ความคิดเห็นที่ 1 "ทำอะไรตามใจ คือ ไทยแท้" 55555.... จากคุณ : long_do - [ 10 เม.ย. 50 10:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คงเคยเห็นนะครับ บางบ้านเป็นทาวเฮ้าส์เล็กๆ แต่โทษทีมีรถ 3-4 คัน จอดเต็มซอย  เอาไปจอดขวางหน้าบ้านคนโน้นคนนี้ ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว  บางทีก็เอาไปจอดตามถนน เจอขโมยขโจรอีก   เฮ้อ.. มั่วจริงๆนะ .............. จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 10:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รถอายุเกิน10ปี นำไปบดเป็นขยะซะ ควบคุมปริมาณรถแท๊กซี่ วางผังเมืองใหม่ทั้งหมด เวนคืนที่ได้ เวนฯไปซะ จากคุณ : A.R.T. - [ 10 เม.ย. 50 10:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไร้สาระครับ งั้นคนอยู่คอนโด เช่าบ้านอยู่ก็ไม่ต้องมีรถงั้นเหรอ บางคนก็ใช้รถหากินนะครับ การแก้ไขปัญหารถติด พูดมาหลายทีแล้วว่าลดจำนวนรถไม่ได้ผล มันเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ สาเหตุอยู่ที่การกระจายความเจริญต่างหาก ทุกวันนี้ ตอนเช้าคนมุ่งหน้าไปทางเดียวกันหมด สีลม สาธร รัชดา เพราะเป็นแหล่งอ๊อฟฟิศ ตอนเย็นขาออกเมืองก็ติด ก็เพราะคนส่วนใหญ่ก็มีบ้านอยู่ชานเมืองทั้งนั้น ถ้ากระจายความเจริญ ขยายอ๊อฟฟิศไปชานเมือง วางระบบสาธารณูปโภคและขนส่งมวลชนรองรับ แทนที่ทุกคนจะมุ่งหน้าเข้าสีลมกันหมด ก็อาจจะมุ่งหน้าไปที่อื่น ไม่กระจุกตัวกันที่เดียวแบบทุกวันนี้ สมมติรัฐสร้างเมืองอ๊อฟฟิศที่หนองจอก มีระบบรถไฟฟ้าหรือรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับในเมือง อนุโลมเป็นเขตภาษีพิเศษซัก 5 ปี(คล้ายๆกับนิคมอุตสาหกรรม) คนซัก 20% ก็จะมุ่งหน้าสู่หนองจอก ลดปริมาณรถเข้าเมืองได้ 20% ชิลๆ จากคุณ : Dju:k - [ 10 เม.ย. 50 10:58:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แบบคห.3 รถเกิน 10 ปี บดเป็นขยะ รถหายไปเกือบครื่งนะผมว่า  บริษัทรถจะยิ้มเลยเหรอเปล่า  แต่ว่าคนซื้อรถก็คงคิดหนักเหมือนกันนะ แล้วคนใช้รถเกิน 10 ปีอยู่จะยอมหรือเปล่า.... ...   ควบคุมปริมาณแท๊กซี่ ก็ดาบ 2 คม เหมือนกันนะ  ถ้าแท๊กซี่ มีน้อย ไม่สะดวก  คนจะขับรถส่วนตัวออกมาเพิ่มหรือเปล่า ก็น่าคิด จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 10:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บางบ้านที่ไม่เนื้อที่ ผมก็เข้าใจนะว่ารถมันจำเป็นต้องใช้ ถึงแม้เนื้อที่ของบ้านพักจะไม่อำนวย แต่ก็จำเป็นต้องหามาใฃ้งาน เป็นกฏหมายที่ผมเห็นด้วยนะครับ แต่จะทำได้จริงๆหรือในเมืองไทย เพราะเห็นคนอยู่ตึกแถว ห้องแถว หรือแม้กระทั่งห้องเช่า ก็มีรถใช้กันทุกคน และส่วนใหญ่ ก็เห็นจอดหน้าบ้านตัวเองทั้งนั้น แต่ถ้าสามารถทำได้จริงๆ ก็จะดีมากๆเลยครับ เพราะจะได้พื้นที่ถนนกลับมาแยะมากเลยทีเดียว อ้อ! ผมไม่ได้มองว่ากฏหมายนี้จะทำให้รถติดน้อยลงนะครับ แต่ผมมองว่า ถ้าทำได้จริงๆ การใช้รถใช้ถนนของคนในบ้านเรา จะมีระเบียบวินัยและคิดถึงคนอื่นมากขึ้น เท่านั้นเองครับผม แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 11:11:44 จากคุณ : walongkorn - [ 10 เม.ย. 50 11:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่แน่ใจว่าก่อนสร้างคอนโด นี่ต้องยื่นแบบ แล้วในแบบต้องระบุที่จอดรถด้วยนี่ครับ ว่าต้องมี  รอท่านๆ ต่อไป มาเฉลย จากคุณ : บุญมีแต่กรรมบัง - [ 10 เม.ย. 50 11:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห.4 ครับ  คอนโดนี่ มีกรรมสิทธิ์ ที่จอดรถ ไม่ใช่เหรอครับ   แล้วเช่าบ้านอยู่ ก็น่าเช่าที่จอดรถด้วยนะ ผมว่า    คงไม้ถึงกับไร้สาระมั๊งครับ  แต่ผมสงสัยว่าเมิองหลวง ที่เค้ามีกฎหมายแบบนี้ เค้ามีรายละเอียดยังไง ใครรู้บอกที จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 11:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เชี้ยมากครับ บางบ้านราคารถรวมกันยังแพงกว่าบ้านมันอีก ทีนี้ที่จอดไม่พอมันก็เอาจอดแถวหน้าบ้านคนอื่น น่าจะมีกฏแบบนี้นานแล้ว ถ้าจะแก้จริงๆ แก้ที่ระบบขนส่งมวลชนให้มัน work กว่านี้ จะมีใครซักกี่คนอยากขับรถไปทำงานเอง ไปเผชิญรถติด แถมต้องเสี่ยงกับการเฉี่ยวชนทุกวัน จากคุณ : Alien From Mars - [ 10 เม.ย. 50 11:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยครับ และผมยินดีที่จะขายรถผมทันที จากคุณ : JoeRazz - [ 10 เม.ย. 50 11:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โคตรเห็นด้วยครับ จากคุณ : MaSaChi - [ 10 เม.ย. 50 11:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นนักครับ แต่ก็เห็นด้วยส่วนหนึ่ง การแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือ การทำระบบขนส่งมวลชน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ครับ นี่คือ สิ่งแรก ที่ต้องทำ ส่วนเรื่องการมีที่จอดรถก่อน ถึงจะมีสิทธิ์ซื้อรถได้ ก็น่าทำครับ แต่ยังไม่ใช่สิ่งแรกที่จะต้องทำ แต่ถ้าจะทำ ก็ต้องมีตั้งคณะกรรมการพิจารณาพื้นที่ที่จอดรถขึ้น ระบุลงไปชัดเจนว่า จุดใด เป็นจุดจอดรถประจำ จุดใดเป็นจุดจอดรถจร ซึ่งไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่จะทำได้ บ้านหลังนึง ก็ต้องให้เค้าเข้าไปตรวจสอบว่าจอดรถได้กี่คัน ไม่ใช่เอาที่อยู่บ้านเราหลังเดียวไปจดรถตั้งไม่รู้กี่คันสุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม บนถนนหนทางในซอยบ้านต่าง ๆ ก็ต้องตีกรอบเป็นพื่นที่สำหรับจอดรถที่ลงทะเบียนไว้ (ตามแบบญี่ปุ่น) สนุกแน่ครับ ถ้าทำกันจริง จากคุณ : นามแฝงที่จะใช้ในเว็บ - [ 10 เม.ย. 50 11:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องแยกเป็นสองประเด็นนะครับ เรื่องที่จอดรถ กับเรื่องรถ 10 ต้องทิ้งอะครับ เรื่องที่จอดรถ รู้อยู่สองประเทศ ประเทศอื่นไม่รู้อะครับ 1.ญี่ปุ่น จะซื้อรถ ต้องมีหลักฐานว่ามีที่จอดรถ (ใบเช่าที่จอดรถ มีบ้าน ฯลฯ) แต่ที่มีบ้าน ผมไม่แน่ใจว่าเค้านับไหม บ้านนี้มีกี่คันแล้ว ไรงี้ 2.อเมริกา จะซื้อรถ มีใบขับขี่ ก็ซื้อได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ดูที่จอดรถ แต่ที่โน่น กฏหมายเค้าเข้ม ถ้าห้ามจอด ก็คือห้ามจอด เค้ามีคนที่ทำหน้าที่ให้ใบสั่ง คอยขับรถตุ๊ก ๆ (พลังไฟฟ้า) วนรอบ ๆ ตามส่วนรับผิดชอบ แล้วคอยเขียน ticket ให้ ... ประมาณ 25 หรือ 30 เหรียนต่อครั้ง อ้อ ต้องเน้นอย่าง ถนนของเมกา ตรงที่เค้าให้จอด เค้าทำ block สีไว้ให้จอดเลยนะครับ แล้วก็จะมีกล่องหยอดเหรียน (แบบที่เราเคยมีเมื่อสัก 20 ก่าปีก่อน) ใครจอด แต่ไม่หยอด รถกลับมา ก็เอาตั๋วไปกิน ไม่ใช่ให้จอดกินเลนไป 1 เลนแบบประเทศไทย (ทำถนนสามเลน กะว่าให้รถวิ่งสบาย แต่พอทำเสร็จ ก็จะเหลือ 2 เพราะว่าอีก 1 กลายเป็นที่จอดรถ) ส่วนเรื่องรถเกิน 10 ปี สองประเทศที่ว่า ไม่เห็นเค้าทำกันครับ ของ 1.ญี่ปุ่น รถยิ่งเก่า ภาษี และค่าอะไรต่าง ๆ เค้าจะแพงขึ้น ไม่ใช่ถูกลง และรถเค้า ก็ไม่ใช่ว่าจะราคาแพง 2.อเมริกา รถยิ่งเก่า ภาษี จะถูกลง แต่ค่าแรงการซ่อม แพงโคด ๆ (แพงเท่ากัน แต่รถเก่า ยิ่งเก่ายิ่งซ่อม) เรื่องอายุรถเนี่ย จริง ๆ เค้าช่วยในด้านมลพิษมากกว่าครับ ดังนั้น ทั้งสองประเทศ เค้าจะเข้มมากเรื่องการตรวจสภาพประจำปี ไม่ใช่เหมือนของเรา ไม่ต้องเอารถเข้าไป ยังได้ใบตรวจสภาพมาได้เลย ... ดังนั้น ในญี่ปุ่น จะเห็นว่ารถเก่าเค้า จะทิ้ง + ขายซากซะเป็นส่วนใหญ่ (ซากก็มาบ้านเราส่วนหนึ่ง อยู่ในเซียงกง) เพราะว่า มันไม่คุ้มที่จะเก็บ ซื้อใหม่ ดีกว่า ใหม่กว่า นอกจากพวกรถคลาสสิกเท่านั้นที่เค้าจะเก็บ ส่วนของเมกา ถึงรถเค้าจะเก่า แต่ถ้าไปตรวจ smock check ไม่ผ่าน ก็ต่อทะเบียนไม่ได้ แล้วก็ต้องซ่อมจนกว่าจะผ่าน (เค้าจะมีกฏไว้ว่า ต้องซ่อมจนผ่าน หรือค่าซ่อมที่จ่ายไปแล้ว เกินกี่ร้อยเหรียน หรือพันเหรียนก็ว่าไป ฯลฯ) ส่วนไอ้เรื่องที่จอดรถ เมืองไทย มันไม่ยากนี่ครับ ถ้าที่จอดของตัวเองไม่มี ก็ไปหาเพื่อน บ้านที่เค้ามีหลังใหญ่ ๆ ก็ทำเรื่องเป็นจอดบ้านนั้น ไรงั้น ไม่ยาก... ส่วนเรื่องรถเก่า ผมคิดว่า เก็บภาษีเพิ่ม น่าจะดี เพราะบางคัน สภาพ ไม่น่าจะวิ่งได้เลยแล้วไอ้ smock check ของเรา น่าจะทำให้มันจริง ๆ จัง ๆ กว่านี้ เพราะแบบที่บอก เพื่อนผมบางคน มันเอาสมุดไปให้อู่ที่รับต่อทะเบียนบางอู่ แล้วก็กลับเลย อีกสองวัน ไปรับสมุด+ป้ายวงกลม+จ่ายตัง จบ รถมัน ไม่เคยต้องตรวจสภาพจริง ๆ สักที จากคุณ : j - [ 10 เม.ย. 50 11:25:54 A:58.64.46.37 X: TicketID:121725 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้โดนใจ เห็นด้วยสุดๆ อยากให้เก็บค่าจอดรถบนถนนสาธารณะด้วย จำเป็นจริงๆถึงจะจอด จำเป็นจริงๆถึงจะซื้อรถ จากคุณ : sepialight (sepialight) - [ 10 เม.ย. 50 11:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่านโยบาย การแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจากงานก่อสร้าง ตัดถนนใหม่ทำสะพานลอย .............เวงกำจริงๆ คนกทม.    และที่สำคัญ ถ้าออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการจำกัดจำนวนรถ  อาจจะต้องมีคนเสียสละ บางทีมันก็ยากสำหรับคนไทย  มันจะต้องมีคนคัดค้าน ต่อต้าน รัฐบาลไทย ไม่ค่อยกล้าทำเรื่องแบบนี้หรอก เพราะเสี่ยงกับคะแนนนิยม       พูดกันมานานแล้ว ถึงเรื่องโซนนิ่ง เรื่องทะเบียนวันคู่วันคี่ อะไรอีกแยะ ไม่ทำอะไรซักอย่างอาจต้องรอจนวิกฤตสุดๆ ไม่มีถนนให้วิ่งจริงๆ  ถึงจะทำได้     ส่วนเรื่องกระจายความเจริญนี่ รัฐก็ต้องเป็นคนเริ่มก่อน เอกชนไม่ไปหรอกครับ ถ้ารัฐไม่นำร่อง  แต่อย่างว่า แค่มีความคิดจะย้ายรัฐสภาไปแถวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ข้าราชการนักการเมืองก็ค้านกันหัวชนฝาไม่มีใครเสียสละหรอก...  สุดท้ายแห้วเหมือนเดิม... บ่นมากไปรึเปล่าเรา เหอะๆ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 11:43:03 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 11:37:23 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 11:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จัดระเบียบแท๊กซี่ ให้วิ่งเป็นโซน และรับจอดผู้โดยสาร ตามแหล่งสำคัญๆ ให้เป็นระเบียบ ตามถนนหนทาง จัดวางที่เก็บเงินค่าจอดรถทุกๆตารางนิ้วโดยมีตำรวจจราจร เดินตรวจเปนช่วงๆ แค่นี้คนก็คงขี้เกียจขับรถถ้าไม่จำเป็นแล้วล่ะครับ จากคุณ : infinitesadness - [ 10 เม.ย. 50 11:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มันแก้ไม่ได้หรอกครับ 1. ถ้ามีใบยืนยันว่ามีที่จอดจากเจ้าของที่ ต่อไปก็จะมีการซื้อใบยืนยันที่ว่า เกิดธุรกิจที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน 2. เงินใต้โต๊ะสะพัด อย่าพูดเลยว่าแก้ได้ รู้ๆกันอยู่ 3. คนก็จดทะเบียนต่างจังหวัดก็เอามาวิ่งในกรุงเทพได้อยู่ดี แก้ปัญหาปลายเหตุ แก้ยังไงก็ไม่จบหรอก ให้กลับไปอ่าน#4อีกที จากคุณ : Dju:k - [ 10 เม.ย. 50 11:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คห.17 ครับ    แค่มีความคิดจะย้ายรัฐสภาไปแถวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ข้าราชการนักการเมืองก็ค้านกันหัวชนฝาไม่มีใครเสียสละซักคน  กลัวไปส่งลูกเรียนในเมืองไม่ได้เหอะๆๆ แต่ผมเห้นด้วยนะครับ การกระจายความเจริญออกไป  แต่การขยายความเจริญออกไป  ใครจะไปครับ ถ้าราชการไม่ไปก่อน มันไม่ใช่ออฟฟิศอย่างเดียว ไหนจะโรงเรียน มหาลัยดังๆ ใครจะยอมย้ายไป  มันต้องทำแน่ครับ    แต่เป็น โครงการระยะยาวมาก มันจะทันจำนวนรถที่เพิ่มขี้นเหรอครับ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 11:51:40 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 11:47:20 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 11:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ต้องอะไรมาก.... ขอแค่มีกฏจราจรที่เข้มงวด.......... จราจรไม่รับส่วย....................... เท่านั้นก้อพอค่ะ..ไม่ต้องมาก...... เมืองไทยยิ่งออกกฏยิ่งเละ......... ตราบใดที่ประชากรยังไม่เป็นระเบียบ ไม่มีวินัยอยู่อ่ะค่ะ..ของแบบนี้อยู่ที่ จิตสำนึก...ใบขับขี่สอบง่ายเหลือเกิน จากคุณ : นู๋มิ้นท์ (นักฆ่า...น่ารัก) - [ 10 เม.ย. 50 12:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้วครับ  ต่อให้มีกฏจราจรที่เข้มงวด.......... จราจรไม่รับส่วย.... ก็แก้ปัญหารถติดไม่ได้หรอก.. ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ... จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 12:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตามสบายคือไทยแท้ครับ ประเทศเรา สีเทา ไม่ดำ ไม่ขาว จึงไม่สามารถจัดการและแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ ถ้าทำอย่างนั้นพวกจะเรียก เผด็จการ ถ้าช่วยๆกันออกความคิดเห็นแต่จบด้วยการไม่ลงรอย มากเรื่องหลายฝ่าย คนไทยชอบ แต่ความสำเร็จเลือนราง ใคร่อยากทำอะไรทำ ตามสบายทำครับ ผลกระทบของคนแต่ละคนอย่างละเล็กอย่างละน้อย เลยไปกองทับถมกันเป็นภูเขาปัญหา ที่สังคม... จากคุณ : จูนอัพ - [ 10 เม.ย. 50 12:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตามสบายคือไทยแท้ครับ ประเทศเรา สีเทา ไม่ดำ ไม่ขาว จึงไม่สามารถจัดการและแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ ถ้าทำอย่างนั้นพวกจะเรียก เผด็จการ ถ้าช่วยๆกันออกความคิดเห็นแต่จบด้วยการไม่ลงรอย มากเรื่องหลายฝ่าย คนไทยชอบ แต่ความสำเร็จเลือนราง ใคร่อยากทำอะไรทำ ตามสบายทำครับ ผลกระทบของคนแต่ละคนอย่างละเล็กอย่างละน้อย เลยไปกองทับถมกันเป็นภูเขาปัญหา ที่สังคม... จากคุณ : จูนอัพ   - [ 10 เม.ย. 50 12:24:31 ]    เห็นด้วยอย่างมากๆๆ จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 12:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยอย่างยิ่ง เป็นพื้นฐานเดียวกันคือเรื่องความรับผิดชอบ เช่นมีหมาแมว แล้วปล่อยให้ไปถ่ายบ้านคนอื่น มีลูกปล่อยให้ออกไปเล่นเองนอกบ้าน โดนรถชนก็โทษคนอื่น ดังนั้นก่อนมีรถ ต้องมีความพร้อมในการดูแล ถ้าที่บ้านไม่มีที่จอดรถก็เช่าที่จอดรถครับ หลายพื้นที่ในกรุงเทพก็เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่หวังน้ำบ่อหน้าหรือเอารถมาเป็นภาระของสังคม จากคุณ : ELANTRAnsport - [ 10 เม.ย. 50 12:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าได้ก็ดี แต่ผมว่าท่าจะยาก เอาเป็นว่า อยากมีรถก็ได้ จะไปจอดไหนก็ช่าง แต่อย่ามาจอดในที่ห้ามจอดก็แล้วกัน ไม่งั้นโดนปรับซัก 1 หมื่นบาทขึ้นไป ดีกว่ามั้ย คนไหนมันหาที่จอดไม่ได้ก็คงขายรถทิ้งไปเอง เพราะจ่ายค่าปรับไม่ไหว จากคุณ : Mr.Submarine - [ 10 เม.ย. 50 12:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าเรื่องจราจรไม่รับส่วย จราจรเขาก็เป็นเครื่องบ่งบอกถึงคุณภาพความรับผิดชอบในการขับรถของสังคมนั้นได้เหมือนกันนะครับ เพราะเขาก็เป็นคนเช่นเราๆท่านๆนี้แหล่ะ จะมีซักกี่คนที่ทำผิดกฏ ยอมรับ ขอใบสั่งแต่โดยดี เห็นแต่แมร่งอ้างลูกคนนั้นหลานคนนี้กรูไม่รู้กรูย่อมไม่ผิด ยัดเงินเพื่อไม่ยอมไปเสียค่าปรับ คนพวกนี้มันมีมากกว่าจราจรบนถนนเยอะ สรุป สร้างระบบขนส่งมวลชนเยอะๆดีๆหน่อยเหอะ เอาพวกกุ้ยพวกถ่อยพวกรถหมดสภาพมารับผิดชอบคนอีกเกือบร้อยบนรถโดยสาร พอมีตังค์ใครจะยอมเอามาเสี่ยง ซื้อรถขับดีกว่า ถ้าผมมีลูกผมก็จะซื้อรถให้มันขับ จากคุณ : Alien From Mars - [ 10 เม.ย. 50 12:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 1 ใบขับขี่ มีได้ 1 ป้ายทะเบียน บ้านใครมีรถ 3 คัน จะขับคันไหน ก็เอาป้ายไปเสียบคันนั้น ลูกใครไม่มีใบขับขี่ จะได้ไม่ต้องเอารถออกมาขับ จากคุณ : ด่างไรเดอร์ - [ 10 เม.ย. 50 12:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องนี้ไม่ใช่การลดปริมาณรถยนตร์โดยตรง และไม่ใช่การแก้ปัญหารถติดโดยตรง แต่เป็นกฎหมายเพื่อสังคมโดยรวม ที่สร้างสามัญสำนึกให้ผู้ที่เนเจ้าของรถ ต้องไม่นำรถมาจอดเกะกะขวางทาง เดือดร้อนเพื่อนร่วมชาติ หากหาที่จอดรถเป้นหลักแหล่งไม่ได้ ก็แสดงว่ายังไม่มีความรับผิดชอบสูงมากพอที่จะขับรถ ใช้ถนนจราจรร่วมกับคนอื่น เพราะการขาดความรับผิดชอบ ถือเป็นอันตรายต่อผู้ใช่ถนนท่านอื่นๆด้วยเช่นกัน แม้ว่าที่บ้านจะไม่มีที่จอดรถ ก็ไม่ใช่ข้ออ้างว่าคุรมีสิทธิ์จอดรถบนถนน ทำให้ช่องทางเดินรถแคบลง หากไม่ที่ก้ต้องไปหาที่จอด ไช่ที่ดินว่างหรืออะไรก็ได้ ทั้งนี้ยังเป้นการบังคับกฎหมายให้จริงจังมากขึ้น ผู้ที่สร้างคอนโด อพาร์ตเมนต์ หรืออาคารต่างๆต้องมีที่จอดรถอย่างเพียงพอ มิฉะนั้นก็จะไม่ได้รับอนุมัติให้สร้างอาคารอีกต่อไป ถ้าทำได้จริง ผลมันจะเป็นลูกโซ่ และกฎหมายจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิผล จากคุณ : KCrazy16 - [ 10 เม.ย. 50 13:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อืมมม มันแก้ไม่ได้หรอก ก็รถมันสามารถขับได้ทั่วราชอาณาจักร ดังนั้นต้องเพิ่มไปด้วยว่าขับได้เฉพาะในเขตที่ออกป้ายทะเบียนเท่านั้นด้วยสิ   แต่ผมว่านะ สงกรานต์นี้คงจะเห็นป้าย กทม. วิ่งให้เกลื่อนตามต่างจังหวัด ขอร้องนิสัยแย่ๆ ในเมืองหลวงอย่าเอาติดตัวไปด้วย พวกชอบปาดซ้ายแซงขวา วิ่งไม่ได้ลงไหล่ทางหรือเปิดเพิ่มอีกเลนตามใจชอบ ชาวบ้านต่างจังหวัดเค้าเห็นแล้วเอือมระอา จากคุณ : rbko - [ 10 เม.ย. 50 13:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #18 ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีบ้านอยู่สีลม สาธรกันหรอก อยู่ลาดพร้าว มีนบุรี บางกะปิ ฝั่งธน สาธุประดิษฐ์ เพชรเกษม ฯลฯ อะไรทำนองนี้ ดังนั้นการเดินทางจึงเทียบกับกรณีย้ายสภาไม่ได้ และคงไม่ต้องรอให้หน่วยงานราชการย้ายไปก่อน เพราะไม่ทุกบริษัทหรอกที่ต้องติดต่อหน่วยงานเป็นประจำ ถ้ามีซักหน่วยงานนึงต้องติดต่อเป็นประจำ ผมว่าให้เดินทางเฉพาะหน่วยงานนั้นก็ได้ ไม่ต้องลากกันเข้าไปทรมาณกับการจราจรทั้งบริษัท มันต่างจากกรณีย้ายสภากันคนละเรื่องเลย บ้านผมอยู่บางกะปิ ตอนนี้อ๊อฟฟิศอยู่ราชดำริ ถ้าเลือกได้ ผมอยากมีอ๊อฟฟิศอยู่ใกล้บ้านมากกว่า การส่งลูกไปเรียน ผมว่าแถวละแวกบ้านผมก็มีดังๆหลายที่นะ ไม่จำเป็นต้องส่งไปเรียนในเมือง พวกโรงเรียนดังๆในเมืองน่ะ แค่ลูกหลานท่านผู้มีอันจะกินก็เยอะแยะเกินรับแล้ว ผมว่าให้เด็กๆตื่นแต่เช้าผจญกับการจราจรทุกเช้า ทุกเย็น แย่งกันเรียนก็ใช่ว่าจะดีหรอก มหาวิทยาลัยดังๆยังออกมานอกเมืองเยอะแล้วเลย อย่างเอแบค ธรรมศาสตร์ ม.กรุงเทพ จากคุณ : Dju:k - [ 10 เม.ย. 50 13:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^^^^ เห็นด้วยกับคห.27ครับ       อีกอย่างที่ผมเห็นมาแยะมากๆและหลายคนที่เจอมา ผมว่าอาจเป็นสิ่งทุกคนอาจคาดไม่ถึงก็คือ ลดความขัดแย้งของคนในสังคมได้ แม้ว่าอาจจะเล็กน้อยก็ตาม      เพื่อนบ้านที่ทะเลาะกันแบบไม่มองหน้ากันเพราะแค่เรื่องที่จอดรถขวางกันไปขวางกันมานี่เยอะมากนะครับ มีให้เห็นทุกตรอกซอกซอย แทบทุกคนคงเคยเจอนะครับ.. แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:20:11 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 13:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าทะเบียนบ้านผมอยู่ต่างจังหวัดแล้วมีที่ดินว่างๆ80ไร่ คงซื้อรถได้800คันหนะครับ  แล้วก็ขับเข้ามาติดในเมืองทั้งหมดสบายตับ จากคุณ : yamaha111 - [ 10 เม.ย. 50 13:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ....คห.29 ครับ ที่ผมยกตัวอย่างรัฐสภาแค่เปรียบเทียบเฉยๆครับว่าการที่จะออกกฎหมายบางอย่าง  แล้วคนบางคนต้องเสียสละ มันไม่ง่าย อะครับ .... และการที่รัฐ ควรเป็นผู้ริเริ่มก่อน เพื่อที่จะได้ไปสร้างความเจริญให้เกิดขึ้น แล้ว ออฟฟิสอะไรที่คุณว่า มันจะตามไปเองหละครับ ออฟฟิสมันก็ตามแหล่งงานแหล่งความเจริญของเมืองไปเองหละครับ ดูตัวอย่างแถวศาลายา พอมหาลัยไป ความเจริญมันก็ตามไป แต่ที่ผ่านมาเค้าแค่ย้ายกันออกไปนอกชานเมืองแค่นั้น ปัญหาคือ เมืองมันก็ขยายออกไป บ้านชานเมืองก็ราคาถูกกว่า ใจกลางเมือง คนก็ไปอยู่ชานเมือง แต่ขับรถเข้ามาส่งลูกเรียนหนังสือ ทำงาน ในใจกลางเมืองอยู่ดี ดูตัวอย่างตอนเช้าๆ ถนนพระราม2ขาเข้างี๊ ถนนบรมราชชนนีงี๊    วิภาวดีรังสิตงี๊ขาเข้าตอนเช้าๆๆ โหดมากๆ ..... ที่คุณกับผมคิดเป็นเรื่องเดียวกันแหละครับ แต่ความหมายของผมคือ การ ย้ายความเจริญออกไปห่างจากกรุงเทพ แบบเป็นเมืองใหม่ไปเลย แล้วเราสามารถ ทำระบบขนส่งมวลชนประเภทรถไฟความเร็วสูง หรืออะไรประเภท นีเชื่อมต่อเอา กรุงเทพจะได้ไม่โตไปกว่านี้อีก ----คุณไม่สามารถไปบังคับคนที่อยู่ปทุมไม่ให้ไปทำงานที่สีลมได้  แต่ที่ผมพูดกำลังพูดถึง คือ ต่างจังหวัดไกลๆไปเลยครับ คนที่อยู่ลพบุรี พิษณุโลก.. คงไม่ขับรถไปทำงานที่สีลมหรอกครับ ว่าไม๊   คห.31 ครับ แต่คนที่มีที่ดิน 80 ไร่ แล้วซื้อรถ 800 คัน จะมีกี่คนครับ แล้วจะไปจอดที่ไหน ถ้าถนนทั้งหมดห้ามจอด แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:57:09 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:45:21 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:43:10 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 13:42:51 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 13:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมก็เห็นด้วยนะครับ แต่เห็นเยอะแยะไปที่เอาที่จอดรถในบ้านไปต่อเติมขยายให้บ้านกว้างขึ้น  แล้วก็เอารถไปจอดหน้าบ้านแทน หลายๆ ความเห็นข้างบนส่วนใหญ่ก็คิดคล้าย ๆ กัน คือ ทุกคนควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม และไม่ควรเอาเปรียบคนอื่น     แต่ในสังคมคนส่วนใหญ่ไม่เห็นคิดแบบนี้เท่าไรเลย           ผมก็คิดเหมือนกัน คห.ข้างบน ๆ  เรื่อง การสร้างถนนไม่ว่าจะกี่เลนก็ตาม ต้องเสียพื้นที่ไปหนึ่งเลนเสมอ เพื่อเป็นที่จอดรถ ซึ่งก็คนที่อาศัยอยู่แถว ๆ นั้นแหละที่ได้ประโยชน์  เอาของเอาเก้าอี้มาตั้งจองไว้อีกต่างหาก     ตกลงซื้อตึกแถวนี่แถมถนนให้จอดรถด้วยหรือครับ อยากเห็นมิเตอร์จอดรถกลับมาอีกครับ       แต่ในบ้านเราคงยากแล้ว  เพราะกฎหมายก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์   ผู้รักษากฎหมายก็พึ่งพาไม่ได้เลย   ใครนึกอยากจะทำอะไรก็ทำ   มีเงินมีเส้นมีสายหน่อยก็สบายแล้ว ที่ควรจะทำคือต้องทำระบบขนส่งมวลชนในมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ครับ    สร้าง ๆ เสียทีไอ้รถไฟฟ้าเนี่ย ไม่ใช่พูดวันนี้  พรุ่งนี้เปลี่ยนอีกแล้ว จะเอาไงแน่ 10 สาย 7สาย  3 สาย  หรือเพิ่มอีกซักสายก็ยังดี    แต่ขอให้ สร้างเถอะครับ   เราผลาญน้ำมันไปเท่าไรแล้วกับปัญญารถติด จากคุณ : หมูดำอ้วนเตี้ย - [ 10 เม.ย. 50 13:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #32 ผมคิดว่าคุณจับประเด็นผมผิดนะ ผมไม่ได้หมายความว่าให้คนไปอยู่ชานเมือง เพราะทุกวันนี้คนก็อยู่ชานเมืองอยู่แล้ว แต่ที่มันติดเพราะทุกคนมุ่งเข้ามาในเมืองกันหมดทุกเช้า และออกเมืองพร้อมๆกันในตอนเย็นเป็นทิศทางเดียวกัน ประเด็นของผมคือย้ายอ๊อฟฟิศไปอยู่ชานเมืองบางส่วน แทนที่คนจะมุ่งหน้าเข้าเมืองกันหมด ก็จะได้มีบางกลุ่มมุ่งหน้าไปเมืองอ๊อฟฟิศใหม่ชานเมือง แล้วผมก็ไม่ได้หมายความว่าให้ออกกฏหมายบังคับนะครับ ผมหมายถึงออกเขตภาษีพิเศษเพื่อจูงใจให้บริษัทย้ายไปอยู่เมืองอ๊อฟฟิศใหม่ โดยรัฐบาลลงทุนวางระบบทุกอย่างให้เรียบร้อย คล้ายๆกับแบบนิคมอุตสาหกรรมที่เคยทำกันมา อย่างที่มาเลก็รู้สึกจะมีเมืองITนะครับ รัฐบาลไปวางสาธารณูปโภคไว้เสร็จสรรพ แล้วก็ให้บริษัทย้ายเข้าไป กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจไปเลย สร้างใหม่ง่ายกว่าพยายามรื้อผังเมืองเดิมในที่ที่ตึก อาคาร ความเจริญมันเข้ามาหมดแล้วไปไล่เวณคืนถนน จากคุณ : Dju:k - [ 10 เม.ย. 50 14:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 #34  เห็นด้วยครับ  ผมเพียงแต่อยากให้ย้ายออกไป ไกลๆเลย แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 14:19:55 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 14:18:14 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 14:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36 งี่เง่า และ ไม่เห็นด้วย เป็น งั้นจริง ผมคงจอดได้ เกินหมื่นคันละครับ (คันละ2ตร.ม.) ขอ ให้ เอาผิดคนทำผิดกฎหมายได้ จริงๆ ดีกว่า ขึ้นภาษี สำหรับรถให้ ถูกประเภทก็พอ อ๋อ... ประมูลใบอนุญาติ ซื้อรถกันก็ดีนะครับ แล้ว ก็สอบใบขับขี่นี่ต้อง แบบยากๆ หน่อยๆ จบ จากคุณ : Mr. why? - [ 10 เม.ย. 50 14:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 37 .....ใช่เลยเห็นด้วยกับความเห็น 9 12 23 27 33 ครับ คนไทยนี่ชอบเอาเปรียบสังคม เสียถนนไปทำให้รถติดก็เพราะไอ้พวกนี้แหละ ตึกแถวมีรถสองคันจอดในบ้านไม่พอ มาจอดริมถนนรถติดเป็นแพ พวกทาวเฮาส์อีกหลังเดียวมีรถสามคัน รถรวมกันแพงกว่าบ้านอีก อยากอวดรวยทำไมไม่ไปซื้อบ้านใหญ่มีที่จอดในบ้านวะ ไอ้พวกเลว....จริงๆ จากคุณ : อิอิ - [ 10 เม.ย. 50 14:34:24 A:210.246.64.89 X: TicketID:131513 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Parking Space Speaking of which... Buying your own car is a much more involved and costly process. The first step is to secure a parking space. Without one, you will not be able to register a vehicle in your name, which effectively precludes you from buying one altogether. You can get the relevant application form at your local police station, which should be returned together with a permission letter from your landlord (or parking space provider, if it's someone else) and an illustration of the space, including location and size. Once you have this, you can buy your car.  ผมได้มาจาก website ของ ญี่ปุ่นhttp://www.seekjapan.jp/article-1/411/The+Nuts+and+Bolts+of+Owning+A+Car+in+Japan    รบกวนคนเก่งอังกฤษหน่อยครับจะเป็นพระคุณ จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 14:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นด้วยมากๆถึงมากที่สุดครับ จากคุณ : อุ้ยเซี่ยวป้อ - [ 10 เม.ย. 50 15:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จะมาบอกว่ามันจะเหมือนเดิมครับ เพราะตอนผมซื้อรถ ตัวอยู่กรุง บ้านอยู่ขอนแก่น ซื้อรถที่ 0 ขอนแก่น จะเอาทะเบียน กทม. ทาง 0 เดินเรื่อง ให้พวกโอนลง ทะเบียนลงบ้านใครไม่รู้ ได้ข่าวว่า ไอ้บ้านนี้ ถ้าตรวจที่ ขนส่งมีรถเป็น เหยียบหมื่นคัน จริงๆ นะเอ้า จากคุณ : ... - [ 10 เม.ย. 50 15:05:42 A:125.24.240.235 X: TicketID:055955 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โหวตนะ จากคุณ : JoeRazz - [ 10 เม.ย. 50 15:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ...........ที่ญี่ปุ่น ต้องส่งแผนที่และแผนผังแสดงที่จอดรถ ไปขออนุญาต ถ้าเป็นบ้านเค้าก็อนุญาตตามแบบบ้านว่าจะจอดรถได้กี่คัน ที่ดินเปล่านี่ใช้ไม่ได้  หรือหนังสือยินยอมในกรณีที่เช่าอาคารหรือที่จอดที่ทำเป็นอาคารจอดรถ ที่จอดรถที่เช่าต้องห่างจากบ้านของผู้จดทะเบียนเป็นเจ้าของรถไม่เกิน 2 km.   แล้วก็สถานีตำรวจเป็นผู้ออกหนังสืออนุญาต  แล้วถึงเอาหนังสือนี้ไปซื้อรถจดทะเบียนเป็นชื่อตัวเองได้ รถทุกคันจะมีที่จอดรถที่จดทะเบียนคู่กับรถคันนั้น ค่าเช่าที่จอดรถในกรณีที่ไม่มีบ้านของตัวเอง เห็นว่าแพงมากๆ .......... ที่สำคัญคือว่า  เค้าถือว่า รถทุกคันมีที่จอดรถที่จดทะเบียนแล้ว ดังนั้นตามถนนถ้าจอดเกะกะ หรือว่าขวางหน้าบ้านใคร  ค่าปรับแพงมากๆเลยครับ ...........ปล.อ่านมาจากตาม website ต่างๆ คนส่วนใหญ่จะพูดเหมือนกันว่า เป็นเจ้าของรถในกรุงโตเกียวนี่โหดมากๆ  ทั้งๆ ที่รถราคาถูกกว่าเมืองไทยแยะ คนกินเงินเดือนปกติๆ ไม่มีใครกล้ามีรถ..................ดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้นะ........ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 17:05:41 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 15:59:21 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 15:40:17 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 15:35:45 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 15:32:05 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 15:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นด้วยครับเพราะในซอยที่เป็นทาวน์เฮ้าส์เค้าก็มีที่จอดรถให้ดีๆ อยู่แล้วก็ต่อเติมกันแล้วเอารถมาจอดไว้ริมถนนนอกบ้าน บางหลังมี 2 คันก็ไปจอดปิดหน้าบ้านคนอื่นทะเลาะกันเป็นประจำ จากคุณ : j_san13@thaimail.com (j_san13) - [ 10 เม.ย. 50 16:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เอาเรื่องใหญ่ๆอย่างตึก คอนโด อพาร์ตเม้นต์ ที่มีกฏหมายว่าให้มีที่จอดรถกี่คันต่อพื้นที่กี่ตารางเมตร แต่เอาเข้าจริงๆ มีตึกไหนบ้างที่ทำถูกต้องครับ จากคุณ : wanchale - [ 10 เม.ย. 50 16:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ..... กฎหมายนี่ น่าจะโดนบริษัทรถยนต์ต่อต้าน ค่อนข้างแน่ เห็นด้วยไม๊ครับ เพราะรถคงขายได้ยากขึ้น....   ...... อีกอย่าง บางคนอาจไม่เห็นด้วย เพราะอาจมองว่า เป็นการกีดกัน คนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัด แต่มาทำมาหากินในกรุงเทพที่ต้องการมีรถ เพราะจะมีรถใช้ยากขี้น เสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ........ แล้วแต่ ใครจะมองยังไงนะครับ เรื่องนี้ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 17:27:36 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 50 17:23:19 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 16:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ญี่ปุ่น เค้าทำได้เพราะ คนเค้ามีระเบียบ สงสัย ต้องดัดนิสัย คนไทย ใหม่หมด แล้วอาจจะ work จากคุณ : allow - [ 10 เม.ย. 50 17:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอขนส่งมวลชนครับ ถ้าวันนี้มีขนส่งมวลชนดีๆ ผมจะขายรถพรุ่งนี้เลย จากคุณ : อะธีลาส - [ 10 เม.ย. 50 17:41:09 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาเก็บ ภาษีผมเพิ่มสิ รถผมเก่า อายุ 22 ปี แล้วไป ภาษีที่ผม จ่ายไป เอาไปให้ นักการเมือง บริโภคซะ งี่เง่า รถเก่า ถ้าซ่อมแซ่ม ดูแล สม่ำเสมอ มันก็ไม่ได้ ไปหนักหัวใคร จากคุณ : เชื่อก^ (Red Sparrow) - [ 10 เม.ย. 50 17:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เห็นด้วยในหลักการครับ  แต่ในทางปฏิบัติต้องดูอีกที   ที่เห็นด้วยเพราะปัจจุบันมีมาก พวกมักง่าย  สักแต่ว่าซื้อรถแต่ดันมาใช้ถนน/ซอย เป็นที่จอดรถ  สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น (เมื่อถนน/ซอยแคบลง รถก็สวนกันลำบาก)  การทำแบบนั้นเนี่ยเห็นแก่ตัวมากๆ เลยนะ  ถนนเค้าสร้างมาด้วยภาษีของคนทั้งประเทศ  ดันมาใช้จอดรถซะนี่  ส่วนคนที่อยู่คอนโดก็ไม่เห็นมีปัญหาเลย เค้ามีเอกสารระบุอยู่แล้วว่า 1 คัน/unit  ก็หาเอกสารได้ไม่ยาก จากคุณ : a cup of coffee - [ 10 เม.ย. 50 18:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ความรับผิดชอบเบื้องต้นคือ เป็นเจ้าของรถต้องมีที่ให้รถจอดโดยไม่ไปเดือดร้อนหรือรบกวนสิทธิ์ส่วนรวมครับ นั่นหมายถึงมีที่ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองหรือสิทธิการเช่าเพื่อใช้จอดรถของตัว ส่วนที่มีบางท่านว่าอาจจะมีการเลี่ยงโดยการจดทะเบียนตจว.แต่มาใช้งานในกรุงเทพฯ อันนี้ไม่ว่ากันครับ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงกันไป แต่...ที่แน่ๆ ถนนถูกสร้างไว้เพื่อการจราจรครับ ไม่ใช่เป็นที่จอดรถของใครหรือหน้าบ้านใคร ดังนั้นใครจอดรถบนถนนสาธารณะก็ปรับสักหมื่น เรื่องแก้ปัญหาจราจรได้หรือไม่นั่นคงไม่ทั้งหมด แต่เป็นการเริ่มสร้างนิสัยให้คนที่คิดจะมีรถต้องรู้จักรับผิดชอบ เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นมีบางคนทำหัวหมอ จอดรถบนถนนในชม.เร่งด่วนที่ห้ามจอดแล้วแกล้งเปิดฝากระโปรงรถทำทีว่ารถเสีย แต่ดันไปคุยธุระกับคนแถวนั้นตั้งนาน พอธุระเสร็จก็สตาร์ทรถขับไป มัน:-)กันถึงขนาดนั้นเลย จากคุณ : x - [ 10 เม.ย. 50 19:47:54 A:210.246.64.73 X: TicketID:052378 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ใครเคยคิดไหมว่าจะมีรถไฟฟ้าในเมืองไทย ใครเคยคิดไหมว่าจะมีสุวรรณภูมิ ใครเคยคิดไหมว่าจะมีนั่นมีนี่ ทำนั่นไม่ได้ หรอก คิดใหม่ทำใหม่สะ อย่าไปล้อมกรอบตัวเอง เดินออกมาครับ กรอบเขาไว้ขีดจำกัดพวกชอบอยู่ในกรอบ จากคุณ : จิ้งจอกเงิน - [ 10 เม.ย. 50 20:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมอ่านความคิดเห็นของคุณจิ้งจอกเงิน  ไม่ค่อยจะเข้าใจเลยครับ กรอบของใคร  ใครอยู่ในกรอบ  และกรอบอะไร แต่ถ้าจะให้เกี่ยวข้องกับประเด็นที่พูดกันในกระทู้นี้ ผมว่า เพราะคนไทยไม่อยู่ในกรอบไงครับ  ถึงได้เกิดปัญหาที่พูดกันอยู่นี่ไง ใครจะทำอะไรก็ได้     “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้”       เลิกคิดแบบนี้ได้แล้วครับ กรอบมันก็ดีนะครับ    ถ้าทุกคนอยู่ในกรอบของสังคม   รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตนเอง    แต่ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน จากคุณ : หมูดำอ้วนเตี้ย - [ 10 เม.ย. 50 20:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สาเหตุรถติดส่วนหนึ่ง ก็ taxi แหละไม่เชื่อลองไปสีลมตอนตีสองซิ ถนนสามเลนส์ taxi จอดสามเลนส์ เอากะมันดิ จากคุณ : deozmaster - [ 10 เม.ย. 50 20:27:36 A:124.121.183.88 X: TicketID:142467 ]

ความคิดเห็นที่ 54 .....คห.53 กลับไปดู คห.1......... อิอิ จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ 10 เม.ย. 50 20:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เห็นด้วยค่ะ  เพราะพวกซื้อรถโดยไม่มีที่จอด ก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนกัน ที่หมู่บ้าน  บ้านถัดไปสองหลัง มีโรงรถขนาดจอดได้ประมาณเกือบๆ 2 คัน (คันที่สอง หน้าจะโผล่ออกมานอกประตูรั้ว เต้าเล่นเอารถมาจอด 6 คัน เกะกะหน้าบ้านคนอื่น (เราด้วย) โดยไม่เตยมาพูดมาบอกเราสักคำ  บางทีก็จอดสองฝั่งเลย  ทำให้คนอื่นพลอยถอยรถเข้าบ้านยากไปด้วย  เวลามีเพื่อนมีญาติมาหาเรา ก็ไม่มีที่จอดซะอีก  บางวันก็จอดตรงมุมเลี้ยวที่แคบๆของหมู่บ้านด้วย  เคยเลี้ยวแล้วเกือบชนแน่ะ  เพราะพอเริ่มพ้นมุมโค้งแล้วถึงจะเห็น จากคุณ : Celestial - [ 10 เม.ย. 50 20:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ดีครับ เพื่อนบ้านจะได้ทะเลาะกันน้อยลง คนซื้อรถจะได้คิดหนักๆหน่อย... จากคุณ : โจ - [ 10 เม.ย. 50 22:19:32 A:124.121.172.82 X: TicketID:104141 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มิน่าละครับ ในโตเกียว ตอนกลางค่ำกลางคืน ไม่ค่อยมีรถจอดริมถนน ผมยังสงสัยอยู่ ว่ารถมันหายไปไหน จากคุณ : โจ - [ 10 เม.ย. 50 22:23:19 A:124.121.172.82 X: TicketID:104141 ]

ความคิดเห็นที่ 58 มันก็สมควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ประเทศที่เราอยู่ก็เป็นอย่างเนี้ยเหมือนกัน  ถ้าคุณจะสร้างคอนโด แต่ไม่มีที่จอดรถ เค้าก็ไม่อนุมัติให้คุณสร้าง  แล้วถ้าคุณซื้อรถแล้วไม่มีที่จอดรถ คุณจะไปจอดที่ไหนหล่ะค่ะ เพือนบ้านเหรอ เด๊ยวเค้าก็ได้เรียนตำรวจมาจับคุณหน่ะสิ นอกจากจะไปเช่าที่ตจอดรถเป็นรายเดือน จากคุณ : eissee - [ 10 เม.ย. 50 22:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 -.- จากคุณ : skylineproto - [ 10 เม.ย. 50 23:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ทางออกที่ดีที่สุดของการแก้ปัญหารถติด แต่ก่อนอื่นต้องมีการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพมากว่านี้หลายๆๆๆๆๆเท่าก่อนนะ จากคุณ : kk (องครักษ์พิทักษ์อุลตร้าหมี) - [ 10 เม.ย. 50 23:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เห็นด้วยกับคห.ที่60 การที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆในโลก มีปริมาณการใช้รถส่วนบุคคลน้อยลงได้ เป็นเพราะระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพดีและปรอดภัย อย่างที่USหรือญี่ปุ่น เขามีระบบขนส่งมวลชนที่ดีและทั่วถึงอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นมากนักที่จะมีรถส่วนตัว นอกซะจากบ้านอยู่ชานเมืองแต่ต้องเดินทางไปทำงานในตัวเมือง จากคุณ : hellman - [ 11 เม.ย. 50 09:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ถ้าให้ยุบรถเกิน 10 ปีรถใหม่ต้องถูกเหมือนเมืองนอกนะครับ อย่ามาโทษคนที่ต้องใช้รถเลยครับ ทำรถไฟฟ้าทั้งทีทำแค่ในเมืองแล้วคนที่บ้านอยู่ชานเมืองทำไงอ่ะ ก็ต้องขับรถมาทำงานอยู่ดี รถเมล์เหรอร้อนและเบียด แทกซี่เหรอเล่นตัวมากอ้างอยู่ได้ว่ารถติดไม่ก็ส่งรถ ใครที่พอกระเสือกกระสนก็ต้องซื้อรถมาใช้เพราะพึ่งขนส่งมวลชนไม่ได้เลย จากคุณ : น่าเบื่อ - [ 11 เม.ย. 50 11:42:57 A:58.9.173.90 X: TicketID:124372 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นด้วยครับ แถวบ้านผม บ้านหลังกะติ๊ด มีรถเกือบสิบคัน จอดขวางทางชาวบ้าน จากคุณ : เป็ดจิ๋ว - [ 11 เม.ย. 50 13:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยคร้าบ... จากคุณ : w@@n - [ 11 เม.ย. 50 14:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 65 น่าทำนานแล้ว จอดกันมั่ว จากคุณ : วัดดอน - [ 11 เม.ย. 50 21:12:58 A:124.121.176.206 X: TicketID:022556 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ควรมีหลักฐาน ว่ามีที่จอด ถึงจะให้ซื้อได้ จะไปเช่าจอดหรืออะไรก็ตาม จะได้ไม่มาจอดมั่ว ตามหน้าบ้านคนอื่น จากคุณ : - - [ 11 เม.ย. 50 23:59:10 A:61.19.59.205 X:61.19.59.205, 61.19.59.205 TicketID:113849 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ฮ่าๆๆๆ บ้านผม จอดได้หลายหมื่นคันเลย ... เฉยๆ นะถ้า กฎข้อนี้ออกมา แต่ ถ้าให้ทำลายรถที่อายุเกิน ๑๐ ปีหล่ะ ไม่เห็นด้วยแน่ๆ รถที่อายุมาก ไม่ได้หมายความว่า มันจะ ปล่อยมลภาวะมากกว่ารถใหม่ซักกะหน่อย ต้องวัดกันไป เป็นคันๆ ไปครับ อย่าเหมารวม เพราะบางคัน ข้างนอกเก่า คนขับแก่ แต่ ลงเครื่องใหม่ เก็บภาษีแพง ถูกแล้วหรือ ? เก็บภาษีรถใหม่แพงๆ สิถึงจะถูก ไม่มีความประหยัด ไม่ รู้จักพอดี อยา่กได้ของใหม่ตลอด (ความคิดแบบตรงกัน ข้ามกันไปเลย ใช้ได้เร้อ) จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 12 เม.ย. 50 21:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คห.67  ..จอดหลายหมื่นคัน ก็ได้ครับ  แต่รถหลายหมื่นคันนั้นต้องเป็นของคุณคนเดียว หรือไม่คุณก็ต้องเอาที่ดินของคุณไปขออนุญาตทำกิจการให้เช่าที่จอดรถ เพื่อให้คนอื่นจอด... ที่ดินคุณก็เอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าเอาที่ดินไปทำอย่างอื่นหรือจะขายที่ดิน  ก็ต้องไปย้ายทะเบียนที่จอดรถที่จดทะเบียนอยู่ ...เค้าไม่ได้อนุญาตให้ใครไปจดทะเบียนที่จอดรถกับที่ดินเปล่าแปลงไหนก็ได้ ...ที่อยู่ของเจ้าของรถที่จดทะเบียน จะต้องห่างจากที่จอดที่จดทะเบียนคู่กับรถคันนั้น ไม่เกิน 2 กิโลเมตร แล้วถ้าเป็นที่ดินเปล่าที่ดินนั้นต้องขออนุญาติทำที่ดินเป็นที่สำหรับเช่าจอดรถ ..... ดังนั้นคนที่จะมาขอเช่าที่จอดรถของคุณก็ต้องเป็นคนละแวกใกล้ที่ดินคุณในรัศมี 2 กิโลเมตร... คนที่ซื้อรถต้องเอาเอกสารทะเบียนบ้าน พร้อมโฉนดที่ดินแบบบ้าน หรือหนังสือเอกสารการเช่าที่จอดรถ พร้อมแผนผังแผนที่แสดงตำแหน่งที่จอดรถ ไปขออนุญาตที่สถานีตำรวจท้องที่ แล้วสถานีตำรวจจะเป็นผู้พิจารณาออกเอกสารอนุญาตไปใช้ซื้อรถ.... ทั้งหมดนี้ คือกฎหมายในญี่ปุ่นครับ แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 08:58:50 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 08:50:49 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 08:44:34 จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 08:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ^ ^ ก็ไม่เป็นปัญหาอีกนั่นแหละครับ ที่ว่างๆ ผมมีเยอะ แบ่งให้เป็นแปลงใหม่ เอาไว้จอดรถยังได้เลย ฮ่าๆๆ เรื่องของเรื่องคือ ผมไม่มีปัญญาซื้อรถต่างหากครับ ที่ตามบ้านนอก ถูกจะตายไป อีกอย่าง บ้านผมก็อยู่ใน ที่อยู่แล้ว ไม่ต้อง ๒ กิโลหรอกครับ ๑๐๐ เมตร ยังได้ เลยครับผม จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 14:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ^^^ไม่มีปัญหาสำหรับคุณผมเข้าใจครับ.... แต่คนอื่นไม่ได้โชคดีแบบคุณทุกคนนะครับ.... จากคุณ : เย็นลมเหนือ - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 16:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ^ ^ อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดครับ ผมไม่ได้เห็นด้วยกะ กฎหมายขอ้นี้นะครับ แต่ รู้สึกเฉยๆ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ วันเนา (14) 02:08:02 ]