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 18-27 กิโลกรัมหรือมากกว่าและสูงประมาณ 110-135 ซม.อายุประมาณ 5-10 ขวบที่นั่งประเภทนี้จะช่วยให้เด็กคาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้พอดีตัวยิ่งขึ้น อุ้มทารกไว้กับตัวขณะนั่งรถยนต์ดีไหม ไม่ควรอุ้มทารกหรือเด็กไว้ในอ้อมแขนขณะนั่งรถยนต์เด็กตัวเล็กๆอาจมีน้ำหนักไม่มากในยาปกติแต่ในกรณีที่รถชนกันน้ำหนักของเด็กจะกลายเป็นแรงมหาศาลที่คุณไม่สามารถโอบอุ้มไว้ได้และเด็กน้อยที่คุณคิดว่าจะปลอดภัยในอ้อมแขนย่อมหลุดไปกระทบกับสิ่งกีดขวางที่ทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ การเลือกซื้อที่นั่งเด็ก >ตรวจสอบคู่มือประจำรถว่ามีคำแนะนำหรืออุปกรณ์พิเศษใดๆในการติดตั้งที่นั่งเด็กหรือไม่ >ก่อนซื้อควรทดลองว่าที่นั่งเด็กที่คุณถูกใจติดตั้งได้เหมาะสมพอดีกับรถยนต์ของคุณหรือไม่ >ควรทราบน้ำหนักและส่วนสูงของเด็กและตรวจสอบกับคำแนะนำที่ให้มากับที่นั่งสำหรับเด็กว่าผู้ในช่วยที่ตรงกันหรือไม่ >ถ้าเป็นไปได้ควรพาเด็กไปด้วยเพื่อให้ทดลองนั่งว่าพอดีตัวหรือไม่ >ควรใช้เปลเด็กอ่อนสำหรับรถยนต์ ถ้าทารกมีน้ำหนักน้อยกว่า 2.5 กิโลกรัม ข้อเตือนใจในการเดินทางกับเด็กโดยรถยนต์ >การติดตั้งที่นั่งเด็กอย่างเหมาะสมไม่ควรรีบร้อน >ควรให้เด็กอายุน้เอยกว่า 10 ปีนั่งเบาะหลังเสมอ >ที่นั่งเด็กเหมาะสำหรับรถยนต์ซึ่งมีที่นั่งหันไปทางด้านข้างหรือด้านหลัง >ผู้ใหญ่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองให้เรียบร้อยและรัดตัวเด็กอย่างเหมาะสมก่อนเคลื่อนรถ >อย่าใช้เข็มขัดเส้นเดียวกันคาดผู้ใหญ่กับเด็กหรือเด็กสองคนไว้ด้วยกัน >สายรัดตัวของที่นั่งเด็กต้องแน่นพอดีและพาดข้ามบ่าของเด็ก >อย่าพาดอ้อมแขนหรือสอดไว้ใต้แขนเด็ก >อย่าดึงตัวเด็กออกจากที่นั่งขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ >ถ้าอากาศร้อนหรือจอดกลางแดด ควรมีผ้าคลุมติดรถเพื่อคลุมที่นั่งเด็กเวลาไม่ใช้งาน >ก่อนให้เด็กนั่งในที่ควรตรวจสอบว่าเบาะและส่วนที่เป็นโลหะร้อนเกิดไปหรือไม่ The National Highway Traffic Safety Administration กระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาพบว่าที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กนี้จะลดความเสี่ยงต่อการตายในเด็กทารกถึง 69% และเด็ก 1-4 ปี 47% ขณะเดียวกันจะลดความเสี่ยงต่อการตายในเด็กอายุมากกว่า 5 ปีได้ 45% และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงได้ 50% จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ****Relay...**** Relay คือ วงจรหน่วงกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นสวิทช์ไฟฟ้าแบบหนึ่งซึ่งการทำงานจะต่างกับสวิทช์ธรรมดา ตรงที่อาศัยกระแสไฟฟ้าจำนวนน้อยๆ มาสร้างสนามแม่เหล็ก ดูดหน้าสัมผัสทางไฟฟ้าให้เข้ามาสัมผัสกันเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นการจ่ายกระแสไฟฟ้าออกไปอย่างเดียว หรือย้ายกระแสไฟฟ้าจากวงจรหนึ่งไปอีกวงจรหนึ่ง หลักการสำคัญของรีเลย์ คือการใช้แรงแม่เหล็กดูดหน้าคอนแท็คท์วึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นจะต้องเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าเสมอไป อาจจะใช้แม่เหล็กถาวรแทนก็ได้เหมือนกัน ประโยชน์ของ รีเลย์ คือการใช้เป็นตัวต้านทานแทนสวิทช์หลัก อย่างเช่น สวิทช์แตรที่ใช้ไฟ 12 โวลท์ 20 แอมป์ จะทำให้เกิดกระแสไฟไหลมากเกินไปที่ปุ่มกดแตร ซึ่งทำให้ตัวสวิทช์ต้องรับภาระมากไปเกิดความร้อนสูงจนอาจเสียหายหรือมีอายุการใช้งานสั้น จึงมีการติดตั้งรีเลย์ไว้ที่แตร เมื่อเรากดแตรจึงเพียงทำให้วงจรแม่เหล็กของวงจร รีเลย์ ทำงาน โดยการกดที่ปุ่มกดแตรเท่านั้นเอง ในรถที่เราใช้อยู่จะมีรีเลย์เต็มไปหมดทั้งนี้เพื่อให้มันรับภาระและการทำงานแทนสวิทช์ต่างๆ โดยเฉพาะสวิทช์อุปกรณ์ที่ใช้กำลังไฟสูงๆ ถือว่าจำเป็นมาก จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 01:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ****catalytic converter...**** catalytic converter หรือตัวกรองไอเสีย นอกจากช่วยลอมลภาวะให้กับอากาศแล้ว ยังช่วยเจ้าของรถและคนโดยสารให้ปลอดภัยจากมลภาวะของไอเสียที่ปล่อยออกมาอีกด้วย ซึ่งที่จริงแล้วผู้ที่ได้รับไอเสียจากควันรถมากที่สุดก็คือคนขับรถนั่นเอง เหมือนกับข่าวที่ว่า คนขับรถ จอดนอนแล้วเปิดแอร์ ปรากฏว่าเสียชีวิต.....แต่แทนที่หลายคนจะเห็นประโยชน์ของเจ้า catalytic กลับถอดมันทิ้ง เพราะเห็นแก่ความประหยัดและกำลังของเครื่องยนต์ที่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ที่เจอกันบ่อยสุด คือ จอดรถติดเครื่องแช่เอาไว้ หารู้ไม่ว่าช่วงรอบเครื่องเดินเบานั้น จะใช้อัตราส่วนผสมค่อนข้างหนาประมาณ 8 ต่อ 1 ซึ่งอาจมีปัญหาถ้าหากมีเบซินเหลือจากการเผาไหม้เป็นจำนวนมาก ไหลเข้าไปในตัว catalytic converter มันอาจเกิดความร้อนขึ้นสูงทำให้เกิดอันตรายจากไฟไหม้ได้ เช่นเดียวกับรถที่ใช้ก๊าซ ถ้าปรับให้ปล่อยก๊าซลงมาก ส่วนที่เหลือจากการเผาไหม้เกิดเล็ดลอดออกมาทางท่อไอเสีย หรือการติดตั้งไม่ดีเกิดการรั่วซึมของก๊าซเข้าเครื่องยนต์ อาจจะทำให้เกิดไฟไหม้ได้ ซึ่งข่าวที่รถไฟไหม้นั้น อาจเกิดจากการไม่ดูแลเจ้าcatalytic converter ก็ได้ อีกกรณี คือการปล่อยให้น้ำมันในถังแห้งขอด ต้องพยายามเติมกันหน่อย โดยการที่เครื่องยนต์ทำงานตอนน้ำมันในถังใกล้หมด อาจเป็นสาเหตุให้เครื่องยนต์จุดระเบิดผิดจังหวะ เป็นการสร้างภาระให้เจ้าcatalytic converter ได้ หรือมันเกิดการแตกหัก ขวางทางทำให้ไอเสียติดขัด นอกจากนี้น้ำมันในถังยังช่วยปั๊มแรงดันน้ำมัน ระบายความร้อน รวมทั้งหล่อลื่นการสึกหรอของปั๊มอีกต่างหาก..... จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 02:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พักบ้าง****เคยเป็นแบบนี้ไหม..ในครั้งแรก, หึๆๆ***   จีบกันใหม่ๆ.....โทรหากันทุกวัน โทรจนสายจะไหม้ก็ไม่วางซะที พอนานไป.....โทรหากันทุกวัน โทรคุยให้ตายยังไงก็ไม่ได้ 5 นาที สุดท้าย......ไม่มีธุระแล้วโทรมาทำไม ว่างมากเหรอ จีบกันใหม่ๆ........สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ ที่รัก ดาร์ลิ้ง พอนานไป.........หวัดดี อยู่ไหน สุดท้าย........ ว่าไง โทรมาทำไม มีอะไรว่ามา จีบกันใหม่ๆ.....อดกิน อดนอน ทะเลาะกับคนรอบข้างเพื่อให้ได้โทรศัพท์ พอนานไป......กินข้าวอยู่เดี๋ยวโทรมาใหม่นะ สุดท้าย.......ไม่รู้จักเวลารึไง คนกำลังจะกิน กำลังจะนอน จีบกันใหม่ๆ.....ค่าโทรศัพท์เดี๋ยวเราจ่ายให้ก็ได้ พอนานไป.....ไปจ่ายค่าโทรศัพท์ให้หน่อยนะ สุดท้าย......โทรศัพท์โดนตัดแล้ว ทำไมไม่ไปจ่ายเงินซะที เฮงซวยจริงๆ จีบกันใหม่ๆ......มือถือเปิดตลอด 24 ชั่วโมง พอนานไป......ปิดมือถือตอนเข้านอน สุดท้าย........ตอนไหนปิดได้ให้ปิด [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 02:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ****มาตรวัด**** สัญลักษณ์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ถึงรถจะต่างยี่ห้อ ต่างราคากัน ลักษณะเครื่องหมายต่างๆ แม้จะไม่เหมือนกันเปี๊ยบ แต่มองดูแล้วก็สามารถเข้าใจได้เพราะยังอาศัยรูปแบบที่เหมือนกันตามความตกลงใจกติการะบบสากล - เริ่มจากสิ่งที่คุ้นเคยกันมากที่สุดก็เห็นจะเป็นมาตรวัดความเร็ว และระยะทางซึ่งจะบอกอัตราความเร็วของรถที่เราเหยียบคันเร่งน้ำมันอยู่ในรถทั่วๆไป สัญญาณจากห้องเกียร์ หรือเฟืองท้ายจะถูกส่งไปยังมาตรวัด หรือผ่านสายไมล์ สิ่งที่จะบอกถึงความถูกต้องแม่นยำของรถแต่ละคันก็ขึ้นอยู่กับขนาดเส้นรวบวงของยางรถแต่ละคัน แต่ถ้าคุณเปลี่ยนยางให้ล้อเล็กลง (เส้นรอบวง) เล็กกว่าเดิมจะทำให้ค่าความเร็วที่ออกมาสูงกว่าความเป็นจริง และในทางตรงกันข้ามถ้าคุณใส่ยางที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ค่าความเร็วที่วัดออกมาจะต่ำกว่าความเป็นจริงได้ ส่วนตัวเลขที่มีอยู่ในช่องตรงกลางหน้าปัดจะเป็นตัวบอกให้ทราบว่าขับรถมาเป็นระยะทางกี่กิโลเมตรแล้ว เวลาคุณไปเที่ยวไหนต่อไหน คุณก็สามารถเซตศูนย์ตัวเลขได้ในช่องเล็กที่ว่านี้ โดยไม่ต้องมานั่งบวกลบให้มันยุ่ง - ส่วนมาตรวัดที่อยู่ใกล้กันอีกอันหนึ่งจะมีเลข 0-8 เรียกว่ามาตรวัดรอบเครื่องยนต์ ออกมาเป็นรอบต่อนาที เพื่อให้ผู้ใช้รถได้ทราบถึงความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกในการขับรถให้เป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัทรถแต่ละยี่ห้ออ่านโดยดูเลขตรงที่เข็มชี้คูณด้วย 1,000 ก็จะเท่ากับจำนวนรอบของเครื่องยนต์ที่หมุนต่อนาที ประโยชน์ของมาตรวัดรอบช่วยให้ผู้ขับได้ทราบถึงความเร็วรอบที่แท้จริงของเครื่องยนต์ ผู้ขับจะด้ไม่ใช่ความเร็วรอบเครื่องเกินกว่าที่กำหนด ซึ่งจะแสดงในรูปขีดแดงบนมาตรวัดการใช้ความเร็วรอบสูงๆ นอกจากจะทำให้รอบเครื่องยนต์เสียหายสึกหรอมากแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย - อันต่อไปที่คุ้นเคยกันก็คือมาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง อันนี้ส่วนใหญ่คงเข้าใจกันดี F หมายถึง Full ก็คือน้ำมันเต็ม E หมายถึง Empty ก็คือไม่มีน้ำมัน - มาตรวัดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับทุกรุ่นทุกยี่ห้อถ้าคุณใช้รถเข็มชี้ไปทาง C แสดงว่าเครื่องยนต์ (Cool) ถ้าเข็มชี้ค่อนไปทาง H หมายถึงเครื่องร้อนถึงร้อนจัด (Heat) แสดงว่ามีความผิดปกติกับเครื่องยนต์ของคุณแล้ว ควรจอดดูว่าเป็นอะไร อาจเป็นเพราะระดับน้ำในหม้อน้ำต่ำหรือไม่พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน หรือหม้อน้ำอุดตัน เป็นต้น ถ้าทำเองไม่ได้ก็หาสุภาพบุรุษมาช่วย หรือไม่ก็เอาเข้าอู่ไปเลย ชัวร์ดีกว่าแต่ทางที่ดีอย่างน้อยให้รู้บ้างว่าอะไรเป็นอะไร เป็นพื้นฐานในการขับรถอย่างถูกต้องปลอดภัยง่ายๆ ไม่ยุ่งยากถามคนที่บ้านหรือช่างที่อู่ก็ได้ เขาคงไม่ใจร้ายกับคุณหรอก - นอกจากมาตรวัดต่างๆ แล้วยังมีสัญลักษณ์หรือรหัสอื่นๆ อีกบนแผงหน้าปัดของรถ ซึ่งสมัยนี้เขาก็มีหลายแบบแล้วแต่ใครจะคิดทำจะเป็นระบบไฟแดงไฟส้มธรรมดา หรือจะเป็ฯแบบดิจิตอล ก็บอกความหมายเดียวกัน สัญญาณไฟเบรกมือ จะเห็นสัญญาณนี้เวลาดึงเบรกมือค้างไว้ จะออกรถล่ะก็อย่าลืมเอาลงด้วย - สัญญาณไฟชาร์จ โดยปรกติแล้วไฟช่องนี้จะไม่ติดทุกเวลาแต่จะคิดในช่วงที่สตาร์ตเครื่อง พอเครื่องยนต์ติดแล้วไฟนี้ก็ดับไป แต่ถ้าคุณสตาร์ตแล้วเสียงเครื่องเงียบและไฟนี้ไม่แดงขึ้นแสดงว่าไม่มีไฟชาร์จเข้าแบตเตอรี่แสดงว่ารถคุณมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องไฟ - สัญญาณไฟสูง ส่วนใหญ่ไฟสูงใช้เวลาการเดินทางตอนกลางคืนที่ไม่มีรถอยู่ข้างหน้า หรืออยู่ในระยะที่ไกลกัน เมื่อเราเปิดไฟสูงจะมีไฟฟ้าขึ้นที่หน้าปัด ข้อควรระวังไม่ควรเปิดไฟสูงในทางที่รถสวนกัน ติดตามรถคันหน้าในระยะใกล้ๆ เพราะจะรบกวนสายตาของรถที่อยู่ด้านหน้า อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ - สัญญาณไฟเลี้ยว อันนี้คงทราบกันดีอยู่แล้ว ไฟเลี้ยวจะทำงานเมื่อเรายกเลี้ยวซ้ายหรือขวา หากลืมปิดไฟก็จะไม่ดับ ในรถหลายๆ คันก็มีเสียงเตือนด้วยป้องกันการลืมปิดไฟเลี้ยว - สัญญาณไฟน้ำมันเครื่อง ไฟแดงขึ้นเมื่อแรงดันน้ำมันเครื่องไม่พอเพียงที่จะส่งไปหล่อลื่นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ อาจจะเกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะเช่น ขณะสตาร์ต ขณะเบรกกะทันหันแล้วก็หายไปแต่ถ้าเกิดเป็นเวลานาน คุณก็ควรจอดรถ และหาน้ำมันเครื่องมาเติมใส่รถของคุณเสียก่อนที่รถจะพัง - สัญญาณไฟน้ำมันไฟเชื้อเพลิง ในรถรุ่นเก่าๆ อาจจะไม่มีสัญญาณไฟแบบนี้ ใรถสมัยนี้มีการปรับปรุงโดยจะมีสัญญาณนี้ติดมาด้วยพร้อมาตรวัดน้ำมัน เวลาน้ำมันในถังเหลืออยู่น้อยก็จะมีตัวหนังสือบอกหรือในบางรุ่นอาจจะมีเสียงเตือนควบคู่กันด้วย - สัญญาณไฟเบรก ในรถรุ่นใหม่ๆ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นในระบบเบรกไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบรกไม่เพียงพอ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเบรก ไฟช่องนี้ก็จะสว่างเตือนผู้ใช้รถทันทีเพื่อให้มีการแก้ไข - สัญญาณไฟเตือนรัดเข็มขัด สัญญาณนี้ส่วนใหญ่จะมีในรถใหม่ๆ ไฟนี้จะสว่างเพื่อเตือนให้ผู้ขับรัดเข็มขัดนิรภัยโดยจะทำงานทันทีที่มีการสตาร์ตรถยนต์ และจะดับลงเมื่อมีการรัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว - สัญญาณไฟเตือน ประตูเปิดไฟนี้จะทำงานเมื่อมีการเปิดประตู หรือเมื่อคุณปิดประตูไม่สนิทไฟนี้จะติดอยู่เป็นการช่วยเหลือ และให้ความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่เป็นอย่างดี สัญญาณไฟท้ายขาด เมื่อไฟปรากฏบนหน้าปัดแสดงว่าไฟท้ายขาดหรือมีเหตุขัดข้องอะไรที่ทำให้ไฟท้ายไม่ติด ผู้ขับขี่จะสามารถรู้ได้และแก้ไขได้ทัน เพราะไฟท้ายเป็นส่วนสำคัญมากเวลาขับขี่ในยามค่ำคืน หากขาดไปทำให้ผู้ขับขี่ไม่มีโอกาสรับรู้จะเป็นอันตรายได้ -สัญญาณไฟเตือนน้ำล้างกระจก อาจจะมีในรถบางรุ่นที่มีสัญญาณนี้ให้ผู้ขับขี่ได้รู้ถึงปริมาณน้ำในหม้อพักน้ำว่าต่ำกว่าระดับหรือหมดแล้ว -ไฟไล่ฝ้ากระจกหลัง ไฟนี้จะแสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้เปิดสวิทตช์แผงไล่ฝ้า ไฟนี้ก็จะไม่ดับเช่นกัน เมื่อเปิดแล้วต้องคอยปิดด้วยเช่นกัน หากคุณลืมปิดไฟนี้ก็จะคอยเตือนคุณอยู่ตลอดเช่นกัน -สวิทช์ไฟหน้า ส่วนใหญ่จะอยู่ที่คันสวิทช์คอพวงมาลัย แต่อาจมีรถบางรุ่นที่จัดไว้ใกล้แผงหน้าปัดบริเวณเดียวกับไฟหรี่ บางรุ่นอาจจะรวมทั้งไฟสูงไฟต่ำด้วย ที่ก้านคอพวงมาลัยเวลาใช้อาจจะหมุน หรือปรับดึงเข้า ดันออก เป็นไฟสูงไฟต่ำ - ไฟเตือนน้ำในแบตเตอรี่ แบตเตอรี่เป็นส่วนสำคัญมากในการเก็บไฟให้กับรถ หากน้ำในแบตเตอรี่พร่องมากเกินไปหรือแห้งก้จะทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ เพราะฉะนั้นรถของคุณจะมีสัญญาณนี้เตือนหรือไม่ก็ตาม พึงหมั่นตรวจไว้ก็จะดีอย่าคิดว่าแบตเตอรี่ไม่สำคัญ - สวิตช์ไฟฉุกเฉิน หรือไฟกะพริบ ส่วนมากจะอยู่บนก้านคอพวงมาลัยด้านบนหรือข้างแผงไฟด้านอื่นๆ ไว้ใช้ยามจำเป็นคิดเป็นไฟกะพริบทั้ง 2 ข้างเมื่อต้องการให้รถคันอื่นๆ มองเห็นได้ชัดเจน และระมัดระวังเมื่อเข้าใกล้ สวิตช์ที่ปัดน้ำฝน ส่วนใหญ่จะเป็นก้านข้างพวงมาลัย แต่จะอยู่คนละด้านกับสวิตช์ไฟ - สวิตช์ปรับไฟหรี่หน้าปัด ในรถรุ่นใหม่ๆ ปัจจุบันส่วนมากจะมีสวิตช์ไว้ปรับความเข้มของแสงบนหน้าปัดได้ สวิตช์ที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง จะมีสัญลักษณ์ที่เหมือนกันกับด้านหน้าแต่จะมีอักษร R กำกับไว้ด้วย ปุ่มบังคับนี้สามารถปรับวางอยู่ได้หลายตำแหน่งแต่ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณรอบหน้าปัด จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 02:17:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พักสายตา จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 02:18:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คลายเครียดบ้าง ***มุขสาวปฏิเสธผู้ชาย,*** ชาย * กี่โมงเเล้วคับปะทานโทด วันเวลาของผมมันหยุดไปหมดเมื่อพบกับคุน หญิง * ไม่รุสิคะ เวลาของฉันมันตายทันทีที่เหนหน้าคุน ชาย * ถ้าคิดถึงคุน เเล้วต้องเสียตังคั้งละบาด ผมคงหมดเนื้อหมดตัวภายไนวันเดียว หญิง * ไห้คิดถึงคุนเเล้วได้ตังคั้งละพัน ฉันยังไม่เอาเลย ชาย * คุนท่าทางจะมีโชกนะคับ ผมเปงหมอดู ดูดวงจากหมายเลขโทรสับ ไหนบอกเบอมาสิคับ ผมจาทายไห้ หญิง * ดีจังเลยค่ะงั้นดูไห้แฟนฉันหน่อยนะคะ เบอ 01xxxxxxx ชาย * ผมจาต้องไปรับล้อตเตอลี่มาขายละคับ ความรักของคุนมันทามไห้ผมตาบอดซะเเล้ว หญิง * หน้าอย่างคุน ขายหวยเถื่อนจะเวิ้กกว่ามั้งคะ ชาย * วาเลนไทนี้ไม่ว่างมาเจอกานไช่มั้ย ไม่เปงไรหรอกทุกๆวันที่ผมได้เจอคุนคือวันวาเลนไทสำหรับผม หญิง * หรอคะแต่ทุกๆวันที่ฉันได้เจอคุน มันเหมือนวัน พรึดสภาทมินนะค่ะ ชาย * ผมทำไห้คุนได้ทุกอย่างยกเว้นเเค่เหาะขึ้นไปบนฟ้า กับกานที่ไม่ได้รักคุน หญิง * งั้นขึ้นไปอยู่บนตึกไบหยก2เเล้วโดดลงมานะคะ ชาย * ผมเปงคนม่ายมีหัวไจ เพาะผมเอาไห้คุนตั้งแต่วันเเรกที่เราพบกัน หญิง * อ้าวไม่รุนะคะ นึกว่าหัวไจหมูเลยต้มไห้หมากินไปเเล้ว ชาย * ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผมคุนไปอยู่ไหนมาคับ หญิง * ยังไม่เกิดค่ะ ชาย * ประทานโทดคับคุนเคยทามไห้หัวไจไคหยุดเต้นด้วยสายตามาบ้างหรือป่าวคับ หญิง * กำลังพยามใช้กะคุนคนเเรกค่ะ ชาย * ผมยอมอายุสั้นไป1 ปี แลกกับกานคุยกะคุย 1 นาที หญิง * ฉันยอมคุยกะคุนเปงวันก็ได้ค่ะ จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 02:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ง่วงแล้วครับ ไว้วันหลังแล้วกัน สำหรับภาคต่อไป ช่วงนี้งานยุ่งครับ ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ขอบคุณที่มาครับ* นล.รถกระบะ* อย่าขับอย่างเดียว* [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : บั้งไฟลาว - [ 21 ก.ย. 49 02:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15  ... แวะมาดูด จากคุณ : ถัง - [ 21 ก.ย. 49 06:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ได้ แวะมาดู แวะมาดูด จากคุณ : P Mini - [ 21 ก.ย. 49 09:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รูปคุ้น ๆ นะ พี่ จากคุณ : นิวเวฟ - [ 21 ก.ย. 49 10:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แวะมาอ่านกับดูด จากคุณ : บ๊อบบี้ฮุย - [ 21 ก.ย. 49 10:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านหมดเลย ครับผม  ดีๆ Goodjob จากคุณ : JoJoeSaj - [ 21 ก.ย. 49 15:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พี่บั้งครับ  ไม่ได้อ่านเลย ดูดอย่างเดียว 555+ จากคุณ : 323club - [ 21 ก.ย. 49 17:14:47 ]