ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่สังเกตุโตต้าไม่ค่อยจะลงทุนวิจัยเครื่องยนต์เองนะครับ  เครื่องเจที่ว่าแรงยังต้องให้ยามาฮ่าช่วย    ระบบคอมมอลเรลก็เอามาจากชาวบ้าน  ระบบไดเรคคอล์ยก็มาหลังชาวบ้าน  ไม่เห็นจะมีอะไรที่คิดเองเลยยยยยย จากคุณ : *380 Z - [ 14 พ.ย. 49 11:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สองค่ายนี้เป็นคู่แข่งกันในตลาดรถปิคอัพมาตลอด ลองคิดดูสิ ถ็าคู่แข่งที่สูสีกันขนาดนี้มารวมตัวกันมันจะเป็นยังไง มันคงน่าจะดีกว่านี้เยอะเลยนะครับ อีซูซุจะได้เสียงเงียบ โตโยต้าจะได้แกร่งแบบกระบะพันธ์แท้ ไม่ใช่เป็นรถเก๋งเครื่องดีเซลอย่างที่เป็นอยู่ จากคุณ : soundboyz - [ 14 พ.ย. 49 11:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นดิ จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ - [ 14 พ.ย. 49 11:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่เข้าใจว่า จขกท จะบอกว่าซ้ำรอยอย่างไร พูดสั้นไป Honda - Rover - BMW (และตอนนี้ Rover ไปอยู่ที่ไหน จีนมั้ง?) Toyota ถือหุ้น Isuzu น้อยกว่ากลุ่ม Mitsu ซึ่งหุ้น Isuzu ก็มีหลายเจ้ากระจายกันไป Toyota จะใช้ประโยชน์จาก Isuzu ทางไหน ก็คงเล็งไว้อยู่ แต่อย่างที่ข่าวออกมาเรื่อง ร่วมกันพัฒนาเครื่องดีเซล รวมกันผลิตให้ได้มาก ๆ ตุ้นทุนจะได้ต่ำลง นั้นก็เป็นไปได้ แต่คงไม่ถึงขึ้นทำรถแฝดสองยี่ห้อ แบ่งกันขาย อย่างที่ Toyota ซื้อหุ้น Subaru เมื่อปีที่แล้ว ก็เล่าลือว่าจะเอาเทคโนโลยีขับสี่มาใช้กับของตัวเอง แต่ที่เป็นอยู่ก็คือเอาโรงงานที่ผลิต Subaru มาขยายฐานผลิต Camry เท่านั้น ตอนนี้โตโยต้าจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง มีบริษัทยิบย่อยเยอะแยะ หากการขยายตัว จะมีบางรายการที่เจ๊งบ้าง ก็คงไม่สะดุ้งสะเทือน อย่างที่คนรวยเขาว่า "บริษัทผมเจ๊งสองบริษัท จะเป็นไรไปเพราะอีกหลายสิบบริษัทที่ผมมี ยังไปได้ดีอยู่" --- ที่น่าเป็นห่วงในการพุ่งสู่เป็นเบอร์หนึ่งในโลกของโตโยต้า ไม่ใช่ยอดขาย หรือการเพิ่มการผลิต การขยายบริษัท แต่ว่าเป็น "การลดต้นทุน" อย่างบ้าเลือดช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ซึ่งมีแววจะย้อนกลับมาเชือดคอภาพพจน์ และความเชื่อถือของตัวเองในวันหน้าเสียมากกว่า --- ผมก็เดามั่วไปงั้น จากคุณ : ค็อนซาหมาหน้าบุบ - [ 14 พ.ย. 49 11:14:05 A:124.120.71.246 X: TicketID:119724 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ท่านค็อนซาหมาหน้าบุบกล่าวได้ดีมากครับ  ขอชื่นชมครับโดยเฉพาะ 2 บรรทัดสุดท้ายครับ จากคุณ : *380 Z - [ 14 พ.ย. 49 11:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โตโยตาเป็นบริษัทที่ใช้จ่ายด้าน R&D Research & Development มากติดอันดับโลกตลอด ถ้าคุณบอกว่าโตโยตาไม่ค่อยลงทุนวิจัยเอง แสดงว่าบริษัทรถญี่ปุ่นอื่นๆไม่ลงทุนวิจัยเลยดิ ลองอ่านนี่ดูจาก IEEE http://www.spectrum.ieee.org/dec05/2395/2 ในปี 2004  โตโยตาจัดอยู่ในอันดับ 3 การใช้จ่ายด้าน R&D โดยมี Ford อยู่ที่หนึ่ง ดิฉันมี IEEE Spectrum เล่มนี้อยู่กะตัวด้วยแต่ตอนนี้หาไม่เจอเพราะนิตยสารที่บ้านเยอะจัด ถ้าหาเจอแล้วจะเอาตารางมาแปะให้ดู จากคุณ : groundtruth - [ 14 พ.ย. 49 11:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขออภัยถ้าผมกล่าวผิดพลาดไป  ผมมองในภาพพจน์เก่าๆ ครับ  ไม่ได้แสวงหาความรู้เกี่ยวกับรถค่ายนี้มาใว้ในสมองครับ แต่จะว่าผิดคงไม่ผิดมากครับ เพราะที่ผมบอกในความคิดเห็นที่ 1 ผมบอกว่าไม่ค่อยได้วิจัยเอง  ไม่ใช่ไม่วิจัยครับ  ลองอ่านให้ดีครับ จากคุณ : *380 Z - [ 14 พ.ย. 49 11:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอกสารปี 2004 มันล้าสมัยไปแล้วมั้งครับ เพราะทุกวันนี้งานวิจัยปีหนึ่งๆออกมามากมาย จากคุณ : ตี๋แก้มป่อง - [ 14 พ.ย. 49 12:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Toyota ก็ซื้อหุ้น Isuzu เพื่อใช้เทคโนโลยีดีเซลไงคับ ซื้อหุ้น Subaru เพราะจะเอา Hybrid บางอันของเขา แบบไม่ต้องเสียค่า Royalty ให้เสียเพลามั้ง จากคุณ : o•ิ_•ิo (หนุ่มน้อยหน้าใหวัยสิบหก) - [ 14 พ.ย. 49 15:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าจะเดากันไป ขอ แบบมีเหตุผลอ้างอิงนะครับ คุณ groundtruth เขาอ้างแบบนั้น เขามีข้อมูล แม้ว่าจะเก่า แต่ก็เป็นข้อมูลตามช่วงเวลา ถ้าลองมีความคิดที่จะ R&D ต่อให้แต่ละปีผ่านไป เขาคงไม่หยุด R&D หรอก ยังไงก็ดีกว่าบางท่าน พูดลอย ๆ รับรู้ผิดบ้างถูกบ้าง แล้วมาฟันธง อ่านแล้ว ไม่บูรณาการเลยนะฮะ จากคุณ : pauly - [ 14 พ.ย. 49 16:26:29 A:203.151.10.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ว่าผมหรือเปล่าครับ  ผมยังไม่ทราบเลยว่าที่ผมพูดมาผิดตรงใหน   อย่าบอกนะว่าคอมมอลเรนโตต้าคิดเอง  ไดเร็คคอล์ยโตต้าคิดเอง  แล้วเครื่องเจไม่เกี่ยวกับยามาฮ่า จากคุณ : *380 Z - [ 14 พ.ย. 49 17:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 14 พ.ย. 49 20:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนนี้ใน tmc มีคนซูบารุเข้ามาใหม่เต็มเลย แล้วก็ได้ข่าวว่า ศูนย์ R&Dของซูบารุจะยุบแล้ว มารวมกับ tmc จากคุณ : @TMC (aboroboy) - [ 14 พ.ย. 49 20:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โตโย ถือหุ้นน้อยมากๆ อำนาจตัดสินใจแทบไม่มี เหมือนๆ ais มีหุ้น dtac dtac มีหุ้น ais อยู่ ไม่กี่ % เอาไว้ฟัง โปรโมชั่น ว่าคู่แข่งออกอะไรบ้างไง จากคุณ : 55 - [ 14 พ.ย. 49 21:28:51 A:222.123.82.228 X: TicketID:089340 ]

ความคิดเห็นที่ 15 5% กว่าๆ นับว่าแยะครับ ภาษาการลงทุนเขาเรียกว่า strategic alliance เกี่ยวดองกันไว้ดีกว่า ก็ถูกที่ควรทำเพราะค่า R&D มันแพงมากๆ อะไรประหยัดได้ทำกำไรไว้ดีกว่า โตเขาจึงเน้น R&D พวก hybrid เองเพราะเขาเป็นผู้นำด้านนี้ เขาไม่ได้นำด้านดีเซล จะทุ่ม R&D เพื่อที่จะให้คุ้มทุนมันทำได้ยากเพราะ โต เขาไม่มี Product ทางด้านดีเซลมากพอครับ ไม่ใช่เขาทำไม่ได้ แต่ทำแล้วไม่ได้กำไรมากๆ ครับ สมัยก่อนพี่โตยัง licence lean-burn technology จาก Honda เพื่อให้ผ่าน Clean Air Act ในสหรัฐเลย ทำเองมันไม่คุ้มทุนกับตลาดสหรัฐในตอนนั้นครับ เราต้องดูเรื่อง economy ด้วย พี่โตเขาตัดสินใจถุกแล้ว ลงทุนทำรถให้ reliable มากที่สุดโดยคุ้มทุนที่สุด หมายถึงกำไรมากที่สุดครับ ล่าสุด Consumer Report ในสหรัฐก็รายงานว่าพี่โตมีรถมากรุ่นที่สุดที่ผ่าน reliability มากกว่ายี่ห้อใดๆ ถ้ามันลดต้นทุนขนาดทำให้ product ห่วย long-term reliability ของพี่โตมันน่าจะสะท้อนให้เห็นว่าห่วย แต่นี่ไม่ กลับเป็นที่หนึ่งหลายปีติดต่อกันแล้วครับ ขัอมูลนี่หาอ่านได้ในเนทครับ จากคุณ : K.Senior - [ 14 พ.ย. 49 22:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เพราะ โต เขาไม่มี Product ทางด้านดีเซล ----------------- แล้ว hinoที่ พี่โตเป็นเจ้า 100 %ละครับ จากคุณ : the artist - [ 14 พ.ย. 49 22:49:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 "เขาไม่มี Product ทางด้านดีเซลมากพอครับ" อ่านให้ดีๆ ไม่มากพอที่จะคุ้มการลงทุนในเครื่องยนต์ดีเซลเล็กและกลางตามข่าว อย่าเล่นตัดคำสิครับ เฮ้อ Hino มันรถบรรทุก เราพูดถึงรถกระบะหรืออะไรที่ไม่ใช่รถบรรทุกใหญ่ จากคุณ : K.Senior - [ 15 พ.ย. 49 01:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 18 TOYOTA ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือ ลดต้นทุน และ ลดการแข่งขันในบางด้านลง เพื่อรักษาผลกำไร ก็เท่านั้น บริษัทไม่คิดอะไรมากมายนัก เพราะ บริษัท คือเครื่องมือทำกำไร จากคุณ : JJ2U - [ 15 พ.ย. 49 02:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ซ้ำรอยกรณีโรเวอร์หรอกครับ มันชวนให้นึกถึง วิธีการเข้าถือหุ้นไขว้กันไปกันมากันเอง ของบริษัทญี่ปุ่น ช่วงยุค 1960 1970 เพื่อป้องกันตะวันตกมากกว่า แต่ตอนนี้ เป้าประสงค์มันเปลี่ยนไป คือ ไม่ใช่เพื่อป้องกันตะวันตก หากแต่ต้องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ก็เท่านั้นเอง คุณค็อนซ่า เขียนไว้ได้ดีทีเดียวครับ ในประโยคล่างๆ จากคุณ : JIMMY - [ 15 พ.ย. 49 05:22:31 ]