ความคิดเห็นที่ 8
เอาเป็นว่าผมมีข้อมูลด้านนี้พอสมควร นะครับ ขอแนะนำคร่าวๆ ดังนี้ ของแม็กไกวส์ ขึ้นต่ำ ๆ ประมาณ 450,000 ขึ้นไป ของ turtle wax ประมาณ250,000 บาท ของ auto gylm ประมาณ 200,000 ขึ้นไป และ car lac ก็ใกล้เคียงกัน
เมกไกว์ส เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามา ในระยะแรกไม่ได้เน้นการทำตลาดด้าน DIY แต่เน้นที่ การเปิดศูนย์บริการ และขายสินค้าจากศูนย์บริการ สามารถเข้า modern trade ได้ไม่กี่ราย เข้ามาในไทยได้ไม่นาน เน้นการทำตลาด สร้างความรู้จัก จากทาง below the line และ above the line อย่างหนัก และเข้าตามคลับและชมรมรถต่างๆ ได้รับงบการตลาด จาก ตปท. มามาก แต่ช่วงหลังนี้เงินอัดฉีดจาก ตปท. เริ่มหมดและน้อยลง มีการบริหารงานใน ไทย 2 บ. ของพี่และน้อง (ลึกๆ ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ )ส่วนหนึ่งสร้างชื่อเสียงจากการรับเป็นผู้ดูรถในงาน motor show ช่วงหลังพยายามจะเข้า modern trade มากขึ้นแต่ยากอยู่
turtle wax สัญลักษณ์รูปเต่า จากอเมริกา และ อังกฤษจัดจำหน่ายโดย บ. เลอ รา เรย์ เข้ามาในไทยมานานแล้ว มีอีกหลายยี่ห้อ ที่เป็นนำเข้า 100% เช่น ZYMOL จาก เยอรมัน(เป็นผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากราชสำนักเยอรมัน) chinthe สินค้าจากอเมริกา แต่มาใช้แบรนด์ของตัวเอง และนำมันเครื่อง mobil ขายเฉพาะในห้าง โดยมีอีกหลายบริษัทในเครือ เช่น บ. ซันสโตร์ ซัพพลาย จำกัด ผลิตภัณฑ์ดัง ๆ เช่น redex ,simoniz ,prestone ,tegee ,blue power ,mr clean เป็นต้น ทั้ง 2 นี้เน้นทำการตลาดแบบเรือ่ยๆ จนได้รับการยอมรับจาก เจ้าของผลิตภัณฑ์หลายๆยี่ห้อ และลูกค้ามาช้านาน โดยการทำการตลาดแบบ DIY มาแต่แรก จากนิตยสารในอเมริกาให้ turtle wax ติด 5 ดาวในหลายๆ สินค้า โดยทำการสำรวจจากผู้ใช้ทั่วประเทศ สำหรับในไทยนั้น ทาง บ.แม่ ไม่มีงบการตลาดให้ ทางผู้จัดจำหน่าย ใช้งบของ บ. เอง ทำให้ไม่ค่อยมีชื่อเสียง ดังและมีทุน เท่าไหร่ แต่ถ้าผู้อยู่วงการนี้ วงการสื่อสายรถยนต์ หรือลูกค้าที่ดูแล บำรุง รถเป็นพิเศษ จะรู้จักผลิตภัณฑ์ turtle wax เป็นอย่างดี และในงาน motor expo ปีนี้ บ. ได้รับการเลือกอย่างเป็นทางการให้ดูแลรถทุกคันในงาน และบางยี่ห้อ อีกด้วย สินค้าของ turtle wax อยู่ใน modern trade มาช้านาน มีในทุกห้างในประเทศไทย และมีทุกชนิดสินค้าทีดูแล บำรุง รักษารถ ไม่ว่าจะเครื่องยนต์ แม็กซ์ ยาง เบาะ เครื่องหนัง รักษาสี ตัวถัง ที่ซึ่งช่วงหลังจากการเริ่มมีประสบการณ์และได้อดีตผู้บริหารนักการตลาดมือฉมังจาก คลาสตอล และที่ปรึกษาอีกหลายบริษัทเกี่ยวกับรถยนต์(เป้นเจ้านายเก่าของฝ่ายการตลาดของเม็กไกวส์) มาร่วมหุ้นด้วยแล้ว เริ่มขยายงานออกไปทางด้าน คาร์แคร์ ปัจจุบันมีศูนย์บริการ อยู่หลายแห่ง ในกทม และตจว.ประมาณ 15 เช่น กทม. เชียงใหม่ หาดใหญ่ ชลบุรี พัทยา เป็นต้นศุนย์ และอีกหลายแห่งที่ไม่ใช่เป็น แฟรนซ์ไชส์ แต่ใช้ผลิตภัณฑ์ การบริหารงานยังเป็นแบบครอบครัวอยู่มาก แต่ดีตรงที่ประธานฯ ทำธุรกิจตรงไปตรงมา พูดคุยกันง่าย
สำหรับ auto gylm นั้น ราคาแฟนส์ไชส์ ไม่แพงมากนัก แต่สินค้ามีน้อย ทำการตลาดโดยใช้ผู้มีชือ่เสียง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการเปิดคาร์แคร์ เช่น พี่หนูแหม่ม เป็นต้น หลังๆ นี่เงียบๆ ไปพอสมควร
คาร์แล็ค นั้นต้องถือว่ามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยรูปแบบ และสีสรร รวมถึงจำนวนสาขาที่มากมายทั่วประเทศ แต่หลังๆ มีหลายรายที่เริ่มเปลี่ยนแฟรนซ์ไชส์(สาเหตุเพราะอะไรไปสืบหากันเอง) แต่ด้วยราคาที่ไม่สูงนัก และมีการบริการครอบคลุ่มทั่วประเทศทำให้ได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าที่ใช้บริการอยู่มาก
นี่ก็เป็นข้อมูลคร่าวๆ นะครับ ของที่ผมดูว่า ณ วันนี้ยี่ห้อค่อนข้างโดดเด่น หลายๆ แห่ง เก็บค่าแฟนส์ไชส์ ไปแล้วตอ้งถามให้ดีนะครับว่า ที่เสียไปเป็นค่าอะไรบ้าง เช่น มีอุปกรณ์ สินค้าให้การรายการ อะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ เพราะบางที่ถ้าจะเปิดได้เลย จะต้องมีการซื้ออุปกรณ์เพิ่ม เช่น เครื่องฉีดโฟม เครื่องขัดสี ซึ่งมีหลายยี่ห้อ หลายราคา ทั้งสดและผ่อน เพราะฉะนั้น การจ่ายถูกหรือแพงผมว่าไม่สำคัญ อยู่ที่ว่าผลิตภัณฑ์ดีจริงไหม การบริการ การดูแลจากเจ้าของแฟนส์ไชส์ ดีไหม มีการช่วยแนะนำ ส่งเสริมการขาย โฆษณาให้ไหม ลูกค้าใช้แล้วโอเคไหม และคุณละบริการและจริงใจกับลูกค้าไหม เป็นต้น และเริ่มหาขอ้มูลของแต่ละที่ เรียกเซลส์ไปคุยรายละเอียด สอบถามหลายๆๆที่ดู เพือ่เอาคำตอบมาหาข้อสรุปอีกครั้ง มีอะสงสัยสอบถามได้ครับที่ หลังไมค์ และจะมาตอบให้(คลิกที่ตัวอมยิ้มผมเลย) สำหรับค่าใช่จ่าย กำไร npv irr พวกนี้ หลายๆๆ ค่ายเขาทำแสดงให้คุณดูหมดแล้วครับ
จากคุณ :
torti
- [
วันปิยมหาราช 00:15:07
]
|
|
|