ความคิดเห็นที่ 4
รถพวกนั้น ส่วนใหญ่ต้องทำอีกเยอะ ผมดูมาสองปี แทบทุกที่ ที่มีการประมูลในกรุงเทพ
สภาพที่เอามา ต้องทำทั้งนั้น มากน้อยขึ้นอยู่กับประสบการณ์
พวกที่ซื้อมาขาย จะเน้นที่ตัวถังภายนอก+เก็บงานภายใน ว่าคุ้มมั๊ย เมื่อเทียบกับ สภาพรถ+ความยากง่ายในการขายออก ไม่ค่อยเน้นเครื่องยนต์ ขอแค่ไม่มีควันขาว เดินเรียบ ไม่มีเสียงวาล์วเข็ก เป็นใช้ได้ ถ้าแอร์เย็นได้ ยิ่งดี
ส่วนเราๆ ที่คิดว่าจะไปซื้อมาใช้เอง หากมีความสามารถด้านช่าง ก็ถือว่าคุ้ม หรือไม่ก็มีเพื่อนที่เปิดอู่ ก็จะดีไม่น้อย
มิฉะนั้น อาจจะได้รถถูกมาจริง แต่เวลาเข้าอู่ กลับโดนฟันซะงั้น
อีกอย่าง เช็คราคาตลาดของรถรุ่นที่จะซื้อด้วย ยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น ราคาประกาศขายหน้าเต๊นท์อยู่ที่ 400,000 ราคาจบจริง อาจจะอยู่ที่ 360,000 ราคาที่เต๊นท์ซื้อเข้า อาจจะอยู่ที่ 3 ต้นๆ
ดังนั้น คนที่จะขายจริงๆ มักจะโพสขายเองบนเน็ต โดยอาจจะนำรถตัวเองไปให้เต๊นท์ตีราคาหลายๆที่ แล้วบวกอีกนิดหน่อย ก็จะขายได้ไว เพราะราคาถูกกว่าเต๊นท์ และตัวเองได้กำไรมากกว่าขายให้เต๊นท์
แนะนำว่า หารถบ้าน น่าจะชัวร์กว่า
หากสนใจจะประมูลจริงๆ มีข้อสังเกตนิดหน่อยคือ - เช็คราคากลางรถที่จะประมูล - ตรวจรายละเอียดการจดทะเบียน ว่าหมายเลขตัวถังและเครื่องยนต์ตรงตามคู่มือรึปล่าว? - ดูตัวถังว่าผ่านการชนมาหนักมากน้อยแค่ไหน - ดูเงื่อนไขว่า รับประกันคืนเงิน กรณีโอนไม่ได้รึปล่าว เพราะบางกรณี ไม่รับผิดชอบเรื่องการโอน หรือถึงคืนเงิน แต่ก็ไม่คืนค่าจัดการประมูลให้ - ดูภาษีด้วย ว่าขาดต่อกี่ปี เพราะรถบางรุ่น อาจเสียภาษีปีละเป็นหมื่น หากขาดต่อ 5 ปี บวกค่าปรับด้วย คุณอาจเป็นลม - รถบางคัน อาจถูงแจ้งยกเลิกใช้รถ คุณอาจจะต้องไปแจ้งขอทะเบียนใหม่ ซึ่งทำให้เสียสิทธิการลดหย่อนภาษี 50 % - อย่าลืมบวกค่าภาษีที่ต้องจ่าย ค่าโอน ค่าประมูล ค่าแวต และค่าซ่อมแซมอีกด้วยนะครับ
ยกตัวอย่าง หากคุณดูสามห่วงไว้ ราคารถปีเดียวกัน ในตลาดขายอยู่ที่ 160,000- พร้อมใช้ คุณต้องเผื่อค่าซ่อมแซมไว้ล่วงหน้า 30,000- ค่าโอน ค่าจัดการประมูล ค่าภาษี และแวต รวม 12,000- เบ็ดเสร็จแล้ว 42,000- ราคาเปิดประมูล 60,000- คุณจะสู้ได้เต็มที่ ไม่เกิน 100,000-
ขอให้โชคดีครับ
จากคุณ :
คนบ้านไกล
- [
22 มี.ค. 50 18:02:13
]
|
|
|