ความคิดเห็นที่ 1 โครงการ NYS คือการสร้างทัวริ่งขนาด 750 ซีซีมีอันต้องล้มเลิกและกลับมาเริ่มต้นใหม่ ทำยังไงให้เหนือกว่า ก็เลยเป็นการกำเนิดรถในพิกัด 900 ซีซีเป็นครั้งแรกของคาวาฯ ด้วยเครื่องยนต์สี่สูบเรียง DOHC 8V ระบายความร้อนด้วยอากาศ 5 เกียร์ ถังน้ำมัน 18 ลิตร น้ำหนัก 247 กก. กำลัง 85 แรงม้าที่ 8,500 rpm แรงบิด 7.5 กก.-ม. ที่ 7,000 pm ดิสค์เบรคจานเดียวกับคาลิเปอร์ลูกสูบเดียวข้างหน้า และดรัมเบรคแบบกลไกข้างหลัง ที่สำคัญคือสตาร์ทเท้า!! หลังจาก Z1 ออกมาก็สร้างความฮือฮาทันทีในฐานะรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 212 กม./ชม. และเมื่อเข้าสู่ตลาดอเมรกา โยชิมูระก็โมดิฟายจนมันทำความเร็วสูงสุดได้ 280 กม./ชม. ในสนาม Daytona Bowl และทำความเร็วเฉลี่ยต่อรอบได้ 256 กม./ชม. ถ้าใครอ่าน GTO จะมีตอนที่บอกว่าโอนิจิขี่ Z-II แต่วางเครื่องของ Z1 เพราะนี่เป็นหนึ่งในสุดยอดรถซิ่งของแก๊งสเตอร์ญี่ปุ่น อีกรุ่นคือ Zephyr ส่วนพวก CB400SS นั่นมันรถมาตรฐานประจำแก๊ง Z-II ที่ว่าก็หน้าตาเหมือนกันนี่แหละ แต่เป็นเครื่องยนต์ขนาด 750 ซีซี จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่จริงถ้านับตามลำดับการพัฒนาแล้ว Z1 จะกลายมาเป็น Zephyr และต่อยอดมาเป็น ZRX จนถึง Z1000 และ Z750 ซะมากกว่า ส่วนลำดับในตระกูลนินจาชุดนี้จะเริ่มต้นที่ GPZ900R ในปี 1984 จากฝีมือของ Inamura Gyoichi หัวหน้าโครงการ NYS ยังคงรับหน้าที่ออกแบบ GPZ900R เป็นสายพันธุ์ที่สืบต่อมาจากตระกูล GPZ 550 - 750 - 1100 โดยตั้งเป้าไว้ที่ความแรงเหนือกว่า 750 แต่เบาและคล่องตัวควบคุมง่ายกว่า 1100 เครื่องยนต์ลูกใหม่ขนาด 908 ซีซี DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นครั้งแรกของคาวาซากิที่ทำเครื่องยนต์แบบนี้ 6 เกียร์ ถังน้ำมัน 22 ลิตร น้ำหนัก 257 กก. กำลัง 116 แรงม้าที่ 9,500 rpm แรงบิด 8.7 กก.-ม. ที่ 8,500 rpm เมื่อเปิดตัวก็ได้เป็นรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดในโลก ทำความเร็วได้ถึง 240 กม./ชม. แต่ในญี่ปุ่นจะมีแค่ 100 แรงม้าและตัดความเร็วที่ 180 ดิสค์เบรคหน้าสองจาน คาลิเปอร์ลูกสูบเดียว หลังก็ใช้ดิสค์เบรคแล้ว และมีสตาร์ทไฟฟ้าให้ใช้ ช็อคหน้าแบบเติมลมและระบบ Anti-Dive ป้องกันหน้าทิ่มตอนเบรคแรงๆ แต่สุดท้ายมันไม่เวิร์ค รุ่นต่อมาก็เลยใช้ช็อคแบบสามัญประจำรถแทน ยางหน้าขนาด 120/80-16 ยางหลัง 130/80-18 แต่ตอนหลังเปลี่ยนมาเป็นยางหน้า 120/70-17 ยางหลัง 150/70-18 เคยมีปัญหาเรื่องความร้อนและแคมชาฟท์แต่ก็แก้ไขไปได้ จนได้ชื่อว่าเป็นรถที่ Perfect อีกรุ่นหนึ่งของโลก สามารถจะอยู่ในตลาดอย่างต่อเนื่องยาวนาน จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 GPZ900R ได้รับความนิยมอย่างสูง จึงมีการผลิตมาเกือบ 20 ปี รุ่นนี้ได้รหัสต่อท้ายว่า A-Type ซึ่งก็มีตั้งแต่ A1 ในปี 1984 จนถึง A12 ในปี 2000 ก่อนจะยุติสายการผลิตไปในที่สุด ละในแต่ละรุ่นก็มีการปรับปรุงเล็กๆน้อยๆมาเรื่อย และนี่คือ GPZ900R - A12 จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 10 ปีหลังจากการเปิดตัวของ GPZ900R รุ่นแรก เป็นเวลาที่คาวาฯต้องหาอะไรมาจัดการกับ Fireblade ของฮอนด้า โดยมอบหมายให้ Inamura Gyoichi ผู้ให้กำเนิด Z1 และ GPZ900R มาเป็นหัวหน้าโครงการอีกครั้ง ด้วยวิธีเดียวกันกับ Fireblade นินจาก็ใช้การนำเอา ZXR-750 สปอร์ทตัวแข่ง WSBK มาเป็นต้นแบบในการขยายขนาด เฟรมอลูมินั่มอัลลอยด์ขนาดใหญ่ การยัดช็อคหน้าแบบ Up-Side Down มาให้ ช็อคหลังแบบมี Sub-Tank เหน็บไว้ข้างรถ เปิดตัวในปี 1994 ในรหัส ZX-9R B1 ด้วยเครื่อง 4 สูบเรียง 899 ซีซี DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ 136.5 แรงม้าที่ 10,500 rpm แรงบิด 9.6 กก.-ม. ที่ 9,000 rpm เสริมพลังด้วยแรมแอร์คู่ และทำความเร็วปลายได้ถึง 280 กม./ชม. ถังน้ำมัน 20 ลิตร น้ำหนัก 215 กก. ยางหน้า 120/70-17 ยางหลัง 180/55-17 สวิงอาร์มทรงเรียว และคลัทช์ไฮดรอลิค กระปุกน้ำมันเบรคและคลัทช์เป็นอลูมิเนียมแบบรถทัวริ่ง เรือนไมล์มีวัดความเร็วให้ถึง 300 วัดรอบเข้าเรดไลน์ที่ 12,000 และสุดที่ 14,000 แต่... เทียบกับ Fireblade แล้วมันยังมีจุดอ่อน ถึงจะปั่นม้าออกมาได้มากกว่า แต่น้ำหนักตัว 215 กก.นั่นเป็นตัวปัญหา ในขณะที่ Fireblade ’94 หนักแค่ 185 กก. เบรคทำงานได้ไม่น่าประทับใจ การถ่ายทอดกำลังและระบบช่วงล่างของนินจาก็เน้นความนุ่มนวลมากกว่า ฟีลลิ่งการขี่ก็ออกในสไตล์ทัวริ่งมากกว่าจะเป็นสปอร์ท มาตรวัดที่แสดงผลครบถ้วนโดยเฉพาะวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ค่อยจะได้เห็นในรถสปอร์ท ความสะดวกสบายของท่านั่งในการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ถ้าแบกน้ำหนักไหวล่ะก็... Specification เครื่องยนต์ - 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบ - 899 cc. กระบอกสูบ x ระยะชัก - 73.0 x 53.7 mm. อัตราส่วนกำลังอัด - 11.5:1 คาร์บูเรเตอร์ - Keihin CVKD 40 mm. กำลังสูงสุด - 136.5 PS @ 10,500 rpm แรงบิดสูงสุด - 9.6 kg-m @ 9,000 rpm ความจุน้ำหล่อเย็น - 2.8 liter ถ่ายน้ำมันเครื่อง - แบบไม่เปลี่ยนกรอง 3.4 ลิตร / เปลี่ยนกรอง 3.5 ลิตร หัวเทียน - NGK CR9EK / ND U24ETR ระยะเขี้ยวหัวเทียน 0.7-0.8 มม. รอบเดินเบา - 1,100 rpm คลัทช์ - แบบเปียก หลายแผ่นซ้อนกัน/Hydraulic Control เกียร์ - 6 ระดับ อัตราทดขั้นแรก - 1.534 อัตราทดเกียร์ 1 - 2.857 อัตราทดเกียร์ 2 - 2.055 อัตราทดเกียร์ 3 - 1.650 อัตราทดเกียร์ 4 - 1.391 อัตราทดเกียร์ 5 - 1.222 อัตราทดเกียร์ 6 - 1.103 อัตราทดขั้นสุดท้าย - 2.750 (16/44) ระยะฐานล้อ - 1,440 mm. ความสูงถึงเบาะ - 800 mm. ความสูงจากพื้น - 125 mm. น้ำหนัก - 215 kg. ความจุถังน้ำมัน - 20 liter เบรคหน้า - จานคู่ขนาด 285 มม. เบรคหลัง - จานเดี่ยวขนาด 194 มม. ช็อคอับหน้า - Telescopic Up side Down ระยะยุบ 120 มม. ช็อคอับหลัง - เดี่ยว ระบบ Unitrak ระยะยุบ 135 มม. ยางหน้า - 120/70 ZR17 (36 psi) ยางหลัง - 180/55 ZR17 (42 psi) จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 1995 ใช้รหัส B2 ไม่ได้ทำอะไรภายนอก แต่ปรับภายในด้วยการ Remapping ระบบจุดระเบิด เพิ่มกำลังเป็น 141 แรงม้า จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปี 1996 โครงการนินจา 900 ใหม่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยเฉพาะมีข่าวว่า Yamaha จะมีโคตรรถออกมาเขย่าวงการ ทั้งฮอนด้าและคาวาฯรื้อโครงการปรับปรุงรถสปอร์ทพันธุ์ยักษ์ของตัวเองเตรียมรับศึกกันจ้าละหวั่น ตัวเก่าก็เลยทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ในส่วนของโครงสร้างและเครื่องยนต์ น้ำหนักขึ้นมาเป็น 218 กก. ใช้ชื่อว่า ZX-9R B3 จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แต่เปลี่ยนคาลิเปอร์เบรคหน้ามาเป็นแบบ 6 ลูกสูบ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพิ่มมือจับท้ายมาให้ น้ำหนักขึ้นมาเป็น 218 กก. จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปี 1997 รหัส B4 เปลี่ยนสีเปลี่ยนลาย จูนเครื่องใหม่ แรงม้าเท่าเดิม แรงบิดเพิ่มเป็น 9.8 กก.-ม. จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 1998 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เริ่มขึ้นในปีนี้เอง ZX-9R ได้รหัสใหม่เป็น C1 ทุกสิ่งทุกอย่างออกแบบใหม่หมด ถึงจะดูหน้าตาคล้ายรุ่นเดิมแต่ถ้าจอดเทียบกันล่ะก็ ขนาดมันผิดกันเลย ลดจนผอมเพรียวพอๆกับรถ 600 จนได้ ใช้ชื่อรหัสใหม่เป็น ZX-9R C1 เอาไฟ Park ออกจากแสกหน้า ถอดช็อคหน้า USD ทิ้งใส่ช็อคธรรมดาแทนขนาดมหึมาถึง 46 มม. คนอื่นเขาใช้แค่ 41 หรือ 43 มม.เอง แต่สปริงที่ใช้ดูมันจะนิ่มไปหน่อยอ่ะ เบรคหน้าคาลิเปอร์หกลูกสูบตัวใหม่ เบรคดีโคตรๆ เบรคหลังเป็นคาลิเปอร์แบบสไลด์ ลูกสูบเดียว ลดระยะฐานล้อลง 25 มม. ลดมุม Rake กับระยะ Trail ทำให้พลิกเข้าโค้งได้เร็วขึ้น ลดขนาดถังน้ำมันเหลือ 19 ลิตร ข้อสำคัญที่สุดคือลดน้ำหนักลงมาเหลือแค่ 183 กก. หายไปรวดเดียวสามสิบกว่าโล เครื่องยนต์ลูกใหม่ขนาดเล็กและเบากว่าเดิม ฝาครอบวาล์ว จานไฟ ครอบคลัทช์ และครอบสเตอร์หน้าทั้งหมดเป็นแมกนีเซียม เปลี่ยนมาใช้คอล์ยในปลั๊กหัวเทียนทั้ง 4 อัน ขยายขนาดกระบอกสูบและลดระยะชัก เพิ่มกำลังขึ้นเป็น 143 แรงม้าที่ 11,000 rpm แรงบิดเพิ่มเป็น 10.3 กก.-ม.ที่ 9,000 pm ลดน้ำหนักท่อนท้ายลงมากมาย หางแหลมเรียว เปลี่ยนไฟท้ายรูปสี่เหลี่ยมเป็นวงกลมสองวง และใช้ปลายท่อไทเทเนียม (บางคันอาจได้ปลายสเตนเลส ซึ่งจะมาพร้อมระบบกรองไอเสียที่ดีกว่า และแรงน้อยกว่า) สวิงอาร์มแท่งสี่เหลี่ยมตรงๆ ช็อคหลังมีซับแท็งค์แต่เป็นแบบแปะติดกับกระบอกช็อคไปเลย การบาลานซ์น้ำหนักจะไปลงล้อหน้ามากกว่า เวลาหมอบวิ่งทางตรงจะพุ่งไปข้างหน้าได้ดี หน้าไม่ลอยง่ายเหมือน R1 แต่ช่วงเข้าโค้งที่ต้องเงยขึ้น น้ำหนักหน้าหลังจะสมดุลย์กัน ทำให้เข้าโค้งได้นิ่ง จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอาขึ้นไดโนเทสท์ได้ม้าลงพื้นจริง 128 แรงม้าในขณะที่ R1 ได้มา 131 ตัว เอามาวิ่งจริงๆ ZX-9R ทำเวลาควอเตอร์ไมล์ได้ 10.26 วินาที ที่ 214.1 กม./ชม. ในขณะที่ R1 ทำได้ 10.25 ที่ 217.8 กม./ชม. ความเร็วปลายของ R1 ได้มา 278 กม./ชม. แต่ ZX-9R ทำได้ถึง 290 กม./ชม. น่าจะเป็นเพราะแรมแอร์ที่ออกแบบท่อทางเดินภายในใหม่ แต่ตันเร็วชะมัดเลย แมลงเข้าไปเพียบ ยิ่งตอนวิ่งผ่านดงธูปฤาษี อาการวูบมาทันทีเลย แต่ช่วงรอบต่ำ R1 มีกำลังมากกว่า ตอนคลานช้าๆในเมืองจะเห็นผลเลย ก็เครื่องใหญ่กว่านี่นะ จะขี่นินจา 900 ให้สนุกต้องเลี้ยงรอบไว้อย่าให้ต่ำกว่า 7,000 เร่งแต่ละทีมัน...xxxyyyxxxttt .สะจายยยย.. วิ่งที่ 200 แค่ดึงนิดเดียวก็ยกล้อหน้าได้สบายๆ เทียบกับ R1 แล้วชอบฟีลลิ่งในโค้งของนินจาที่โค้งความเร็วสูงมากกว่า R1 ที่มันดูหวิวๆเหมือนจะพับในโค้ง แต่ถ้าเป็นโค้งแคบต้องพลิกเร็วๆนินจาทำได้แย่กว่า จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คลัทช์ไฮดรอลิคเอาออกซะใส่คลัทช์สายมาให้ แต่ไม่หนักเท่าไหร่ กระปุกน้ำมันเบรคจากอลูมิเนียมก็เปลี่ยนเป็นแบบปั๊มลอย เรือนไมล์ใหม่แบบอิเลคทรอนิคเต็มระบบ บางเฉียบน้ำหนักเบาเหมือนของ Fireblade ในปีเดียวกัน มีจอ LCD 2 อัน ในมาตรวัดความเร็วและในกรอบวัดรอบ บอก Trip Meter นาฬิกา และอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นพร้อมไฟเตือนความร้อนเกิน แต่มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงหายไปแล้ว ตัววัดความเร็วใช้เซ็นเซอร์จับที่สเตอร์หน้าเหมือน Raider 150 บ้านเรา แต่เอาไปแสดงผลเป็นอนาล็อก เบานั่งบางและเพรียวกว่ารุ่นก่อนแต่นั่งสบาย...อย่างน้อยก็สบายกว่า R1 ล่ะ ขอเกี่ยวมัดของท้ายรถไม่มี แต่มีสายยางยืดสี่เส้นสั้นๆซุกไว้ใต้เบาะคนซ้อนยึดปลายด้านหนึ่งไว้กับตัวรถ มันคงไม่ได้เอาไว้มัดอะไรหรอกน่า แต่... มันมีไว้ทำหยังฟะ ราคาก็ถูก ตอนนั้นซื้อมาช่วงปี 2000-2001 พร้อมทะเบียนราคาสองแสนห้า แต่ตอนนี้ราคาพร้อมทะเบียนอยู่ที่แสนสามถึงแสนแปดตามสภาพ ถูกกว่า CB400SF V-Tec ซะอีก แต่อะไหล่มือสองหายาก ต้องเปิดพาร์ทสั่งเอา จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Specification เครื่องยนต์ - 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบ - 899 cc. กระบอกสูบ x ระยะชัก - 75.0 x 50.9 mm. อัตราส่วนกำลังอัด - 11.5:1 คาร์บูเรเตอร์ - Keihin CVKD 40 mm. / Kawasaki Throtle Responsive Ignition Control (K-TRIC) กำลังสูงสุด - 143 PS @ 11,000 rpm แรงบิดสูงสุด - 10.3 kg-m @ 9,000 rpm ความจุน้ำหล่อเย็น - 2.8 liter ถ่ายน้ำมันเครื่อง - 3.8 ลิตร หัวเทียน - NGK CR9EK / ND U24ETR ระยะเขี้ยวหัวเทียน 0.7-0.8 มม. รอบเดินเบา - 1,100 rpm คลัทช์ - แบบเปียก หลายแผ่นซ้อนกัน เกียร์ - 6 ระดับ อัตราทดขั้นแรก - 1.714 อัตราทดเกียร์ 1 - 2.271 อัตราทดเกียร์ 2 - 1.941 อัตราทดเกียร์ 3 - 1.556 อัตราทดเกียร์ 4 - 1.333 อัตราทดเกียร์ 5 - 1.200 อัตราทดเกียร์ 6 - 1.195 อัตราทดขั้นสุดท้าย - 2.563 (16/41) ระยะฐานล้อ - 1,415 mm. Rake/Trail - 24องศา/94 mm. ยาว x กว้าง x สูง - 2,040 x 718 x 1,155 mm. ความสูงถึงเบาะ - 810 mm. ความสูงจากพื้น - 160 mm. น้ำหนัก - 183 kg. ความจุถังน้ำมัน - 19 liter เบรคหน้า - จานคู่ขนาด 296 มม. คาลิเปอร์ 6 ลูกสูบ เบรคหลัง - จานเดี่ยวขนาด 184 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดียว ช็อคอับหน้า - Telescopic ระยะยุบ 120 มม. ช็อคอับหลัง - เดี่ยว ระบบ Unitrak ระยะยุบ 130 มม. ยางหน้า - 120/70 ZR17 (36 psi) ยางหลัง - 180/55 ZR17 (42 psi) ทุกอย่างได้มาพร้อมกับฉายา The Blade Eater เพราะในปีเดียวกันนี้นินจาเหนือกว่าเบลดทุกอย่าง (แต่แพ้ R1 ง่ะ) จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปี 1999 ทุกค่ายรวมทั้ง ZX-9 C2 ยังคงสงบนิ่ง ได้สีใหม่มาเท่านั้น ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ว่ามีการแก้ไขเรื่องแรมแอร์ที่เคยทำให้ไอดีเย็นจนเชื้อเพลิงกลายเป็นหยดเกาะผนังท่อไอดี [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปี 2000 ทุกค่ายฟาดฟันกันเต็มที่ Fireblade ก็มี 929 หัวฉีด ยามาฮ่ามี R1 รุ่นปรับปรุงใหม่ คาวาก็ปรับใหม่หมดเหมือนกัน ถึงจะเห็นเหมือนกับว่าต่างกันแค่รูปกายภายนอก แต่ความจริงแล้วปีนี้เปลี่ยนรหัสใหม่เป็น D1 และแน่นอนว่าต้องมีการเปลี่ยนครั้งใหม่ เฟรมใหม่ เครื่องยนต์ปรับไส้ในใหม่ ได้แรงม้าเพิ่มขึ้นตัวเดียวเป็น 144 แต่แรงบิดต่อเนื่องดีกว่า ECU ของใหม่ที่ทำงานละเอียดกว่าเดิม ไฟหน้ากลายเป็นสองดวงคู่ ย้ายแฮนด์ลงไปไว้ใต้แผงคอ ท่อนท้ายดูเหมือนเดิม เปลี่ยนล้อหลังจาก 5.5 นิ้วมาเป็น 6 นิ้วและยางจากเดิม 180/55-ZR17 มาเป็น 190/50-ZR17 เบรคหน้ายังคงเป็นคาลิเปอร์หกลูกสูบชุดเก่า เบรคหลังเปลี่ยนเป็นแบบสองลูกสูบ สวิงอาร์มจากกล่องสี่เหลี่ยมมาเป็นแบบหน้าตัดห้าเหลี่ยม จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เปลี่ยนเรือนไมล์อิเลคทรอนิคส์ชุดใหม่ เล็ก บาง เบากว่าเดิม จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 11:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คาร์บูใหม่แบบ Semi-Flat Slide ขนาด 40 มม.พร้อมระบบ K-TRIC เหมือนเดิมแต่ทำงานละเอียดขึ้น จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ช็อคอับหลังแบบปรับความสูงได้ด้วยการเสริมแผ่นชิมรองไว้ใต้หูยึดช็อค จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นิตยสารที่ทดสอบจัดให้ ZX-9R อยู่ในอันดับท้ายสุด ไม่ใช่เพราะมันไม่ดี แต่เป็นเพราะความเป็นกลางในทุกๆด้าน ทำให้ไม่มีอะไรโดดเด่นที่จะเป็นจุดทำคะแนนได้เลย แต่ทั้งหมดเห็นตรงกันว่ารถสปอร์ทระดับโอเพ่นคลาสที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ ก็ต้องนินจา 900 นี่แหละ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ปี 2001 เปลี่ยนลายใหม่ตามธรรมเนียม พร้อมกับขยับตัวเลขรหัสมาเป็น D2 จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปี 2002 มากับการเปลี่ยนแปลงทั้งรหัสใหม่ E1 เฟรมใหม่ ภายนอกต่างไปไม่มาก แต่ก็ปรับภายในหลายอย่างทั้ง ECU ที่มาเป็น 32 bit ปรับเปลี่ยนไส้ในของเครื่องยนต์อีกรอบเพื่อให้กำลังที่รอบกลางและรอบต่ำดีขึ้น และลดมลภาวะ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เบรคหน้าบอกลา Tokico เปลี่ยนมาเป็นแบบ 4 ลูกสูบของ Nissin แทน จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 บั้นท้ายเรียวแหลม เพรียวกว่าเดิมเยอะ และมือจับท้ายหายไปแล้ว จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สวิงอาร์มใหม่แบบดามเสริมความแข็งแรง และช็อคอับหลังใหม่มีครีบระบายความร้อนที่ซับแท็งค์ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ปี 2003 สถานการณ์คุกรุ่น รอระเบิดปีหน้า ก็เลยมีเพียง E2 กับลายใหม่ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปี 2004 เปลี่ยนรหัสใหม่เป็น ZX1000 C1 กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างป็นเทคโนโลยีขั้นก้าวหน้าทั้งหมด ไม่มีการเอาของเก่ามาใช้เลย ภายนอกลดขนาดลงมาจนเหลือแค่พอๆกับ NC30 ไฟหน้าสองดวงคู่แล้วมีไฟปาร์คเล็กอยู่คู่ใน ช่องแรมแอร์ขนาดใหญ่เป็นโพรงตรงกลางแสกหน้าดูแปลกตา แต่อัดอากาศได้ประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมมากมาย ไฟเลี้ยวหน้าฝังในแฟริ่ง ช็อคอับหน้าแบบ USD และบางแห่งมีการเคลือบ DLC (Diamond Like Carbon) ที่แกนช็อค คาลิเปอร์หน้าแบบสี่ลูกสูบและจานเบรคแบบขอบหยักทั้งหน้า-หลัง ท่อไทเทเนียมตลอดเส้นแต่ปลายท่อมีเปลือกอลูมิเนียมหุ้มทับอีกชั้นนึง รูปทรงแบบสปอร์ทเต็มตัวไม่มีแฝงความเป็นทัวริ่งอีกต่อไป จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไฟท้าย LED และไฟเลี้ยวที่เน้นความเล็ก แต่ดูยังไงก็พิลึก จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เฟรมอลูมินัมทวินสปาร์สีดำ หนา 2.5 มม. เล็กกว่า เบากว่า แข็งแรงกว่า ตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สวิงอาร์มแบบดามเสริมความแข็งแรง ฝั่งซ้ายมีช่องร้อยโซ่ ฝั่งขวาปิดทึบเพื่อความเข้ม สวย ดุ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ล้อหกก้านรุ่นใหม่ ที่บาง เบา แต่แข็งแรงกว่าเดิม ช่วงแรกมีปัญหาในการขึ้นรูป ทำให้ต้องมีการรีคอลเมื่อพบว่าล้อหน้าของรถ 4 คันมีรอยร้าวภายใน แต่ก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ฝาครอบท้ายทรงสวยที่ให้มาเป็นมาตรฐาน จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรือนไมล์ดิจิตอลทั้งระบบ ไม่มีเข็มให้เห็นอีกแล้ว และกุญแจอิมโมบิไลเซอร์ที่กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยุคใหม่ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เครื่องยนต์ทรงพลังลูกใหม่ที่มีขนาดเล็กยิ่งกว่าเครื่องขนาด 600 แต่ปีนี้นินจาได้หัวใจขนาด 1000 ซีซี. จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด EFI วางตำแหน่งเพลาข้อเหวี่ยงและเพลาเกียร์ทั้งสองชุดเป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อลดขนาด สปริงวาล์วอลูมินัมอัลลอยด์ที่มีหน้าตัดเป็นรูปงรี ใช้เพียงแค่ตัวเดียวไม่ต้องซ้อนสองชั้นเหมือนรุ่นก่อน กำลังอัดขนาด 12.7 : 1 อาศัยหัวเทียนอิริเดียมเป็นตัวจุดระเบิดด้วยไฟแรงสูงจากระบบ Direct Coil และส่งผ่านไอเสียออกทางท่อไทเทเนียม โดยมีระบบวาล์วไอเสียไทเทเนียมเช่นกันมาคอยกั้นเพื่อให้ได้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำๆ ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำรูปโค้งขนาดใหญ่ และออยล์คูลเลอร์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำซุกไว้ภายใน เกียร์ Close Ratio 6 Speed เฟืองเกียร์บางกว่าแต่วัสดุยุคใหม่ทำให้มันแข็งแรงกว่าเดิม จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ท่อไอดีขนาด 43 มม. กับลิ้นเร่งคู่ ชุดหน้าทำงานด้วยสายคันเร่ง ก่อนจะผ่านไปถึงลิ้นเร่งไฟฟ้าที่ควบคุมด้วย ECU 32 bit จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผ่าดูไส้ในของลิ้นเร่งทั้งสองชุดและหัวฉีด จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 Clutch Slipper หรือ Torque Limiter ช่วยยกคลัทช์เมื่อมีแรงต้านมาจากล้อหลัง ช่วยลดอาการล้อล็อคหรือกระชากแรงเมื่อลดเกียร์ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผลรวมออกมาด้วยกำลัง 175 แรงม้าที่ 11,700 rpm กับแรงบิด 11.7 กก.-ม. ที่ 9,500 rpm เมื่อบวกด้วยผลของแรมแอร์จะได้กำลังเพิ่มเป็น 184 แรงม้าบนน้ำหนักตัว 170 กก. แค่เกียร์ 1 ก็ทำความเร็วได้ถึง 145 กม./ชม. Specifications เครื่องยนต์ - 4 สูบเรียง DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบ - 998 ซีซี. กระบอกสูบxระยะชัก - 76.0 x 55.0 มม. อัตราส่วนกำลังอัด - 12.7 : 1 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง - หัวฉีด EFI ของมิคูนิ ท่อไอดี 43 มม. กำลังสูงสุด - 175 แรงม้า (128.7 kW) ที่ 11,700 rpm เพิ่มกำลังด้วยแรมแอร์ - 184 แรงม้า (135.3 kW) ที่ 11,700 rpm แรงบิดสูงสุด - 11.7 กก.-ม. (115 Nm) ที่ 9,500 rpm ระบบส่งกำลัง - เกียร์ 6 ระดับ กันสะเทือนหน้า - Telescopic Up Side Down เคลือบแกนช็อคด้วย DLC ขนาดแกน 43 มม. ปรับ Compress และ Rebound 16 ระดับ และปรับสปริงพรีโหลด รยะยุบ 120 มม. กันสะเทือนหลัง - ระบบ Uni-Trak ช็อคอับแก๊ส ปรับ Compress แบบต่อเนื่อง ระยะยุบ 125 มม. มุม Rake/ระยะ Trail - 24 องศา/102 มม. มุมเลี้ยวซ้าย/ขวา - 27/27 องศา เบรคหน้า - จานคู่ขนาด 300 มม. คาลิเปอร์แบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ เบรคหลัง - จานเดี่ยวขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวแบบสไลด์ ยางหน้า - 120/70ZR17M/C (58W) (F) ยางหลัง - 190/50ZR17M/C (73W) (R) ยาวxกว้างxสูง - 2,045 x 705 x 1,115 มม. ระยะฐานล้อ - 1,385 มม. สูงจากพื้น - 125 มม. เบาะนั่งสูง - 825 มม. ถังน้ำมันจุ - 17 ลิตร น้ำหนักรถเปล่า - 170 กก. จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ปี 2005 ไม่มีอะไร เพิ่มสีเทาขึ้นมาอีกสี จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ปี 2006 ปรับใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เครื่องยนต์ยังเหมือนเดิมแต่ปรับจูน ECU ให้ทำงานเหมาะสมขึ้นกว่าเดิม แก้ไขจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆ เปลี่ยนเฟรมใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิมและเพิ่มมุม Rake เป็น 24.5 องศาโดยระยะ Trail ยังเท่าเดิมทำให้ตัวรถไสมดุลย์ดีขึ้น หม้อน้ำใหม่ระบายความร้อนดีขึ้น แฟริ่งใหม่ที่ทำให้หน้าตา..จะว่าสวยก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด เอาเป็นว่ามันแปลกก็แล้วกัน แต่ได้ผลเรื่องแอโร่ไดนามิกอีกมาก จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ท่อนท้ายเปลี่ยนใหม่ ไฟเลี้ยวรวมอยู่ในแฟริ่งท้าย ท่อไอเสียแบบ 4-2-1-2 ไม่ไปออกใต้เบาะ แต่เลียบแนวข้างท้ายรถไป จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เรือนไมล์เปลี่ยนใหม่ กลับมาใช้เข็มแบบเดิมแต่ดูไฮเทคกว่าเดิมอีก และแบบนี้คิดว่ามันสวยกว่าเดิมมากมาย จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวิงอาร์มหลังทรงใหม่ ยืดระยะฐานล้อออกไปอีก 5 มม. จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ใส่กันสะบัดโอลินมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 44 Specifications เครื่องยนต์ - 4 สูบเรียง DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบ - 998 ซีซี. กระบอกสูบxระยะชัก - 76.0 x 55.0 มม. อัตราส่วนกำลังอัด - 12.7 : 1 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง - หัวฉีด EFI ของมิคูนิ ท่อไอดี 43 มม. กำลังสูงสุด - 175 แรงม้า (128.7 kW) ที่ 11,700 rpm เพิ่มกำลังด้วยแรมแอร์ - 184 แรงม้า (135.3 kW) ที่ 11,700 rpm แรงบิดสูงสุด - 11.7 กก.-ม. (115 Nm) ที่ 9,500 rpm ระบบส่งกำลัง - เกียร์ 6 ระดับ กันสะเทือนหน้า - Telescopic Up Side Down เคลือบแกนช็อคด้วย DLC ขนาดแกน 43 มม. ปรับ Compress และ Rebound 16 ระดับ และปรับสปริงพรีโหลด รยะยุบ 120 มม. กันสะเทือนหลัง - ระบบ Uni-Trak ช็อคอับแก๊ส ปรับ Compress แบบต่อเนื่อง ระยะยุบ 125 มม. มุม Rake/ระยะ Trail - 24.5 องศา/102 มม. มุมเลี้ยวซ้าย/ขวา - 27/27 องศา เบรคหน้า - จานคู่ขนาด 300 มม. คาลิเปอร์แบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ เบรคหลัง - จานเดี่ยวขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยวแบบสไลด์ ยางหน้า - 120/70ZR17M/C (58W) (F) ยางหลัง - 190/50ZR17M/C (73W) (R) ยาวxกว้างxสูง - 2,045 x 705 x 1,130 มม. ระยะฐานล้อ - 1,390 มม. สูงจากพื้น - 125 มม. เบาะนั่งสูง - 825 มม. ถังน้ำมันจุ - 17 ลิตร น้ำหนักรถเปล่า - 175 กก. จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ปีต่อไปจะมีอะไรมาซัดกับ R1 ตัวใหม่ โปรดติดตามชม และเช่นเคยค่ะ ขอแรงท่านผู้ติดตามชมช่วยโหวตเก็บเข้าคลังกระทู้เก่าด้วยน๊า~* จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 16 พ.ย. 49 12:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบครับ วันหลังเอารุ่นอื่นๆมาให้ดูบ้างนะครับ ขอบคุณครับบ จากคุณ : AMIYAMA - [ 16 พ.ย. 49 12:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบพระคุณมากครับผม ได้อ่านของคาวาแล้วนึงถึงตอนสมัยวัยรุ่น ชอบ ตัว400ซีซี ปี95 มากเลยครับ ถึงตอนนี้ ยังคิดอยากหาไว้ในครอบครองอยู่เลยซัก1คันครับ จากคุณ : Lerpong13 - [ 16 พ.ย. 49 12:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณเจ๊ที่นำประวิติรถมาให้อ่าน เลิกงานมีเวลาจะมาอ่านอย่างละเอียดครับ จากคุณ : cbrzoom - [ 16 พ.ย. 49 12:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณมากเหมือนกัน ผมก็ชอบตระกูลนินจา เคยขี่ในรุปที่ 5 ทุำกวันนี้แม้จะขับรถ แต่จิตวิญญาณยังชอบมอเตอร์ไซค์อยู่ทุกลมหายใจครับ จากคุณ : SLI (SLI) - [ 16 พ.ย. 49 12:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Save เก็บ อิ อิ จากคุณ : un750 - [ 16 พ.ย. 49 13:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จากคุณ : *380 Z - [ 16 พ.ย. 49 13:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ชอบมากกกกกกกกกๆๆๆคับ ขอให้มี มาอ่านอีนนะคับ(อยากได้เรื่องnc30 nc35 นะคับ) ขอบคุณคับ จากคุณ : well__ - [ 16 พ.ย. 49 13:39:39 A:125.24.131.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ ใน Blog เจ๊ เค้ามีเรื่อง NC30 NC35 อยู่นะเข้าไปอ่านได้ ช่วยกัน Add เข้า คลังกระทู้ด้วยนะคับ จากคุณ : องครักษ์พิทักษ์สาวๆ - [ 16 พ.ย. 49 14:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมากกก ครับ จากคุณ : malldeff - [ 16 พ.ย. 49 15:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 55 หูยๆๆๆๆๆ มีของดีเข้ามา ช่วยกันเก็บเข้าคลังเร้ว.... จากคุณ : Nemomancear - [ 16 พ.ย. 49 15:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณครับ กระทู้ดีๆแบบนี้ โหวตเก็บเข้าคลังกระทู้ให้เลย จากคุณ : REX-REX - [ 16 พ.ย. 49 15:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณมากคร้าบ......... ได้ความรู้จิงๆ จากคุณ : sadism - [ 16 พ.ย. 49 16:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แล้ว GPX 750R หายไปจากตำนานเมื่อไหร่หว่า อยากทราบความเป็นมาด้วนครับ ขอบคุณ จากคุณ : suchart_1979 - [ 16 พ.ย. 49 16:21:48 A:10.25.1.30 X:202.44.8.100 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อืม.. หน้า Zx6R + หนัง R1 นี่เอง หมายถึงมันคล้ายน่ะครับ สวยดีครับ ชอบๆๆ เห็นแล้วอยากขับ ว่าแล้วก็ไปหวด Tourist trophy เกม Bigbike ที่สมจริงที่สุด แก้ขัดไปก่อนดีกว่า อิ อิ อิ จากคุณ : pabada - [ 16 พ.ย. 49 16:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ปี 04 สีเขียว ตัวในฝันผมเลยล่ะ อิอิ จากคุณ : RH_MayBee - [ 16 พ.ย. 49 17:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เข้าไปอ่านใน Blog ของเจ๊ฯ มา  ชอบเพลง ผู้หญิงข้าฯ ครับ จากคุณ : ลูกเป็ดตกมัน - [ 16 พ.ย. 49 18:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ปรบมือให้เลยครับ จากคุณ : เตียเป๋งลิ้ม - [ 16 พ.ย. 49 22:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แจ่มเลย กิเลสทั้งนั้น จากคุณ : เด็กวานซื้อโอเลี้ยง - [ 16 พ.ย. 49 23:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เข้ามาปรบมือ ด้วยความซาบซึ้งใจ !!!   เยี่ยมๆๆ  ... จากคุณ : Mr. Poomkrai - [ 17 พ.ย. 49 05:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาและช่วยเก็บกระทู้ให้ค่ะ GPX 750 นั้นแทรกเข้ามาระหว่างที่ GPZ กำลังดัง เหตุผลคือเพื่อให้เป็นตัวแข่ง WSBK เปรียบกับ GPZ แล้วมันแรงกว่า เบากว่า เป็นรถแข่งสร้างชื่อให้คาวาในยุคนั้น อดีตแชมป์โลกอย่างเอ็ดดี้ ลอว์สัน และเวย์น เรนนี่ก็เคยผ่านการแข่ง WSBK ด้วย GPX750 มาแล้ว แต่ช่วงปี 89 รูปแบบของรถก็เปลี่ยน GPX ทนรับศึก WSBK ไม่ไหว เฟรมเหล็ก รถทรงทื่อๆมันตกยุคชนิดกู่ไม่กลับจริงๆ ZXR750 ก็เลยเข้ามาแทนที่ แล้วก็ประสบความสำเร็จอีกพอควรก่อนที่จะเปลี่ยนรุ่นมาเป็น ZX7R   ส่วน GPX750 ก็ยุติการผลิตไปในปี 90 นี่เองค่ะ จากคุณ : หกขาสองหางสี่ปีก - [ 17 พ.ย. 49 06:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณครับ ชอบจังเลยกระทู้แบบนี้ จากคุณ : e20vni - [ 17 พ.ย. 49 08:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 67 หามานาน ขอบคุณครับ จากคุณ : -ขวัญเอย- - [ 17 พ.ย. 49 09:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ด้วยความเคารพนะครับ สุดยอดเรยยยยเจ้ ที่สุดของยอด ข้อมูลเยอะมากกกกก เจ้คร๊าบบบ เจ้ทำโผ๊มมมนอนไม่หลับคร๊าบบบ กิเลสเกิด นี่ถ้าขาถึงนะ จะขายเวสป้าแล้วก็โขมยตังค์แม่มาซื้อไอ้นี่ขี่เจงเจงงงงงงงงง จากคุณ : จืด ลาดปลาเค้า - [ 17 พ.ย. 49 19:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 69 /////////////////////////////////////////////////////////// [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ม้าเฉียว เสฉวน - [ 17 พ.ย. 49 20:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 70 .......................................................................... [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ม้าเฉียว เสฉวน - [ 17 พ.ย. 49 20:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ชอบๆ นิจาเจ๋งไปเลยชอบไม่แพ้ก่ะ แบล็คเบิด ฮายะบ้าพลังไป อาวันตุ้งติ้งไปนิด ขอบคุณคร้าบบบบบ จากคุณ : SkillFull - [ 18 พ.ย. 49 04:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณครับ สุดยอดจริง ๆ จากคุณ : Aladdin. - [ 18 พ.ย. 49 21:29:51 ]